บทที่ 200 กลัวจนฉี่ราด
เมื่อโดนหลินหยางปล่อยอะไรออกมา ไป๋เซียนเฉ่าตกใจจนสะดุ้ง เธอลุกขึ้นมาควานหาทิชชู หลินหยางกลั้นขำแล้วหยิบทิชชูออกมาจากกระเป๋า จากนั้นจึงยื่นให้เธอ หญิงสาวเช็ดด้วยความหงุดหงิด หลังจากนั้นจึงกัดไปที่หน้าอกของหลินหยาง ตรงนี้ถูกเธอกัดจนเป็นวง
“เธอเป็นฝ่ายเริ่มเองนะ” หลินหยางพูดปัดความรับผิดชอบ
“ไอ้เลว แล้วทำไมนายไม่เตือนฉันก่อน ถ้าเป็นแบบนี้อีก อย่าหวังว่าจะมีครั้งหน้า!” ไป๋เซียนเฉ่าพูดอย่างหงุดหงิด
หลินหยางใจกระตุก ถ้าพูดอย่างนี้ก็แสดงว่ายังมีครั้งหน้างั้นเหรอ
ไป๋เซียนเฉ่าเห็นเขายิ้มแหยๆ ก็รู้สึกพอใจ ทำให้คนที่ตัวเองรักมีความสุขนั่นแหละคือสิ่งที่มีความสุขที่สุดแล้ว
ทั้งสองคนสุขสมกันอยู่ข้างในไม่หยุด ขณะนั้นก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังอยู่ข้างนอก
หลินหยางรีบดึงกางเกงขึ้นมา เขาเอานิ้วแตะที่ปากเพื่อเป็นการบอกไป๋เซียนเฉ่าว่าอย่าเอะอะ เดี๋ยวเขาจัดการเอง
หลินหยางเดินออกมา ในร้านขายชุดชั้นในข้าวของกระจายเต็มไปหมด ชั้นวางสินค้าล้มเอียง บนพื้นเต็มไปด้วยเสื้อในสวยๆ แต่คนที่อยู่โดยรอบสีหน้าไม่สู้ดี ชายอ้วนหัวล้านชี้ไปที่พนักงานที่อยู่ในร้านแล้วด่าออกมาว่า “อะไรของแก ฉันมาซื้อของในร้าน แกมายุ่งอะไร ทำไมฉันถึงจับไม่ได้ ฉันซื้อให้เมียฉันไม่ได้หรือไง”
“ขอโทษด้วยค่ะคุณผู้ชาย นี่เป็นสินค้าของผู้หญิง คุณซื้อให้ภรรยาของคุณได้ แต่คุณไม่สามารถเอาชุดชั้นในยัดเข้าไปในเสื้อของคุณนะคะ” พนักงานพูดอย่างนอบน้อม
หลินหยางเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าจะมีไอ้แก่หื่นกามมาที่นี่ ตลกสิ้นดี ชายอ้วนหัวล้านหน้าแดง เขาทั้งอายทั้งโกรธ “ใครบอกว่ายัดเข้าไปในเสื้อ พวกแกมีหลักฐานอะไร”
“คุณผู้ชายคะ ที่นี่มีกล้องวงจรปิด คุณกรุณาเอาชุดชั้นในคืนเรามาเถอะค่ะ” พนักงานพูดอย่างเหนื่อยใจ
เมื่อหลินหยางเงยหน้าขึ้นก็เจอกับกล้องวงจรปิดที่อยู่บนหัวเขา เมื่อนึกถึงฉากรักอันร้อนแรงในห้องลองเสื้อ จิตใจของเขาปั่นป่วน และนึกได้ว่ากล้องวงจรปิดที่อยู่ข้างนอกไม่สามารถบันทึกภาพข้างในห้องลองเสื้อได้
ฉีเยนเอ๋อร์ช่วยพูดอยู่ข้างๆ “ทำไมคุณไร้ยางอายแบบนี้ คุณเอาชุดชั้นในยัดเข้าไปในเสื้อของตัวเอง ลูกค้าคนอื่นจะกล้าเอาไปลองได้ยังไง คุณผู้จัดการร้านรีบแจ้งตำรวจเลย คุณพูดกับคนที่ไร้เหตุผลแบบนี้ไม่ได้หรอก”
ชายอ้วนสายตาลุกลี้ลุกลน เขาชี้หน้าฉีเยนเอ๋อร์แล้วพูดว่า “ผู้หญิงชั้นต่ำ ฉันจะซื้อของแกมายุ่งอะไร แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร หลีกไปซะ!”
