บทที่168เฉินหยวนหยวน
กั่วเหมิงที่เพิ่งส่งเสียงออกมา ก็ตระหนักได้ตัวเองร้องแบบนี้ไม่เหมาะสม พอเงยหน้าก็เห็นหลินหยางมองตัวเองและยิ้มอย่างร้ายๆ ทันใดนั้นบนใบหน้าสะสวยแดงก่ำขึ้นมา
“มองๆๆๆอะไร!” กั่วเหมิงพูดอย่างกระหืดกระหอบ
“ไม่มีอะไร แหะๆ ขาคุณหายดีแล้วก็กลับไปเถอะ” หลินหยางหัวเราะเซ่อๆทีนึงแล้วพูด
“อืม งั้นผมกลับไป” กั่วเหมิงลุกขึ้นกำลังจะไป ต่อมาก็ได้นั่งลงมาอีก มองหลินหยางอย่างต่ำช้าและถาม: “หลินหยาง ถามอะไรคุณหน่อยสิ”
“เรื่องอะไร?” หลินหยางถามด้วยความแปลกใจ
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก คุณกับจ้าวจินฟ่ง เคยทำเรื่องแบบนั้นมั้ย?” กั่วเหมิงกัดฟันถามความสงสัยของในใจออกมา
หลินหยางได้ยินแล้วโซเซไปมา เกือบจะล้มลงพื้น หันหน้ามองกั่วเหมิงอย่างหมดคำพูด: “พูดมั่วอะไร ไม่มีสักหน่อย”
“ไม่มีจริงๆอ่ะ?” กั่วเหมิงเบิกตากว้างพร้อมถาม
“ไม่มี จะมีได้ยังไง”
“คุณกับจินฟ่งอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ยังไม่เคยมีเรื่องอย่างว่ากับเธอ?” เหมือนกับว่าได้พบแผ่นดินใหม่ กั่วเหมิงสำรวจหลินหยางแล้วพูดเสียงเบา สุดท้ายสายตาได้จ้องอยู่ที่ระหว่างขาของเขา: “คงไม่ใช่ใช้งานไม่ได้มั้ง?”
หลังจากหลินหยางได้ยินแล้วกลอกตาขาวทีนึง มองกั่วเหมิงแล้วพูด: “ใช้งานได้หรือเปล่า คุณลองดูก็จะรู้เอง”
เดิมทีแค่ล้อเล่นคำนึงเฉยๆ ต่อมาร่างกายของหลินหยางได้นิ่งไว้ ของที่ยาวเหมือนลานั้น ถูกกั่วเหมิงกำไว้ในมือจนแน่น ขยับเบาๆไปหลายที ความรู้สึกเสียวสบายได้ส่งมาที่ทั่วร่างของหลินหยาง
“อ๊า!” รับรู้ได้ถึงท่าทีที่โกรธขึ้นมาอย่างเร็วของหลินหยาง กั่วเหมิงที่เดิมทีแฝงด้วยใจกลั่นแกล้ง ทันใดนั้นพูดด้วยเสียงเหมือนจะร้องไห้: “ทำไม…..เหมือนของลาขนาดนี้!”
