ต้วนมู่เฉิงเป็นคนที่ดูเกรี้ยวกราดโดยเนื้อแท้ ในตอนที่แสดงพลังออกมาโดยไม่ใช้พลังลมปราณการเคลื่อนไหวของต้วนมู่เฉิงจึงดูติดๆ ขัดๆ แต่ในตอนนี้ก็มาถึงตอนที่ตัวเขาจะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ ภายใต้การจับตามองของเหล่าฝูงชน ในตอนนั้นหอกราชันย์ก็ได้ลอยเข้าหาฝ่ามือของต้วนมู่เฉิงอีกครั้ง
ตู๊ม!
พลังลมปราณได้ไหลออกมาจากนิ้วมือของต้วนมู่เฉิง
เมื่อเห็นแบบนั้นเหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงที่มารอรมเองต่างก็เบิกตากว้าง แม้แต่ฝานซงและโจวจี้เฟิงที่มีพรสวรรค์เองก็ยังต้องรู้สึกเกรงกลัวและประทับใจกับสิ่งที่ได้เห็น
เหล่าผู้ชมต่างก็จ้องมองไปที่พลังที่กำลังไหลเวียน ในศาลาที่ผู้อาวุโสทั้งสามและลู่โจวกำลังยืนอยู่ได้ถูกสั่นไหวไปเพราะพลังของต้วนมู่เฉิง
ในตอนนี้ต้วนมู่เฉิงจะได้แสดงพลังที่แท้จริงของเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
พลังของต้วนมู่เฉิงได้แผ่ไปทั่วทั้งศาลาและบริเวณโดยรอบ
ต้วนมู่เฉิงที่กำลังจะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาหันมาตักเตือนผู้เป็นศิษย์น้องซะก่อน “ศิษย์น้องเล็ก ถอยไปเร็วเข้า! ” ต้วนมู่เฉิงได้กระโจนขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะพลิกตัวเพื่อให้หอกพุ่งทะลวงสู่พื้นเบื้องล่าง
เมื่อเห็นเช่นนั้นฮั๊ววู่เด๋าก็ได้แต่ขมวดคิ้ว “นั่นมันเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ย้อนกลับอย่างงั้นสินะ? ” ตัวเขาได้ประลองกับต้วนมู่เฉิงอยู่บ่อยครั้ง ทุกการเคลื่อนไหวของต้วนมู่เฉิงเป็นธรรมดาที่ฮั๊ววู่เด๋าจะรู้จักมันดี
พลังยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ย้อนกลับถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ทรงพลังที่สุดของเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ ลู่โจวเองก็เคยใช้ทักษะนี้สังหารผู้ฝึกยุทธนับร้อยของสิบสุดยอดสำนักไปแล้ว ในตอนนั้นลู่โจวได้ใช้พลังเคล็ดวิชานี้ไปพร้อมๆ กับพลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถี เพราะแบบนั้นพลังของเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ลู่โจวใช้จึงทรงพลังอย่างมหาศาล
ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าต้วนมู่เฉิงจะใช้สุดยอดเคล็ดวิชาแบบนี้ได้ ถ้าหากต้วนมู่เฉิงใช้เคล็ดวิชานี้เข้าโจมตีศัตรู คงจะไม่มีศัตรูคนไหนที่จะมีชีวิตรอดต่อไปได้
ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่นี่เป็นเพียงแค่การสาธิตเท่านั้น เพราะแบบนั้นแล้วฮั๊ววู่เด๋าจึงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร ก่อนที่ต้วนมู่เฉิงใกล้จะถึงพื้น ในตอนนั้นเงาของหอกนับพันเล่มก็ได้หลอมรวมกันจนกลายเป็นหนึ่ง
ตู๊ม!
