บทที่ 177 คดีเท็จ
มองเห็นระยะห่างของรถคันข้างหน้ายิ่งอยู่ยิ่งใกล้รถของตน หลินหยางรีบคิดหาวิธีว่าจะหยุดอีกฝ่ายได้อย่างไร
มองไปรอบๆ หยิบเครื่องประดับคริสตัลที่ใช้ติดหน้ารถขึ้นมา เปิดหน้าต่างรถ ใบหน้าเผยร่องรอยของความน่ากลัว
“แมร่ง กล้าชนรถผม” เลือดในกายพุ่งพรวด ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว รวบรวมสติให้นิ่งอยู่ที่มือ ถอนหายใจเบาๆ แล้วคริสตัลก็ลอยออกไปด้านหน้าทันที
ยังดีที่คริสตัลนี้ไม่ได้กลมเหมือนลูกบอล แต่มีรูปร่างเป็นมุม หลินหยางโยนตรงไปที่ล้อหลังของรถอีกฝ่าย แล้วก็ได้เสียงแตกดังขึ้น ล้อรถคันข้างหน้าถูกทิ่มแทงแตก
และตอนนี้รถก็ขับมาถึงตรงมุมโค้งแห่งหนึ่งพอดี รถคันข้างหน้าเสียความสมดุล พลิกคว่ำตกด้านข้างทาง
หลินหยางจอดรถ มองเห็นหญ้านุ่มๆด้านข้างรถ ในใจรู้ดีว่าคนตรงข้ามไม่ตายแน่ เดินไปด้านข้างรถแลนด์โรเวอร์ หลินหยางเปิดประตูรถ แล้วก็เห็นคนร่างผอมนอนอยู่บนเบาะคนขับ
ใช้มือขวาดึงคนคนนั้นออกมาวางไว้ด้านข้างถนน ใช้ฝ่ามือตบไปสองที ชายวัยกลางคนร่างผอมค่อยๆฟื้นตื่นขึ้นมา
เมื่อเห็นหลินหยาง สายตาของเขาฉายแววหวาดกลัว ร้องเรียกขึ้นว่า “คุณเป็นใคร ปล่อยผมนะ”
“เห้อๆ ต้องปล่อยคุณอยู่แล้ว” หลินหยางเตะตรงท้องน้อยของคนคนนี้ ชายคนนั้นก็นอนขดตัวเข้าหากันทันที
แล้วโยนชายคนนี้เข้าไปในรถของตน หลินหยางขับรถเลี้ยวไปเส้นทาง เลี้ยวเข้าไปในถนนเส้นเล็กเส้นหนึ่ง
ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว ถนนซอยเล็กไม่มีคนสัญจรแล้ว หลินหยางเปิดไฟในรถ หัวเราะอย่างโหดเหี้ยม มองดูชายตรงหน้าพร้อมพูดว่า “พูดมา ทำไมต้องขับรถมาชนผม?”
“ผมชนคุณตรงไหน ผมไม่ได้นอนมาสองวัน เผลอหลับในตอนเข้าโค้งจึงชนเข้าเอง” ผู้ชายพูดแก้ตัว
“ขับรถด้วยความเหนื่อยล้า ไม่เลวนี่ งั้นผมหลบให้จนพ้นแล้ว คุณยังเลี้ยวมาชนอีก หมายความว่ายังไง? หรือคิดว่าการขับรถชนเป็นเรื่องที่สนุกมาก?” หลินหยางถามขึ้นด้วยเสียงเข้ม
“ผมตื่นเต้นจึงขับไปชนน่ะสิ” ผู้ชายแก้ตัวอีกครั้ง
“ในเมื่อคุณก็ชนแล้ว คุณจะหนีทำไม?” หลินหยางถามอีกครั้ง
“ไม่มีตังค์จ่ายค่าซ่อมรถ รถของคุณเป็นออดี้ R87 คันหนึ่งตั้งหลายล้าน ผมไม่มีปัญญาชดใช้หรอก”
“เชอะ ปากกับใจไม่ตรงกัน” หลินหยางตบหน้าเขาไปหนึ่งที เลือดในกานพุ่งพรวด วางนิ้วกดลงบนจุดฝังเข็มของผู้ชาย ชายคนนั้นไม่สามารถขยับทันที
ผู้ชายที่พบว่าตัวเองถูกสะกดจุด จึงจะตะโกนร้องขึ้น กลับพบว่าตนเองพูดไม่ออก แค่นั้นเขาก็แสดงความกลัวออกมาทางสายตาของเขา คนตรงหน้าคนนี้ อาจเป็นได้ว่าเป็นว่าผู้เก่งกาจสันโดษที่ร่ำลือกัน? ทำไมถึงสามารถสะกดจุดได้ด้วย?
