วันเวลาผ่านไปกว่าสัปดาห์
ลู่โจวในตอนนี้กำลังนั่งสมาธิเพื่อทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อยู่ทางศาลาตะวันออก ตัวเขาได้ทำสมาธิจนกระทั่งพลังวิเศษของตัวเองถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากที่เติมเต็มพลังของตัวเองประโยชน์ที่เหลือจากการทำสมาธิต่อไปมีเพียงแต่จะทำให้ลู่โจวรู้สึกสงบเท่านั้น ลู่โจวเลือกที่จะหยุดทำสมาธิก่อนที่จะลืมตาตื่นขึ้น ตัวเขาได้เปิดเมนูระบบในทันทีเพื่อดูอายุขัยที่เหลืออยู่
อายุขัย: 6,574 วัน
“การก้าวข้ามผ่านขีดกำจัดอันยิ่งใหญ่ไปจะทำให้อายุขัยของคนคนนั้นต้องลดลง…ถ้าหากฉันมีการ์ดพลังชีวิตอยู่มากพอ ฉันจะก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดนั้นได้ไหม?” ลู่โจวได้แต่สงสัยกับตัวเอง ในตอนนี้ตัวเขามีการ์ดพลังชีวิตเหลืออยู่ 22 ใบด้วยกัน
ลู่โจวได้เลือกที่จะใช้การ์ดพลังชีวิตไปใบหนึ่ง ในตอนนั้นเองมันก็เป็นเหมือนกับทุกๆ ครั้ง มีพลังชีวิตโคจรรอบศาลาทางตะวันออก ไม่นานหลังจากนั้นพลังทั้งหมดก็เข้าไปสู่ตัวของลู่โจว ตามที่คาดการณ์เอาไว้ ลู่โจวมีอายุขัยเพิ่มขึ้นเป็น 6,874 วัน
พลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบนั้นเกี่ยวข้องกาอายุขัยที่ยืนยาวของตัวเขา…ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงการ์ดพลังชีวิตที่ลู่โจวมีจะต้องมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ราคาของการ์ดพลังชีวิตอีกครั้ง…โชคยังดีที่มันยังคงมีราคาเท่าเดิม
หลังจากนั้นลู่โจวก็เหลือบมองภารกิจทั้งสองอย่างที่เกี่ยวข้องกับยู่ฉางตง ภารกิจแรกก็คือการตามหาเมลิล็อตแห่งชีวิต และภารกิจอย่างที่สองนั่นก็คือการตามหาชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์
ภารกิจทั้งสองอย่างไม่ได้ระบุสถานที่เอาไว้อย่างละเอียด
ลู่โจวมั่นใจว่าเมลิล็อตจะต้องเกี่ยวข้องอะไรกับยู่ฉางตงอย่างแน่นอน
“ดาบยืนยาว” จู่ๆ ลู่โจวก็นึกถึงดาบขึ้นมา
ในตอนนั้นเองที่ถ้ำแห่งเงาสะท้อน
ยู่ฉางตงในตอนนี้กำลังนั่งสมาธิอยู่ ภายในถ้ำมีสิ่งที่แปลกประหลาดกำลังส่องแสงออกมา มันเป็นแสงสีแดงที่ออกมาจากดาบยืนยาวนั่นเอง มันได้ส่องแสงออกมาราวกับว่าสัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้ พลังงานสีแดงจางๆ ได้ส่องสว่างก่อนที่จะไหลเข้าสู่ร่างกายของยู่ฉางตง
ดาบยืนยาวได้สั่นตัวเองเล็กน้อย
ในที่สุดค่ำคืนของวันก็มาถึง ดวงจันทร์ได้ส่องสว่างขึ้นมาอีกครั้ง
ดาบยืนยาวไม่ได้เคลื่อนไหวอีกต่อไปหลังจากนั้น
