บทที่156 ผู้อำนวยการเถาดีใจมาก
“นี่แหละเรียกว่า’การส่องดู’ ในแพทย์แผนจีน สีหน้านายอาจจะแดงระเรื่อ แต่ขอบตานายมีรอยเขียวคล้ำ และเห็นนายบิดเอวบ่อยๆ เดาก็รู้ว่าเคยได้รับบาดเจ็บที่เอว ”หลินหยางพูดเสียงเรียบ แววตาของหลงเฉียนค่อยๆเบิกโพลง
“นี่คือสิ่งที่นายมองออกงั้นเหรอ”หลงเฉียนพูดตะลึง
“ว่าไง หรือนายบอกฉันล่ะ”หลินหยางยิ้มน้อยๆ
“สุดยอดเลย แล้วนายรู้ไหมว่าแบบฉันต้องรักษายังไง”หลงเฉียนถาม
“เลิกกาม ดื่มน้อย ช่วงนี้กินโป้วบำรุงให้มากหน่อย ตอนนอนอย่าเปิดแอร์ให้อุณหภูมิต่ำนัก ไม่กี่วันก็ดีขึ้นเอง”ก็ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร หลินหยางออกปากพูดดักไว้ก่อน
ได้ฟังคำพูดของหลินหยาง หลงเฉียนสีหน้าแดงก่ำ ช่วงนี้เขามั่วกับสาวห้าคนอยู่ทุกคืน
จากการขัดจังหวะเมื่อครู่ หลงเฉียนกับโจวโต่เปลี่ยนความคิดในตัวหลินหยางอย่างมาก กั่วเหมิงที่อยู่ข้างๆรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย คนที่มีความสามารถ อยู่ตรงไหนก็ได้รับความเคารพ
“พูดแบบนี้ เมื่อกี้ที่นายบอก มันก็ต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สินะ”โจวโต่เงยหน้ามองหลินหยาง มองดูชัดๆ หลินหยางอาจจะไม่ได้หล่อเหลาอะไรมากมาย แต่ก็ถือว่าหน้าตาดีใช้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสง่าราศีที่มีเลือนๆ ทำให้คนรู้สึกสบายเมื่อเข้าใกล้
“แน่นอน ถ้าไม่เชื่อ กลับไปหาคนพิสูจน์ก็ได้ ถ้าผิดก็ต้องมีคนออกมาชี้อยู่ดี ถ้ามีผิดพลาดจริงๆ ผมจะเลี้ยงข้าวคุณเดือนนึงเลย”หลินหยางพูดอย่างมั่นใจ
โจวโต่ผู้ซึ่งเป็นนักเรียนหัวกะทิแพทย์แผนปัจจุบันของเทคนิคการแพทย์ เธอรู้เรื่องการแพทย์ดีกว่าคนอื่นเป็นไหนๆ ก่อนหน้าตอนที่หลินหยางกำลังพูดอธิบาย ใจเธอก็รู้สึกขมวดเป็นปมอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่มีการพิสูจน์ แต่ในใจเธอยอมรับและเชื่อถือหลินหยางแล้วเรียบร้อย
หลินหยางโดนหลงเฉียนดูถูกก่อนหน้า พอได้ฟังหลินหยางบรรยาย แล้วแถมยังชี้ชัดอาการป่วยของตนเองได้อีก ทัศนคติที่มีต่อหลินหยางก็เปลี่ยนไป
เขายิ้มพร้อมส่งบทสุนทรพจน์ตนเองให้หลินหยางพูดว่า“พี่เซียว นายช่วยดูหน่อยว่าของฉันมีอะไรต้องเพิ่มไหม”
หลินหยางยิ้มให้พร้อมรับเอกสารของหลงเฉียนไป เมื่อเห็นหัวข้อข้างบน เป็นหัวข้อการยกตัวอย่างปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวระหว่างสมองและร่างกายมนุษย์ หลินหยางกระตุกคิ้ว แม้ว่าเจ้าหนุ่มนี่จะยโสอยู่บ้าง แต่ก็แน่อยู่ไม่น้อย หัวข้อที่วิจัย เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนไม่เบา เป็นหัวข้อที่เกี่ยวโยงกับระบบประสาท เช่นเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างสมองกับร่างกายในยามไม่สมดุลกัน