ตอนนี้อากาศยังค่อนข้างร้อน กางเกงของหลินหยางบางมาก มีผ้าบางๆกั้นอยู่ อาวุธถูกกั่วเหมิงกุมไว้ ลมหายใจของหลินหยางก็ค่อนข้างที่จะเร่งรีบ
“เร็ว ให้ฉันดูหน่อย!” กั่วเหมิงหน้าแดงไว้ และเงยหน้ามองหลินหยางไว้
หลินหยางลังเลไปครู่นึง ก็ได้ปลดเข็มขัดของตัวเองออก ตอนที่สัตว์ใหญ่มหึมาเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา ดวงตาของกั่วเหมิงมีความเซอร์ไพรส์แว๊บผ่าน
“เป็นของล้ำค่าจริงๆ!” กั่วเหมิงถอนหายใจ ถึงแม้เธอไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายจริงๆ แต่หนังอย่างนั้นเคยดูมาไม่น้อย ของหลินหยางแบบนี้ สามารถพูดได้ว่าทุนหนาจริงๆ
ตามท่าทางมือของกั่วเหมิงที่ยิ่งอยู่เร็ว ลมหายใจของหลินหยางก็ค่อยๆเร่งรีบขึ้นมา ไม่คำนึงว่ากั่วเหมิงรับปากหรือไม่ ฝ่ามือใหญ่ก็ไต่ไปที่ภูเขาลูกใหญ่แล้ว
มือของหลินหยางเหมือนมีมนต์สะกด กั่วเหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ขัดขวางอะไร
คอยสัมผัสความนุ่มนวลที่อยู่ในมือ ไฟชั่วร้ายภายในร่างกายของหลินหยางปะทุขึ้นมาอย่างช้าๆ
ภายใต้การกลั่นแกล้งของหลินหยาง แก้มของทั้งของกั่วเหมิงแดงเหมือนพระอาทิตย์ ริมฝีปากอ้าเล็กน้อย กลิ่นหอมอ่อนๆคายออกมาจากปาก ทำให้หลินหยางจิตใจเลื่อนลอยไปครู่นึง
“หลินหยาง ฉัน…..ฉันอยาก” ในความสับสน กั่วเหมิงพูดเสียงเบาคำนึง
เหมือนทะเลสาบที่เงียบสงบได้มีก้อนหินโยนลงไปก้อนนึง หลินหยางทนไม่ไหวอีกต่อไป ทำเสียงฮึ่มทีนึงก็ได้กระโจนเข้าไป
หลังจากเจออุปสรรคอย่างนึง หลินหยางคิดอะไรได้ พูดอย่างลับๆผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะครั้งแรก แต่ว่ามองดูสายตาของกั่วเหมิงพร่ามัวสุดๆแล้ว หลินหยางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ร่างกายขยับไปด้านหน้า เข้าสู่ดินแดนแห่งพระเจ้าผืนนึง
เวลาผ่านไปทุกวินาที เสียงของกั่วเหมิงที่เดิมทียังควบคุมเอาไว้ได้ค่อยๆคลายออก ไม่นาน ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงสะท้อนที่ยั่วยวนคน
หูของหนานกงหยูนดีที่สุด แรกเริ่มตอนที่กั่วเหมิงเข้าห้องของหลินหยางเธอยังไม่ได้ใส่ใจ แต่ว่าเสียงสลายวิญญาณที่เหมือนร้องไห้กับเหมือนพูด และขึ้นๆลงๆแบบนั้นก้องมา เธอก็เข้าใจในทันทีเลยว่าทั้งสองกำลังทำอะไรอยู่
ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินหยางเข้าห้อง ไม่ได้ปิดประตู จ้าวจินฟ่งที่ขึ้นมาชั้นบน กำลังจะเข้าห้องนอนตัวเอง นาทีนี้ก็ได้ยินห้องของหลินหยางมีเสียงสับสนก้องมา เชอะไปคำนึง ก็หันหลังเข้าห้องตัวเอง และปิดประตูเสียงดังปัง
แต่ไม่นาน ประตูห้องของจ้าวจินฟ่งก็ได้เปิดช่องโหว่เล็กๆออกมาช่องนึง หูของจ้าวจินฟ่งแนบกับประตู คอยฟังเสียงที่ดังมาจากด้านใน มือได้ค่อยๆยื่นลงไปที่ด้านล่างของตัวเอง