ชายอ้วนยกมือขึ้นและจะตบฉีเยนเอ๋อร์ ยังดีที่การกระทำของหลินหยางรวดเร็ว เขาพุ่งเข้าไปจับแขนของชายอ้วนเอาไว้
“โอ๊ย ไอ้เวรปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะให้คนมาหักกระดูกแก” ชายอ้วนร้องออกมา
หลินหยางหันไปมองฉีเยนเอ๋อร์ที่กำลังตกใจ จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “ไม่ได้โดนคุณใช่ไหม”
ฉีเยนเอ๋อร์ตั้งสติแล้วส่ายหน้าเบาๆ การกระทำของผู้ชายคนนี้ว่องไวจริงๆ เขาขวางฝ่ามือของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว
หลินหยางบิดแขน ชายอ้วนหัวล้านจนมันคุกเข่าลงไปบนพื้น ความเจ็บแล่นเข้ามาตรงไหล่ของมัน
“โอ๊ย ฉันผิดไปแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันผิดไปแล้ว” ชายอ้วนหัวล้านเห็นท่าไม่ดีจึงพูดออกมา
หลินหยางแสยะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “แกเก่งไม่ใช่เหรอ ไปเรียกคนมาหักกระดูกฉันสิ”
“กลัวแล้ว กลัวแล้ว ฉันแค่ล้อเล่น นายปล่อยฉันไปเถอะ” ชายหัวล้านไม่สนศักดิ์ศรีของตัวเองแล้ว เขาพูดร้องขอชีวิต
หลินหยางถีบออกไป ชายอ้วนกลิ้งอยู่บนพื้นและนอนครวญครางอยู่บนพื้น ถีบของหลินหยางไม่เบาเลย
“รีบจ่ายค่าชุดชั้นในที่แกยัดเข้าไปในเสื้อ และชดใช้ค่าเสียหายของชั้นวางสินค้าพวกนี้ด้วย แล้วฉันจะปล่อยแกไปเสวยสุขอะไรของแกก็ตามใจ” หลินหยางพูดอย่างฉุนเฉียว
ชายอ้วนหัวล้านไม่ยอมลุกขึ้นมา หลินหยางเริ่มโมโห เขาใช้มือดึงคอเสื้อของชายอ้วนขึ้นมา จากนั้นตวาดออกมาว่า “ไอ้นี่ ต้องให้ความตายมารอตรงหน้าฉันไหมแกถึงจะทำ”
“ฉะ ฉันไม่ได้พกเงินมาเยอะขนาดนั้น” ชายหัวล้านหน้าซีด
หลินหยางดูไม่ค่อยจะเชื่อ เขาหันไปถามผู้จัดการร้าน “ไอ้นี่มันต้องชดใช้ค่าเสียหายเท่าไร”
“ชุดชั้นในไหมแท้สองตัว ส่วนชั้นวางสินค้าและอื่นๆ รวมๆ ทั้งหมดก็หนึ่งหมื่นแปดพัน” ผู้จัดการร้านพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ชุดชั้นในตัวละเกือบหมื่น ไอ้อ้วนนี่ช่างเลือกจริงๆ หลินหยางถอนหายใจอยู่ในใจ เขาบีบของคอชายอ้วนจากนั้นจึงตวาดออกมาว่า “แกมีสองทาง ทางแรกคือให้คนเอาเงินมา ทางที่สองคือฉันจะส่งแกไปสถานีตำรวจ”
