บทที่224 หาเรื่อง
หลินหยางอยู่ในโรงเรียนครึ่งวัน กำลังจะกลับบ้าน ถูกคนที่สวมแว่นตัวเล็กเรียกเอาไว้
“เพื่อนเซียว สวัสดี ฉันเป็นผู้อำนวยการสภานักเรียนจางเหลียง ขอคุยกับนายหน่อยได้ไหม?” คนตัวเล็กนั้นจับแว่นและพูด
สภานักเรียน? หลินหยางตั้งแต่เรียนมาไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับพวกนี้เลย หมอนี่มาหาตัวเองทำไมกันนะ? หลินหยางถามอย่างสงสัย: “มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“คือว่าแบบนี้นะ เดี๋ยวจะมีงานวัฒนธรรมและกีฬา ไม่รู้ว่านายถนัดด้านวรรณกรรมหรือกีฬาเหรอ พวกเรากำลังประกาศนักเรียนดีเด่นอย่างนายอยู่ ดังนั้นอยากจะเชิญนายเข้าร่วมงานด้วยกันน่ะ!” จางเหลียงพูด
งานวัฒนธรรมและกีฬาเป็นงานที่สำคัญที่สุดของมหาลัยการแพทย์ วัฒนธรรมและกีฬาเป็นเรื่องที่คนในมหาลัยแพทย์ไม่ถนัดมากที่สุด แต่เพื่อแสดงออกให้ทุกด้าน โรงเรียนก็สนับสนุนด้านนี้อย่างมาก ได้รับรางวัลจากงานนี้ ก็จะได้เงินรางวัลที่มากพอสมควร ในภาพจำของหลินหยางก็คือพวกนักเรียนที่ว่างไม่มีอะไรทำจับกลุ่มกันนั่งวาดรูปเขียน จะมีพวกผลงานที่ไม่น่าดูเท่าไหร่ได้รางวัล ส่วนรายการกีฬาก็มีนักเรียนนอกโรงเรียนแอบเข้ามาร่วมด้วย ใครมีแรงมากก็ได้รางวัลไป
งานแบบนี้ หลินหยางกลับไม่เคยมีอารมณ์เข้าร่วม ไม่ใช่หลินหยางช่างเลือกหรอก แต่เรื่องภายในนั้นวุ่นวายเกินไปจนทำให้เขาสะอิดสะเอียน
“ฉันไม่มีด้านถนัดอะไรหรอก จะวัฒนธรรมหรือกีฬาฉันก็ไม่เก่งทั้งนั้นเลย!” หลินหยางพล่ามไปเรื่อย
“รายการวรรณกรรมไม่ร่วมก็ไม่เป็นไร พวกบาสน่าจะเล่นเป็นนะ ก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นนายเล่นน่ะ!” จางเหลียงพูด
บาสก็เป็นกีฬาที่หลินหยางชอบมากเหมือนกัน แต่เสียดายก่อนหน้านี้ตัวเองไม่มีเงินขนาดนั้น ขนาดรองเท้าบาสยังซื้อไม่ได้เลย ในตอนนี้เองก็มีคนตัวสูงเดินออกมาข้างๆ ในมือก็ถือบาสอยู่
เขาพูดว่า: “นี่เป็นดาวเด่นของโรงเรียนพวกเรานี่นา? บาสก็เล่นไม่เป็นเหรอ? สาขาแพทย์แผนโบราณของพวกนายหาใครมาก็ได้ พวกเราสาขาเภสัชชนะพวกนายได้หมดแหละ”
หลินหยางพูดอย่างใจเย็น: “เล่นก็เล่นเป็นอยู่ แต่ก็ต้องดูว่าเล่นกับใครนะ! ขอโทษด้วย ยังไม่มีอารมณ์เข้าร่วมกิจกรรมอะไรน่ะ ลาก่อน!”
