ยู่ฉางตงจ้องมองไปที่โจวจี้เฟิงก่อนที่จะพูดออกมา “ขอบคุณนะ ดูเหมือนว่าข้าจะสร้างปัญหาให้กับเจ้าแล้ว”
โจวจี้เฟิงได้โบกมือก่อนที่จะพูดออกไปอย่างเร่งรีบ “ไม่ได้รบกวนอะไรข้าเลย”
โจวจี้เฟิงรู้สึกประทับใจเมื่อได้เห็นความมีน้ำอกน้ำใจของยู่ฉางตง ตัวเขาไม่เคยรู้สึกถึงคำว่าขอบคุณในช่วงเวลาที่อยู่ศาลาปีศาจลอยฟ้าเลย ด้วยเหตุนี้ตัวเขาจึงตัดสินใจที่จะพยายามเตือนยู่ฉางตงด้วยความหวังดี
“สหายรัก”
“หืม?”
“คนที่อยู่ในถ้ำก็คือศิษย์คนที่แปดแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ได้โปรดอย่าใส่ใจกับสิ่งที่เขาพูดเลย”
ยู่ฉางตงพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากนั้นตัวเขาก็เดินเข้าไปในถ้ำอย่างใจเย็น
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ ในตอนนั้นซู่ฮ่องกงผู้ที่กำลังฝึกฝนตัวเองอยู่กับกำแพงก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “เฮ้ แกไม่ได้ยินที่ข้าพูดอย่างงั้นหรอไง?” ซู่ฮ่องกงลุกขึ้นยืนก่อนที่จะพูดขึ้นเสียงอีกครั้ง “ข้า…” แต่ไม่ทันที่ได้จะได้พูดจบตัวเขาก็สังเกตเห็นผู้มาเยือนคนใหม่ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ร่างกายของเขาแข็งไม่เคลื่อนไหว ตัวเขากำลังงุนงงกับผู้มาเยือนคนใหม่
ยู่ฉางตงมองไปที่ซู่ฮ่องกงด้วยรอยยิ้ม ตัวเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
ซู่ฮ่องกงได้ใช้เวลาอีกชั่วครู่เพื่อไตร่ตรองกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อตัวเขาได้สติกลับคืนมาอีกครั้งซู่ฮ่องกงก็รีบเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา “ศิษย์พี่รอง ท่านได้ล้างเท้าแล้วรึยัง? ข้าจะไปปเอาน้ำมาให้กับท่านเอง” หลังจากที่พูดจบ ซู่ฮ่องกงก็โค้งคำนับให้ก่อนที่จะเดินไปยังทางเข้าถ้ำ
เมื่อซู่ฮ่องกงเดินออกมาที่ทางเข้า เสียงของยู่ฉางตงก็ได้ดังตามหลังมา “กลับมานี่”
พรึ๊บ!
ซู่ฮ่องกงหันหลับมาก่อนที่จะคุกเข่าลงในทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคาบน้ำตาและความรู้สึกผิด “ศิษย์พี่รองข้าผิดไปแล้ว!”
“ไม่จำเป็นจะต้องกังวลอะไร ข้าไม่เอาโทษเจ้าหรอก นอกจากนี้พลังวรยุทธที่ข้ามีก็ยังถูกปิดผนึกเอาไว้ เจ้ากำลังกลัวอะไรกัน?” ยู่ฉางตงเดินไปที่ม้านั่งก่อนที่จะนั่งลงอย่างช้าๆ ยู่ฉางตงไม่ใช่คนใจแคบที่จะต้องใส่ใจอะไรกับเรื่องนี้ ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่หลังจากที่ถูกผู้เป็นอาจารย์พากลับมายังศาลาปีศาจลอยฟ้าแห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขายังเป็นถึงศิษย์คนรอง การที่ยู่ฉางตงจะไปถือสาเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องเลย
ผั๊วะ!
ซู่ฮ่องกงตบตีตัวเองอย่างไร้ความปรานี
ผั๊วะ!
