บทที่ 98 การแลกเปลี่ยน
“ไม่เป็นไร ไม่รู้เหรอว่าผมเป็นหมอ? รอผมดูแลสักพักคุณต้องเดินได้แน่นอน” หลินหยางหัวเราะยั่วยวนเฉินเมิ่ง
เฉินเมิ่งได้ยินก็ตาเป็นประกาย แต่ยังคงขอความเมตตา ”นี่ไม่ดีมั้ง วันนี้ฉันถึงไปหลายครั้งแล้ว ถ้าต่อก็คงรับไม่ไหวแล้ว”
หลินหยางไม่สนใจเรื่องนี้ หลังสอดส่องป่าเป็นอย่างดีแล้วก็บุกเข้าอย่างรวดเร็ว แป๊บเดียวเฉินเมิ่งก็ถูกหลินหยางเติมเต็ม ก่อนหน้ายังปรับตัวกับความยาวของหลินหยางไม่ได้ ครั้งนี้ราบรื่นเป็นพิเศษ
หลังหลินหยางขยับอย่างรวดเร็วไม่กี่ครั้ง เฉินเมิ่งก็ยอมแพ้ในที่สุด กัดฟันให้หลินหยางทำเรื่องไร้ศีลธรรมต่อไป ไม่นานปากของเฉินเมิ่งก็ไม่หยุดร้องเสียงแห่งความสุข
ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงอีกครั้ง ตาของเฉินเมิ่งก็เลือนรางอยู่บนเตียง หลังหลินหยางทิ้งส่วนที่สำคัญที่สุดไว้ในตัวเธอ ร่างของเฉินเมิ่งก็สั่นทันที แขนสองข้างกอดหลินหยางแน่นเป็นเวลาสักพักถึงค่อยคลายออก
เฉินเมิ่งรู้สึกกระดูกทั่วร่างของเธอกำลังจะพัง ร่างกายกลายเป็นตอบสนองรวดเร็วเป็นอย่างมาก หลินหยางเพียงสัมผัสยอดเขาของเธอก็สั่นไปทั้งวัน
“คุณ…คุณจะทำฉันตายจริง ๆ เหรอ!” เฉินเมิ่งหอบอยู่บนเตียง แขนขาไร้เรี่ยวแรงขยับไม่ได้
หลินหยางที่บ้าคลั่งถึงสองครั้งกลับไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่ กลับรู้สึกว่าแข็งแรงมีชีวิตชีวาอย่างมาก มองเฉินเมิ่งที่นอนอยู่บนเตียง ไม่สามารถถูกทรมานได้อีกจริง ๆ หลินหยางปล่อยพลังชี่ที่มือเล็กน้อย เริ่มนวดให้เฉินเมิ่ง
“เอาล่ะเอาล่ะ ไม่ทรมานคุณแล้ว ผมจะนวดให้คุณผ่อนคลายสักพัก” หลินหยางยิ้ม
แต่เดิมฝีมือการนวดของหลินหยางก็ดีอยู่แล้ว เฉินเมิ่งร้องออกมาอย่างผ่อนคลายทันที หลังผ่านไป 20 นาทีท่ามกลางการนวดของหลินหยาง เธอก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
มองไปยังร่างกายของเฉินเมิ่ง ตุ่มบนตัวหายไปไม่น้อย เชื่อว่าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาก็หายดีแล้ว หลินหยางวางใจ
เข้าห้องน้ำล้างตัวให้สะอาด มองไปยังเฉินเมิ่งที่หลับสนิท หลินหยางนอนลง เสียงข้อความของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
หยิบโทรศัพท์มาดู คาดไม่ถึงว่าจะเป็นป๋ายเซียงเฉ่าส่งมาว่าพรุ่งนี้จะเริ่มขายเหม่ยเหรินหนีอย่างเป็นทางการ ถ้าผลลัพธ์ออกมาดี ก็จะเพิ่มปริมาณสินค้า ถึงเวลาก็อย่าเบี้ยวฉันล่ะ
