บทที่204 เข้าร่วมหุ้น
หลินหยางตกตะลึงคำพูดของไป๋เซียนเฉ่าที่เหมือนเธอรู้อะไรบางอย่าง!
เธอสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้ว เธอจ้องเขม็งไปที่หลินหยางแต่มุมปากของเธอยังประดับด้วยรอยยิ้ม
หลินหยางเกาท้ายทอย แล้วยิ้มแหยก่อนจะพูดว่า “ผมแข็งแรงดี จะหมดแรงได้ยังไงกัน!”
“ นั่นก็ไม่แน่หรอกค่ะ วันนี้คุณใช้แรงออกกำลังกายไปมาก ถ้าทำคุณเหนื่อยคนที่จะเป็นห่วงคุณคงไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว” ไป๋เซียนเฉ่าพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หลินหยางยิ้มและพูดว่า “ผมไม่เหนื่อยครับ ผมไม่เหนื่อย กลับบ้านไปผมยังวิดพื้นได้หลายร้อยครั้งเลย”
ไป๋เซียนเฉ่าตะคอก: “คุณดูแลเจ้าน้องชายของคุณให้ดีๆ ถ้าคุณยังสร้างปัญหาอีก คุณจะจัดการไหวหรือไง แม่จิ้งจอกสาวนั้นก็ร้ายจริงๆ ที่หลอกเอาคุณไปกินตอนฉันหลับ?”
“ไม่ใช่นะครับ … ในตอนแรกเธอเป็นลมจริงๆ แต่ … “ หลินหยางยิ้มแหยแล้วพูดต่อ
“ แต่เธอจ้องจะกินผู้ชายเจ้าชู้อย่างคุณใช่ไหม!” ไป๋เซียนเฉ่าจ้องหน้าเขา
หลินหยางพูดไม่ออก นับตั้งแต่ฝึกฝนพลังมังกรและหงส์เขามักจะไม่สามารถควบคุมความต้องการของตัวเองได้ และด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่กล้าที่จะบอกกับ ไป๋เซียนเฉ่า
“เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรบอกกับเธอว่าฉันจะจากไปในช่วงปลายปี แต่คุณอย่าได้ใจไป ฉันอาจจะเริ่มเบื่อคุณ แล้วหนีกลับบ้านก่อนตรุษจีน และทิ้งคุณไปเลยก็ได้” ไป๋เซียนเฉ่าจับใบหน้าของหลินหยางแล้วพูด
หลินหยางดึงเธอเข้ามากอดไว้ ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมของเธอแล้วพูดว่า “ขอบคุณสำหรับความอดทนของคุณ และถึงแม้คุณจะไม่ยกโทษให้ผม ผมก็จะตามคุณไปทุกที่ แม้ว่าคุณจะอยากทิ้งผมไปจริงๆ ผมก็จะตามคุณไปที่บ้าน แล้วพาคุณกลับมาให้ได้”
เพราคำพูดประโยคนี้ ทำให้ ไป๋เซียนเฉ่า รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก เธอกระพริบตาแล้วพูด “คุณต้องทำตามที่คุณพูดด้วย ห้ามผิดสัญญาเด็ดขาด”
หลินหยางพยักหน้าแล้วพูด “พูดจริงทำจริงแน่นอนครับ จริงด้วย … ฉีเยนเอ๋อร์อยากทำเหมือนคุณ เธออยากทำธุรกิจที่เป็นของเธอเองผมมองถึงอิทธิพลของตระกูลฉีในโลกธุรกิจ เลยจะให้เธอร่วมหุ้นกับบริษัทเรา คุณคิดว่ายังไงครับ”
ไป๋เซียนเฉ่านิ่งคิดก่อนจะพยักหน้าให้แล้วพูดว่า “ฮึ ถือว่าคุณยังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ถึงได้คิดเพื่อบริษัทบ้าง คราวนี้ฉันจะถือว่าคุณขายหน้าตาเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมก็แล้วกัน”
“ อะไรคือขายหน้าตาเพื่อประโยชน์ส่วนรวมกัน เห็นผมเป็นคนแบบนั้นหรือไง” หลินหยางพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“โอเค ถือว่าฉันเข้าใจคุณผิดไป แต่จิ้งจอกน้อยตัวนี้ อย่ามองว่าเธออ่อนโยนและฉลาดมา ที่จริงแล้วเจ้าเล่ห์มาก! คุณจะเข้าเธอไม่ได้รู้ไหม?” ไป๋เซียนเฉ่าพูด
หลินหยางพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา!”