“ปอดแหก อ่อนแบบนี้ยังเป็นดาวเด่นได้ อ่อนว่ะ!” คนตัวสูงพูดท้าทายอยู่ด้านหลัง
ด้วยนิสัยของหลินหยาง เมื่อก่อนเขาคงจะจับหมอนี่แล้วสั่งสอนสักหน่อย แต่วันนี้เขาอารมณ์ถือว่าใช้ได้ ขี้เกียจสนใจเขา แต่เรื่องไม่จบง่ายแบบนี้หรอก สั่งสอนก็ยังต้องสั่งสอนอยู่ และต้องมีคนเยอะๆด้วย ให้เขารู้ว่าอะไรคือคนถ่อมตัว
หลินหยางเดินกลับไปในห้องตัวเอง กว่าจะเจอผู้อำนวยการสาขากิจกรรมเจอ พอพูดเรื่องที่มาแล้ว ผู้อำนวยการสาขาหัวล้านก็ตื่นตาขึ้นมาทันที เขาพูดอย่างชื่นใจว่า: “เรื่องดีนะ เข้าร่วมกิจกรรมหมู่หน่อยเป็นเรื่องที่ดี! สาขาพวกเราแม้จะเล่นบาสธรรมดา แต่ยังไงก็ยังรวมคนได้อยู่!”
พอโทรเร่งไปแล้ว เขาหาคนให้หลินหยางมาได้สิบกว่าคน แต่หลินหยางรู้สึกได้ถึงความพ่ายแพ้ สูงเตี้ยอ้วนผอมรวมกันเล่นไพ่ก็ยังได้อยู่ แต่ถ้าเล่นบาสละก็คงเป็นปัญหาใหญ่
“พวกนาย……ปกติเล่นบาสไหม?” หลินหยางถาม
“แค่เล่นๆน่ะ ยังพอเล่นได้!” พวกนั้นหัวเราะคิกคัก
ผู้อำนวยการสาขารีบทำหน้าบึ้ง: “ทำไมแค่เล่นๆล่ะ พวกนายรู้ไหมว่าหลินหยางหาเวลาว่างเพื่อมาแข่งขันบาสในกิจกรรมครั้งนี้เลยนะ นี่จะเป็นความภาคภูมิใจของสาขาเราเลยนะ! ทำให้พวกเขาได้เห็นว่าสาขาพวกเรามีความสามัคคี ปรองดองกันมาก!”
ผู้อำนวยการพูดมาแล้ว กลุ่มที่รวมกันกะทันหันก็ไม่พูดอะไร หลินหยางรีบพูดว่า: “ผู้อำนวยการ งั้นก็รบกวนท่านแล้ว ที่เหลือพวกเราไปฝึกซ้อมเองครับ!”
พอผู้อำนวยการสาขาไปแล้ว หลินหยางก็ตบมือเรียกทุกคนรวมตัวกันพูดว่า: “ทุกคนเป็นสาขาเดียวกัน คำพูดไร้ประโยชน์พวกนั้นฉันไม่พูดแล้วล่ะ เป็นแค่คำพูดโม้เปล่าๆ! พูดตามตรงเลย อยากได้รางวัลไหม อยากได้เงินรางวัลก้อนโตไหม อยากให้พวกสาวๆตะโกนร้องชื่อของพวกเราไหม?”
“อยาก!” ทุกคนต่างตะโกนพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
“งั้นก็ดี คำพูดไร้สาระพวกเราก็ไม่พูดแล้ว ฉันติดต่อสถานที่ในร่มแล้ว ตอนนี้พวกเราเริ่มไปทำความคุ้นเคยและรู้จักกันหน่อย ขอแค่พวกนายยอมฝึกฝนกับฉัน ฉันบอกกับพวกนายอย่างมั่นใจเลยว่า ไม่มีเรื่องที่ทำไม่ได้หรอก!” หลินหยางพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
ทุกคนสบตากัน แม้ทุกคนจะมีความฝันอยากเป็นที่หนึ่ง แต่ความสามารถของบุคคลมีขีดจำกัด คว้ารางวัลเป็นความหวังที่ริบหรี่มาก คนตัวเล็กคนหนึ่งถามว่า: “หลินหยาง ถึงแม้พวกเราจะอยากได้ที่หนึ่ง แต่สาขาเภสัชทางนั้นมีความสามารถมากกว่าพวกเราอยู่มาก เกรงว่าคว้าที่หนึ่งคงจะเป็นเรื่องยาก!”