หลินหยางมองแล้วก็หัวเราะ ตอบกลับไปเสร็จก็นำโทรศัพท์ไปไว้บนโต๊ะข้างเตียง หลับตานอนบนเตียง โคจรบทหลงเฟิ่งเจว๋ในร่างอย่างช้า ๆ
บางทีเพราะได้รับการดึงดูดจากวิชาของหลินหยาง เฉินเมิ่งที่หลับสนิทจึงเขยิบเข้าใกล้ตัวของหลินหยาง และกอดหลินหยางไว้
ค่ำคืนแสนเงียบงัน รุ่งอรุณในวันต่อมาเห็นฟ้าสางทางด้านตะวันออก พลังสีม่วงพรั่งพรูออกมาจากหลินหยาง หลินหยางค่อย ๆ เบิกตา ดวงตาที่ไร้สิ่งใด ๆ เพียงแป๊บเดียวก็ฟื้นเป็นประกาย
ร่างกายรู้สึกว่าถูกบางสิ่งรัดไว้ หันหัวไปดู เป็นเฉินเมิ่งกำลังกอดเขาแน่น แขนพันเขาไว้ เขาสองลูกที่อิ่มเอิบและยืดหยุ่นเป็นอย่างมากแนบแน่นกับตัวของหลินหยาง
หน้าตางดงามยังแดงอยู่เล็กน้อยดูสวยหยาดเยิ้ม แต่เดิมเช้าตรู่เป็นช่วงที่ไฟราคะคึกคัก หลินหยางรู้สึกถึงไฟในร่างกำลังเผาไหม้ได้ทันที
“อือ สามีไม่เอา” มองสาวสวยข้างกาย หลินหยางอดไม่ไหวใช้มือจับภูเขาทั้งสอง เฉินเมิ่งที่กำลังหลับก็ละเมอออกมา
หลินหยางยิ้ม ดันเฉินเมิ่งเบา ๆ ให้เธอนอนราบ จากนั้นก็นั่งคร่อมบนตัวเธอแล้วก้มลงไปอบลูกองุ่น
ภายใต้การจู่โจมของหลินหยาง ลำธารของเฉินเมิ่งก็ไหลอย่างรวดเร็ว หลินหยางที่ร้อนรุ่มเป็นอย่างมากก็กดเข้าไปในป่าทึบของเฉินเมิ่งทันที
ความเจ็บปวดและความสุขสบายทำให้เฉินเมิ่งร้องออกมาอย่างน่ารักทันที เธอลืมตาอย่างร้อนรน พอเห็นร่างที่กำลังพุ่งสุดตัวของหลินหยาง และความยอดเยี่ยมที่ส่งมาจากป่าของเธอ เฉินเมิ่งก็หน้าแดง กำปั้นทุบลงที่ไหล่ของหลินหยาง ”ทำไมคุณเลวขนาดนี้ เมื่อวานก็ทำคนเป็นแบบนั้นไปแล้ว วันนี้ยังไม่พอใจอีก อื้อ–”
ถูกหลินหยางกระตุ้น เฉินเมิ่งก็พูดไม่ออก พึงพอใจโดยตรง ปากไม่หยุดครางต่ำออกมา
ผ่านไปชั่วโมงกว่าอีกครั้ง ในที่สุดหลินหยางก็หยุดลง
เฉินเมิ่ง ก้มมองป่าของตน จากนั้นก็มองหลินหยางอย่างเหยียดหยาม ”ในนี้คงถูกคุณทำหลวมหมดแล้ว”
“แหะ ๆ ไม่เป็นไร แค่ไม่กี่ครั้ง คุณพักสักหน่อยก็หายแล้ว” หลินหยางตอบเบา ๆ
ใกล้ชิดกันสักพัก ทั้งสองสวมเสื้อผ้าเสร็จก็ลงไปทานอาหารด้านล่างตึก หลังส่งเฉินเมิ่งกลับไป หลินหยางก็มุ่งไปยังโรงแพทย์
ตอนนี้ 8 โมงกว่าแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจ้าวจินเฟิ่งมาถึงหรือยัง หลังจากหลินหยางเปิดประตูโรงแพทย์ก็พบว่าเขามาถึงเร็วจริง ๆ หยิบกุญแจออกมาเปิดประตูแล้วรักษานักเรียนที่เป็นหวัด หลังได้เงินมา 10 หยวน จ้าวจินเฟิ่งก็พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาอย่างล่าช้า
