บทที่ 213 สอบปากคำ
ช่างประจวบเหมาะช่วงเวลานี้กลายเป็นช่วงจังหวะครึกครื้นที่สุดของรายการทางน้ำ คือรายการค้นหาสมบัติ หลินหยางพายเรือเข้าไป ทางพิธีกรก็เริ่มแจกป้ายลำดับเลขที่ให้
จางยี่เริ่มอาศัยจังหวะนั้นพร้อมทั้งหยิบป้ายทันที บนแผ่นป้ายนั้นได้เขียนกฎกติกาการแข่งขันในครั้งนี้อย่างชัดเจน
“พี่เขย คุณดูนี่เร็ว ตรงนี้เป็นจุดออกสตาร์ท ตรงนั้นคือเส้นชัย คนที่พายเรือเข้าเป็นคนแรกก็จะได้สมบัติไปครอง! พี่เขย พวกเราไปเอาที่หนึ่งกัน!” จางยี่ชูกำปั้นแน่นตอนพูด
ส่วนหลินหยางอยากจะปฏิเสธ ทางด้านพิธีกรก็ตะโกนทันที “ทุกท่านผู้เข้าร่วมการแข่งขันเตรียมตัว นับถอยหลัง 3 2 1 เริ่มการแข่งขัน!”
เสียงเรือคายัคที่อยู่รอบๆ พายเรือดังสวบสาบตรงดิ่งไปทางเส้นชัย จางยี่รีบหยิบเอาไม้พายเรือขึ้นมาพายทันที
เมื่อเห็นว่าตัวเธอนั้นช่างมีจิตใจที่แสนดีขนาดนี้ หลินหยางรีบพูดทันที “คุณอย่าพายมั่วซั่ว ให้ฉันจัดการเถอะ!”
หลังจากที่คว้าไม้พายมาจากจางยี่แล้ว เขาก็รีบจ้ำซ้ายขวา จนตัวเรือคายัคสามารถไล่ตามทัน จางยี่เห็นว่าเรือคายัคลำเล็กของตนเองนั้นแซงหน้าคนอื่นๆ ถึงกับตะโกนเสียงหลง “พี่เขย คุณนี่เยี่ยมยอดชะมัด! ฉันรักคุณสุดๆ ไปเลย!”
ผู้หญิงถือว่าเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาชั้นเลิศ หลินหยางเร่งมือพายอย่างเต็มพิกัด จนเจินชี่พลังมังกรและหงส์เปล่งพลังออกมา จนทำให้เรือคายัคเหมือนว่าได้ติดตัวใบพัดอัตโนมัติเอาไว้ ถึงขนาดลอยละล่องแซงหน้าทุกคน
เส้นชัยอยู่ห่างไม่เกินคืบ ในช่วงจังหวะนั้นวัยรุ่นคนหนึ่งที่เดิมอยู่เป็นอันดับแรกอยู่นั้นเกิดไม่พอใจ เลยหยิบไม้พายที่อยู่ในมือของตนเองฟาดลงมาอย่างโมโห
ยังดีที่ว่าหลินหยางนั้นมีสมาธิอันยอดเยี่ยม เลยใช้ไม้พายที่อยู่ในมือของตนเองเปิดศึกกับฝั่งตรงข้ามทันที เวลานี้เองพวกเขาก็เข้าสู่เส้นชัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลินหยางไม่ได้สนใจถึงของรางวัลที่อยู่ในกล่องไม้เล็กๆ เลยสักนิด พร้อมทั้งพุ่งตัวออกจากเรือคายัคทันที
คนที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ถือว่าเป็นบุญตาแล้ว ไม่เพียงแต่ได้ยินคู่ชายหญิงที่เดิมอยู่ในอันดับสุดท้ายแต่กลับกลายมาชนะแทนจนอ้าปากค้างกันเป็นแถบ ยิ่งในช่วงสุดท้ายแล้วพวกเขายังมีฉากการต่อสู้ขึ้นอีก สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจหนักไปกว่านั้นก็คือชายหนุ่มคนนั้นกระโจนตัวออกมาจากเรือคายัค แถมยังเป็นการตีโค้งหมุนตัว 720 องศาอย่างงดงามอยู่ในอากาศพร้อมทั้งจู่โจมคนบนเรือคายัค การกระทำเช่นนี้ในการแข่งขันยิมนาสติกสามารถให้คะแนนที่สูงสุดได้เลย