“นายถามถึงเรื่องสำคัญแล้วล่ะ งั้นฉันจะบอกให้ทุกคนนะ สาขาเภสัชทางนั้นแกร่งเป็นทุกคนแกร่งมากหรือยังมีคนอื่นที่ค่อนข้างแกร่ง?” หลินหยางถาม
“ก็มีคนตัวสูงที่ชื่อหลัวอี้ที่ถือว่าเก่ง แต่หลัวอี้คนเดียวก็สามารถเอาชนะคะแนนพวกเราสามคนได้แล้ว!” คนตัวเล็กพูดอย่างเศร้าใจ
หลินหยางปัดมือพูดว่า: “งั้นดี พวกเราไปเดินรอบสนามก่อน จากนั้นค่อยคุยปัญหานี้กัน”
หลินหยางจัดแจงสมาชิกเสร็จแล้ว เล่นครึ่งสนามห้าต่อห้า หลินหยางตั้งใจแบ่งพวกตัวสูงและที่ยังมีพื้นฐานไม่เลวไว้ฝั่งตรงข้ามตัวเอง และในทีมเขาก็มีคนสูงกับตัวเล็กหลายคน เริ่มเล่น หลินหยางแย่งบอลมาได้ก่อน ลัดเลาะและชูตบาสได้ทันทีทำเอาทุกคนตะลึง ต่อมาในการแข่งขัน หลินหยางแม้จะร่วมมือกับทีมตัวเองไม่ค่อยดีนัก แต่ด้วยความสามารถของเขา บวกกับมีการควบคุมสนามได้ดีจึงทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิบนาทีผ่านไปคะแนนก็ห่างกันสามสิบต่อสิบสองแล้ว
“หัวหน้า เก่งจริงๆ!” คนตัวเล็กพูดอย่างภูมิใจ
“ได้หรือไม่ได้ไม่ใช่เรื่องของฉันคนเดียวหรอกนะ พวกนายรู้ไหมว่าทำไมการแข่งขันครั้งนี้พวกเราชนะ?” หลินหยางถาม
ทุกคนต่างพูดด้วยรอยยิ้ม: “ก็เพราะหัวหน้าเก่งไง แบบนี้พวกเราก็ยังพอมีโอกาสชนะพวกสาขาเภสัชอยู่บ้างแล้วล่ะ!”
“พูดถูกแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ความสามารถฉันเพียงคนเดียวไม่เพียงพอที่จะปกปิดความบกพร่องของทีมได้ แต่เพราะพวกเราทางนี้มีพวกตัวเล็กเยอะ ความยืดหยุ่นและกลยุทธ์ในการเล่นวางแผนอย่างง่ายดายพอปฏิบัติการขึ้นมาก็เป็นไปตามแนว แม้โดยรวมแล้ว พวกเราจะยังคุ้นชินกับการร่วมมือกัน แต่การส่งลูกบอลก็ไหลลื่นมาก คือการใช้ไหวพริบในการจู่โจมแนวรับ พวกนายที่ตัวสูงการป้องกันหละหลวม ข้อบกพร่องนับไม่ถ้วน!” หลินหยางพูดวิเคราะห์
ทุกคนต่างพยักหน้า ต่างยกนิ้วโป้งให้กับหลินหยาง เขาพูดด้วยรอยยิ้ม: “เหตุผลนี้ง่ายมาก เชื่อว่าทุกคนต้องเข้าใจ พวกเรากับสาขาเภสัชเทียบกันแล้ว ถ้าพวกเราทำหนึ่งบวกสิบสองได้ คนอื่นก็จะชนะได้ยาก ดังนั้นขอแค่ทุกคนสามัคคีและร่วมมือกันให้คล่องกว่านี้ พวกเราก็ใช้ไหวพริบและแนวขบวนและกลยุทธ์เข้าสู้กับพวกเขา!”