ทันใดนั้นเองยู่ฉางตงก็ได้ส่งเสียงออกมาเบาๆ มีรอยสีแดงปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของตัวเขา ยู่ฉางตงลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะถอนหายใจ ตัวเขาไม่ได้แปลกใจอะไรกับเรื่องนี้ ตัวเขาก็เหมือนกับสีวู่หยาที่พยายามจะคลายพลังผนึกมนตรา มันเป็นพลังที่ผนึกพลังวรยุทธของตัวเขาเอาไว้ แต่น่าเสียดาย…ผลลัพธ์ก็จบลงด้วยความล้มเหลวเช่นเดิม
สีวู่หยาเองก็ไม่สามารถที่จะคลายพลังได้แม้ว่าจะพยายามตามหาคนมามากมายแค่ไหนก็ตาม
แต่ถึงแบบนั้นยู่ฉางตงก็ยังคงพยายามต่อไป มันเป็นความดื้อรั้นของชายหนุ่มที่จะไม่ยอมจำนนให้กับอะไรถ้าหากไม่ได้ลอง
ยู่ฉางตงจ้องมองไปที่ดาบยืนยาวที่อยู่ข้างๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “ข้ายังจะตายตอนนี้ไม่ได้”
ตัวเขาได้หลับตาลงอีกครั้งก่อนที่จะสนไปที่อาการบาดเจ็บของตัวเอง
“ติ้ง! ลงโทษยู่ฉางตงสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 300”
“เจ้าพยายามที่จะคลายพลังผนึกมนตราสินะ?”
“ท่านอาจารย์” ยู่ฉางตงตกใจมากเมื่อได้ยินแบบนั้น
ลู่โจวได้เดินผ่านม่านพลังมาพร้อมกับมือที่ไขว้อยู่ที่ด้านหลัง ตัวเขาที่เดินเข้ามาเห็นว่ายู่ฉางตงมีรอยสีแดงอยู่ที่ริมฝีปาก
เมื่อลู่โจวได้รับการแจ้งเตือนตัวเขาก็รู้ได้ทันทีว่ายู่ฉางตงพยายามที่จะทำลายพลังผนึกมนตราอยู่ “เปล่าประโยชน์” ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างเบาๆ
“มันก็ยังดีกว่าที่ข้าจะต้องนั่งอยู่ตรงนี้เฉยๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย” ยู่ฉางตงตอบกลับ
ลู่โจวได้นั่งลงบนม้านั่งหินอย่างช้าๆ ก่อนที่จะชี้ไปที่ม้านั่งหินที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม “นั่งซะสิ”
ยู่ฉางตงผงะเล็กน้อย ตัวเขาไม่เคยได้รับการดูแบบนี้มาก่อนในตลอดเวลาที่อยู่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า ตัวเขาจ้องมองไปที่ผู้เป็นอาจารย์ของตัวเอง ลู่โจวในตอนนี้ดูสงบและเยือกเย็น วิธีการพูดของเขาเองก็ต่างไปจากเมื่อก่อนมาก แม้ว่ายู่ฉางตงจะเห็นทุกอย่างกับตาตัวเองแต่ตัวเขาก็ไม่อยากที่จะเชื่อ ในที่สุดตัวเขาก็ลุกขึ้นมาก่อนที่จะนั่งลงบนม้านั่งหินฝั่งตรงข้ามกับลู่โจว
แสงจันทร์ได้ส่องลงมาที่โต๊ะหิน ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดขึ้น “ถ้าหากเจ้ายังคิดว่าข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าอยู่ เจ้าก็ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาซะ”
