ชิวซิงเยว่มองป้ายชื่อตรงอกของตัวเองแล้วยิ้มพูดว่า “ใช่แล้ว เขาคือพ่อของฉัน แต่ว่าความคิดของพวกเราไม่เหมือนกัน ฉันหลบเขาอยู่ที่เจียงหลิง คิดไม่ถึงว่านายจะเป็นหนุ่มหล่อในปากของเขากลับมาตกอยู่ในมือของฉัน เดี๋ยววันไหนฉันจะต้องฉีกใบหน้าจอมปลอมของนายต่อหน้าพ่อของฉันให้ได้”
หลินหยางถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ผมไม่ใช่คนที่อยากได้ชื่อเสียงอะไร การประชุมครั้งนั้นผมเองก็ถูกบังคับให้เข้าร่วม แค่พ่อของคุณพูดชมเกินไป อีกอย่าง ที่ผมพูดมันเกี่ยวกับกำลังภายใน ไม่ใช่ปัญหาทางการแพทย์ คุณจะปรึกษา ตามกฎแล้ว ต้องไหว้ฉันเป็นอาจารย์ก่อนถึงจะสอนคุณได้”
“กฎจากที่ไหนกัน ไม่อย่างนั้นฉันไหว้นายเป็นอาจารย์เลยละกัน ฉันจะฝึกอะไรออกมาได้รึเปล่านะ?” ชิวซิงเยว่ถาม
“ถ้าคุณอยากไหว้ฉันเป็นอาจารย์จริงๆ ฉันก็สามารถสอนอะไรให้คุณได้เล็กน้อย แต่ว่าคุณไม่เด็กแล้ว ได้ผ่านช่วงเวลาที่เหมาะกับการฝึกไปแล้ว ตอนนี้ทำได้แค่เสริมความแข็งแรงของกำลังภายในเท่านั้น ไม่สามารถเป็นปรมาจารย์ได้” หลินหยางยิ้มพูด
ชิวซิงเยว่ประคองคางแล้วพูดว่า “แล้วสามารถสู้กับอันธพาล ตีพวกโรคจิตแบบนี้ได้ไหม?”
“ไม่มีปัญหา 2-3คนสำหรับคุณแล้วเป็นเรื่องชิวๆ” หลินหยางพูดอวด
ชิวซิงเยว่รีบกำหมัดแน่น ยกขึ้นมาประสานแล้วพูดว่า “อาจารย์ ข้อน้อยขอให้ท่านรับข้าเป็นศิษย์ด้วย”
หลินหยางทนไม่ไหว หัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าสุขจนเกิดทุกข์ แผลฉีกแล้วจริงๆ ชิวซิงเยว่รีบเอาสำลีออกมาห้ามเลือดแล้วพูดว่าดูถูกว่า “นายนี้ทนเรื่องล้อเล่นไม่ได้จริงๆ แค่นี้ก็หัวเราะขนาดนี้แล้ว”
มือเล็กๆ ที่ขาวนุ่มได้ยุ่งอยู่บนตัวของหลินหยาง หลินหยางไม่รู้สึกว่าเจ็บเลย เขาพูดว่า “ถ้าเธออยากฝึกจริงๆ และถ้ามีพื้นฐานของจุดฝังเข็ม ฉันสามารถสอนการโจมตีจุดฝังเข็มให้เธอ นี้ก็ดีต่อการรักษาในปกติของเธอด้วย”
“ฉันใช้แต่มีด ตรงไหนไม่ดีผ่าตรงนั้น จุดฝังเข็มน่าจะไม่ได้ใช้” ชิวซิงเยว่พูดถอนหายใจ
ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่มีอารมณ์ขันจริงๆ หลินหยางพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ฉันเล่าเรื่องชีวิตลำบากตอนที่ฉันฝึกกำลังภายในให้เธอหน่อยละกัน”