มองเห็นผู้หญิงที่มาพร้อมจ้าวจินเฟิ่ง รูปร่างท้วมเล็กน้อย อายุราว 40 กว่า จ้าวจินเฟิ่งกับเธอดูคล้ายกัน ทั้งคู่ต่างเหมือนภาพศิลปะ ดูนุ่มนวลอ่อนโยน
“นี่เป็นหมอที่พูดถึง?” ผู้หญิงคนนั้นมองหลินหยางถามอย่างสงสัย
“อืม แม่ นี่คือหลินหยาง ฝีมือด้านการแพทย์ไม่เลวเลย หลินหยาง นี่แม่ฉัน เหอเฉิน”
“ป้าเหอ เรียกผมเสี่ยวหยางก็ได้” หลินหยางมองเหอเฉิน
เห็นหลินหยางมีมารยาทขนาดนี้ เหอเฉินก็ดีใจรีบร้อนถามหลินหยางว่ากินข้าวแล้วหรือยัง รอจนหลินหยางบอกว่ากินแล้ว เธอกับจ้าวจินเฟิ่งจึงเดินเข้าไปในห้อง
“ป้าเหอ ถ้าคุณกินข้าวแล้วก็มานั่งเนี่เถอะ ผมจะตรวจสอบร่างกายให้คุณ” หลินหยางพูดเบา ๆ แพทย์แผนจีนอันดับแรกต้องศึกษา ”การมอง” หลินหยางมองสีหน้าของเหอเฉินก็ตัดสินได้แล้วว่าร่างกายของเธอมีบางอย่างไม่ปกติ
“แม่ฉันกินแล้ว แม่ รีบให้หลินหยางดูสักหน่อย”
ตอนแรกเห็นหลินหยางหนุ่มขนาดนี้ ในใจเหอเฉินก็ตัดสินได้แล้วว่าจะไม่ให้หลินหยางดู แต่กลัวว่าแบบนี้จะเสียมารยาท จึงนั่งลงหน้าหลินหยาง ยื่นแขนออกไปข้างกายหลินหยาง
หลินหยางปลดปล่อยพลังชี่ออกมาเล็กน้อยไปที่ชีพจรของเหอเฉินชีพจรเพื่อสำรวจในร่างของเหอเฉิน เพียงแป๊บเดียวหลินหยางก็ขมวดคิ้วและไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน
เห็นหลินหยางท่าทางจริงจัง จ้าวจินเฟิ่งกังวลอย่างมาก,ลึก ๆ มีความรู้สึกว่าศิษย์น้องของเธอคนนี้อาจจะเป็นความหวังที่จะช่วยแม่ของเธอได้
ครั้งนี้ผ่านไป 5 นาที หลินหยางจึงผ่อนคลาย ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา ยกมือออกจากข้อมือของเหอเฉิน
“หลินหยาง เป็นยังไงบ้าง?” จ้าวจินเฟิ่งรีบร้อนถาม
“เด็กคนนี้รีบร้อนไปไหน เครื่องมือที่โรงพยาบาลยังต้องใช้เวลาทั้งวัน คนอื่นเพิ่งจะดูได้แป๊บเดียว จะรีบเร่งอะไร” หลินหยางยังไม่พูดอะไร เหอเฉินก็เริ่มต่อว่าลูกสาวเธอ
“หนูเป็นห่วงแม่ไม่ใช่หรือไง” จ้าวจินเฟิ่งพูดออกมา มองหลินหยางอย่างมีความหวัง
หลินหยางไตร่ตรองชั่วครู่ สุดท้ายก็พยักหน้าพูด ”มีวิธีรักษา แต่ราคาไม่ใช่ไม่กี่สิบกี่ร้อยเช่นนี้”
ได้ยินจ้าวจินเฟิ่ง ในใจก็จมลง โรคเบาหวานนี้แต่เดิมก็รักษาได้ยาก ถ้ามีเงินก็คงไปโรงพยาบาลใหญ่นานแล้ว ไหนเลยจะเป็นคนหนุ่มอย่างหลินหยางมาดู แต่ยังคงถามอย่างไม่ตายใจ ”ทั้งหมดต้องใช้เงินเท่าไหร่?”