ในขณะนี้ ฉีเยนเอ๋อร์กำลังหน้าแดงเดินเข้ามาในบ้าน เธอทักทายฉีหวนแล้วเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของเธอทันที ฉีเยนเอ๋อร์ ไม่ได้ออกมาอีกเลย จนถึงอาหารค่ำ ฉีหวน เคาะประตูด้วยความกังวลและเอ่ยถาม “เยนเอ๋อร์เป็นอะไรรึเปล่า สบายดีไหม”
“คุณปู่คะ หนูสบายดีค่ะ หนูแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยค่ะ” ฉีเยนเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
ผลของการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงเมื่อช่วงกลางวัน และเธอยังเป็นมือใหม่ด้วย อาการเจ็บและบวมทำให้เธอไม่มีแรงที่จะเดินลงจากเตียง
“ ถ้าอย่างนั้นปู่จะให้คนยกเข้ามาให้ หลานอยากกินอะไร!” ฉีหวนถอนหายใจ
ฉีหวน เรียกพี่เลี้ยงเก่าของฉีเยนเอ๋อร์และสั่งการ “ยกอาหารเย็นไปให้ เยนเอ๋อร์ นอกจากนี้ … เธอคอยสังเกตด้วย เยนเอ๋อร์ … มีอะไรที่กำลังกังวลอยู่หรือเปล่า”
“คุณผู้ชายคะ คุณผู้ชายอยากจะถามคุณหนูใช่ไหมคะว่ามีแฟนหรือเปล่า”ป้าจางเข้าใจความคิดของเจ้านายดี
ฉีหวนส่ายหน้ายิ้มเศร้า ก่อนจะพูด “หลายวันมานี้ท่าทางของเธอดูเหม่อลอย จะให้ฉันวางใจได้ยังไงกัน”
“จากที่ดิฉันเห็นคุณหนูเดินเข้ามาเมื่อตะกี้ ดิฉันคิดว่ามีโอกาสเจ็ดถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นอย่างที่คุณผู้ชายคิดค่ะ” ป้าจางก้มหน้าพูด
ฉีหวนมีท่าทางตกใจไม่น้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วพูด “หลานสาวคนนี้ ฉันจับเธอขังไว้ในกรงนานเกินไป แต่กลับได้พบกับพ่อหนุ่มคนนั้น นี่มันคือพรหมลิขิต ช่างเถอะ ให้พวกเขาจัดการกันเอาเองก็แล้วกัน”
ป้าจางยกอาหารเย็นเข้ามาในห้องนอนของฉีเยนเอ๋อร์ ที่ตอนนี้กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่
“คุณหนูคะ ถึงเวลากินข้าวเย็นได้แล้วค่ะ มีข้าวเหนียวคลุกโป๊ยเซียนกับของหวานที่คุณหนูชอบด้วยนะคะ” ป้าจางพูดขึ้นมา ฉีเยนเอ๋อร์มองไปที่ถาดอาหาร ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูด “หนูไม่หิวค่ะ ป้าจางบอกหนูมาซะดีๆ ว่าคุณปู่สั่งให้มาหลอกถามอะไรหนูคะ”
ปู่หลานสองคนนี้อ่านความคิดของอีกฝ่ายออกอย่างง่ายดายจริงๆ ป้าจางพูดยิ้มๆ “คุณผู้ชายฉลาดมากแค่ไหน คุณหนูก็ฉลาดกว่าค่ะ อย่าเพิ่งถามเลยนะคะ ถ้าคุณหนูอยากรู้คำตอบ คุณหนูก็กินข้าวให้เสร็จก่อน แล้วป้าจะบอก”
ฉีเยนเอ๋อร์เบ้ปาก ก่อนจะขยับถาดอาหารเข้ามาแล้วตักเข้าปาก ก่อนจะพูด “ป้าจาง รีบบอกสิคะ”
“ก็ได้ค่ะ ก็ได้ คุณผู้ชายท่านอยากทราบว่าคุณหนูมีแฟนหรือยัง ป้าเห็นท่าทางของคุณหนู คุณหนูน่าจะแอบชอบคุณชายรูปหล่อคนใดคนหนึ่งอยู่แน่ๆ จริงไหมคะ” ป้าจางถามลองเชิง
ฉีเยนเอ๋อร์พูดขึ้นอย่างงอลๆ “ไม่ทำอย่างนี้กันสิคะ คุณปู่นี่ล่ะก็ หนูโตแล้วนะคะ”
“คุณหนูคะ ตั้งแต่ที่คุณหนูหายป่วย คุณผู้ชายก็ดีใจมาก ท่านยังคิดถึงอดีตที่ผ่านมา คุณหนูสามารถไปคุยกับท่านได้ค่ะ ท่านเป็นคนฉลาด จะต้องให้อิสระคุณหนูแน่นอน”ป้าจางพูด