แล้วผู้ป่วยอาจจะกระตุกยกขาขวาขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อเห็นการยกตัวอย่างอาการป่วยของหลงเฉียน หลินหยางพยักหน้าไม่หยุด หัวข้อที่หลงเฉียนทำนี้สดใหม่มาก มีความยากสูง แม้ว่าบทความของหลงเฉียนจะเขียนได้มีแบบแผน แต่การบรรยายยังผิวๆ ถ้ามีความยากขึ้นมาอีกนิด ก็จะดึงดูดความสนใจผู้ฟังไม่น้อย
“หัวข้อนายไม่เลวเลย แต่นายดูนี่สิ ตรงที่นายเขียนความยุ่งเหยิงของเส้นประสาท แต่นายยังไม่ได้บรรยายละเอียดว่ามันยุ่งเหยิงยังไง แต่ในแพทย์แผนจีน เราจะต้องมีคำอธิบายให้ เส้นประสาทเป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวของมนุษย์ เชื่อมโยงไปถึงความคิด และระบบการทำงานของร่างกาย……”หลินหยางอธิบายกรณีศึกษาออกมา หลงเฉียนฟังพยักหน้าหงึกๆ เขาเห็นความสามารถหลินหยางมากยิ่งขึ้นอีก
หลินหยางยังไม่ได้พูดอะไรลึกซึ้งมากนัก เกรงว่าพูดมากหลงเฉียนจะรับไม่ไหว และถ้าคนอื่นถามคำถามอะไรที่ซับซ้อน ก็กลัวว่า หลงเฉียนจะอธิบายไม่ได้
เวลาผ่านไปในแต่ละนาที พิธีก็ได้เปิดม่านขึ้น หลังจากที่พิธีกรพูดจบ และกล่าวประกาศเปิดงานเรียบร้อย หลินหยางก็มองดูคนที่ขึ้นเวทีคนแรกด้วยความสนอกสนใจ
เป็นเด็กสาวหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง แต่ว่าสีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ กลับทำให้คนรู้สึกว่าเธองดงามเหลือเกิน
“สวัสดีค่ะทุกท่าน ฉันมาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงเฉิงชื่อจางหมิ่น วันนี้หัวข้อที่ฉันจะมาบรรยายคือสาเหตุและการรักษาในโรคข้อต่ออักเสบ……”จางหมิ่นได้แสดงสุนทรพจน์ของตัวเองบนเวที และกรรมการที่อยู่ด้านล่างก็ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจและยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
เรียกได้ว่า การกล่าวสุนทรพจน์ของจางหมิ่นนั้นน่าสนใจมาก เธอเองก็เตรียมตัวมาดีไม่น้อย การแสดงสุนทรพจน์ในสิบนาทีนี้ ได้รับเสียงปรบมือกึกก้องจากผู้ชมด้านล่าง
หลินหยางพยักหน้าอย่างชื่นชม เขาตั้งใจฟังผู้บรรยายแต่ละคนอย่างละเอียด คนที่มาถึงที่นี่ ทุกคนต่างมีทีเด็ดของตัวเอง แต่ว่าคนของสถาบันตัวเองนั้น ก็เตรียมตัวมาดีไม่น้อย รวมกับที่ตัวเองชี้แนะให้ด้วย ก็น่าจะพอช่วงชิงตำแหน่งได้อยู่บ้าง
เวลาผ่านไปสองชั่วโมง หลังจากที่หมดเวลาพัก ในที่สุดก็มาถึงคิวของมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิง
ภายใต้การแนะนำอย่างตื่นเต้นของพิธีกร โจวโต่เดินขึ้นเวทีไปอย่างมั่นใจ