หอกราชันย์ของต้วนมู่เฉิงได้แทงทะลุพื้น ตัวเขาเสร็จสิ้นการสาธิตไปแล้วนั่นเอง
ต้วนมู่เฉิงรีบลอยขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะพลิกตัวและลงสู่พื้นอย่างช้าๆ “ท่านอาจารย์ศิษย์ได้แสดงพลังให้กับท่านอาจารย์ได้ดูไปหมดแล้ว”
ฝานซงและโจวจี้เฟิงที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็ปรบมือให้
เหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงที่ยืนมองอยู่ก็ทำเช่นกัน
ในขณะเดียวกันทั่วทั้งศาลาเต็มไปด้วยความเงียบสงบ สีหน้าของลู่โจวเองยังคงดูไร้อารมณ์เช่นเคย ตัวเขาได้ลูเคราของตัวเองก่อนที่หันไปพูดกับผู้อาวุโสทั้งสาม “พวกเจ้าคิดว่ายังไงกัน? อย่าได้ลังเลที่จะพูดสิ่งที่คิดออกมาเลย” ลู่โจวกังวลว่าทั้งสามคนจะไม่กล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา ตัวเขาจึงตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการพูดดักเอาไว้ซะก่อน
ฮั๊ววู่เด๋าดูเหมือนกับจะเป็นผู้ที่อยากพูดที่สุดแล้ว “งั้นให้ข้าพูดจะได้ไหม? “
“เชิญ”
“แม้ว่ามันจะดูมีพลังแต่ถึงแบบนั้นมันกลับว่างเปล่า” ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดออกมาสั้นๆ
ต้วนมู่เฉิงที่ได้ยินแบบนั้นรู้สึกสับสน ฝานซง, โจวจี้เฟิงและเหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงเองก็เป็นเช่นเดียวกัน
ลู่โจวมองไปที่เล้งลั่ว
เล้งลั่วที่เห็นสายตาของลู่โจวได้ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินไปยังริมศาลา ตัวเขาได้จ้องมองหอกราชันย์ที่ฝังตัวลงอยู่บนพื้น ตัวเขาได้ส่ายหัวก่อนจะพูดออกมา “มันดูดุร้ายเกินเหตุไปหน่อย”
ลู่โจวมองไปที่ฝานลี่เทียน
ฝานลี่เทียนได้ยกน้ำเต้าขึ้นมาจิบก่อนที่จะพูดออกมา “ถึงจะมีความพยายามแต่นั่นมันก็ยังดูผิวเผินจนเกินไป”
แก้มของต้วนมู่เฉิงร้อนไปทั้งสองข้าง ตัวเขารู้สึกละอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แม้ว่าจะถูกติแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่รู้ว่ามันผิดพลาดได้ยังไง ตัวเขาทำได้เพียงรวบรวมความกล้าก่อนที่จะโค้งคำนับผู้เป็นอาจารย์ ในตอนนี้ก็เหลือลู่โจวที่จะให้คำแนะนำแล้ว
ผู้อาวุโสทั้งสามที่ให้ความเห็นเสร็จต่างก็กลับไปยังที่นั่งตน ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็หันไปมองท่าทีของลู่โจว
ลู่โจวยังคงสงบนิ่ง ตัวเขาไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองอะไรกับความคิดเห็นก่อนหน้านี้ ลู่โจวมองไปที่ต้วนมู่เฉิงก่อนที่จะถามออกมา “เจ้าได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสทั้งสามพูดออกมาแล้วรึยัง? “
“ศิษย์…ศิษย์ได้ยินแล้ว”
“ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้ายังไม่เชี่ยวชาญเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์จนไปถึงแก่นแท้ แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็ยังฝืนใช้ทักษะใหม่ๆ ออกมาเพื่ออะไรกัน? “
ใบหน้าของต้วนมู่เฉิงเปลี่ยนไปเป็นสีแดงด้วยความละอาย ตัวเขาไม่กล้าที่จะโต้เถียงอะไรกลับมา ต้วนมู่เฉิงกำลังลุ้นว่าผู้เป็นอาจารย์ของเขาจะไล่ทำร้ายเหมือนกับที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ไหม?