พอได้ยินแบบนี้ ฉีเยนเอ๋อร์ก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้ง ไม่นานเธอก็ตักข้าวกินจนหมดชาม
วันต่อมา ฉีเยนเอ๋อร์ ก็เดินเข้าไปคุยกับ ฉีหวนอยู่นาน ก่อนที่บ่ายของวันนั้นเธอจะยิ้มหน้าบานขับรถตรงไปที่เซียนเฉ่าเก๋อ
ไป๋เซียนเฉ่ากับหลินหยางกำลังคุยกันเรื่องการผลิตสินค้าอยู่ ฉีเยนเอ๋อร์พุ่งตัวเข้ามาเหมือนลม
“หืม คุณฉีเยนเอ๋อร์อาการดีขึ้นแล้วเหรอคะ แขนขาไม่ปวดเมื่อยแล้วเหรอ”ไป๋เซียนเฉ่ายังมีอาการหึงหวงเล็กน้อย
“ความปิติยินดีทำให้มีแรงฮึดสู้ค่ะ ร่างกายก็เลยดีขึ้นแล้ว ประธานไป๋คะ ดิฉันมีเรื่องจะมาคุยกับพวกคุณค่ะฉีเยนเอ๋อร์มองไปทางหลินหยางแล้วพูด
หลินหยางขยับที่ว่างให้ฉีเยนเอ๋อร์นั่งลง เธอนั่งลงข้างๆหลินหยางอย่างพึงพอใจ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ดิฉันมาในฐานะตัวแทนธุรกิจฉีซื่อกรุ๊ป ทางเราต้องการซื้อหุ้นในเซียนเฉ่าเก๋อ ด้วยเงินสองร้อยล้านและสิทธิพิเศษในการจัดจำหน่ายสูงสุดผ่านช่องทางเศรษฐกิจและการค้าของธุรกิจฉีซื่อกรุ๊ปค่ะ”
ข้อเสนอนี้ถือว่าน่าสนใจมากสำหรับเซียนเฉ่าเก๋อ ธุรกิจฉีซื่อกรุ๊ปถือเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านเศรษฐกิจการค้า สินค้าที่ค้าขายค่อนข้างเยอะถึงแม้ไป๋เซียนเฉ่าจะได้รับความช่วยเหลือจากหลิวจิ่น ในการควบคุมด้านเครื่องสำอางทั่วทั้งเมืองเจียงหลิงแต่ก็ยังขาดบริษัทแบบธุรกิจฉีซื่อกรุ๊ปในการช่วยเหลือ
“ประธานหลิน คุณคิดว่ายังไงคะ” คำเรียกที่ไป๋เซียนเฉ่าใช้เปลี่ยนไปทันที。
หลินหยางที่กำลังนั่งนิ่งเฉยพูด “เอ่อ…ข้อเสนอไม่เลวเลยครับ แต่เรื่องเปอร์เซ็นต์หุ้น คุณฉีคิดเห็นอย่างไรครับ”
ฮึ คนบ้านี่ กินเนื้อคนยังไม่ยอมคายกระดูกทิ้ง วันนี้พูดจาเย็นชาจริงๆ ฉีเยนเอ๋อร์รู้สึกไม่ชอบใจ เธอแสดงเจตจำนงอยู่ที่หุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์
ไป๋เซียนเฉ่าไม่ตอบรับ เธอส่ายหน้าแล้วพูด “คุณฉี,เรื่องธุรกิจต้องคุยกันตามจริงค่ะ,พวกเราจะเอาบุญคุณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้เด็ดขาด ประธานโจคิดว่าถูกไหมคะ”
“เรื่องทดแทนบุญคุณ… ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ เรื่องหุ้นส่วนเราเจรจากันได้”หลินหยางพูดด้วยท่าทางเหยเก
ฉีเยนเอ๋อร์รู้สึกผิดเล็กน้อยความไม่พอใจที่มีเธอก็พูดตอนนี้ไม่ได้ ทำให้สิทธิ์ในการเจรจาลดลง และตอนเจรจาต้องพึ่งความน่าเชื่อถือ วันนี้ฉีเยนเอ๋อร์มาตัวคนเดียว ไม่ได้พานักประเมินหุ้นกับทนายความมาด้วย จึงทำให้เธอตกเป็นรองให้กับอีกฝ่าย