หลินหยางชูกำปั้นใหญ่พร้อมทั้งชกทันที อีกฝ่ายมัวแต่ตกใจกับการกระทำของเขาจนเอ๋อเหรอทันที หมัดนี้เลยต่อยเข้าใบหน้าเขาอย่างจังจนหน้าพร่ามัว เลือดกำเดาพุ่งกระฉูด
“ไอ้น้อง ไม่มีปัญญายังกล้าเล่นตุกติกอีก!” หลินหยางใช้มือซ้ายขวาออกหมัดจนอีกฝ่ายตะลึงทันที
ดีที่ว่าคนที่อยู่บริเวณโดยรอบนั้นต่างรีบเข้ามา พร้อมทั้งดึงหลินหยางเอาไว้ เพื่อขัดขวางไม่ให้เขาต่อยฝ่ายตรงข้ามจนถึงขนาดที่ว่าแม่ยังจำลูกตนเองไม่ได้
ส่วนจางยี่นั้นได้แต่ตะโกนกู่ร้องอย่างตื่นเต้น “พี่เขยสุดยอด ต่อยไอ้หมอนี่เลย”
ไม่นั้นนักก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้ามายังที่เกิดเหตุ หลินหยางถึงกับผงะไปทันที เพราะว่าคนที่มานั้นเขาดันรู้จักซะนี่!
นายตำรวจที่มานั้นเป็นนายตำรวจหญิงที่ทั้งเท่สมาร์ทกล้าหาญ เมื่อดูยศที่อินทรธนูบริเวณตรงบ่าแล้วก็ถือว่าตำแหน่งสูงเลยทีเดียว
เมื่อเธอเห็นหลินหยางเธอเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน เพราะว่าไม่ได้เจอเขามานานแล้ว ไม่คิดเลยอีตานี่ยังจะมาก่อเรื่องที่นี่อีก
“คุณตำรวจ…. คุณต้องเป็นหลักให้ผมด้วย ไอ้หมอนี่แม่งมันต่อยผมซะยับขนาดนี้!” ไอ้เด็กที่เล่นตุกติกคนนั้นยังทำนิสัยอัปรีย์ดันมาฟ้องก่อน
“แกมันก็แค่ฉวยจังหวะฟ้องก่อน หัวหน้าหลิว ไอ้หมอนี่ตอนที่กำลังแข่งอยู่นั้นมันเล่นตุกติกกับฉัน ฉันก็เลยใช้หลักการที่คนเราทั่วไปเขาสื่อสารกันกับมัน!” หลินหยางยิ้มให้เล็กน้อย
“หลินหยาง คุณยังโอเคอยู่ไหม?” หลิวหลิงหลิงแทบไม่ได้มองไอ้เด็กนั่นที่ใบหน้าฟกช้ำเลือดกำเดาไหลออกมา
หลินหยางฉีกยิ้มแล้วตอบ “สบายดี คุณล่ะ?”
ใบหน้าของนายตำรวจหญิงเริ่มแดงเป็นปื้น จางยี่ใช้สายตาพิจารณามองหลินหยางและเธออย่างสงสัย
“กลับบ้านไปพักรักษาตัวสักระยะ ไม่คิดเลยว่าเพิ่งจะกลับมาออกตรวจก็จะมาเจอคุณเข้าให้?” หลิวหลิงหลิงตอบ
ไอ้เด็กเล่นตุกติกคนนั้น เริ่มพูดอย่างกวนๆ “ดีนี่ ที่แท้พวกคุณก็รู้จักกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหมเนี่ย?”
“หุบปาก แล้วพาตัวทุกคนไป แล้วให้ปากคำอย่างละเอียด!” หลิวหลิงหลิงพูดออกมาด้วยความโกรธจนหัวร้อน
“ฉันล่ะ?” หลินหยางกะพริบตาปริบๆ พร้อมทั้งถามกลับ
ไม่ง่ายเลยที่หลิวหลิงหลิงต้องอดกลั้นรอยยิ้มเอาไว้จนต้องพูดออกมา “จับไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ!”
