เมื่อเห็นความดื้อรั้นของส้งเจียวแบบนั้น หลินหยางก็พูดอะไรไม่ได้ ในความคิดของเขา วิธีที่ดีที่สุดสำหรับส้งซูยี่ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรงขนาดนั้นคือการค่อย ๆ ฟื้นตัวบวกกับการฝึกฝนให้จิตใจของเธอกลับสู่วัย18ปี
ความมุ่งมั่นของหญิงสาวนั้นทำให้หลินหยางไม่สามารถเข้าใจได้ แต่เขาก็ต้องฟังเธอ!
กลับมาที่ห้องแล็บในวันรุ่งขึ้น ผู้ช่วยอานเสี่ยวซิงเห็นหลินหยางพาส้งซูยี่เข้ามาอีกครั้ง เธอค่อนข้างตื่นเต้น ในห้องแล็บจืดชืดแห่งนี้ มีเพียงหลินหยางเท่านั้นที่เป็นคนที่เธออยากเจอที่สุด
“เสี่ยวชัยหง สวัสดี พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ!” อานเสี่ยวซิงเอ่ยทักทาย
“พี่อาน พี่สวยขึ้นเยอะเลย!” ส้งซูยี่เอ่ยยิ้มแย้ม
ปากหวานขนาดนี้จึงทำให้อานเสี่ยวซิงดีอกดีใจมาก บีบใบหน้าของเธอแล้วพูด “เอาล่ะ เธอกลับมาอีกแล้ว ครั้งนี้จะมาก่อกวนรึเปล่า?”
“ฉันไม่ได้จะรบกวนการเล่นสนุกของพวกเธอสองคนนะ แต่ฉันมาหาหมอ!” สาวน้อยพูด
หลินหยางหน้าแดงแล้วพูดขึ้น “จุดสำคัญในหัวข้อต่อไปของเราก็คือการรักษาศีรษะของเธอ คุณค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านสมอง ช่วยบอกความคิดเห็นหน่อย!”
“ลักษณะของเสี่ยวชัยหงในตอนนี้มองจากภายนอกแล้วก็ไม่ต่างไปจากคนปกติ สมองก็ไม่มีการติดเชื้อ สิ่งเดียวที่ฉันกังวลคือเธอปิดผนึกตัวเองไว้รึเปล่า!” อานเสี่ยวซิงเอ่ย
ปิดผนึกตัวเอง? เป็นไปได้มั้ยว่าสาวน้อยคนนี้ไม่อยากให้ตัวเองฟื้นตัวกลับมา? มีเหตุผลอะไรกัน?
อานเสี่ยวซิงอธิบายต่อ “เป็นไปได้มากว่าในจิตใต้สำนึกของเธอมีความคิดหนึ่ง ที่ไม่ต้องการให้ตัวเองตื่นขึ้นมา แล้วมีชีวิตอยู่ในโลกของวัยเจ็ดขวบ คุณก็เห็นว่าเสียงที่เธอพูดก็กลายเป็นเสียงเด็กไปแล้ว นี่มันไม่ใช่แค่ปัญหาการบาดเจ็บทางสมองเท่านั้น”
พูดเลยได้ว่า เป็นปกป้องจิตสำนึกของตัวเองชนิดหนึ่งอย่างแน่แท้ ส้งเจียวหญิงแกร่งคนนั้นต้องการอบรมสั่งสอนลูกสาวของตัวเองอยู่เสมอ คาดว่าคงทำให้ส้งซูยี่เจ็บปวดไม่น้อย เด็กหญิงตัวน้อยคงเบื่อชีวิตแบบนี้ถึงได้ทำเรื่องหนีไป หลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จิตสำนึกทำให้ตัวเธอหยุดอยู่ในโลกในวัยเจ็ดขวบที่เธอต้องการมากที่สุด ดังนั้นจึงกลายมาเป็นแบบนี้”
“ถ้าอย่างนั้นคงจะยุ่งยากแล้วล่ะ การรักษาภาวะทางจิตไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะ!” หลินหยางทอดถอนใจ
“ฉันคิดว่าคุณสามารถลองใช้แผนการรักษาเจินชี่ของคุณได้นะ นอกจากนี้ร่วมกับการทะลวงเส้นลมปราณและยากล่อมประสาทน่าจะได้ผล”อานเสี่ยวซิงแนะนำ
หลินหยางอดชื่นชมไม่ได้ว่าความรู้ทางทฤษฎีของนักศึกษาปริญญาเอกคนนี้นั้นแน่นปึก เอ่ยพลางยิ้ม “ความคิดนี้ของคุณไม่เลวเลย ใช้เจินชี่เปิดปมตายของภาวะจิต จากนั้นร่วมกับผลลัพธ์การขุดทะลวงของยาจีน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!”