“เจ้ายังจำครั้งสุดท้ายที่ข้าแสดงพลังจากเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าได้รึเปล่า? ” ลู่โจวถามออกมา
“ศิษย์จำได้ดี”
“จงฝึกฝนโดยคำนึงถึงสิ่งนั้นซะ ถ้าหากเจ้าทำมันได้เจ้าจะต้องทำลายพลังผนึกตราประทับทั้งหกได้แน่” ลู่โจวพูดให้คำแนะนำ
ฮั๊ววู่เด๋าถึงกับผงะ ทันใดนั้นเองความรู้สึกอันเป็นลางร้ายก็ได้ก่อตัวขึ้นมาในใจของตัวเขา “ครับ ท่านอาจารย์ ข้าจะต้องฝึกฝนเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์จนเชี่ยวชาญให้ได้! ” ต้วนมู่เฉิงได้คารวะลู่โจว
“แค่นั้นแหละ”
“ครับ”
ต้วนมู่เฉิงได้กระทืบเท้าของตน หอกราชันย์ที่เสียบคาพื้นอยู่ก็ได้หลุดขึ้นมาอีกครั้ง
“ติ้ง! ให้คำชี้แนะต้วนมู่เฉิง ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 300”
ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจที่ตัวเขาได้รับแต้มบุญขึ้นมาอีกครั้ง ลู่โจวจะต้องแก้ไขปัญหาของผู้เป็นอาจารย์ที่สะสมมานานตั้งแต่ที่จีเทียนเด๋ายังคงมีชีวิต ดูเหมือนว่าปัญหานี้จะไม่ได้เรียบง่ายเหมือนกับที่ตัวเขาคิดซะแล้ว
ในตอนนั้นเองก็มีลมกระโชกแรงพัดผ่านภูเขาทองไป ลู่โจวเงยหน้ามองขึ้นทองฟ้า ลมในตอนนั้นก็ได้พัดแรงมากยิ่งขึ้น
ฮั๊ววู่เด๋าได้คารวะก่อนจะพูดออกมา “ท่านปรมาจารย์ ม่านพลังของภูเขาทองบัดนี้ได้สลายหายไปแล้ว…ถ้าหากเป็นเช่นนี้ข้าเกรงว่าพวกสำนักฝ่ายธรรมะคงจะรวมตัวกันบุกมาที่นี่อีกครั้งแน่”
เล้งลั่วเองส่ายหัวไม่เห็นด้วยก่อนจะพูดขึ้น “ข้าไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ”
“หืม? “
“ท่านปรมาจารย์สามารถเอาชนะสำนักดาบสวรรค์ที่แท่นประลองดอกบัวไปได้ และยังได้ช่วยชีวิตผู้ฝึกยุทธมากมายเอาไว้อีก ข้าแน่ใจว่าข่าวนี้จะต้องแพร่ไปทั่วยุทธภพแน่ สำนักฝ่ายธรรมะได้ทำพลาดมาโดยตลอดก็เพราะความโลภที่หมายตาทรัพย์สมบัติของศาลาปีศาจลอยฟ้าเอาไว้ ตอนนี้ม่านพลังได้หายไปแล้ว…ถ้าหากเป็นเจ้า เจ้าจะรีบวิ่งขึ้นมาบนภูเขารึเปล่าล่ะ? ” เล้งลั่วได้ถามออกมา
ฝานลี่เทียนหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพูดเป็นคนต่อไป “ผู้อาวุโสฮั๊ว เจ้าน่ะมาจากสำนักหยุน เจ้าเองก็ควรจะเข้าใจพวกสำนักฝ่ายธรรมะดีนะ…”
ฮั๊ววู่เด๋าพยักหน้ายอมรับก่อนจะถอนหายใจออกมา
ลู่โจวรู้ดีว่าสิ่งที่ฝานลี่เทียนพูดคืออะไร ก่อนหน้านี้สำนักฝ่ายธรรมะได้บุกโจมตีที่นี่มาถึงสองครั้งแล้ว แต่ถึงแบบนั้นสำนักฝ่ายธรรมะต่างก็พ่ายแพ้อย่างหมดรูปไป การที่จะมีการรวมตัวกันเป็นครั้งที่สามในเวลาแบบนี้ได้จึงเป็นเรื่องยาก
ลู่โจวได้ลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดอย่างไม่แยแส “เจ้าพวกนั้นมันก็แค่หนูสกปรกเท่านั้น ตราบใดที่ข้ายังอยู่ย่อมไม่มีใครเหยียบเข้ามาถึงศาลาปีศาจลอยฟ้าแห่งนี้ได้” แม้ว่าคำพูดของลู่โจวจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงน้ำเสียงไป แต่คำพูดของเขาก็แฝงไปด้วยพลังอะไรบางอย่าง
แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งสามเองก็ยังรู้สึกถึงพลังนั้นได้