ซู่ฮ่องกงที่ยังไม่พอใจได้ตบตีตัวเองอีกครั้ง
ซู่ฮ่องกงรู้สึกผิดจนต้องตบตีตัวเองหลายครั้ง เมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ โจวจี้เฟิงก็รีบเดินเข้ามาใกล้ๆ เพื่อสังเกตการณ์ ภาพที่โจวจี้เฟิงเห็นทำให้ตัวเขาตกตะลึง มันเป็นภาพการสนทนาของพวกเขาทั้งคู่ที่อยู่ภายในถ้ำ ถ้าหากโจวจี้เฟิงไม่เข้าใจสถานการณ์ตัวเขาก็คงจะกลายเป็นคนที่โง่มากเป็นแน่ โจวจี้เฟิงตกใจที่เห็นซู่ฮ่องกงต้องคุกเข่าให้แบบนั้น หลังจากที่เห็นแบบนั้นโจวจี้เฟิงก็รีบถอยก่อนที่จะวิ่งกลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า
ยู่ฉางตงขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขาจ้องมองไปที่ซู่ฮ่องกงก่อนที่จะส่ายหัว “พอได้แล้ว”
ซู่ฮ่องกงดีใจมากที่ได้ยินเช่นนั้น “ขอบคุณสำหรับความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ศิษย์พี่รอง” หลังจากที่พูดจบตัวเขาก็ได้หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าจะตบตัวเองอีกสักครั้งเพื่อเป็นการลงโทษ”
ผั๊วะ!
หลังจากลงโทษตัวเองเสร็จแล้วซู่ฮ่องกงก็ได้ลุกขึ้น หลังจากนั้นตัวเขาก็เดินเข้าไปด้านข้างของยู่ฉางตงด้วยความเคารพก่อนที่จะหยุดอยู่เฉยๆ ราวกับว่าตัวเขาเป็นเหมือนกับคนรับใช้
ยู่ฉางตงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยน “ศิษย์น้องแปด เมื่อลองมาคิดดูนานแค่ไหนแล้วที่พวกเราได้พบกัน”
“ศิษย์พี่รอง การเคลื่อนไหวของท่านอยู่เหนือกฎเกณฑ์ใดๆ ข้าจะไปมีโอกาสพบศิษย์พี่ได้ยังไงกัน?”
ยู่ฉางตงยิ้มให้ ตัวเขาได้ชี้ไปยังม้าหินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “นั่งลงซะสิ”
“ข้ายืนได้สบายมากศิษย์พี่”
“เจ้าอยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อนมาโดยตลอดเลยอย่างงั้นหรอ?” ยู่ฉางตงได้ถามออกมา
“ใช่แล้ว…ข้ากำลังถูกลงโทษ” ซู่ฮ่องกงได้ตอบกบลับมา
ยู่ฉางตงมองไปที่ซู่ฮ่องกง ตัวเขาสัมผัสได้ถึงพลังออร่าที่แตกต่างไปจากเดิมของศิษย์น้องคนนี้ หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เจ้ายังอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นสินะ?” ตัวเขารู้ดีว่าเคล็ดวิชาที่ซู่ฮ่องกงกำลังฝึกฝนอยู่ฝึกไปได้แค่เจ็ดขั้นเท่านั้น เคล็ดวิชาส่วนที่สำคัญ 2 ส่วนสุดท้ายยังคงขาดหายไป เป็นไปไม่ได้เลยที่ซู่ฮ่องกงจะฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ในเมื่อการฝึกฝนตนของตัวเขายังมีบางส่วนขาดหายไป
ซู่ฮ่องกงได้เกาหัวก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์ได้สอนเคล็ดวิชาขั้นสุดท้ายทั้งสองขั้นให้กับข้าแล้ว! ท่านอาจารย์ยังบอกอีกว่าถ้าหากข้าสามารถฝึกฝนตัวเองสำเร็จ ข้าจะสามารถย้ายไปอยู่ในศาลาทางใต้ได้”
ยู่ฉางตงประหลาดใจอีกครั้ง “ท่านอาจารย์สอนเคล็ดวิชาสองส่วนสุดท้ายให้กับเจ้าเองอย่างงั้นหรอ?”
ซู่ฮ่องกงพยักหน้าตอบรับซ้ำๆ
ยู่ฉางตงที่ได้ยินแบบนั้นแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของศิษย์พี่รองคนนี้เปลี่ยนไป ซู่ฮ่องกงก็ได้ถามออกมา “แล้วศิษย์พี่รองมาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าทำไมกัน?”