“แต่ขั้นตอนนี้อาจไม่ง่ายดายขนาดนั้น จำเป็นต้องใช้เจินชี่ที่แข็งแกร่ง!” อานเสี่ยวซิงเอ่ยอย่างเป็นกังวล
เจินชี่น่ะไม่ต้องกังวลหรอก ความร้ายกาจของพลังมังกรและหงส์ก็อยู่อย่างไม่ขาดสาย ต่อให้สูญเสียไปเล็กน้อยก็ยังสามารถเสริมขึ้นมาผ่านการรื่นเริงกับผู้หญิงได้ หลินหยางออกไปสั่งยามาใบหนึ่ง ให้อานเสี่ยวซิงปรุงยาและเคี่ยวช้า ๆ
ขณะหารือวางแผนกันอยู่นั้น ก็มีคนเคาะประตูแล้วเข้ามา เป็นหลูยี่เจ้าหมาบ้านั่น
“ประธานโจว ไม่ทราบว่าแผนการวินิจฉัยของคุณออกมารึยัง?” หลูยี่ถาม
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ถ้ามีตรงไหนที่ต้องการคุณผมจะเรียกเอง!” หลินหยางพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ
หลูยี่เอ่ยอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ประธานส้งพูดแล้ว ว่าให้ผมติดตามพวกคุณ”
นี่มันกฎบ้าอะไรวะเนี่ย? คิดจะจับตาดูพวกเขางั้นเหรอ?
หลินหยางยิ้มเย็น “พวกเราเป็นหมอ มีจรรยาบรรณแพทย์ บางครั้งก็ได้เห็นอะไรที่คนอื่นไม่ควรจะเห็น แต่คุณน่ะไม่เหมือนกัน คุณออกไปซะเถอะครับ!”
หลูยี่จ้องมองหลินหยาง และเดินออกไปอย่างว่าง่าย
หลินหยางถูมือแล้วเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากนั้น “เสี่ยวชัยหง เจ้าหมาตัวนี้ที่บ้านเธอเชื่อฟังมากเลยนะ!”
“ฉันไม่ชอบเขาเลยสักนิด เขาไม่ใช่คนดี!” ส้งซูยี่เอ่ย
หลินหยางชอบใจประโยคนี้ เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ดีล่ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปการรักษาของเราได้เริ่มขึ้นแล้ว แรกเริ่มอะไรล้วนยากทั้งนั้น ฉันต้องฝังเข็มทั้งตัวและนวดสมองให้กับเธอ!”