ยู่ฉางตงขมวดคิ้ว ตัวเขาไม่รู้ว่าอาจารย์คนนี้จะถามอะไรออกมา แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจากสัญชาตญาณ “นอกเหนือจากเรื่องในความทรงจำ ข้ายินดีที่จะตอบทุกอย่าง”
ลู่โจวคาดคิดเอาไว้แล้ว แม้ว่ายู่ฉางตงจะไม่ได้พูดถึงเรื่องในความทรงจำ แต่ถึงแบบนั้นด้วยการถามคำถามตัวของลู่โจวก็จะสามารถอนุมานคำตอบที่ต้องการได้เองอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นเลยที่จะต้องบีบบังคับเขา
“เจ้าได้ลองฝึกฝนตัวเองไปที่ขั้นที่เก้าแล้วรึยัง?” ลู่โจวได้ถามออกมา
“เคย” ยู่ฉางตงตอบออกมาอย่างตรงไปตรงมา “ข้าได้ฝึกฝนตัวเองจนมาเหมือนกับได้มายืนอยู่ที่หน้าประตูของขั้นที่เก้าได้แล้ว ไม่มีใครอดทนต่อความอยากรู้อยากเห็นไม่เปิดประตูบานนั้นได้หรอก…แต่ช่างน่าเสียดาย นอกจากค่ำคืนที่ไม่มีที่สิ้นสุดในประตู ข้าก็มองไม่เห็นความหวังหรืออนาคตอะไรอยู่ภายในนั้น”
ลู่โจวพยักหน้าก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้ามาจากดินแดนของเหล่าชนชั้นสูงอย่างงั้นสินะ? ชีวิตของเจ้าก็เป็นเหมือนกับเมลิล็อต”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหัวใจของยู่ฉางตงก็เต้นรั่ว แต่อย่างไรก็ตามตัวเขาก็กลับควบคุมตัวเองได้อย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่ความลับที่น่าละอายอะไร
เมลิล็อตเป็นพืชที่มีเอกลักษณ์เฉพาะเจาะจงของดินแดนชนชั้นสูง เรื่องของเมลิล็อตเคยพูดถึงมาหลายครั้งแล้วเมื่อไม่นานมานี้ มีใครบางคนในศาลาปีศาจลอยฟ้ารู้เรื่องเช่นกัน
“อย่างมากที่สุดการฝึกฝนตัวเองไปจนถึงขั้นที่แปดได้ก็จะทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่ได้ 500 ปี…” ลู่โจวพูดเสริม
ทันใดนั้นเองยู่ฉางตงก็หยิบดาบยืนยาวขึ้นมา ตัวเขากำลังจะลุกขึ้นยืนแต่ในตอนนั้นเองตัวเขาก็ตระหนักเรื่องที่อาจารย์คนนี้ไม่ได้เก็บดาบของตัวเองไป
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “จะมีใครหยุดข้าได้ถ้าหากข้าจะเอาอาวุธของเจ้ากลับมา?”
ลู่โจวได้ยกฝ่ามือขึ้นมา ในตอนนั้นเองก็มีลมพัดผ่านเข้ามาภายในถ้ำ
ยู่ฉางตงได้แต่กำดาบแน่น พลังวรยุทธของตัวเขาถูกผนึกเอาไว้ ตัวเขาไม่มีทางเลยที่จะต้านทานผู้ที่เป็นอาจารย์อย่างลู่โจวได้
แม้ว่าพลังวรยุทธของลู่โจวจะอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น แต่นั่นก็มากพอแล้วที่จะทำให้ตัวเขาจัดการกับยู่ฉางตงที่ถูกผนึกพลังวรยุทธแบบนี้
พรึ๊บ!
ดาบยืนยาวได้ลอยไปหามือของลู่โจว
ยู่ฉางตงพยายามที่จะรั้งดาบเล่มนั้นเอาไว้ แต่นั่นก็สายเกินไป
ลู่โจวได้โบกมือขึ้น ในตอนนั้นเองม่านพลังก็ได้ขังยู่ฉางตงเอาไว้
ชิ๊ง!