หลินหยางรับการฝึกจากปู่ตั้งแต่เด็ก บทหลงเฟิ่งเจว๋นี้ก็เริ่มฝึกตั้งแต่อายุ 5 ขวบ หลังจากกำลังภายในมีพื้นฐานแล้ว ตอนอายุ 8 ขวบก็เริ่มฝึกบำเพ็ญบทหลงเฟิ่งเจว๋
ระหว่างนี้ลำบากมากเหลือเกิน แทบจะได้ผ่านการกวาดล้างร่างกายตั้งแต่เด็กๆ
ระหว่างการฝึกกำลังภายในนั้นยาวเป็นเวลา 16 ปี หลินหยางได้รับการฝึกทั้งภายนอกและภายใน นอกจากครั้งแรกที่ขาดประสบการณ์เมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ สู้กับเซินถูอ๋างหรันเลยแพ้ทั้งคู่ นอกจากนี้เขายังไม่เคยแพ้มาก่อน ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะสองพี่น้องนี้ลอบโจมตีจากข้างหลังโดยใช้ปืน สงสัยหลูยี่ตอนนี้น่าจะตกอยู่ในมือของหลินหยางแล้ว
“นายเก่งขนาดนี้เลย?กำลังภายในที่ว่าหลงเฟิ่งเจว๋นั้นเป็นอะไร?ทำไมพอฟังแล้วรู้สึกโรคจิตจังเลย” ชิวซิงเยว่พูดอย่างสงสัย
หลินหยางหน้าแดงทันที กำลังภายในนี้โรคจิตจริงด้วย ต้องมีการช่วยเหลือของทั้งชายและหญิงถึงจะบำเพ็ญได้ เขาไปทีหนึ่งแล้วพูดว่า “รายละเอียดอันนี้เธอไม่จำเป็นต้องรู้ อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ฝึกอันนี้ซะหน่อย”
“ใครบอกว่าฉันไม่ฝึก ถ้าอย่างนั้นนายลองพูดสิกำลังภายในมีดียังไง?” ชิวซิงเยว่ไล่ถามต่อ
หลินหยางเกาหัวแล้วพูดว่า “ข้อดีเยอะเกินไป ฉันไม่รู้จะพูดยังไง”
“หึ วางท่าอีกแล้ว นายบอกฉันมาตามตรงเลยไม่ได้หรือไง” ผู้หญิงมองบนใส่เขา
หลินหยางรู้สึกอาย ผู้หญิงคนนี้ตรงไปตรงมาแบบนี้ ถ้าตัวเองยังซ้อนไว้ไม่พูดก็จะดูไม่ดี ไม่ว่ายังไงเธอเป็นคนช่วยชีวิตตัวเองไว้ด้วย
“กำลังภายในนี้วิเศษมาก ถ้าใช้ได้ดีสามารถทำการรักษาให้คนได้ด้วย อันดับแรก บทหลงเฟิ่งเจว๋สามารถทำการปรับกำลังภายในได้ ทำให้ร่างกายคนแข็งแรง นอกจากนั้นถ้าฝึกได้ดี หลังจากกำลังภายในของบทหลงเฟิ่งเจว๋มีความก้าวหน้า ก็สามารถใช้วิธีนวดในการ…..ทำให้ข้างในคนปรับสมดุล รักษาความไม่เท่ากันของหน้าอก ถ้าฝึกจนถึงข้างหลัง ก็มีความวิเศษที่สามารถฟื้นชีวิตได้” หลินหยางอธิบาย
ชิวซิงเยว่กะพริบตาเหมือนไม่ค่อยเชื่อ กำลังภายในนี้วิเศษขนาดนี้เลยหรอ?เธอไล่ถามต่อ “แล้วต้องฝึกยังไงล่ะ?หรือว่าผู้ชายกับผู้หญิงต้องฝึกด้วยกัน?”