หลินหยางอึดอัดเสียจริง การที่ต้องมาคอยเป็นเพื่อนเล่นเกมกับคุณหนูจอมซนมาตลอดแถมดันกลับมาถูกจับได้เสียนี่ เวลานี้มันช่างตกระกำลำบาก น้ำท่วมปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ
เมื่อถึงสถานีตำรวจแล้ว หลินหยางก็ถูกเอาตัวไปโยนไว้ในห้องสอบปากคำ นานพอควรก็ยังไม่มีคนมา จนถึงเวลาที่เขาเกือบจะนอนพาดโต๊ะประตูห้องถึงยอมเปิดออก
หลิวหลิงหลิงเดินเข้ามาหา เธอยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมทั้งนั่งลงแล้วเอ่ยขึ้นมา “ขอโทษด้วย ที่ต้องขังคุณอยู่ที่นี่ตั้งนาน!”
“นี่มันกี่โมงแล้ว? พวกคุณเลิกงานหรือยังเนี่ย?” หลินหยางสะบัดศีรษะพร้อมทั้งถามกลับ
“ใช่ เลิกงานกันหมดแล้ว แต่ก็มีหลายคนที่กำลังเข้าเวรอยู่นะ!” หลิวหลิงหลิงพูดอย่างได้ใจ
หลินหยางถามกลับอย่างเบื่อเต็มทน “ต้องการให้อธิบายอะไร ฉันจะพูดกับคุณให้หมดเปลือก ฉันเป็นคนซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ เลย!”
“เป็นไรไป? ที่คุณทำร้ายคนยังต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ!” หลิวหลิงหลิงยิ้มตอบ
“ไอ้เด็กคนนั้นเห็นว่าฉันจะได้ที่หนึ่ง มันเลยกล้าแอบลงมือกับฉัน นี่ถือว่าเป็นการป้องกันตนเองใช่ไหม!” หลินหยางพูด
หลิวหลิงหลิงยิ้มให้อย่างมีเลศนัย “คุณยังรู้จักการป้องกันตัวด้วย งั้นคุณก็ย่อมรู้ว่ากฎหมายที่ว่าด้วยการป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายนั้นคือการหยุดยั้งหรือว่าหยุดการก่ออาชญากรรมขึ้น ทว่าหลังจากที่ฉันได้ตรวจสอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว จากที่คุณป้องกันตัวจากการที่เขาเริ่มลงมือทำร้ายคุณก่อนคุณดันต่อยเขาซะสะบักสะบอมจนอยู่ในสภาพนี้!”
การที่ต้องมานั่งคุยเรื่องตัวบทกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฉลาดเฉลียวนัก หลินหยางก้มหน้าอย่างหมดสภาพ ชั่วครู่ถึงพูดออกมา “หัวหน้าหลิว นี่คุณกำลังเอาความแค้นส่วนตัวมาเชื่อมโยงกับงานหลักแล้วเหมารวมเพื่อล้างแค้นอยู่หรือเปล่า!”
“เชอะ ฉันเอาเรื่องส่วนตัวมาเหมารวมกับงานตอนไหนกัน? ระหว่างฉันกับคุณมีความแค้นกันอยู่ด้วยเหรอ?” หลิวหลิงหลิงยิ้มหน้าบาน
ระหว่างพวกเขาสองคนไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรกัน แถมหลินหยางยังเคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้ด้วย แต่ว่าก็ทำทุเรศๆ กับร่างกายของตัวเจ้าหล่อนอีก เขาย่อมไม่รู้ว่านี่ถือว่าเป็นความแค้นหรือเปล่า หลังจากที่พิจารณาแล้วนั้นหลินหยางก็ได้กล่าวว่า “หัวหน้าหลิว คุณพูดมาเถอะ คดีนี้คุณเตรียมจะยัดข้อหาคดีนี้ให้ฉันยังไง?”
“แล้วทำไมต้องเรียกฉันว่าหัวหน้าหลิวด้วยล่ะ ฉันไม่มีชื่อเหรอไง?” หลิวหลิงหลิงเริ่มพูดอย่างกล่าวโทษ
“งั้นได้ คุณหลิวหลิงหลิง คดีนี้ของฉันจะจัดการยังไง?” หลินหยางถามกลับทันที
หลิวหลิงหลิงทำปากยื่นปากยาวแล้วกล่าวว่า “สหายหลินหยาง คุณทำผิดกฎหมายมาตราที่ 43ข้อหาการบริหารความปลอดภัยในที่สาธารณะ ตามบทลงโทษตามกฎหมายนั้นทางเราจะขังคุณ 5 วันเต็ม!”