ฝานลี่เทียนเป็นคนที่พูดต่อ “สำนักแห่งความบริสุทธิ์, สำนักดาบสวรรค์ และสำนักเที่ยงธรรมต่างก็ถูกกวาดล้างไปจนหมดแล้ว การที่สำนักฝ่ายธรรมะจะมาบุกที่นี่ได้พวกเขาก็คงจะต้องคิดแล้วคิดอีก”
คนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ท่านอาจารย์ ตาศิษย์แล้ว! ” หยวนเอ๋อในตอนนี้ยืนอยู่ที่ใจกลางลานแห่งหนึ่งเพื่อเรียกร้องความสนใจ
ชายชราทั้งสี่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หยุดการสนทนาเกี่ยวกับม่านพลังลงก่อนที่จะจ้องมองไปยังหยวนเอ๋อ
เล้งลั่วได้พูดขึ้น “นั่นมันเสื้อคลุมขนเมฆา”
“แล้วนั่นก็รองเท้าเหยียบเมฆา” ฝานลี่เทียนพูดเสริม
“แล้วนั่นสายสะพายนิพพาน” ฮั๊ววู่เด๋าพูดต่อ
ทุกๆ คนที่เห็นแบบนั้นต่างก็ถอนหายใจพร้อมเพรียงกัน
เมื่อทุกคนได้เห็นแบบนั้นต่างก็ถอนหายใจออกมายกใหญ่ ของวิเศษที่ได้เห็นแม้ว่าคนบางคนจะใช้เวลาทั้งชั่วชีวิตในการหา แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ต้องพบกับความผิดหวังไป แต่ไม่ใช่สำหรับหยวนเอ๋อ นอกจากนางจะมีพรสวรรค์ที่แสนน่ากลัวอยู่ นางก็ยังมีสมบัติล้ำค่ามากมายหลายชิ้น ลู่โจวมองไปที่หยวนเอ๋อก่อนที่จะพูดออกมา “เอาล่ะเจ้าเริ่มสาธิตได้”
หยวนเอ๋อพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นก่อนที่นางจะเริ่มสาธิต
การเคลื่อนไหวของนาง, ทั้งเท้า เพลงหมัด ลื่นไหลดุจดั่งสายน้ำ การเคลื่อนไหวของนางไม่มีที่ติ โดยเฉพาะวิชาเจ็ดดวงดาวล่องเมฆาบดขยี้ของนาง และด้วยเท้าที่ได้เสริมพลังมาจากรองเท้าเหยียบเมฆาทำให้นางสามารถปลดปล่อยพลังลมปราณได้อย่างเต็มที่ การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วจนทิ้งไว้แต่เงาให้เห็น
หยวนเอ๋อยังคงสาธิตวิชาที่มีต่อไป คนอื่นๆ ต่างก็มองด้วยความหวาดกลัว “ท่านอาจารย์ศิษย์แสดงทุกอย่างเสร็จแล้ว! ” หยวนเอ๋อกำลังรอคำชมจากผู้เป็นอาจารย์อยู่นั้นเอง นางได้แต่รออย่างกระตือรือร้น
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ลู่โจวไม่ได้รีบร้อนที่จะแสดงความคิดเห็นออกมา ตัวเขาได้หันไปหาผู้อาวุโสทั้งสามเช่นเคย “พวกเจ้าคิดยังไงกัน? “
เล้งลั่วได้พูดออกมาเป็นคนแรก “เคล็ดวิชาหยกแห่งความบริสุทธิ์อย่างงั้นหรอ? “
“ค่ะ” หยวนเอ๋อตอบกลับ
เล้งลั่วหันไปหาลู่โจวก่อนที่จะคารวะและพูดขึ้น “มีเรื่องที่ข้าอยากจะขอคำแนะนำกับท่าน ท่านปรมาจารย์”
“อะไรกันล่ะ? ” ลู่โจวไม่ได้แปลกใจถ้าหากสาวกของเขาจะขอคำแนะนำ แต่ถึงแบบนั้นผู้อาวุโสคนนี้กลับขอคำแนะนำเอง จู่ๆ ตัวเขาก็รู้สึกถึงการเป็นอาจารย์ที่ดีขึ้นมา
เล้งลั่วได้ถามออกมา “การจะฝึกฝนเคล็ดวิชาหยกแห่งความบริสุทธิ์ได้ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่มักจะมุ่งเน้นไปที่การฝึกการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทั้งจังหวะเท้า, เพลงหมัด…แต่ทำไมนางถึงได้ฝึกฝนโดยใช้เทคนิคล่องหนแบบนี้กัน? ท่านเองก็ใช้สุดยอดพลังฝ่ามือทั้งเก้าได้ในตอนที่สู้กับสิบสุดยอดคนทรง การฝึกฝนด้วยเทคนิคเต๋าล่องหนมันคงจะเป็นอะไรที่ไม่ต่างจากเสียเปล่า”