ยังไงซะก็เป็นครั้งแรก แรงทำศึกของกั่วเหมิงก็ยังอ่อนมาก แค่ไม่กี่นาทีก็สั่นไปทั้งตัวแล้ว
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง กั่วเหมิงก็อ่อนระทวยอยู่บนเตียง ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก
หลินหยางสงสารกั่วเหมิง ก็ไม่ได้กระแทกให้มาก หลังจากได้ปล่อยน้ำอสุจิออกมา ทั้งสองก็ได้กอดอยู่บนเตียงแล้วนอนหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น บนโต๊ะทานข้าว บรรยากาศค่อนข้างสวยงาม
แววตาที่จ้าวจินฟ่งกับหนานกงหยูน มองหลินหยางเต็มไปด้วยความคลุมเครือ
“หลินหยาง เมื่อคืนเสียงที่ดังมาจากห้องคุณคือเสียงอะไรเหรอ?” จ้าวจินฟ่งแกล้งถามอย่างไม่รู้
“พู!” ทันใดนั้นกั่วเหมิงที่นั่งทานข้าวอยู่ข้างๆ ได้พ่นโจ๊กที่อยู่ในปากออกมา
“เหมิงเหมิง เธอเป็นอะไร?” หนานกงหยูนที่อยู่ข้างๆทำท่าทางแล้วถาม
“ไม่มีอะไรจ้า ไม่มีอะไร” กั่วเหมิงก้มหน้ากินข้าว ใบหน้าสะสวยแดงก่ำ
ในที่สุดท่ามกลางความอึดอัดของกั่วเหมิง ข้าวมื้อนี้ก็ได้จบสิ้นลง วันนี้เป็นวันศุกร์พอดี ช่วงเช้าหลินหยางมีเรียน เดิมทีกะว่าจะไม่ไปแล้ว แต่กั่วเหมิงเป็นตายร้ายดียังก็ไม่เห็นด้วย สุดท้ายก็ได้ดึงหลินหยางไปด้วย
เรียนมหาลับก็อย่างนี้แหละ เพื่อนๆมากมาย บางทีในหนึ่งสัปดาห์ได้เจอหน้ากันก็ไม่เกินสามครั้งหรอก ดังนั้นการที่จู่ๆหลินหยางโผล่มาเรียนไม่มีใครใส่ใจเลย
“เฮ้! หลินหยาง หลายวันมานี้คุณหายไปไหนมาคะ?” สิ่งที่ศาสตราจารย์สอนล้วนแต่เป็นทฤษฎีมาก หลินหยางฟังแล้วเบื่อมาก ในขณะที่เขาเตรียมหนีออกไป จู่ๆข้างกายได้มีคนๆนึงนั่งลงมา
“มีเรื่องบางอย่าง สองวันนี้ไปทำพอดี ก็เลยไม่ได้มาน่ะ” พอหันมามอง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นหลี่หรู หลินหยางพูดอย่างคลุมเครือ
สำหรับหลี่หรู ในใจของหลินหยางค่อนข้างซับซ้อน
ผู้หญิงคนนี้มีแฟนแล้ว แต่ปรากฏว่ายังมามั่วกับตัวเองตั้งหลายครั้ง
“ฉันยังนึกว่าคุณเกิดเรื่องอะไรเสียอีก อ้อใช่ หลินหยาง คราวก่อนที่ฉันคุยเรื่องนวดแผนจีนกับคุณ คุณยังจำได้มั้ยคะ?” หลี่หรูพูดและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
หลินหยางได้ยินแล้วนึกขึ้นมาได้ทันที ก่อนหน้านี้ตอนที่จัดรูปทรงหน้าอกให้หลี่หรู หลี่หรูเคยบอกว่าจะแนะนำงานให้หลินหยางหลายงาน
“ครั้งนี้ก็เป็นเจ้าที่ค่อนข้างมีตังค์ จะนวดแผนจีนครั้งนึง ถ้าคุณว่าง สามารถไปลองดูได้ค่ะ” หลี่หรูพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคลุมเครือ: “หน้าตาก็สวยดีนะ”
“สามารถหาเงินได้เท่าไหร่?” หลินหยางพูดด้วยรอยยิ้ม
“เป็นเพื่อนของฉันค่ะ และเป็นนักศึกษาของมหาลัยเราด้วย เรียนสาขาภาษาต่างประเทศ เลิกกับแฟนของเธอแล้ว ได้ยินเธอบอกว่ารังเกียจที่ลูกบอลนุ่มนวลของเธอไม่สวย บังเอิญฉันรู้ฝีมือการนวดแผนจีนของคุณไม่เลว ก็เลยแนะนำให้เธอ หลังจากเธอฟังแล้วก็เห็นด้วยเลยค่ะ”