“ไม่หรอกน่า คุณจะไม่ไว้หน้าให้กันบ้างเลยเหรอ ถือว่าฉัน…เคยช่วยชีวิตคุณมาแล้ว!” หลินหยางเกือบพูดผิด
“คุณยังพูดได้อีก! ไม่อนุญาตให้เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก! คุณต้องการให้ฉันไว้หน้าคุณใช่ไหม? งั้นคุณก็เรียกฉันให้มันดูน่าฟังหน่อยสิ!” หลิวหลิงหลิงทำปากคว่ำ
ผู้หญิงต้องการการเอาอกเอาใจ หลินหยางย่อมเข้าใจทันที เขาทำท่าคารวะแล้วพูดว่า “คุณหลิวคนสวย คดีนี้คงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรใช่ไหม?”
“มันดูธรรมดาเกิน เปลี่ยนใหม่สิ!” หลิวหลิงหลิงสะบัดหน้าหนี
ยังคงมัวแต่วุ่นวายกับเรื่องคำเรียก หลินหยางอดกลั้นกับความโกรธเอาไว้พร้อมทั้งพูดว่า “คุณหลิวผู้ยิ่งใหญ่? คุณหลิวคนสวย? หลิงหลิง คุณชอบชื่อไหนสักชื่อก็ได้+”
“งั้นเรียกฉันว่าหลิงหลิงเถอะ ความจริงแล้วชื่อเล่นฉันชื่อว่าซุนซุน!” มุมปากของหลิวหลิงหลิงกระตุกเล็กน้อย
หัวใจของหลินหยางเต้นโครมคราม ผู้หญิงคนนี้ทำสีหน้าสาวน้อยที่แสดงอาการแรกแย้มบานสะพรั่งหมายความว่ายังไง?
“งั้นได้เสี่ยวซุนคดีนี้มันมีเหตุและผล คุณขังฉันไว้นานขนาดนี้ฉันสำนึกผิดแล้ว รีบปล่อยฉันไปเถอะ!” หลินหยางทำท่าทางคารวะ
เวลานี้เองสีหน้าของหลิงหลิงหลิงค่อยกลับมาดูดีขึ้นเล็กน้อย พลางหยิบเอากระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง “ด้านล่างกรุณาตอบทุกคำถามของฉันให้เป็นความจริง เริ่มแรก หน้าที่การงาน ครอบครัว เพื่อนสนิทของคุณ พูดออกมาให้ครบในตอนนี้”
หลินหยางถอนหายใจยาว พร้อมทั้งพูดอย่างเบื่อหน่าย “ทำงานเป็นรองประธานบริษัทเซียนเฉ่าเก๋อ รับผิดชอบในด้านการวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เรื่องสถานภาพครอบครัว ตัวเปล่าเล่าเปลือย! ส่วนเรื่องเพื่อนอะไรทำนองนั้นไม่ได้ต้องถามแล้วมั้ง!”
“ต้องถามสิ คุณต้องให้ความร่วมมือ!” หลิวหลิงหลิงถามกลับอย่างได้ใจ
“งั้นได้ พนักงานหลักในเซียนเฉ่าเก๋อเป็นเพื่อนกัน แถมยังมีอาจารย์ในมหาวิทยาลัย รวมถึงแขกที่เข้ามาจองห้องพักด้วยเป็นต้น!” หลินหยางนั่งกุมมือตอนพูดอธิบาย
หลิวหลิงหลิวทำหน้าดุใส่ “แล้วฉันล่ะ?”
“คุณ? คุณก็ถือว่าใช่นะ!” หลินหยางผงะทันที
หลิวหลิวหลิงเริ่มทำหน้าปากยื่นปากยาวใส่ พลางจ้องเขาตาเขม็ง “อะไรที่เรียกว่านับด้วย? คุณยังไม่นับว่าฉันเป็นเพื่อนคุณอีกเหรอ?”