หลินหยางเงียบไม่พูด ก็แสดงว่ายอมรับแล้ว ชิวซิงเยว่หึแล้วพูดว่า “ถึงว่าทำไมชื่อฟังแล้วถึงโรคจิต ไอ้โรคจิต นายลองใช้บทหลงเฟิ่งเจว่นายใส่ฉันดูสิว่ามีฤทธิ์ขนาดไหน”
ผู้หญิงคนนี้ไม่ไว้หน้าจริงๆ อยากจะสั่งสอนสักหน่อย เขาพูดว่า “เธอยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง”
ชิวซิงเยว่เงยหน้าแล้วยื่นแขนไป ข้อมือที่ขาวเนียน ยากที่จะทำให้คนคิดไปถึงหน้าตาตอนที่เธอจับมีผ่าตัดเลย หลินหยางเริ่มท่องบทหลงเฟิ่งเจว๋ กดจุดฝั่งเข็มของเธอไว้ จากนั้นก็ปล่อยเจินชี่ที่ร้อนแรงเข้าไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ชิวซิงเยว่ถูกคนควบคุมไว้แบบนี้ ตัวแข็งทื่อขยับไม่ได้เลย เธอตกใจจนวิญญาณจะออกจากร่าง หลินหยางมองเธอไว้
ชิวซิงเยว่คิดในใจหรือว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะทำอะไรมิดีมิร้ายหรือเปล่า? แต่ว่าตอนนี้ปากของเธอก็อ้าไม่ออก มีแค่ตาทั้งสองที่สามารถหมุนไปมา
ในใจกลัวมาก แต่ว่าหลินหยางกลับเอาแต่หัวเราะ ไม่มีท่าทางที่ไม่ดีเลย นิ้วของเขาค่อยๆ กดบนชีพจรของเธอ หลังจากที่เจินชี่เข้ามาในใจของชิวซิงเยไอ้นี่ก็รู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกที่แปลกๆ นี่มันอะไรกัน?ร่างกายไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เหมือนกับมีแค่ตอนที่ร่องรอยอยู่ในฝันเป็นบางครั้งถึงจะมีความรู้สึกแบบนี้ ไอร้อนผ่านจากมือของหลินหยางเข้าไปในตัวของชิวซิงเยว่ ความรู้สึกที่มีกระแสไฟไหลผ่านเข้าไปในร่างกาย หน้าก็แดงขึ้นมาทันที
ไอ้บ้านี้ก็ยังพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “เป็นยังไง ฤทธิ์แรงไปไหม?จริงด้วย เธอพูดไม่ออก ถ้าอย่างนั้นกะพริบละกัน กะพริบตาทีหนึ่งก็คือได้แล้ว ยกโทษให้ฉันด้วย กะพริบตาสองครั้งก็คือนายเก่งมากเลย ขอร้องล่ะ กะพริบตาสามครั้งก็คือ ยังไม่พอ ฉันอยากได้อีก”
สีหน้าที่เจ้าเล่ห์ของหลินหยางทำให้ชิวซังเยว่มาชอบใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าความรู้สึกที่ชาๆ นี้กลับทำให้เธอรู้สึกเสียดาย ก็ได้กะพริบตาไม่หยุด
หลินหยางเกาหัว “เธอกะพริบมากกว่าสามครั้งนะ ตกลงจะเอาหรือไม่เอากันแน่”
ใจของชิวซิงเหว่เหมือนถูกมดหลายตัวกัด น้ำตาไหลออกมาทันที
เรื่องอะไรสำหรับหลินหยางก็ยังว่าได้ แต่หลินหยางไม่สามารถเห็นผู้หญิงร้องไห้ที่สุด เขารีบปล่อยมือแล้วพูดว่า “ขอโทษ ฉันไม่แกล้งเธอแล้ว”