“สวัสดีค่ะทุกท่าน ฉันมาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิงชื่อโจวโต่ หัวข้อที่ฉันจะมาพูดในวันนี้คือกรณีศึกษาในสาเหตุและการรักษาอาการนิ่วในปอด……”น้ำเสียงกังวานของกั่วเหมิงดังลอดมา หลังจากที่คณะกรรมการได้ฟังสุนทรพจน์ของกั่วเหมิงเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างมีสีหน้าที่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
กั่วเหมิงกล่าวสุนทรพจน์ของตัวเองจบลง เสียงปรบมือกึกก้องทั่วห้องก็ดังขึ้น สาวน้อยที่สามารถแสดงสุนทรพจน์จนได้ผลลัพธ์เช่นนี้ แน่นอนว่าต้องได้รับความสนใจจากผู้ชมอย่างล้นหลามแน่นอน ในตอนที่คนอื่นคิดว่าโจวโต่กล่าวสุนทรพจน์เสร็จแล้ว กั่วเหมิงกระแอมลำคอแล้วพูดต่อ:
“สาเหตุการเกิดของโรคนิ่วในปอด เกิดจากเลือดลมไหลเวียนไม่สมบูรณ์ ทำให้ปอดมีการเปลี่ยนแปลง……”
หลินหยางบรรยายเสริมออกมาอย่างละเอียด แล้วลงท้ายประโยคว่า“อาการเหล่านี้ไม่ได้แสดงว่าต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียงแต่อย่างใด ยังไงก็ต้องขอคำชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญและนักศึกษาทุกท่านด้วยครับ!”
รอบๆตัวเกิดความสงบขึ้น ผู้เชี่ยวชาญต่างหยิบสมุดปากกาขึ้นมาจดคำพูดของกั่วเหมิง บางคนก็หยิบคอมพิวเตอร์ออกมาพิมพ์ ราวกับต้องการจะยืนยันคำพูดของกั่วเหมิง ผู้ชมในงาน แสดงสีหน้าจริงจัง และก็มีคนคอยถกอยู่ร่ำไป
เมื่อผู้ชมเห็นปฏิกิริยาของคณะกรรมการ ทุกคนก็ต่างซุบซิบ ต้องยอมรับว่า หัวข้อสุนทรพจน์ของโจวโต่ดึงดูดใจ มาก มีสองสามคำ ที่ครอบคลุมไปทั่วขอบข่ายของโรคนิ่วในปอด ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมพวกผู้เชี่ยวชาญถึงได้ตื่นเต้นกันนัก เวลาผ่านไปยี่สิบนาทีเต็ม ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนลุกขึ้นนั่งอย่างดี ผู้เชี่ยวชาญที่ค่อนข้างมีอายุและสวมสูทลุกขึ้นยืนยิ้มแล้วกล่าว“เธอชื่อโจวโต่ใช่ไหม อยู่ชั้นปีไหนแล้วล่ะ”
“หนูชื่อโจวโต่ค่ะ มหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิง นักศึกษาชั้นปีที่สี่ของแพทย์แผนตะวันตกค่ะ”โจวโต่แนะนำเสียงใส “ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ เดี๋ยวพอจบงานแล้ว หนูอยู่ถกกับผมต่อหน่อยนะเรื่องนิ่วในปอด แล้วมาเตรียมงานที่เราต้องทำกัน”ท่านผู้เฒ่าส่งยิ้มให้
พอโจวโต่ได้ฟังแววตาก็เป็นประกาย รีบโค้งคำนับขอบคุณว่า“ขอบคุณท่านอาจารย์ค่ะ”
“บ้าเอ๊ย แบบนี้ก็ได้ด้วย ให้นายท่านหัวชิงตัวไปก่อนซะได้ เดี๋ยวต้องให้โจวโต่เลี้ยงข้าวหน่อยแล้ว!”พอเห็นผู้เฒ่าที่สวมสูทคนนี้ หลงเฉียนผู้ยโสจึงพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“นายท่านหัวเป็นใครกัน”หลินหยางถามอย่างสุภาพ
“หัวฉีนายท่านหัวน่ะเหรอ นายไม่รู้จักหรือไง”หลงเฉียนเบิ่งตาโพลงมองหลินหยาง ประหนึ่งว่าเป็นคนอเมริกาแต่กลับไม่รู้จักวอชิงตันเสียอย่างนั้น