ชายอ้วนไม่มีทางเลือกอื่น มันจำใจต้องหยิบมือถือขึ้นมา จากนั้นจึงโทรเรียกให้เพื่อนเอาเงินมา
หลินหยางจึงปล่อยมันให้เป็นอิสระ ใครจะไปคิดว่าชายอ้วนจะกะเวลาอย่างแม่นยำ มันรีบวิ่งเข้าหนีเข้าไปในลิฟต์อย่างรวดเร็ว ความเร็วช่างมันเข้ากับรูปร่างของมันเลยแม้แต่น้อย
ผู้จัดการร้านสีหน้าตกใจ นี่มันอะไรกัน หลินหยางยักไหล่ ขณะนั้นไป๋เซียนเฉ่าก็เดินออกมา เธอถามออกมาขณะที่หน้าแดงระเรื่อ
“ไม่มีอะไร เจอพวกโรคจิตน่ะ พวกเธอไปชอปปิงต่อเถอะ” หลินหยางยิ้มแล้วพูดออกมา
ฉีเยนเอ๋อร์มองไป๋เซียนเฉ่า เธออดที่จะอิจฉาขึ้นมาไม่ได้ ผู้หญิงจะเผยความงดงามออกมาหลังจากที่ได้ร่วมเสพสุข หรือว่าเธอจะ…
ไป๋เซียนเฉ่าพูดอย่างไม่มีอารมณ์ว่า “ฉันเหนื่อยนิดหน่อย ชอปปิงมาพอสมควรแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”
ฉีเยนเอ๋อร์อดสงสัยไม่ได้ว่าสองคนนี้จะกลับไปเสพสุขกันต่อหรือเปล่า เห็นไป๋เซียนเฉ่ากอดหลินหยางด้วยความรักใคร่ เธอรู้สึกหัวใจบีบแน่น เหมือนจะมีอะไรเปียกชื้นอยู่ในร่างกาย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเดี๋ยวเธอต้องกลับไปเปลี่ยนชุดชั้นใน
ทั้งสามคนเพิ่งจะเดินออกมาหน้าห้างสรรพสินค้า ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาหาพวกเขา หลินหยางตาดี เขามองเห็นชายอ้วนหัวล้าน เขารีบก้าวเข้ามายืนข้างหน้าหญิงสาวทั้งสองคน “พวกเธอระวังด้วย ไอ้งั่งนั่นมาอีกแล้ว”
ไป๋เซียนเฉ่ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวเหมือนกันที่อยู่ตรงหน้าอย่างประหลาดใจ กลุ่มคนท่าทางดุร้ายและน่ากลัว ดูเหมือนพวกมันจะไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย ฉีเยนเอ๋อร์ถูกหลินหยางดันไปข้างหลัง เธอโผล่หน้าออกมาแล้วยิ้มมุมปาก เธอรู้สึกว่าในเวลานี้ผู้ชายคนนี้พึ่งพาได้จริงๆ
ชายอ้วนหัวล้านชี้มาที่หลินหยางแล้วตะโกนออกมาว่า “แกอย่าคิดหนีไปไหนเลย พวกเราไอ้เวรนี่แหละ พวกแกไม่ต้องเมตตามัน เอามันให้ตาย!”