หยุดไปครู่นึง หลี่หรูได้พูดต่อ: “ที่บ้านของผู้หญิงคนนั้นก็มีตังค์พอสมควร ถ้าสามารถจัดทรงได้ดี จะให้คุณห้าหมื่นโดยตรง ฉันฟังราคาไม่เลว ก็เลยช่วยคุณรับปากเอาไว้ค่ะ”
ครึ่งเดือนหาเงินได้ห้าหมื่น ที่จริงถ้านวดครั้งละครึ่งชั่วโมง ทั้งหมดก็ไม่ถึงแปดชั่วโมง รวมๆแล้วก็เหมือนทำงานปกติวันละแปดชั่วโมงแล้วหาเงินได้ห้าหมื่น แบบนี้คิดๆแล้วก็ถือว่าไม่เลว
ถึงแม้หลินหยางไม่ขัดสนเงินแค่นี้ แต่ตัวเองก็ไม่เพียงเพื่อหาเงินอย่างเดียว ยังสามารถฉวยโอกาสนวดแผนจีนนี้ไปจับภูเขาไฟนุ่มนวลของสาวสวยได้ด้วย
แม้แต่หลินหยางเองก็ไม่ได้ตระหนักถึง ว่าตัวเองจะอยู่ท่ามกลางการซึมซับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมและสิ่งอื่นๆเข้าไปโดยไม่รู้ตัว หัวใจค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบกับตลอดทางที่ตัวเองฝึกฝนมั้ย
“โอเค เมื่อไหร่ครับ?” หลินหยางถามด้วยรอยยิ้ม
“เย็นวันนี้เลยค่ะ เธอเช่าห้องอยู่ด้านนอก ถ้าคุณสะดวกล่ะก็ ทานข้าวเที่ยงเสร็จก็สามารถไปหาเธอได้เลย” หลี่หรูยิ้มแล้วพูด
สำหรับอันนี้หลินหยางไม่มีความคิดเห็น ช่วงเช้าเรียนสี่วิชาเสร็จ หลินหยางก็ถูกหลี่หรูลากออกไปจากห้องเรียน
มหาวิทยาลัยการแพทย์ก็ค่อนข้างใหญ่อยู่ แต่ละสาขาไม่ได้เรียงกันเป็นแถว ทั้งสองเดินไปหลายนาที ถึงได้หยุดลงที่ใต้ตึกของสาขาภาษาต่างประเทศ
หยิบมือถือออกมาโทรออกไปสายนึง ไม่นานผู้หญิงที่สีหน้าซึมเศร้าก็ได้เดินมาทางนี้ ผู้หญิงคนนี้สูงประมาณ165เซนติเมตร หุ่นดูแล้วยังพอโอเค ใบหน้ากลมเล็กน้อย ดวงตากลมโต
“นี่คือหลินหยาง นี่คือเฉินหยวนหยวน หยวนหยวน หลินหยางก็คือแพทย์ฝีมือเก่งที่ฉันเคยเล่าให้เธอฟัง อันนี้ของฉันก็เขาเป็นคนจัดการให้ เดี๋ยวเธอก็พาเขาไปที่บ้านเธอเถอะ” หลี่หรูยิ้มอย่างคลุมเครือ
เฉินหยวนหยวนมองหลินหยางด้วยความสงสัยทีนึง ผู้ชายที่ยังหนุ่มขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่หลี่หรูรับประกันอย่างเต็มปากเต็มคำว่าฝีมือการรักษาของหลินหยางล้ำเลิศมากแค่ไหน จากนั้นเธอก็ได้ให้เขาดูอกภูเขาไฟสองลูกที่ข้างนึงเล็กข้างนึงใหญ่ เธอถึงฝืนใจเชื่อ
รู้ว่าเดี๋ยวยังจะทำอะไรอีก แววตาที่เฉินหยวนหยวนมองหลินหยางค่อนข้างเขินอาย
“พวกคุณไปทานข้าวก่อน ฉันจะไปหาแฟนของฉันแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวเขาจะว่าได้อีก หลินหยาง คุณหาเงินได้ ว่างแล้วเลี้ยงข้าวฉันด้วยนะ” หลี่หรูโบกมือให้ทั้งสอง จากนั้นก็ได้กระโดดโลดเต้นจากไป
“พวกเราไปทานข้าวกันก่อนดีกว่าครับ” หลินหยางพูดด้วยรอยยิ้ม
สำหรับเรื่องนี้เฉินหยวนหยวนก็ไม่ได้คัดค้าน เดินตามหลังหลินหยาง หาร้านอาหารร้านนึงแล้วเริ่มทานข้าวกันขึ้นมา
หลังทานข้าวเสร็จ เฉินหยวนหยวนพาหลินหยางมาถึงที่ห้องเช่าของเธอ เนื่องจากจะมาเรียนทุกวัน ที่ๆเฉินหยวนหยวนพักไม่ได้ไกลจากที่นี่เลย เดินสิบนาทีก็ถึงแล้ว