พอวิเคราะห์เสร็จแล้ว ทุกคนก็มีความมั่นใจขึ้นมาทันที เริ่มฝึกซ้อมแข่งครึ่งสนามสามคนหนึ่งกลุ่ม ทางนี้ฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ไม่นานข่าวก็แพร่ไปถึงหูของหลัวอี้
หมอนี่กลับพาทีมในสาขามาด้วยกันทั้งหมด และยังใส่เสื้อทีมเหมือนกันอีก
“นี่ ฝึกแล้วเหรอ? ทำไม ครั้งก่อนชนะพวกนายเจ็ดสิบต่อสี่สิบเป็นความทรงจำที่ลึกซึ้งหรือไง?” หลัวอี้พูดเยาะเย้ย
“ขอโทษด้วยนะ สนามตรงนี้เป็นของพวกเราแล้ว ถ้านายอยากซ้อมละก็ไปซ้อมสนามอื่นไป!” หลินหยางไม่สนใจพวกเขา ไล่พวกเขาไปทันที
หลัวอี้พูดต่อ: “ทำไมล่ะ? กลัวเหรอ? พวกนายมีกลยุทธ์อะไรก็เอาออกมาให้หมดเลย ตอนแข่งพวกเราค่อยเจอของจริงแล้วกัน!”
“ได้สิ ฉันจะรอดู ตอนนี้นายออกไปได้แล้ว!” หลินหยางพูดอย่างเย็นชา
หลัวอี้ความโกรธพุ่งขึ้นมาทันที หยิบบาสมาและทุ่มไปทันที หลินหยางยื่นมือไปรับมือเดียว จับเล็กน้อย ก็จับลูกบาสไว้แน่น เขาพูดอย่างเฉยชาว่า: “นายยังอ่อนไป ถ้านายอยากหาเรื่องก็เอาคนมาเยอะหน่อย พวกนายแค่นี้ไม่พอฉันคนเดียวหรอกนะ!”
คำพูดแบบนี้ตบหน้ากันชัดๆ หลัวอี้กำหมัดและชกไปทันที ในสายตาหลินหยางท่าทีเขาเหมือนช้ามาก ยื่นมือคว้าไว้ ข้อมือของหลัวอี้ก็อยู่ในฝ่ามือหลินหยางแล้ว
ชกไม่โดนด้วยซ้ำ แต่กลับถูกหลินหยางจับเอาไว้ หลัวอี้อยากจะชักข้อมือออกมาแต่ยังไงก็เอาออกมาไม่ได้ หลินหยางพูดด้วยรอยยิ้ม: “บอกนายแล้วไง แบบนายน่ะ ยังอ่อนไป ครั้งหน้าเอาคนมาเยอะหน่อยนะ!”
โยนออกไป หลัวอี้ถอยหลังไปหลายก้าว หลัวอี้มองหลินหยางอย่างตกตะลึง ภาพนี้เขาไม่อยากจะเชื่อเลย เจ้าหมอนี้นอกจากเรียนแล้วไปเอาพลังมาจากไหนกัน?
เขาไม่มีทางรู้หรอกว่าการต่อสู้ของหลินหยาง จัดการเขาแค่คนเดียว ไม่ต้องเสียแรงมากเลย หลัวอี้กัดฟันกรอด ไม่กล้าพูดอะไรอีก พาทีมออกไปอย่างหน้าเสียทันที
“หัวหน้า สุดยอดไปเลย!” คนอื่นต่างก็พากันยกนิ้วโป้งขึ้นมา
หลินหยางปัดมือพูดว่า: “ทุกคนไม่ต้องสนใจพวกนั้นหรอก พวกเรามาฝึกกันต่อดีกว่า รอตอนที่แข่งให้พวกเขาได้เห็นความสุดยอดจริงๆกัน!”