“นับ! แต่ว่าเพื่อนอย่างคุณนี่ช่างได้ใจจริงๆ เพราะจงใจทรมานฉัน!” หลินหยางพูดอย่างเดือดดาล
“คุณเป็นคนทรมานฉันก่อนนะ!” หลิวหลิงหลิงตอกกลับอย่างโมโห
หลินหยางเริ่มเบื่อหน่ายบ้างแล้ว เพราะยากที่จะเข้าใจความคิดของผู้หญิงคนนี้ จากนั้นหลิวหลิงหลิงก็ลุกขึ้นยืนทันที พร้อมทั้งเดินกอดอกพร้อมทั้งเดินมายืนจ้องหน้าเขาเอาไว้
“คุณรู้หรือเปล่า? ครั้งนั้นตอนที่ฉันจะอยู่หรือตายนั้น ถูกคนช่วยชีวิตเอาไว้ จากนั้นคุณก็ไม่ถามไถ่สนใจสักฉันสักนิด มันผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว!” ดวงตาของหลิวหลิงหลิงเริ่มรื้นขึ้นมา
หลินหยางเงยหน้าจ้องมองใบหน้าเรียวงามนี้ ในใจพลันเกิดความรู้สึกละอายใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ว่าเรื่องนี้ก็ไม่อาจโทษเขาฝ่ายเดียวได้นี่! เขาก็ไม่อาจทำเหมือนทองไม่รู้ร้อนให้เรื่องมันผ่านไปได้ตลอดเวลา หลังจากที่ฉกฉวยโอกาสซะขนาดนั้นแล้วหลินหยางเองก็รู้สึกละอายบ้าง การปล่อยผ่านไปง่ายๆ ถือว่าหน้าด้านอยู่บ้าง
ทว่าผู้หญิงคิดไม่เหมือนกัน เดิมที่เป็นกระดาษสีขาวบริสุทธิ์แต่หลินหยางดันมาจับจองพื้นที่ของตนเองไปเรียบร้อยแล้ว เธอไม่อาจให้คนอื่นมาทับรอยได้อีกแล้ว หลังจากที่พักผ่อนแล้วหายดีแล้ว หลิวหลิงหลิงถึงได้มีแรงแล้วเริ่มกลับมาทำงานตามหน้าที่ ไม่คิดเลยว่าครั้งแรกที่ออกตรวจก็ดันมาพบกับหลินหยางเข้า นี่คงเรียกว่าพรหมลิขิตกระมัง!
หลังจากที่หลิวหลิงหลิงมองสายตาของหลินหยางที่แสดงอาการละอายใจออกมาความโกรธแค้นพลันหายไปเกินครึ่ง จนเธอใจอ่อนยวบยาบ จนร่างกายอ่อนระทวยจนนั่งลงอยู่บนต้นขาใหญ่ของหลินหยางทันที
จากนั้นก็แนบประชิดบริเวณแผ่นอกกำยำของหลินหยาง หลิวหลิงหลิงเริ่มพูดกะปลกกะเปลี้ย “คุณไม่รู้ว่าจะไปหาฉันเจอที่ไหนใช่ไหม? ตอนนี้โดนฉันจับกลับมาแทน ฉันจะไม่มีวันปล่อยคุณไปอีก!”
หลินหยางซาบซึ้งใจเล็กน้อย หญิงสาวช่างเป็นคนเซ็กซี่มาก หลินหยางย่อมรู้ดีว่าวินาทีนี้หลิวหลิงหลิงต้องการให้เขาคอยปลอบโยน พลันใต้คางถูไถบริเวณใบหน้ารูปไข่อันเนียนละเอียด พร้อมทั้งกอดเธอเอาไว้แน่น
“คนเลว ตอนนี้ฉันจะสอบปากคำคุณ ตอนนี้คุณต้องรับบทลงโทษของฉันอย่างเชื่อฟัง!” นัยน์ตาของหลิงหลิงหลิงเปล่งประกายความร้อนผ่าวออกมาทันที
หลิวหลิงหลังค่อยๆ ปล่อยผมลง จนมันสยายออก กระดุมที่รัดแน่นเริ่มถูกปลดทีละเม็ด เจ้ากระต่ายน้อยอันอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือตระหง่านอยู่ในอากาศ คอหอยของหลินหยางเริ่มแห้งผาก ส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์ใหญ่ที่อยู่ช่วงล่างเริ่มขยับอย่างหิวกระหาย
หลิวหลิงหลิงกอดศีรษะของเขาที่กำลังจมดิ่งบริเวณหน้าอกของตนเอง ซาลาเปาอันอวบอิ่มของตนเองแนบชิดกับใบหน้าของหลินหยาง มันทั้งอบอุ่นทั้งร้อนรุ่มชวนหลงใหล
“ไอ้คนสารเลวฉันจะกดคุณให้หายใจไม่ออกจนตาย คุณรู้ไหมว่าฉันคิดถึงคุณขนาดไหน? ตอนนี้ฉันจะให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติตอนที่หายใจไม่ออกตอนที่คิดถึงคุณ!” หลิวหลิงหลิงเสียงสั่นพร่าตอนกล่าวออกมา
หลินหยางรู้ทันที เขาสัมผัสได้ถือหัวใจของเธอที่กำลังโลดโผนอย่างตื่นเต้น ดังนั้นเขาเลยแลบลิ้นออกพาสัมผัสกับเม็ดองุ่นเล็กๆ ของเธอ ความรู้สึกหน้ามืดตีเข้าสมองทันที หลิวหลิงหลิงเริ่มพูดครวญคราง “เร็ว! เอาฉันที!”