ไป๋เซียนเฉ่ามีประสบการณ์ทำงานในด้านนี้มาก่อนเธอ แน่นอนว่าต้องไม่ปล่อยให้เธอได้เปรียบกว่า เธอชี้นิ้วไปที่ตัวเลข “ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ได้แค่จำนวนนี้เท่านั้น เดิมทีประธานหลินกับฉันก็ถือหุ้นกันคนละห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นธุรกิจที่เราสองสามีภรรยาสร้างขึ้นมา ตอนนี้พวกเรายอมแบ่งออกมายี่สิบเปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยแล้ว ”
คำพูดนี้เหมือนกำลังจะบอกว่าฉีเยนเอ๋อร์ก็คือมือที่สามที่แทรกเข้ามา ในใจฉีเยนเอ๋อร์ไม่ชอบใจมาก แต่เธอก็โต้กลับไม่ได้ ในเวลานี้เองไป๋เซียนเฉ่าก็หยิบบัญชีบริษัทออกมาโยนลงบนโต๊ะ รวมรายได้และยอดเงินทั้งหมดของบริษัทแล้วก็อยู่ที่เจ็ดพันล้านแล้ว ฉีเยนเอ๋อร์เห็นแล้วตกใจไม่น้อย ทำให้สิทธิ์ในการพูดต่อรองของเธอลดลงไปอีก
“เห็นหรือยังค่ะ ไม่ใช่ว่าฉันเอาเปรียบคุณนะ ถึงจะไม่มีเงินก้อนนี้ของคุณ แค่สินทรัพย์ไม่มีตัวตนของครีมแผลลายเรา ก็เทียบเท่ากับเงินก้อนนี้แล้ว นั่นก็เท่ากับว่า คุณได้เปรียบมาก” ไป๋เซียนเฉ่าเอ่ยพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยเต็มใจ “
เรื่องนี้เรียกได้ว่าไป๋เซียนเฉ่ากำลังรังแกฉีเยนเอ๋อร์เพิ่งเข้ามาในวงการนี้ ในรายการบัญชีชุดนี้เป็นข้อมูลยังไม่ได้ยังไม่ได้หักลบ ส่วนใหญ่เป็นหนี้สินของบริษัท นอกจากนี้เพราะตึกนี้เป็นพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรือง ตึงมีการคำนวณมูลค่าเพิ่มของอาคารนี้เข้าไปด้วย ส่งผลให้จำนวนเงินมากถึงขนาดนี้
ฉีเยนเอ๋อร์ไม่กล้าที่จะยืนกรานต่อไป จึงพูดเสียงอ่อน “ประธานไป๋ยืนกรานจะให้แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์จริงๆเหรอคะ”
“ฉันยืนกรานอย่างนั้นเหรอคะ ฉันแค่ไม่อยากให้ประธานหลินผิดหวัง ไม่อย่างนั้นคุณจะให้เงินมากแค่ไหนฉันก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างคุณเข้ามาในบริษัทแน่นอนค่ะ”ไป๋เซียนเฉ่าพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ก็ได้ค่ะ ประธานไป๋ ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ งั้นผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างฉันคนนี้ก็ตกลงตามที่คุณเสนอมา”ฉีเยนเอ๋อร์พูดด้วยท่าทางเต็มอกเต็มใจ
หลินหยางกระแอมเบาๆก่อนจะพูด“ในเมื่อตกลงกันแล้ว งั้นก็ขอต้อนรับคุณฉีเข้าร่วมกับพวกเรานะครับ จากนี้ไปก็ถือเป็นคนกันเองแล้วนะครับ”
“แน่นอนค่ะ ประธานไป๋คะ ฉันเองก็ไม่เรียกร้องห้องทำงานที่ใหญ่โตอะไรมากเหมือนห้องของคุณ ฉันเลือกห้องว่างข้างห้องทำงานประธานหลินก็แล้วกันค่ะ”ฉีเยนเอ๋อร์รีบยื่นความต้องการของตัวเองออกมาทันที
และคำขอนี้ก็ยากจะปฏิเสธด้วย เพราะพื้นที่ทั้งชั้นห้องทำงานของเธอครองพื้นที่ไปเยอะมาก ยังมีอีกสองที่ห้องว่างห้องหนึ่งเป็นห้องทำงานของหลินหยาง
ทำให้จิ้งจอกสาวคนนี้ทำสำเร็จตามที่ใจหวังแล้ว แม้ว่าไป๋เซียนเฉ่าจะได้เปรียบด้านเจรจาธุรกิจ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าถูกอีกฝ่ายเอาเปรียบซะงั้น!