“ไม่ว่าคุณจะพูดหรือไม่ว่าใครใช้คุณมา ให้ผมได้เสพสุขก่อนหนึ่งนาที” นิ้วมือหลินหยางกดอีกครั้ง ร่างกายผู้ชายกระตุก จากนั้นก็สั่นเทาอย่างไม่หยุด
ความรู้สึกเหมือนลูกศรทิ่มแทงทะลุหัวใจกำลังแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของชายคนนี้อย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกเหมือนร่างกายของเขา ถูกมีดทิ่มแทงลงมา ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้เขาอยากจะเป็นลม แต่ก็ตื่นมาอีกครั้งเพราะความเจ็บปวด
ชายที่ไม่สามารถเคลื่อนไหว ภายนอกร่างกายสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา การทรมานอย่างรุนแรง ทำให้จิตวิญญาณของเขาเหมือนถูกทำลายอยู่อย่างต่อเนื่อง
หนึ่งนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับชายคนนี้ กลับนานเหมือนตราบเท่าหลายศตวรรษอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าร่างกายจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไป แต่นึกย้อนไปถึงความรู้สึกก่อนหน้านี้ ชายผู้นั้นก็ใจสั่นขึ้นมาทันที
เมื่อคลายกดจุดชายคนนั้นแล้ว หลินหยางยิ้มถามขึ้นว่า “ให้โอกาสคุณพูดอีกครั้งหนึ่ง จะพูดไหมว่าใครสั่งคุณมา?”
มองเห็นความลังเลในสายตาของชายคนนั้น หลินหยางหัวเราะพร้อมสะกดจุดชายคนนั้นอีกครั้ง ดวงตาของชายคนนั้นเบิกโตขึ้นมาทันที ความเจ็บปวดก่อนหน้านี้มาเยือนอีกครั้ง
เดิมคิดว่าตนเองจะชินชากับความเจ็บปวด ในไม่ช้าชายคนนั้นก็รู้ว่า ความคิดของเขาไร้เดียงสาแค่ไหน ความเจ็บปวดในหัวใจ มากที่สุดก็คือคุ้นเคย ไม่มีวี่แววว่าจะลดลงแต่อย่างใด
หลังจากหนึ่งนาที หลินหยางคลายจุดให้กับชายคนนั้น ยิ้มถามขึ้นว่า “พูดไหม?”
มองดูชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นฉลาดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คนที่ดูอ่อนโยนเหมือนดั่งหยก แต่ลงมือรุนแรงยิ่งนัก
ความเครียดทางจิตใจที่เกิดจากความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ให้เขาเตรียมรับความทรมาน เมื่อเห็นหลินหยางกำลังจะลงมือ ชายคนนั้นรีบร้องโหยหวนขึ้นมาว่า “ผมพูด ผมพูดทั้งหมด”
“นี่ก็ถูกแล้ว คุณชื่ออะไร? ทำงานอะไร? ทำไมต้องมาชนผม?” หลินหยางยิ้มถาม
“ผมชื่อเฝิงกวน เป็นนักแข็งรถในเมืองนี้ มีชายคนหนึ่งสั่งให้ผมขับรถชนคุณ ส่วนเป็นใครผมก็ไม่รู้” ชายคนนั้นรีบพูดขึ้น
“ใครสั่งให้คุณมาชนผม คุณไม่รู้? แต่คุณก็ตอบตกลง?” หลินหยางได้ยินแล้วก็อึ้ง
“พวกเขาบอกว่า หลังจากที่ผมชนคุณแล้ว จะให้เงินผมห้าแสน ผลที่ตามมาผมก็ไม่ต้องรับผิดชอบ รถแลนด์โรเวอร์คันนั้น ก็เป็นรถที่พวกเขาให้ผมมา บอกว่าหลังจากที่ผมขับรถชนแล้วก็สามารถทิ้งรถไปได้เลย” เฝิงกวนตอบอย่างรวดเร็ว
“คุณมีช่องทางติดต่อคนคนนั้นไหม?” หลินหยางถามขึ้น
“ไม่ คนคนนั้นรู้ว่าผมจะลงมือวันนี้ จึงโอนเงินให้ผมแล้ว” เฝิงกวนร้องพูดขึ้น
หลินหยางถามอีกหลายคำถาม เฝิงกวนก็ตอบอย่างไม่มีประโยชน์อะไร หลินหยางขมวดคิ้วชนกัน ตนเองโตมาจนป่านนี้ ก็แทบไม่มีศัตรูที่ไหน ใครกันที่ต้องการอยากจะฆ่าตน?
“พวกเขาไม่ได้บอกว่ารถคันนั้นต้องจัดการยังไง?” หลินหยางถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“พวกเขาบอกว่า หลังจากผมจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ก็ให้ขับรถไปจอดไว้ใต้ตึกห้างสรรพสินค้า แล้วก็จากไปเลย ต่อไปก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผม” เฝิงกวนพูดขึ้น
เพื่อสืบที่มาที่ไปของเรื่องนี้ หลินหยางโยนรถออดี้ R8 ของตนทิ้งไป แล้วก็ขับรถกลับไปที่เดิม ออกแรงกระชากยกรถของตน แล้วผลักรถของตนพลิกคว่ำอยู่ด้านข้างแลนด์โรเวอร์
แล้วหลินหยางก็ยกแลนด์โรเวอร์ขึ้นมา ตบรถพร้อมพูดว่า “เอาค่าตอบแทนของคุณ แบ่งโอนเข้าบัญชีนี้สามแสน เป็นค่าซ่อมรถของผม ข้อมูลของคุณผมรู้หมดแล้ว หากต่อไปไม่อยากเข้าไปนอนในคุก ก็อย่าคิดตุกติก ไป ขับรถคันนี้ไปจอดใต้ตึกห้างสรรพสินค้า”
ได้ยินคำพูดของหลินหยาง ในใจเฝิงกวนดีใจ เดิมคิดว่าตนจะถูกเด็กหนุ่มคนนี้ส่งเข้าคุก ตนเองก็จะไม่ได้เงินสักบาท สุดท้ายยังได้เงินมาอีกเฉยๆสองแสนบาท
“แน่นอน ทุกอย่างนี้เป็นคำพูดก่อน ช่วงนี้คุณห้ามไปจากเมืองเจียงหลิง ถึงตอนนั้นหากผมหาคนบ่งการณ์ได้ ยังต้องให้คุณมาเป็นพยาน คุณวางใจได้ ผมไม่ส่งคุณเข้าคุกแน่นอน”
ได้ยินหลินหยางพูดรับประกัน เฝิงกวนก็วางใจ ขับรถไปยังห้างสรรพสินค้าอย่างระมัดระวัง หลังจากจอดรถแล้ว กุญแจก็ไม่ถอนออก บอกลาหลินหยางแล้วก็จากไปเลย