“ฝังเข็มทั้งตัว?” อานเสี่ยวซิงเอ่ยถาม
“ถูกต้อง ต้องทะลวงเส้นลมปราณและจุดควบคุมเส้นประสาทที่สำคัญทุกจุด แบบนี้จึงจะทำให้เจินชี่ไหลเวียนเข้าไปได้ดีขึ้น!” หลินหยางเอ่ย
ส้งซูยี่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เริ่มถอดเสื้อผ้าออกมา เสื้อผ้าหล่นลงมาทีละชิ้น เผยให้เห็นเรือนร่างอันเลิศล้ำอย่างหมดจด นี่คือร่างกายที่สวยงามที่สุดที่หลินหยางเคยเห็น ตั้งแต่หัวจรดเท้า ผิวพรรณทุกส่วนล้วนละเอียดเรียบเนียน รูปร่างสมบูรณ์แบบ ลูกซาลาเปาคัพซีนั้นราวกับชามหยกคว่ำ ที่ทำให้หลินหยางหายใจลำบากที่สุดก็คือส่วนล่างที่สะอาดหมดจดนั้น สีแดงสดและขาวนุ่มไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย
เรือนร่างแบบนี้คงจะปรากฏอยู่แค่ในความฝันของใครหลายคน ถ้าหากไม่ใช่เพราะความเสียหายทางจิตใจของเธอ คงไม่มีทางทำแบบนี้แน่ ซึ่งมันก็สะดวกกับหลินหยาง
หลินหยางและอานเสี่ยวซิงตะลึงตาค้าง สาวน้อยคนนี้ใจกล้ามากทีเดียว! แต่ก็ช่วยประหยัดน้ำลายไปมาก
โต๊ะทดลองขนาดใหญ่ทำหน้าที่เป็นเตียงผู้ป่วยชั่วคราว เด็กสาวนอนอยู่ด้านบนนั้น เรือนร่างขาวบริสุทธิ์ทำให้หลินหยางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
หลินหยางกลืนน้ำลาย แล้วเริ่มฝังเข็มอย่างช้า ๆ ตำแหน่งเส้นลมปราณหลักในร่างกายถูกบิดแทงอย่างประณีตด้วยเข็มเงิน อานเสี่ยวซิงเฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ เทคนิคของหลินหยางนั้นน่าทึ่งจริง ๆ จุดฝังเข็มของเขาแม่นยำมาก
อานเสี่ยวซิงไม่รู้ว่าหลินหยางได้ฝึกการจดจำจุดฝังเข็มอยู่ตลอดทั้งปีตั้งแต่เด็ก โดยพื้นฐานแล้วเขาสามารถใช้เจินชี่ผลักเข็มเงินเข้าไปในจุดฝังเข็มในระยะหลายเมตรได้อย่างแม่นยำ
ส้งซูยี่เบิกตากว่าดไปยังหลินหยาง “มันร้อนนิดหน่อย อุ่น ๆ !”
นี่เป็นผลมาจากการที่กำลังแทรกซึมเจินชี่พลังมังกรและหงส์เข้าไป ทุกครั้งที่สอดเข็มผ่านเส้นลมปราณ หลังจากที่เจินชี่เจาะเข้าไปแล้วจะเริ่มไหลเวียนไปยังมือเท้าทั้งสี่
ไม่ค่อยกล้ามองใกล้ ๆ นัก ไม่อย่างนั้นคงจะรักษามาดไม่อยู่ หลินหยางสูดหายใจลึก ๆ “ต่อไปฉันจะนวดศีรษะให้เธอ อาจจะทำให้เธอรู้สึกแย่นิดหน่อย ต้องอดทนเอาไว้นะ!”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่กลัวเจ็บ!ขอแค่คุณรักษาฉันให้หายได้ก็พอแล้ว! จริงสิ คุณอย่าลืมสัญญาของเราล่ะ!” เด็กสาวยิ้มกริ่ม
แน่นอนว่าจะไม่ลืมสัญญา แต่หลินหยางนั้นไม่กล้าเป็นจริงเป็นจังมาก เขาถ่ายพลังมังกรและหงส์ไปอย่างตรงไปตรงมาแล้วนวดจุดฝังเข็มที่ศีรษะของเธอ
อานเสี่ยวซิงค่อนข้างสับสน จะนวดต้องหลับตาด้วย นี่เป็นการฝึกฝนงั้นเหรอ?
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การฝึกฝน ลืมตาแล้วมันทำด้วยความสบายใจไม่ได้เลย! หลินหยางกลั้นหายใจและตั้งสมาธิ เจินชี่อันทรงพลังไหลจากปลายนิ้วลงสู่จุดฝังเข็มของเด็กสาว
เมื่อจังหวะของการนวดเปลี่ยนไป ส้งซูยี่ก็ส่งเสียงฮึดฮัด
“ร้อนจัง อึดอัดมากเลย!” เด็กสาวคร่ำครวญ
หลินหยางชะงักไปชั่วครึ่งวินาทีแล้วนวดต่อไป เสียงนี้มันช่างกวนใจเหลือเกิน ยั่ยเย้าให้ทำบาปเสียจริง!
ถึงยังไงส้งซูยี่ก็เป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยทนต่อการทดสอบของเจินชี่ที่แข็งแกร่งแบบนี้มาก่อน ร่างกายนั้นราวกับจะเดือดพล่าน ทั้งร้อนรุ่มและอึดอัด เสียงครวญครางเองก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ
“เอาผ้าฝ้ายมาอุดไว้ให้ฉันหน่อย!” หลินหยางเอ่ยอย่างอึดอัด
อานเสี่ยวซิงอึ้งไปเล็กน้อย เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา ก่อนรีบหาสำลีมาอุดให้เขา
เสียงมหัศจรรย์นี้สุดยอดจริง ๆ จังหวะของหลินหยางปั่นป่วนเล็กน้อย โชคดีที่อานเสี่ยวซิงช่วยอุดหูให้เขาได้ทำเวลา ทำให้เขาสงบลงแล้วนวดต่อไป
หลินหยางหลับตามองไม่เห็นท่าทางของเด็กสาว ไม่อย่างนั้นร่างอ้อนแอ้นที่บิดด้วยความเจ็บปวดตอนนี้คงทำให้เขาคลุ้มคลั่งทันที เด็กสาวคนนี้ไม่ได้เหนียมอาย การเคลื่อนไหวเย้ายวน อานเสี่ยวซิงมองอย่างเคลิบเคลิ้ม
เหล่านี้เป็นผลของพลังมังกรและหงส์ แต่นี่ก็เป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดแล้ว
หลังจากใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงกับการช่วยเหลือและการนวด ในที่สุดเด็กสาวก็ไม่เจ็บปวดอีกต่อไป แต่ความอรชรตามธรรมชาติของร่างกายกลับเผยให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัย
ในตอนนี้หลินหยางได้มีเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก และค่อนข้างเหนื่อยล้า
หลินหยางค่อย ๆ หยุดนวดอย่างช้า ๆ เขานั่งลงบนเก้าอี้แล้วเอ่ย “เอาล่ะ พักผ่อนสักเดี๋ยว!”
ส้งซูยี่ร้องไห้และพูดด้วยใบหน้าเศร้า “ฉันฉี่แตกแล้ว!”
มีคราบน้ำอยู่บนโต๊ะทดลองอย่างที่คิด หลินหยางเข้าใจในทันทีว่ามันคืออะไร เขาพูดด้วยใบหน้าแดงเรื่อ “มันไม่ใช่ฉี่ ไม่ต้องเสียใจไปหรอก!”
“งั้นมันคืออะไรเหรอ?” เด็กน้อยถาม
“เด็ก ๆ อย่าถามเรื่องที่ไม่ควรถาม! เสี่ยวซิงคุณดึงเข็มเงินออกให้เธอหน่อย!” หลินหยางหอบหายใจ
อานเสี่ยวซิงเอ่ยด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย “เจินชี่ได้รับความเสียหายรึเปล่า? ต้อง….”
หลินหยางอายที่จะพูด เพียงใช้สายตามองไปยังส้งซูยี่ อานเสี่ยวซิงเข้าใจในทันที เธอถอดเข็มเงินออกอย่างว่องไวแล้วสวมเสื้อผ้าให้เธอ “เสี่ยวชัยหง เธอไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ อีกเดี๋ยวที่นี่ต้องต้มยาแล้ว กลิ่นค่อนข้างแรงเลยล่ะ!