ชิวซิงเยว่อยากจะด่าคน แต่ว่าปากยังอ้าไม่ออก ก็เลยได้แต่กะพริบตา หลินหยางถึงคิดว่าตัวเองได้กดจุดฝังเข็มของเธอไว้ ก็เลยจับข้อมือที่ขาวเนียนของเธอไว้อีกครั้งแล้วค่อยๆ นวด
ถ้าจุดฝังเข็มถูกตี อยากจะแก้ต้องใช้เจินชี่โจมตีที่จุดฝังเข็ม สำหรับคนที่เคยฝึกกำลังภายในแล้วนี่ไม่ใช่ปัญหา ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ายังเป็นคนที่อ่อนแอทำอะไรมั่วๆ ไม่ได้ นี่เป็นวิธีแก้ที่หลินหยางใช้บ่อยที่สุด หลังจากนวดไปสักพัก ตัวของชิวซิงเยว่ก็กลับมาขยับได้อีกครั้ง
“ไอ้บ้า เมื่อกี้นายทำให้ฉันอยู่นิ่งแบบนั้นได้ยังไง?” ชิวซิงเยว่เช็ดน้ำตาแล้วพูดอย่างโมโห
หลินหยางแปลกใจ เขาเตรียมใจที่จะโดนตีแล้ว ดูท่าทางเธอแค่โกรธเฉยๆ
“ฉันแค่ทำการกดที่จุกฝังเข็มของเธอเท่านั้น เธอไม่เชื่อวิชาของฉัน ฉันก็เลยสาธิตให้เธอดูไง” หลินหยางอธิบาย
ชิวซิงเยว่หายโกรธแล้ว กลับเกิดความสนใจต่อวิชาของหลินหยาง ไล่ถามต่อว่า “นี่เป็นผลของบทหลงฟ่งเจว่ของนายใช่ไหม?นายทำการกดจุดฝังเข็มของผู้หญิงไว้แล้วก็ทำเรื่องไม่ดีใช่ไหม?”
หลินหยางถูกคำถามของเธอทำให้ตลก “เธอคิดว่าฉันเป็นคนยังไง ถึงแม้ว่าวิชานี้จะแปลกหน่อย แต่ฉันไม่เคยใช้วิชานี้ไปทำเรื่องไม่ดี คนที่ฝึกกำลังภายในต้องมีความเป็นธรรม ถ้าเกิดไม่มี ไม่ว่าจะฝึกไปดีแค่ก็ไร้ประโยชน์”
ชิวซิงเยว่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนการมองหลินหยางแล้ว ตอนที่อยู่บ้านปราบผีสามเข็มเอาแต่พูดชมหลินหยาง ทำให้เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่วันนี้ได้เจอ ยังคิดว่าเป็นไอ้โรคจิตที่ชอบวางท่า พอได้คุยกันแบบนี้ กลับเป็นตัวเองที่เอาแต่ถาม ทำให้พวกเขาทั้งสองเจอกันในสถานการณ์แบบนี้
เงียบไปสักพักเธอก็ถามต่อว่า “ทำไมเมื่อฉันรู้สึกว่าในร่างกายรู้สึกแปลก”
“อันนี้…..ก็คือความวิเศษของบทหลงเฟิ่งเจว๋ แต่ว่าถ้าเธอไหว้ฉันเป็นอาจารย์จริงๆ ฉันยังสอนอันนี้ให้เธอไม่ได้” หลินหยางพูด
“ทำไมไม่ได้ ฉันอยากฝึกอันนี้” ชิวซิงเยว่พูด
“หลินหยางพูด “อันนี้ผู้ชายฝึกไม่มีปัญหา สามารถควบคุมร่างกายได้ตามอิสระ ผู้หญิงไม่ได้ จะทำให้ตัวเองยิ่งจมปลักจนห้ามไม่ได้”
ชิวซิงเยว่ไม่เข้า พูดอย่างดูถูกว่า “นายนี่ชอบวางท่าซะจริง ฉันไหว้นายเป็นอาจารย์แล้วนะ”