ยู่ฉางตงไม่ได้ตอบคำถาม ตัวเขาเงยหน้ามองซู่ฮ่องกง ซู่ฮ่องกงที่เห็นแบบนั้นก็ได้ง้างมือก่อนที่จะตบหน้าตัวเองเช่นเดิม “ข้าผิดไปแล้วศิษย์พี่” ดูเหมือนว่าตัวเขาจะได้พูดจี้ใจดำผู้ที่เป็นศิษย์พี่คนนี้ไปซะแล้ว แต่ถึงแบบนั้นยู่ฉางตงก็ไม่ได้คิดอะไร “ข้าก็แค่โชคไม่ดีน่ะ”
“ครับ” ซู่ฮ่องกงเกาหัว ตัวเขากำลังรู้สึกสับสน ศิษย์พี่คนนี้กลับมาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าเพราะโชคอย่างงั้นหรอ? มันเป็นไปได้ยังไงกัน?
ภายในศาลาทางทิศตะวันออก
ลู่โจวได้เดินมาที่โต๊ะตัวเดิมอีกครั้งก่อนที่จะมองไปยังภาพวาดอันเก่าแก่
“หืม?”
ในที่สุดภาพวาดอันเก่าแก่ก็มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป
นอกเหนือจากโครงร่างที่ชัดเจนของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์และสุสานแห่งดาบแล้ว ในที่สุดพื้นที่ต่อไปก็ถูกเปิดเผยออกมาจนได้ มันเป็นพื้นที่ของมณฑลหยง นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ที่ดูคล้ายกับใบหญ้าอยู่บนภาพวาดอีกด้วย ที่โครงร่างของทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหยงยังคงดูไม่ชัดเจน แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็ยังสามารถประมาณการได้ว่ามันคือที่ไหนกันแน่ ในฐานะที่ตัวเขายังมีความทรงจำที่ยาวนาน เป็นเรื่องธรรมดาที่ลู่โจวจะมีทักษะการอ่านแผนที่เช่นนี้ได้
“หรือว่ามันจะเป็นเมลิล็อต?” ลู่โจวมองไปที่สัญลักษณ์เล็กๆ อย่างสงสัย จู่ๆ ตัวเขาก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบที่ขาดหายไปอย่างยาวนาน การกระทำของตัวเขาเองอาจจะทำให้เกิดภารกิจขึ้นมาก็เป็นได้ เป็นเพราะว่าลู่โจวจับยู่ฉางตงมาถึงทำให้ภารกิจตามหาเมลลิล็อตถูกเพิ่มขึ้นมาในภารกิจสินะ
ลู่โจวไม่ได้มองไปที่แผนที่อีกต่อไป ตัวเขาหันกลับมาก่อนที่จะเริ่มนั่งขัดตะหมาด ลู่โจวได้เปิดภารกิจขึ้นมาดู หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้มองไปยังภารกิจหลัก: ฝึกวินัยยู่ฉางตง นอกจากนี้ยังมีภารกิจย่อยอีกสองภารกิจ ภารกิจแรกก็คือภารกิจเมลิล็อตแห่งชีวิต ส่วนภารกิจที่สองก็คือการตามหาชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ชิ้นใหม่ ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ใช้ความคิดเงียบๆ ตัวเขากำลังคิดถึงในตอนที่ได้คุยกับยู่ฉางตง
“จีเทียนเด๋าคิดที่จะฆ่ายู่ฉางตงอย่างงั้นหรอ?” ลู่โจวกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ใจขณะที่ลูบเคราของตัวเอง มันเป็นหน้าที่ของตัวเขา เป็นหน้าที่ของผู้เป็นอาจารย์ที่จะต้องแก้ไขปัญหาศิษย์ ทำไมจีเทียนเด๋าถึงต้องการฆ่าลูกศิษย์ของตัวเองกันด้วยล่ะ?