การทำเรื่องอย่างว่าในห้องสอบปากคำถือว่าเป็นครั้งแรก ความรู้สึกสดใหม่อันเต็มเปี่ยม แน่นอนว่ามันยิ่งตื่นเต้นเร้าใจ! หลินหยางถอดเสื้อผ้าของตนเองออก แล้วก็ตระกองกอดกับเธอทันที
ถ้าเปรียบว่าผู้หญิงเป็นสุราแล้ว หลิวหลิงหลิงเป็นสุราเลิศรสที่หมักบ่มมาหลายปี แค่อึกเดียวก็ทำให้คนเมาได้
หลิวหลิงหลิงคว้ากระบอกปืนย่อมๆ เอาไว้ พร้อมทั้งส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ ในใจของหลินหยางรู้สึกถูกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ตั้งกระบอกปืนให้ตรงค่อยๆ แทรกกระบอกปืนเข้าไปด้านใน
ถึงแม้ว่าจะเป็นสุราดีกรีแรงก็ต้องมีคนได้ลิ้มลองรสชาติ หลินหยางได้ลิ้มลองสุราที่บ่มเพาะวางเอาไว้มาสามสิบปีจอกใหญ่ จนเร่งเต็มกำลัง!
หลิวหลิงหลิงในเวลานี้ก็ไม่สามารถเอาอำนาจบาตรใหญ่ที่มีมาก่อนหน้านี้เอามาใช้ได้อีก เพราะว่าตัวเธอเองก็ถูกหลินหยางกลืนกินหมดตัว ทั้งอณูในร่างกายก็ถูกเขาควบคุมเอาไว้ทั้งหมด พร้อมทั้งให้ความร่วมมือโอนอ่อนไปตามจังหวะของเขาเป็นอย่างดี
ตอนที่คลับคล้ายคลับคลาว่าได้สตินั้น หลิวหลิงหลิงก็ได้ชิมรสชาติการถลำลึกในห้วงดินแดนความฝันในยามกลางคืนอันน่าหลงใหล จนกระตุกทันที
หลินหยางยังไม่ทันได้ทรมานสักเท่าไหร่ หญิงสาวคนนี้ก็ถึงจุดสุดยอดไปแล้วหนึ่งครั้ง
“เสี่ยวซุนคุณยังต้องการที่จะสอบปากคำต่อไหม?” หลินหยางยิ้มถาม
“ไอ้คนเลว คุณนี่มันเป็นปีศาจกินคน! ฉันให้คุณไปหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว คุณคงไม่ปล่อยฉันให้ค้างเติ่งอยู่แบบนี้ใช่ไหม!” หลิวหลิงหลิงทั้งร้องไห้ทั้งแกมขอร้อง
หลินหยางพยักหน้าให้ และไม่สนใจอารมณ์ความรู้สึกของเธออีก พลันใช้ความรู้สึกร้อนรุ่มของตนเองเพื่อเป็นการรับประกันในความหลงรักของเขา พร้อมทั้งต่อสู้ด้วยความบ้าคลั่งจนสั่นสะท้าน สุดท้ายเธอก็ส่งเสียงร้องครวญครางออกมาถือว่าเป็นการ “สอบปากคำ” อันหอมหวนจนเสร็จสิ้นภารกิจอย่างสมบูรณ์