“ถ้าจะรักษาให้หายขาด เพียงแค่ค่ายาอย่างเดียวก็ 5,000” หลินหยางพูดเรียบ ๆ
ได้ยินจ้าวจินเฟิ่ง ในใจก็ยินดี รีบร้อนพูด ”5,000 ออกได้”
“ผมแค่พูดถึงค่ายา ค่าหมอ ค่ารักษา ขั้นต่ำเท่าไหร่เธอคงเข้าใจดี และโรคเบาหวานนี้ ถ้าจำไม่ผิดสามารถรักษาให้หายได้ ตัวอย่างมีน้อยมาก ทั่วไปคือรักษาระดับน้ำตาลในเลือด…” หลินหยางยิ้มบางให้จ้าวจินเฟิ่ง
จ้าวจินเฟิ่งได้ยินก็นิ่งไป เธอเองก็เป็นแพทย์แผนจีน ปกติการรักษาโรคร้ายแรงเช่นนี้ ค่ายานับได้ว่าเล็กน้อย ค่ารักษากลับต้องใช้เยอะมาก
สีหน้าเศร้าสลดลง จ้าวจินเฟิ่งกัดฟันพูด ”ออกมากับฉันหน่อย!”
หลินหยางมองเหอเฉินที่นั่งอยู่ด้านหน้า พบความจนปัญญาในแววตาเธอ ส่ายหัวตามจ้าวจินเฟิ่งออกไป
“นายสามารถรักษาโรคเบาหวาน?” จ้าวจินเฟิ่งจ้องหลินหยาง
“ถ้ารักษาไม่ได้ ค่ายาผมไม่เอา” หลินหยางพูดจริงจัง
มองหลินหยางอย่างเหลือเชื่อ แม่ในใจจะไม่เชื่อ แต่การที่หลินหยางรับรองว่ารักษาไม่ได้ไม่เอาเงินทำให้เธอไม่มีข้อสงสัย จ้าวจินเฟิ่งมองหลินหยางอย่างดุร้ายแล้วพูด ”บอกมาเถอะต้องการเท่าไหร่?”
หลินหยางได้ยินก็ถอนหายใจ จ้าวจินเฟิ่งไม่ใช่คนมีเงิน บอกไปว่าต้องการเป็นหมื่นเป็นแสน จ้าวจินเฟิ่งคงเกลียดเขาจนตายแน่ นึกถึงโรงพยาบาลของตน หลักการแรกคือการช่วยชีวิตผู้คน เขาก็ถอนหายใจไม่พูดอะไร
เห็นหลินหยางไม่พูดอะไร จ้าวจินเฟิ่งคิดว่าหลินหยางคงเรียกราคาสูง จึงกัดฟันพูด ”ตอนนี้ฉันมีแค่หมื่นหยวน ถ้าไม่พอ ร่างกายของฉัน ฉันจะให้ครั้งแรกกับนาย ได้ไหม?”
“ครั้งแรกของเธอราคาขนาดนี้เลย?” หลินหยางถามอย่างหยอกล้อ
ได้ยินคำพูดของหลินหยาง จ้าวจินเฟิ่งจมูกแดง น้ำตาไหลลงมา เธอจนแต่ก็มีศักดิ์ศรี ตอนนี้ศักดิ์ศรีไม่ต้องการแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถแลกความเห็นใจของหลินหยางได้?