“ติ้ง! ลงโทษซู่ฮ่องกงสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 50”
‘หืม?’ ลู่โจวพูดไม่ออก ตัวเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับแต้มบุญในเวลาแบบนี้ได้ ดูเหมือนว่าแต้มบุญที่ได้มาจากซู่ฮ่องกงจะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
ลู่โจวตัดสินใจที่จะไม่คิดหาเหตุผลให้กับตัวเองในทันที ตัวเขาเลือกที่จะมองไปยังของที่มีแทน
ชื่อ: ลู่โจว
เผ่าพันธุ์: มนุษย์
วรยุทธ: ขั้นศักดิ์สิทธิ์
แต้มบุญ: 20,750
อวตาร: อวตารนวกายา
อายุขัย: 6,575
ของที่มี: การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาต x2, การ์ดการป้องกันไร้ที่ติ x2, การ์ดประกันชีวิต x62, การ์ดกรงผนึกกักขัง x4, เครื่องรางขัดเกลา x1, การ์ดระเบิดจุดสุดยอด x1, วิซซาร์ด, บี่เอี๊ยน, การ์ดรักษาฉุกเฉิน, การ์ดกรงผนึกกักขัง x2, การ์ดรักษาฉุกเฉินโฉมใหม่ x2, การ์ดคลื่นพลังสายฟ้า x2, การ์ดอายุขัย x22
อาวุธ: อาวุธนิรนาม, กระบี่ตัดชีวา, ถุงมือนักสู้, แส้หยกหางม้า, ลูกประคำ
เคล็ดวิชา: เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ทั้งสาม
หลังจากที่ปลดล็อกกล่องสมบัติและสังหารตัวร้ายอย่างม่อหลี่ไปลู่โจวก็ได้รับแต้มบุญจำนวนมากมา
อวตารของตัวเขายังคงเป็นอวตารนวกายาเช่นเดิม ถ้าหากต้องการจะเพิ่มพลังวรยุทธของตัวเองให้ไปสู่ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ลู่โจวจะต้องได้รับอวตารร้อยวิถีมาให้ได้ซะก่อน
ลู่โจวเปิดร้านค้าขึ้น
การ์ดการโจมตีเพชฌฆาต: 3,000
การ์ดป้องกันไร้ที่ติ: 2,500
การ์ดกรงผนึกกักขัง: 1,500
การ์ดคลื่นพลังสายฟ้า: 1,200
ลู่โจวขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าลู่โจวถูกบังคับให้ใช้แต้มบุญหลังจากที่เปิดกล่องสมบัติได้
‘รางวัลจากการสังหารผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์มีเพียง 1,500 แต้มบุญเท่านั้น แต่ฉันต้องเสียแต้มบุญกว่า 3,000 แต้มก็เพื่อที่จะซื้อการ์ดใบหนึ่ง…ใครจะไปใช้ชีวิตกับข้อตกลงแบบนี้ได้กัน?’
เมื่อมาถึงตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลู่โจวนั่นก็คือการเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง
เมื่อมาถึงตอนนี้ก็ตกเย็นแล้ว
ลู่โจวหยุดมองดูภารกิจก่อนที่จะหลับตาเพื่อทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ไป
ตามประสบการณ์ที่ตัวเขาได้พบมา ถ้าหากมีพลังพิเศษอยู่เต็มถังลู่โจวจะสามารถใช้พลังพิเศษออกมาได้สองครั้งด้วยกัน นอกจากนี้ตัวเขายังสามารถเลือกที่จะใช้พลังทั้งหมดไปกับการระเบิดพลังครั้งสุดยอดได้อีกด้วย ซึ่งการทำแบบนั้นจะทำให้ลู่โจวเพิ่มพลังการโจมตีของตัวเองได้เป็นอย่างมาก และถ้าหากตัวเขาใช้อาวุธของตัวเอง พลังพิเศษที่มีจะต้องช่วยให้ลู่โจวสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้ นอกจากนี้ลู่โจวยังสามารถควบคุมพลังพิเศษให้สามารถใช้ได้ตามต้องการอีกด้วย ถ้าหากลู่โจวติดอยู่ที่เขตแดนพลังทั้งสิบอีกครั้ง พลังพิเศษที่ตัวเขามีจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเขตแดนนั้นแน่ และการ์ดวิเศษที่ตัวเขามีเองก็ยังเป็นตัวช่วยที่ดีอีกเสมอ
วันเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในเช้าวันรุ่งขึ้น
ลู่โจวได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ตัวเขานั่งสมาธิอยู่
“ติ้ง! ทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ครบ 200 ครั้ง เปิดใช้เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ (ส่วนแรก) ”