สาวน้อยสวมเสื้อผ้าอย่างเชื่อฟังแล้วจากไป อานเสี่ยวซิงที่ยังอยู่มองตรงไปที่หลินหยาง
หลังจากปิดประตู อานเสี่ยวซิงโอบกอดเขาเอาไว้ “ฉันจะช่วยคุณเติมเต็มเจินชี่นะ!”
ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีชมพู หลินหยางมองอย่างใจเต้น เขาไม่ได้เติมความชุ่มฉ่ำให้สาวน้อยน่ารักคนนี้มาหลายวันแล้ว ความสวยหยาดเยิ้มของเธอต่างจากผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ไร้เดียงสาและน่าเย้ายวน
สิ่งที่ทำให้หลินหยางใจเต้นมากที่สุดคือความเฉียบแหลมของผู้หญิงคนนี้ เธอถอดเสื้อผ้าของหลินหยางออกอย่างกล้าหาญ ใช้ร่างกายอันเร่าร้อนกอดเขาไว้แน่น
ทั้งสองเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ไปบนโต๊ะทดลอง เมื่อเห็นของเหลวนั้นที่ส้งซูยี่ทิ้งไว้ อานเสี่ยวซิงก็รีบเร่งใช้ทิชชูเช็ดออกไป
“คุณนี่แย่จริง ๆ ทำไมเจินชี่แปลกประหลาดแบบนี้?” อานเสี่ยวซิงปากอย่างใจอย่าง
“รักษาโรคและช่วยชีวิตผู้คน ตราบใดที่มันมีประโยชน์ ผมไม่สนหรอกว่ามีอะไรประหลาด!” หลินหยางพูดอย่างตรงไปตรงมา
และก็เพราะเป็นแบบนี้ อานเสี่ยวซิงถึงได้หมกมุ่นในตัวผู้ชายคนนี้ เธอชี้ไปที่หน้าอกของตัวเองและพูด “ฉันอยากจะขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของคุณเช่นกัน ดูสิตรงนี้ของฉันหายดีแล้ว!”
ปุ่มกระสันที่เดิมเว้ายุบลงไปตั้งชันขึ้นมาแล้ว หลินหยางค่อนข้างตื่นเต้น กดเธอกับโต๊ะทดลอง
“ผมค่อนข้างเหนื่อย ครั้งนี้คุณทำเองได้มั้ย?” หลินหยางพูดอย่างเล่นแง่
อานเสี่ยวซิงพยักหน้าเบา แล้วขึ้นขี่บนตัวของหลินหยาง เธอกัดริมฝีปากแล้วพูด “ฉันไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ คุณอย่าหัวเราะเยาะฉันนะ!”
หลินหยางเม้มปากยิ้มแต่ก็ไม่พูดอะไร ปล่อยให้สาวน้อยคนนี้ยั่วเย้าตัวเองอย่างงุ่มง่ามเล็กน้อย เธอใช้ซาลาเปาเนื้อนุ่มนิ่มของตัวเองแปะที่หน้าอกของหลินหยาง ให้ปุ่มกระสันของตัวเองนวดคลึงให้เขา
แต่อย่างนั้นกลับจะกระตุ้นให้อานเสี่ยวซิงเองส่งเสียงครางออกมา หลินหยางเอ่ยพลางยิ้ม “สู้ ๆ ผมเชื่อว่าคุณทำได้!”
“คนบ้า อย่ามาล้อเลียนฉันนะ!” อานเสี่ยวซิงเอ่ยอย่างแห้งเหี่ยว
อาจเป็นเพราะจิตใจแบบนั้นที่น่าประทับใจ ปืนใหญ่ของหลินหยางที่ถูกเรียกออกมาผงาดขึ้นมาทันที อานเสี่ยวซิงกอบกุมส่วนนั้นไว้ ก่อนกดเข้าไปยังร่องของตัวเอง
หลังจากปรับตำแหน่งอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็เข้าที่เข้าทาง อานเสี่ยวซิงค่อย ๆ นั่งลงอย่างช้า ๆ เธอเอ่ยด้วยเสียงสั่นระริก “เจ้าวายร้าย ฉันทำสำเร็จแล้ว!”