หลินหยางประหลาดใจเล็กน้อย เพราะความปลอดภัยของเมืองเจียงหลิงถือว่าไม่เลว ไอ้พวกกลุ่มอิทธิพลมืดไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามช่วงกลางวันแสกๆ แต่เมื่อเขาคิดไปคิดมาก็เข้าใจทันที เมื่อราชาไม่อยู่ ไอ้พวกอันธพาลก็ออกอาละวาด เหลยหยุนล้มแล้ว ถิ่นของมันจึงโดนไอ้พวกที่เมื่อก่อนไม่กล้าทำอะไรก็เริ่มเหิมเกริม แถมยังเหิมเกริมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ดูเหมือนว่าวันนี้หลินหยางจะต้องสั่งสอนไอ้พวกงั่งนี้ให้รู้ถึงความเป็นคน เขาแสยะยิ้มออกมา “พวกแกจะเข้ามาพร้อมกันหรือจะเข้ามาทีละคน”
“อย่าไปสนใจมัน เข้าไปพร้อมกันเลย!” ชายอ้วนหัวล้านตะโกนออกมา
ไอ้พวกอันธพาลกรูกันเข้ามา หลินหยางไม่ได้ใช้กำลังภายใน เขาใช้หลงเถิงฟ่งอู่ของตัวเอง ใช้วิชาที่งดงามเช่นนี้จัดการพวกมันก็เหลือเฟือแล้ว สองคนแรกที่พุ่งเข้ามาหาหลินหยาง พวกมันยังมันทันแตะโดนปลายเสื้อของหลินหยางก็โดนเข้าเตะออกไป ส่วนคนที่เข้ามาอีกก็โดนซัดกลับไปเพียงครั้งเดียว สุดท้ายก็พากันนอนกองอยู่บนพื้น การต่อสู้ครั้งนี้เหมือนกับอินทรีจับลูกไก่อย่างไรอย่างนั้น เหมือนหลินหยางกำลังข่มเหงอันธพาลพวกนั้น
เมื่อชายอ้วนหัวล้านเห็นท่าไม่ดี มันหันหลังเตรียมจะวิ่งหนี แต่มันจะหนีรอดได้อย่างไร หลินหยางก้าวเข้าไปจับมันไว้
“ไอ้อ้วน จะหนีอีกไหม” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“มะ ไม่หนีแล้ว” ชายอ้วนรู้ดีว่าตัวเองเจอของแข็งแล้ว
ครั้งนี้ไม่ใช่ของแข็งธรรมดาด้วย หลินหยางใช้มือบีบ ชายอ้วนเหมือนลูกไก่ เท้าทั้งสองข้างของเขาค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้น เขาตกใจจนฉี่เกือบราด
หลินหยางจ้องแล้วพูดกับชายอ้วนว่า “ที่นี่เป็นสถานที่คึกคักและเป็นที่นิยมไม่กี่ที่ในเมืองเจียงหลิง พวกแกกล้ามาเหิมเกริมที่นี่ คิดว่าไม่มีใครกล้าจัดการพวกแกหรือไง พวกแกอยู่แก๊งอะไร”
“ลูกพี่ ผมผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ พวกเราคือแก๊งหัวล้าน ต่อไปพวกเราจะไม่มาสร้างความวุ่นวายที่นี่อีก” ชายอ้วนคิดว่าหลินหยางเป็นคนระดับสูงในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
หลินหยางถ่มน้ำลายออกมาแล้วพูดว่า “พวกแกมันแก๊งไร้ผมแถมยังจิตไม่ปกติ แกรู้ไหมทำไมเหลยหยุนถึงหนีไป ถ้าฉันเห็นแก๊งของพวกแกออกมาสร้างความวุ่นวายอีก พวกแกจะน่าสมเพชยิ่งกว่าเหลยหยุนสิบเท่า!”
ชายอ้วนตัวสั่นเทิ้ม ตอนนี้กางเกงของมันเปียกไปหมดแล้ว แถมยังมีของเหลวสีเหลืองหยดลงมาตามกางเกงของมัน
หลินหยางปล่อยมือออกอย่างรังเกียจ ชายอ้วนกลิ้งหลุนๆ ลงไปบนพื้น พวกนักเลงช่วยกันพยุงเขาขึ้นมาแล้วพากันวิ่งหนีไป
เมื่อพวกนักเลงวิ่งหนีไป ไป๋เซียนเฉ่ายิ้มหวานแล้วพูดออกมาว่า “ผู้ชายของฉันสุดยอดไปเลย!”