มองท่าทางจ้าวจินเฟิ่งที่เหมือนจะร้องไห้ ใจของหลินหยางก็กระตุกอย่างแรง ความอ่อนแอที่ผู้หญิงเข้มแข็งคนนี้แสดงออกมา ทำให้หัวใจของคนเจ็บปวด
“ครั้งนี้ผมจะสั่งยาให้ เธอไปซื้อเอง ค่าตรวจผมคิด 300 เป็นยังไงบ้าง?” หลินหยางยิ้มถาม。
“อะไรนะ?” จ้าวจินเฟิ่งที่จะร้องไห้ พอได้ยินคำพูดของหลินหยางก็โง่งม ถามอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
“ยาไปซื้อเอง ผมเก็บค่าตรวจเธอ 500 ก็ได้” หลินหยางพูด
“นี่เรียกว่าเพื่อนพ้องใช่ไหม ไว้ค่อยพูดอาทิตย์นี้นายเป็นผู้ร่วมงาน ตอนนี้ฉันเป็นเจ้านาย นายไม่ควรทำอะไรเจ้านายนะ” จ้าวจินเฟิ่งที่แต่แรกเหมือนจะร้องไห้ตบไหล่หลินหยางอย่างเต็มใจ จากนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง
มองจ้าวจินเฟิ่งที่เปลี่ยนสีหน้าเป็นเช่นนี้อย่างรวดเร็ว หลินหยางอ้าปากเล็กน้อย ตกใจไปสักพักจึงค่อยส่ายหัว เดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มขมขื่น หลินหยางไม่ได้ใส่ใจ จ้าวจินเฟิ่งที่หมุนตัวกลับไปนั้น ชั่วขณะก็มีน้ำตาสองสายไหลลงมา
“จินเฟิ่ง ผมไม่คิดว่าเธอจะมีส่วนผสมยาพอ เธอเข้าเมืองไปโรงยาจีนที่ค่อนข้างทั่วไปซื้อวัตถุดิบมานิดหน่อย ราคาไม่น่าจะแพง ถ้าเธอซื้อทั้งหมดเรียบร้อยก็ประมาณ 5,000 ไม่น่าเกิน 6,000 หยวน”
“อืม บอกว่าต้องใช้อะไรฉันจะไปซื้อ” จ้าวจินเฟิ่งตอบสบาย
เห็นบนโต๊ะยังมีกระดาษและปากกา หลินหยางมองจ้าวจินเฟิ่งอย่างตะลึง คนที่ทำคนอื่นลำบากแบบนี้ คาดไม่ถึงว่าจะใช้พู่กัน
นำหมึกออกมาเทลงในจานฝนหมึก จากนั้นนำกระดาษออกมาแล้วยกพู่กันเขียนวัตถุดิบยาลงไป
มองลายมือของหลินหยางที่ไหลราวกับน้ำ จ้าวจินเฟิ่งและเหอเฉินต่างตาเป็นประกาย เหอเฉินเปิดปากชม ”เสี่ยวหยาง ตัวอักษรแน่วแน่มาก เทียบเท่ากับนักพู่กันจีนแล้ว!”
“ตัวอักษรเดี๋ยวเล็กเดี๋ยวใหญ่นี่ จะไปเทียบคนอื่นได้ยังไง,ป้าเหออย่ายอผมเลย” หลินหยางถ่อมตัว
“หลินหยางไม่ต้องถ่อมตัว แม่ฉันทำวิจัยเกี่ยวกับศิลปะการเขียนพู่กัน เธอบอกดีก็คือดีจริง ๆ” จ้าวจินเฟิ่งที่อยู่ข้างพูดยิ้ม ๆ
หลินหยางไม่แย้งอะไร เป่าหมึกบนกระดาษให้แห้งแล้วพับส่งให้จ้าวจินเฟิ่ง ”ไปซื้อมาเถอะ วันนี้จะรักษาให้ป้าเหอ”