หลังจากที่หลินหยางมองดูรอบๆไม่มีคน ก็ค่อยๆเปิดประตูรถ แล้วซ่อนตัวอยู่ด้านข้างในเงาของรถคันอื่น แอบมองดูอยู่หลายที แล้วก็ไปจากรถแลนด์โรเวอร์อย่างไร้ร่องรอย
หลังจากไปแล้ว หลินหยางหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาจางเยว่ เล่าเรื่องให้ฟังสั้นๆ แล้วหลินหยางก็กดวางสาย โบกรถคันหนึ่งไปยังร้านซักรีด
ภาพความตื่นเต้นในวันนี้ ทำให้หลินหยางรู้สึกได้ถึงความอันตรายรอบด้าน ภายใต้ชีวิตที่ดูค่อนข้างเงียบสงบ กลับซ่อนเต็มไปด้วยความอันตราย
วันที่สอง ก็มีข่าวจากสถานีตำรวจเมืองเจียงหลิงว่า เมื่อคืนตอนสองทุ่มห้าสิบหกนาที ตรงถนนซงโข่วมีรถออดี้ R8คันหนึ่งพลิกคว่ำ ตำรวจสันนิษฐานว่า รถคันดังกล่าวถูกรถคันอื่นพุ่งชน คนขับรถช่วยชีวิตไว้ไม่ได้ จากโลกนี้ไปตอนตีหนึ่ง ทางตำรวจกำลังเร่งตามสืบ ความหวังว่าคนที่พบเห็นจะสามารถแจ้งเบาะแสเพิ่มเติม
คดีหนึ่งที่หลักฐานเลือนราง ทำให้ผู้คนในเมืองเจียงหลิงต่างก็ให้ความสนใจ รถออดี้ R8คันหนึ่งถูกชนตาย คนที่สามารถขับรถแบบนี้ได้ จะเป็นคนธรรมดาหรือ? ครั้งนี้เมืองเจียงหลิงต้องคึกคักแน่
บริษัทเครื่องสำอางเอซีซี เจียงหัวนั่งอยู่บนเก้าอี้ถือหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้ เห็นรถของหลินหยางตลอดจนภาพเหตุการณ์ที่ตำรวจแถลง มุมปากอมยิ้มอย่างเยาะเย้ย
“ไหนบอกว่าครีมของบริษัท หลินหยางเป็นคนวิจัยไม่ใช่หรือ? ตอนนี้คนก็ตายไปแล้ว ไป๋เซียนเฉ่า ฉันจะคอยดูว่าเธอจะอยู่ในวงการเครื่องสำอางนี้ต่อไปยังไง ฮ่าๆ….”
หัวเราะสักพัก เจียงหัวก็โทรไปหาหลิวจิ่นที่เป็นคู่แข่งกันมานาน หลิวจิ่นเองก็ดูเหมือนรู้ข่าวที่หลินหยางถูกรถชนแล้ว ต่างคนต่างก็หัวเราะอยู่ในใจ
ไป๋เซียนเฉ่ากำลังยุ่งอยู่ในบริษัท ตอนนี้บริษัทกำลังไปได้ดี ขอเพียงหลินหยางสามารถวิจัยสูตรครีมแผลลายมาได้ บริษัทของตนก็จะสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่
มองดูแผนการใหม่ของตนด้วยความพึงพอใจ ไป๋เซียนเฉ่าเปิดข่าวในเมืองเจียงหลิงมาดู ทันใดนั้น ข่าวที่น่าตื่นตาปรากฏอยู่ในสายตาไป๋เซียนเฉ่า
รีบคลิกเปิดเข้าไปดูข่าวนี้ ในใจไป๋เซียนเฉ่าหวาดหวั่น รถออดี้คันนั้น ไป๋เซียนเฉ่าคุ้นเคยอย่างมาก
ไป๋เซียนเฉ่ารู้สึกเหมือนตนเองอยู่ในความหนาวเย็นที่ไม่มีที่สิ้นสุด แผนการทั้งหมดว่างเปล่า ความรู้สึกที่ตนมีให้กับหลินหยาง ก็วางเปล่าขึ้นมาทันที
ด้วยความคิดที่เข้มแข็ง สุดท้ายไป๋เซียนเฉ่าสงบสติของตน มือที่สั่นเทาโทรศัพท์ไปยังสถานีตำรวจเมืองเจียงหลิง หลังจากที่มั่นใจว่าคนที่ตายคือหลินหยาง มือถือแอปเปิ้ลที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ตกหล่นสู่พื้น