กระดี๊กระด๊าอะไร ทำเป็นโชว์หวานขึ้นมาทันที! ฉีเยนเอ๋อร์ก่นด่าอยู่ในใจ แต่ปากของเธอกลับเอ่ยออกมาว่า “หลินหยาง นายเก่งจริงๆ”
คนรอบๆ พากันปรบมือให้เขา ดูเหมือนว่าไอ้พวกนั้นจะมาแสดงความเหิมเกริมไว้ที่นี่ไม่น้อยเลย หลินหยางรีบลากหญิงสาวทั้งสองคนออกมา เขาไม่อยากโดดเด่นในสายตาของผู้คน
ที่ลานจอดรถ ฉีเยนเอ๋อร์พูดกับหลินหยางว่า “หลินหยาง รอดูนายโชว์ความฉลาดหลักแหลมออกมาในวันพรุ่งนี้นะ”
ไป๋เซียนเฉ่าพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “วางใจเถอะ เขาไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง”
ถึงหลินหยางจะไม่ค่อยสนใจกับงานประชุมทางการแพทย์จีนสักเท่าไร แต่ในเมื่อสองสาวสวยแสดงความคาดหวังออกมาเช่นนี้ งั้นเขาคงจะต้องเตรียมตัวให้ดีแล้วล่ะ หลังกลับถึงบ้านเขาดูโน้ตเกี่ยวกับการแพทย์ที่ได้รวบรวมไว้ด้วยตัวเอง จากนั้นจึงเขียนคำกล่าวออกมาอย่างง่ายๆ เขาไม่มีปัญหาที่จะต้องเจอกับคนในงาน แต่คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะคิดผิด!
เมื่องานประชุมแพทย์จีนเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ หลินหยางขับรถไปที่งานเพียงคนเดียว คิดไม่ถึงว่าฉีเยนเอ๋อร์จะรอเขาอยู่ที่หน้างาน และเธอเป็นคนพาเขาเข้าไปในงานด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าคนที่หลานสาวของผู้จัดงานเป็นคนพาเข้ามาด้วยตัวเองจะเป็นจุดสนใจของผู้คนในงาน คนที่มาร่วมงานส่วนใหญ่จะเป็นผู้อาวุโสและคนที่มีผลงานโดดเด่น เด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจมาเข้าร่วมงาน คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาคือผู้ที่ขอเข้ามาฟัง
แต่ทว่าหลินหยางถูกเรียกไปบนเวที ซึ่งทำให้ทุกคนไม่อยากจะเชื่อและมองเขาอย่างประเมิน และพากันคิดว่าไอ้เด็กคนนี้มาจากไหน แน่นอนว่ามีคนที่รู้จักเขา อย่างเช่นหยังวั่นเฉียนที่นั่งอยู่บนเวที เขาจับมือทักทายและพูดคุยกับหลินหยาง
คนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทำให้งานเริ่มมีเสียงดังโหวกเหวก เมื่อเห็นว่าผู้คนที่อยู่ด้านล่างพากันพูดถึงเขา หลินหยางหน่ายใจเล็กน้อย เขาไม่ได้อยากจะมาทำตัวเด่นที่นี่สักหน่อย ตอนแรกเขาแค่อยากมาแสดงความคิดเห็นของตัวเองที่นี่เท่านั้น เด็กหนุ่มอย่างเขาจะได้ไม่โดนทุกคนตำหนิใส่ ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนเวทีและกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน
เขากำกระดาษสองแผ่นที่มีสิ่งที่ต้องพูดอยู่ในนั้น เดี๋ยวเมื่อถึงตอนที่ต้องพูดเขาคงจะพูดไม่ถึงสามนาทีก็จบแล้ว
ตอนที่เขากำลังกังวล งานประชุมเริ่มขึ้นโดยมีศาสตราจารย์เป็นพิธีกร ฉายาของเขาคือสามเข็มปีศาจ เป็นแพทย์จีนอาวุโสที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ชายชราคนนี้น่าสนใจจริงๆ พอขึ้นมาก็เริ่มติทันที เขาบอกว่าจุดตกต่ำของการแพทย์แผนจีนคือไม่มีผู้สืบทอด แต่จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องแล้วชี้ไปที่หลินหยาง “แต่วันนี้ผมพูดสามารถพูดให้ทุกคนฟังอย่างภูมิใจว่ามีคนหนุ่มที่ยืนหยัดและตั้งใจที่จะสืบทอดการแพทย์แผนจีนที่เป็นเลิศของพวกเรา ต่อไปขอเชิญหลินหยางแห่งเมืองเจียงหลิงขึ้นกล่าวได้เลยครั