“เรื่องนี้ไม่รู้จริงๆ”หลินหยางยิ้มอย่างเขินอาย“แต่คนข้างๆเขาผมรู้จัก ท่านอาจารย์หยังวั่นเฉียน”
“หยังวั่นเฉียนอย่างนั้นเหรอ”หลงเฉียนเบิ่งตาโพลงโตจ้องมองชายชราที่สวมชุดแบบจีน จ้องอยู่นานถึงได้พูดขึ้น“เป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีนเหรอ นายคงไม่ได้เป็นลูกศิษย์เขาใช่ไหม”
“ไม่ใช่หรอก”หลินหยางส่ายหน้า“เอาล่ะ ถึงตานายขึ้นเวทีแล้ว”
หลงเฉียนเหมือนอยากจะถามอะไรอีก พอได้ยินคำพูดของหลินหยาง จึงจัดเสื้อผ้าแล้วเดินขึ้นเวทีไปอย่างมั่นใจ
“สวัสดีทุกท่านครับ ผมชื่อหลงเฉียน มาจากสถาบันเดียวกับสาวสวยคนเมื่อครู่ครับ อยู่ชั้นปีที่สี่ หัวข้อของผมในวันนี้จะเกี่ยวข้องกับโรคที่หลากหลาย และจะเน้นวิเคราะห์ถึงทิศทางการวิจัยอาการของโรคเหล่านี้โดยเฉพาะ”
พอหลงเฉียนพูดหัวข้อจบ ห้องทั้งห้องก็ปรบมือก้องขึ้น อาการของโรคที่หลายๆเป็นที่แพร่หลายมากในแพทย์ แผนตะวันตก ในปัจจุบันแม้ว่ากรณีศึกษาจะมีน้อย แต่ก็ยังคงเป็นประเด็นที่เผ็ดร้อน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกำลังมุ่งหน้าทำวิจัยกันไม่หยุดหย่อน นักศึกษาคนแล้วคนเล่าขึ้นมาถกประเด็น ถ้าสิ่งที่พูดเป็นจริง ก็นับว่านักศึกษาคนนั้นมหัศจรรย์เหลือเกิน
แต่คนส่วนมากมักจะยังมีความเคลือบแคลง แต่ละคนฟังอย่างตื่นเต้น ต่างก็คอยจับผิดนักศึกษาคนนี้ พวกเขาไม่คิดว่าการบรรยายของหลงเฉียนจะวิเศษวิโสอะไรนัก ส่วนพวกผู้เชี่ยวชาญพอได้ฟังว่าหลงเฉียนจะบรรยายเรื่องอะไร ต่างก็ก้มหน้าก้มตาอ่านข้อมูลของโจวโต่อย่างขะมักขะเม่น
หลงเฉียนไม่รู้สึกท้อใจกับอากัปกิริยาของคนที่อยู่ด้านล่าง ก็ยังคงแสดงความเห็นในหัวข้ออาการหลากหลายโรคของตัวเองต่อไป หลงเฉียนเองก็ได้ทำการวิจัยมาอย่างดีก่อนหน้า ทุกครั้งที่ขึ้นพูด ก็มักจะได้รับคำชมเชย
ในขณะเดียวกันที่ทุกคนคิดว่าหลงเฉียนกำลังจะพูดจบแล้ว หลงเฉียนจึงค่อยๆเรียบเรียงคำแนะนำที่หลินหยางเพิ่มให้ แล้วบรรยายออกไปทุกถ้อยคำ
“ป๊าบ!”นายท่านหัวที่อยู่ด้านหน้าสุดทำปากการ่วงจากมือ แต่เขาไม่ได้ก้มลงเก็บในทันที หากแต่นั่งขมุ่นคิ้วอยู่กับที่ ตั้งใจฟังอย่างละเอียด
พอหลงเฉียนได้บรรยายหัวข้อตนเองออกมาเต็มๆสองนาที ทั้งห้องก็เงียบกริบ
“ดี ไม่เลวเลยทีเดียว มหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิง ไม่เลวเลยจริงๆ!”นายท่านหัวลุกขึ้นยืนปรบมือกึกออกพร้อมออกปากชม
ไม่นานทั้งห้องก็กึกก้องไปด้วยเสียงปรบมือ ชายชราสวมสูทลุกขึ้นยืนทันทียิ้มแล้วพูดขึ้น“เดี๋ยวนายก็อยู่ต่อกับเด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้ด้วยแล้วกันนะ แต่ละสถาบันมีตัวแทนขึ้นเวทีสามคน ไม่รู้ว่าคนต่อไปของสถาบันนี้จะเป็นใคร รู้สึกตื่นเต้นจัง!”