“ก็ได้ ฉันสอนพวกพื้นฐานให้เธอก่อนละกัน” หลินหยางพูดอย่างไม่ได้
ชี้ไปที่ท้องน้อยของตัวเอง หลินหยางพูด “นี่เป็นตำแหน่งของตันเถียน กำลังภายในจะเริ่มจากตรงนี้แล้วไหลไปทั่วร่างกาย พลังในตัวของเธอระเบิดออกมาจากตรงนี้ จากนั้นหลังจากรวบรวมแล้วก็สามารถโจมตีศัตรูหรือช่วยคนก็ได้ เธอยื่นแขนมา ฉันจะทำให้เธอดูอีกครั้ง”
แขนที่เนียนใสได้ยื่นออกมาอีกครั้ง หลินหยางหายใจเข้าลึกๆ มือทั้งสองได้เริ่มจัดบทหลงเฟิ่งเจว๋แล้วถูบนแขนของเธอ ฝ่ามือที่ร้อนนั้นได้นวดให้ชิวซิงเยว่สบายมาก
หลินหย่างว่าจะแสดงให้ดูก็พอแล้ว แต่ว่าไม่รู้ทำไม เจินชี่เริ่มเยอะไป บทหลงเฟิ่งเจว๋ได้เข้าไปปะทะในใจของชิวซิงเยว่ทำให้ตัวของเธอเริ่มสั่นขึ้นมา
“รู้สึกได้ถึงไอร้อนที่รวมตัวอยู่ในร่างกายไหม?” หลินหยางพูด
ชิวซิงเยว่กัดฟันไว้แน่น อยากจะต้านความรู้สึกที่กัดกระดูกแบบนี้ แต่ไม่นานเธอรู้ว่าไม่มีประโยชน์ เห็นหน้าเธอเริ่มแดงอีกครั้ง หลินหยางหัวเราะแล้วพูดว่า “แบบนี้ถูกแล้ว ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาเอง ถ้าเธออยากเรียนกำลังภายในนี้ก็จะควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้”
หลินหยางมันแต่พูดกับเธอ เจินชี่บนมือยังไม่ได้หยุดลง จนครอบตัวเธอไว้หมด ครั้งนี้ชิวซิงเยว่แย่แล้ว รู้สึกว่ามีของเหลวร้อนๆ กำลังจะไหลออกมาเลย เธอรีบลุกขึ้นยืน อยากจะหลบ แต่ว่าสายไปแล้ว ของเหลวได้ไหลออกมาทันที หลินหยางมองจนอึ้งไปเลย
ผู้หญิงตรงหน้ากางเกงเปียกไปหมด แต่ว่าก็ยังมีของเหลวใสๆ หยดลงมาเรื่อยๆ
ชิวซิงเยว่ที่กระตุกไปสักพักแล้วเห็นตัวเองที่เหมือนกับฉี่ราด ก็พุ่งเข้าหาหลินหยางอย่างโกรธทันที
หลินหยางนอนอยู่บนเตียง มองผู้หญิงที่เหมือนบ้าคนนี้ รีบกอดหัวแล้วพูดว่า “ใจเย็นใจเย็น ฉันเป็นคนไข้นะ”
“นายเป็นคนไข้หรือว่าโรคจิตกันแน่ ไอ้บ้า นายทำแบบนี้กับฉัน ต่อไปฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปคนอีก” ชิวซิงเยว่พูดทั้งอายทั้งโกรธ
เวลานี้เอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก จ้าวชิวเยว่เดินเข้ามา เห็นภาพนี้แล้วก็พูดว่า “พี่…….เป็นอะไรเนี่ย?”
หลินหยางคอหดแล้วพูดว่า “ไม่เป็นอะไร ล้อเล่นเฉยๆ”
“คือส้งเจียวประธานส้งได้พาคนเยอะมากไปหาหลูยี่ ฉันห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่” จ้าวชิวเยว่พูดอย่างปวดหัว