นิ่งอึ้งไปสักพัก ไป๋เซียนเฉ่าค่อยได้สติกลับมาจากความหมดหวัง หวนคิดถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆระหว่างตนกับหลินหยาง ถึงแม้จะไม่ได้ตัวติดกันทุกวัน แต่เพราะคนคนนี้ ได้พาตนเองออกมาจากความหมดหวังที่เสียโฉม หลังจากนั้นก็ตนเองได้มีเส้นทางใหม่สู่โอกาสในทางธุรกิจ
ในความรู้สึกระดับหนึ่ง หลินหยางก็คือผู้มีพระคุณของไป๋เซียนเฉ่า และก็หลังจากที่เธอเปิดใจ ก็เป็นผู้ชายคนแรกที่เข้ามาอยู่ในใจของตน
สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วไป๋เซียนเฉ่าก็โทรศัพท์ไปหาหมายเลขหนึ่ง
“พ่อคะ ใช้ความสัมพันธ์ในครอบครัว ช่วยหนูสืบเรื่องหนึ่ง เมื่อคืนตอนสองทุ่มห้าสิบหก เกิดอุบัติเหตุรถชน ตรงถนนซงโข่วเมืองเจียงหลิง ใครเป็นคนชน สืบความเป็นไปเป็นมาทั้งหมดให้กระจ่าง”
“หา? ทำไมถึงได้สนใจเรื่องนี้ขึ้นมา? ผู้ตายคือใคร?” เสียงผู้ชายที่สงบ แต่เป็นเหมือนแม่เหล็กดังมาจากโทรศัพท์
“เขาเป็นคนที่มีบุญคุณต่อหนู และเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของหนู สำคัญต่อหนูมาก พ่อช่วยหนูเถอะ” ไป๋เซียนเฉ่าพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น ทำให้คนตรงข้ามนิ่งเงียบไป
“ได้ เรื่องนี้พ่อช่วยหนูได้ แต่หลังจากที่พ่อสืบกระจ่างแล้ว ลูกต้องกลับมาอยู่บ้านสักพัก”
ไป๋เซียนเฉ่าเงียบไปสักพัก แล้วกัดฟันพูดว่า “หากสามารถสืบความได้กระจ่าง ปลายปีนี้หนูจะกลับไป”
“ฮ่าๆ ได้ รู้ผลภายในสามวัน เสี่ยวเฉ่าตอนนี้ลูกเป็นยังไงบ้าง?”
หลังจากคุยกับพ่อได้สองสามคำก็วางสายเพราะขาดความสนใจ การตายของหลินหยาง ส่งผลกระทบต่อเธออย่างมาก
จางเยว่กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน แล้วโทรศัพท์ภายในห้องทำงานก็ดังขึ้น แปลกใจว่าใครกันที่โทรมาหาตั้งแต่วันแรก เมื่อเห็นหมายเลขบนนั้น สีหน้าจางเยว่เปลี่ยนไป หมายเลขนั้น เป็นหมายเลขของคนที่มีอิทธิพลในยันจิง
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่จางเยว่ก็รู้ว่านี่เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของทหาร สูดหายใจเข้าลึกๆ จางเยว่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “สวัสดีค่ะ ดิฉันจางเยว่ ผู้อำนวยการ สถานีตำรวจเมืองเจียงหลิง”
“สวัสดีท่านผู้อำนวยการจาง ผมคือไป๋ชิงเฟิง เมื่อคืนตอนสองทุ่มห้าสิบหกนาทีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ที่เจียงหลิง หวังว่าพวกคุณจะสามารถสืบค้นหาความจริง หาตัวคนร้ายออกมาโดยเร็วที่สุด”
เสียงอันเคร่งขรึมดังมาจากโทรศัพท์ จางเยว่ได้ยินแล้วก็ตกใจ คนคนนี้คือไป๋ชิงเฟิง?