พวกสมาชิกในทีมก็ต่างฝึกซ้อมกันอย่างหนักหน่วง จนถึงตอนดึก หลินหยางถึงพาทุกคนที่ทั้งตัวเหม็นกลิ่นเหงื่อออกมาจากในสนามบาส
เดินไม่กี่ก้าว ก็เจอกับหญิงสาวที่สวมชุดยีน ดูท่าทางน่าจะอายุยังไม่ถึงยี่สิบ มัดผมหางม้าไว้ดูสดใสมาก
“สวัสดี นายคือหลินหยางใช่ไหม?” สาวชุดยีนขวางเขาไว้แล้วถาม
หลินหยางพยักหน้า ถามกลับไปว่า: “ใช่แล้ว มีอะไรเหรอ?”
“ขอโทษด้วยนะ รบกวนนายหน่อย ฉันชื่อหลัวหยุน ฉันมาขอโทษแทนน้องชายฉันน่ะ ได้ยินว่าวันนี้เขามาหาเรื่องนาย!” สาวชุดยีนพูดอย่างอับอาย
หลินหยางเกาหัวพูดว่า: “เธอเป็นพี่ชายเขาเหรอ? ไม่ต้องขอโทษหรอก เจ้าหมอนั่นเป็นแค่เด็กน้อย อารมณ์รุนแรงหน่อยก็เป็นปกติ!”
คำพูดนี้พูดเหมือนตัวเองแก่มากเลยอย่างนั้น หลัวหยุนหัวเราะพูดว่า: “ขอบใจมากนะ แต่ว่าถ้านายอยากสั่งสอนเขา ต้องสั่งสอนเขาในสยามบาสดีๆนะ ให้เขารู้จักว่าอะไรคือที่สูงที่ต่ำไว้บ้าง!”
“ฉันก็ว่าแบบนั้น!” หลินหยางพูดและหัวเราะ
หลัวหยุนยิ้มอ่อนพูดว่า: “งั้นดี จะรอดูพวกนายสองคนนะ แต่นอกจากนี้แล้ว ฉันยังมีอีกเรื่องที่มาหานายน่ะ!”
หลินหยางมองเธอ สาวคนนี้ดูเขินอายขึ้นมา ครุ่นคิดว่าทำไมกันนะ หรือว่ามาส่งจดหมายรักเหรอ?
หลัวหยุนกำหมัดแน่นพูดว่า: “ฉันอยากขอให้นายสอนหน่อย หวังว่านายจะเข้าร่วมการแข่งขันการเขียนพู่กันจีนจะได้ไหม!”
ดูแล้วเขาคงคิดมากไป หลินหยางหน้าแดง ไอคอกแคะแก้เขินและพูดว่า: “สอนไม่กล้าหรอก การเขียนพู่กันของฉันไม่ดีขนาดนั้นหรอกนะ!”
“นายไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ฉันเคยเห็นตัวหนังสือนาย!” หลัวหยุนพูด
“เธอเคยเจอที่ไหนน่ะ?” หลินหยางถาม
หลัวหยุนอ้าปาก ก้มหน้าพูดว่า: “ยังไงฉันเคยเห็นก็แล้วกันน่า ฉันฝึกเขียนพู่กันจีนมาสิบสามปีแล้ว แต่ตัวหนังสือของนายทำให้ฉันเกิดแรงบันดาลใจมากมาย ดังนั้นฉันอยากขอให้นายเข้าร่วมการแข่งขันนี้หน่อย ต้องมาเข้าร่วมให้ได้นะ!”
พูดจบเธอก็เหมือนก็โยนก้อนหินจากอกออกไปได้ และวิ่งหนีออกไปทันที เหลือเพียงแต่หลินหยางที่หัวเราะและส่ายหน้าอยู่ที่เดิม