ห้องนอนของเฉินหยวนหยวนถือว่าไม่เลว หนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก หนึ่งห้องครัวหนึ่งห้องน้ำ ถือเป็นห้องสตูดิโอที่ได้มาตรฐาน ด้านในตกแต่งได้สวยงาม ประดับตกแต่งได้อบอุ่นมาก
“สิ่งแวดล้อมไม่เลวเลยครับ” หลินหยางพูดชื่นชม
“ก็พอใช้ได้ค่ะ เอ่อ หลินหยาง ฉันขอถามคุณหน่อยค่ะ กระต่ายคู่นั้นของหลี่หรูถูกคุณรักษาจนดีจริงๆเหรอคะ?” เฉินหยวนหยวนนั่งอยู่บนโซฟา ถามเสียงเบาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“อืม นวดสิบห้าครั้งก็ดีแล้วครับ เดิมทีคือวันละครั้ง ครึ่งเดือนก็เรียบร้อยครับ แต่ตอนนั้นเวลาค่อนข้างรวบรัด ก็กลายเป็นวันละสองครั้ง ทำให้ผลจัดทรงไม่ได้เพอร์เฟคมากเป็นพิเศษ ถ้าเธอสามารถรออีกหนึ่งสัปดาห์ คาดว่าคงจะดีกว่าเยอะครับ” หลินหยางพยักหน้าแล้วพูด
“ยังสวยกว่านั้นได้อีก? แค่นี้ฉันก็อิจฉาของเธอมากแล้ว คุณสามารถทำให้ของฉันเป็นเหมือนเธอก็พอแล้วค่ะ!” เฉินหยวนหยวนรีบพูด
“คุณดึงเสื้อออก ผมดูหน่อยว่าอาการของคุณเป็นยังไง” หลินหยางพูดเบาๆ
ได้ยินแล้ว ใบหน้าของเฉินหยวนหยวนยิ่งแดงก่ำเข้าไปใหญ่ มองหลินหยางอย่างเขินอายทีนึง พบว่าแววตาเขาไม่ได้มีความต่ำช้าเหมือนที่จินตนาการเลย เธอพยักหน้าเบาๆและปลดกระดุมเสื้อตรงหน้าออก
หลังจากเสื้อเชิ๊ตถูกปลดออก ด้านในเหลือแค่ยกทรงสีดำตัวนึง รูปทรงเล็กกะทัดรัดบดบังความสวยงามของด้านในไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ ร่องหน้าอกโผล่ออกมารางๆ ทำเอาหลินหยางมองแล้วอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
เห็นหลินหยางเพ่งมองตัวเองไว้ เฉินหยวนหยวนจ้องหลินหยางอย่างเขินอายทีนึง ในใจกลับค่อนข้างแปลกใจ
ถ้าปกติมีคนจ้องมองตัวเองอย่างนี้ ในใจของตัวเองต้องดูถูกคนแบบนี้อย่างแรงมาก ปกติสีหน้าดูเรียบร้อยสุภาพ พอเห็นผู้หญิงก็เปลี่ยนมาลามกทันที
แต่หลินหยางมองตัวเองแบบนี้ ไม่นึกเลยว่าในใจตัวเองจะไม่มีอารมณ์ที่รู้สึกไม่ชอบเลย
ปลดเสื้อชั้นในชิ้นสุดท้ายออกอย่างช้าๆ กระต่ายขาวสองตัวก็ได้เด้งออกมาทันที
เฉินหยวนหยวนน่าจะไม่ใช่สาวเวอร์จิ้นตั้งนานแล้ว ภูเขาหิมะก็ไม่รู้ถูกคนย่ำยีนานเท่าไหร่แล้ว เชอร์รี่สองลูกได้กลายเป็นสีม่วงไปตั้งนานแล้ว
ถึงแม้หิมะขาวสองก้อนไม่เล็ก ดูแล้วเหมือนเอาถ้วยแบนๆสองถ้วยคล้องขึ้นไป ดูแล้วไม่ค่อยสวยจริงๆซะด้วย
“แฟนของฉันเลิกกับฉัน สาเหตุส่วนใหญ่เพราะเล่นเบื่อแล้ว รังเกียจหน้าอกฉันทุเรศ ถ้าคุณรักษาฉันหาย บางทีเงินห้าหมื่นสามารถปรับขึ้นได้นิดหน่อยค่ะ” เฉินหยวนหยวนใช้มือบังภูเขาไว้และพูดด้วยความเขินอาย
“งั้นผมลองนวดให้คุณครั้งนึง และลองดูผลลัพธ์เถอะ ถ้าสามารถเห็นผล คุณก็จ่ายมัดจำสองหมื่น ถ้าเห็นผลไม่ค่อยชัด ครั้งนี้ผมรักษาให้คุณฟรี” หลินหยางรับประกัน