ฉีเยนเอ๋อร์ระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้ไป๋เซียนเฉ่านิ่งไม่ชอบใจ หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะทำตัวไร้เดียงสา
ฉีเยนเอ๋อร์ไม่สนใจเรื่องหุ้นอะไรพวกนั้นหรอก แค่เธอสามารถแทรกเข้ามาได้เธอก็ชนะแล้ว ส่วนเรื่องที่เสียเปรียบหรือไม่นั้นคุณปู่บอกไว้แล้วว่าพวกนี้เป็นค่าสินสอดของเธอ
เธอดึงแขนหลินหยางไว้ ฉีเยนเอ๋อร์อยากไปดูห้องทำงานของตัวเองไป๋เซียนเฉ่าดึงแขนฉีเยนเอ๋อร์ไว้แล้วพูด“ฉันพาคุณไปดูเองค่ะ ประธานหลินคุณทำงานของคุณไปเถอะ”
สองสาวดึงรั้งกันจนออกไปจากห้อง หลินหยางเดินกลับห้องทำงานของตัวเองแล้วเจอเข้ากับหลินชิงที่ยืนอยู่ในห้องทำงานเขา
“มีอะไรหรือเปล่า”หลินหยางเอ่ยถาม
หลินชิงชี้ไปที่ด้านล่าง“แย่แล้วครับ ด้านนอกบริษัทมีคนมายืนมุงกันเยอะมาก ดูท่าทางเหมือนจะมาอาละวาด”
“จะมาอาละวาดอย่างนั้นเหรอ”หลินหยางลุกขึ้นยืน เขาบีบมือตัวเอง เหมือนอยากจะมีเรื่องเต็มที่
ไป๋เซียนเฉ่าเองก็นึกสนุกเธอเอ่ยถามอย่างนึกสนุก“ใคร มากันกี่คน”
“น่าจะประมาณสิบคน ดูเหมือนจะเป็นประเภทเดียวกับเหลยหยุนอะไรนั่น แน่นอนว่าเป็นพวกมาเฟีย”หลินชิงรีบรายงาน
หลินหยางพูด“ผมจะลงไปดูเอง พวกคุณรออยู่ที่นี่ก่อน!”
สองเท้าก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลินหยางก็เดินออกจากห้องไป ยังเดินไม่ถึงลิฟต์ เขาก็พุ่งตรงไปที่บันไดแทน
เป็นไปตามที่คาด กลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์มีแต่บรรดาชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สิบกว่าคน ทำให้หลินหยางอดที่จะนึกถึงเรื่องตอนที่เหลยหยุนครั้งที่แล้ว
“พวกนายเป็นใคร?”หลินหยางเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ต ชายสูงอายุพูดยิ้มๆแล้วพูด“คุณคงจะเป็นประธานหลินแห่งเซียนเฉ่าเก๋อใช่ไหม ขอโทษด้วยนะครับผมนามสกุลหวัง ชื่อว่าเถ่หนิว”
ชายสูงอายุมีอิทธิพลแตกต่างจากคนอื่น ไม่เหมือนพวกมาเฟียปลายแถว หลินหยางเอ่ยถาม “ถูกต้องครับ ไม่ทราบว่าคุณหวังมาคุยธุระเรื่องธุรกิจว่าจะมาหาเรื่องครับ “ประธานหลิน อย่าเพิ่งโมโหสิครับ ผมเคยเจอกับคนใหญ่คนโตมาก็มาก มีคำพูดประโยคหนึ่งที่ผมอยากจะพูด นั่นคือปรองดองก่อเกิดททรัพย์ วันนี้ผมก็เลยจะมาเจรจาปรองดองนะครับ” ชายยิ้ม
“ปรองดอง แล้วจำเป็นต้องเอาคนมาเยอะขนาดนี้เลย บอกมาเถอะ”หลินหยางยังคงหน้าบึ้ง
ชายสูงวัยในมือจับลูกแก้ว ก่อนจะพูด “แน่นอนว่าต้องเอามาด้วยสิครับ สาเหตุก็เพราะวันนี้ผมจะมาคุยเรื่องคดีสังหารหมู่ที่โกดังเก็บของครับ”