เมื่อเห็นปรมาจารย์วงการแพทย์เอ่ยปากชมมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิงขนาดนี้ ผู้บริหารแต่ละสถาบันต่างก็ทยอยไปแสดงความยินดีกับผู้อำนวยการเถา
ผู้อำนวยการเถาเผยรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างลำพองใจ ในใจรู้สึกลำพองไม่น้อยหลงเฉียนกับโจวโต่ไม่เลวเลยทั้งคู่ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะสร้างผลงานได้มหัศจรรย์ขนาดนี้
พอคิดถึงพวกที่อยู่โรงเรียนสองสามคนนั้น ในใจเถาลี่ก็รู้สึกลำพองขึ้นมาไม่น้อย ไม่กี่ปีก่อนหน้านักศึกษาของวิทยาลัยที่มาร่วมงานสัมมนา ผลลัพธ์ล้วนไม่ค่อยดี ผู้บริหารจึงไม่ค่อยมีใครอยากมา วันนี้ถึงขั้นต้องจับเซียมซีเพื่อหาคนมา ก่อนหน้าผู้อำนวยการเถายังโทษว่าตัวเองคงจะดวงซวย ตอนนี้มาเป็นคนนำทีม รู้สึกว่ามีหน้ามีตาขึ้นมาทันที
ตอนนี้ผู้อาวุโสทุกคนต่างทยอยมาแสดงความยินดีกับมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิง เดี๋ยวพอมีการทำข่าว ชื่อเสียงของโรงเรียนก็จะดังไปทั่ว ผลงานชิ้นโบว์แดงครั้งนี้ต่อให้ไม่ทำให้ได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ปีนี้ต้องได้รางวัลมาแน่นอน
พอคิดถึงโบนัสท้ายปีที่กำลังจะมา คิดว่าตัวเองจะต้องซื้อรถสักคันเพื่อเป็นรางวัล จู่ๆนึกขึ้นได้ว่ายังเหลือหลินหยางอีกคนที่ยังไม่ได้ขึ้นเวที หัวที่หลุบต่ำของผู้อำนวยการเถาจึงเงยหน้าขึ้น นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อดูหลินหยางกล่าวสุนทรพจน์ ถ้าหากว่าหลินหยางก็สามารถสร้างผลงานด้วยแล้วล่ะก็ มาคราวนี้ไม่เสียเที่ยวแน่นอน
“ผู้อำนวยการเถา นักศึกษาของโรงเรียนคุณปีนี้ ความสามารถสูงนะ ไม่รู้ว่านักศึกษาคนนี้จะพูดหัวข้ออะไร” คนที่ค่อนข้างสนิท ต่างทยอยกันเข้ามาทักทายผู้อำนวยการเถาอย่างอบอุ่น
“ผมเองก็ยังไม่ได้ถาม รอดูเขาพูดดีกว่า ผมเชื่อมั่นในความสามารถของนักเรียนผม”ผู้อำนวยการเถาแอบโทษตัวเองว่าเลินเล่อไปหน่อย ดันลืมถามหัวข้อกับหลินหยางซะได้