ลู่โจวได้ชักดาบยืนยาวออกมา
ใบดาบของมันยังคงเรืองแสงสีแดงเช่นเดิม
หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่อยู่บนดาบยืนยาว… “ความคงกระพันก็เป็นดังเส้นผม ทุกๆ คนย่อมปรารถนาให้เส้นผมของตนยืนยาว…” ลู่โจวกำลังประเมินดาบยืนยาว
ว่ากันว่าดาบยืนยาวจะดูดซับพลังชีวิตบางส่วนในทุกครั้งจากการพรากชีวิต
ตอนนี้ลู่โจวมั่นใจมากว่ามันเป็นความจริง ไม่น่าแปลกเลยที่ยู่ฉางตงจะให้ความสำคัญกับดาบยืนยาวมากถึงขนาดนี้ ชีวิตของยู่ฉางตงที่เหลือขึ้นอยู่กับดาบเล่มนี้…
“ท่านอาจารย์!” ยู่ฉางตงได้ทรุดตัวลงก่อนจะคุกเข่า
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดขึ้น “นี่คือความลับที่ทำให้เจ้ามีชีวิตที่ยืนยาวสินะ?” ในตอนที่จีเทียนเด๋ามอบดาบเล่มนี้ให้กับยู่ฉางตง ในตอนนั้นตัวเขาไม่รู้ว่าดาบยืนยาวจะมีความสามารถที่มากขนาดนี้ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ บางทียู่ฉางตงอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่รู้วิธีการใช้มัน เขาอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่จะพยายามเก็บดาบเล่มนี้เอาไว้ให้ได้
“เมลิล็อตมักจะเบ่งบานในยามเช้าก่อนที่จะร่วงโรยในยามค่ำคืน ข้าไม่มีทางเลือกอื่น!” ยู่ฉางตงพูดขึ้น
“เจ้าคิดว่าตัวเจ้าจะมีอายุที่ยืนยาวเพราะดาบได้จริงๆ อย่างงั้นหรอ?”
“ดาบยืนยาวทำแบบนั้นไม่ได้…มีเพียงทำให้ข้ามีอายุขัยยืนยาวเหมือนกับผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ” ยู่ฉางตงตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา
การที่จะมีอายุขัยที่เกินกว่าพันปีไปได้ล้วนแต่เป็นความปรารถนาของผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีอวตารดอกบัวแปดกลีบ
ชิ๊ง!
ดาบยืนยาวถูกเก็บลงบนฝัก
ลู่โจวได้โบกแขนของตัวเอง
ม่านพลังที่กักขังยู่ฉางตงเอาไว้ได้หายจางไป
ลู่โจวได้โยนดาบเล่มนั้นคืนให้กับยู่ฉางตงก่อนที่จะพูดออกมา “ดาบยืนยาวไม่ช่วยทำให้ใครเอาชนะขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่อย่างอายุพันปีได้เช่นกัน”
ยู่ฉางตงได้คว้าดาบยืนยาวเอาไว้ก่อนที่จะมองดูอาจารย์ของตัวเองด้วยความประหลาดใจ ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าอาจารย์จะคืนดาบให้ ตัวเขายังคงนิ่งเงียบ
ลู่โจวได้หันไปมองยู่ฉางตงก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้ากำลังดูถูกข้าอยู่สินะ?”
“ข้าไม่กล้า!” ยู่ฉางตงรีบตอบกลับ
“ยู่ฉางตง” จู่ๆ ลู่โจวก็เรียกชื่อของยู่ฉางตงออกมา
หัวใจของยู่ฉางตงเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง ตัวเขากำดาบยืนยาวไว้เช่นเดิม
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเฉยเมย “ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้…ข้าได้เปิดประตูขั้นที่เก้าให้เปิดออกมาแล้ว”
ยู่ฉางตงที่ได้ยินแบบนั้นตกตะลึง ลู่โจวได้สะบัดแขนเสื้อของตัวเองก่อนที่จะออกจากถ้ำแห่งเงาสะท้อนไป
ในตอนนั้นเอง…ดาบยืนยาวก็ได้สั่นตัวเองอีกครั้งก่อนที่มันจะกระเพื่อมพลังไปรอบตัว
คิ้วของยู่ฉางตงได้ขมวดเข้าหากันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน