“โดยเฉพาะเรื่องของการต่อสู้ของท่านศิษย์คนที่หนึ่งและศิษย์คนที่สอง!” ต้วนชิงยังคงพูดต่อ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นความสนใจของหมิงซี่หยินก็เริ่มพุ่งพวกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตัวเขาถือว่ารู้จักยู่เฉิงไห่และยู่ฉางตงมากกว่าทุกๆ คน ตัวเขารู้ดีว่าพลังวรยุทธของทั้งสองคนมันลึกล้ำสักแค่ไหน หมิงซี่หยินรู้ดีกว่าการต่อสู้ของทั้งสองคนจะต้องยิ่งใหญ่มากแน่ “มันยอดเยี่ยมกันแค่ไหน? บอกพวกเรามาซะ”
ต้วนชิงรู้สึกว่าอยากจะแบ่งปันภาพความประทับใจที่ตัวเขาเห็นตลอดสองวันที่อยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้า ตัวเขาแทบที่จะแบกรับมันคนเดียวต่อไปไม่ได้ ต้วนชิงเดินไปหาหมิงซี่หยินก่อนที่จะเล่าเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้น “ท่านหมิงซี่หยิน…ท่านรู้จักทะเลสาบร้อยกลีบไหม? มันเป็นทะเลสาบที่อยู่ใกล้กับป่าเมฆากระจ่าง ทะเลสาบแห่งนั้นมีพื้นที่กว่า 1,000 ไมล์…ท่านศิษย์คนแรกและศิษย์คนที่สองได้ต่อสู้กันใกล้ๆ กับทะเลสาบร้อยกลีบ…สิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนได้ทำลงไปไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะทำได้เลย…ท่านศิษย์คนแรกสามารถแบ่งครึ่งทะเลสาบร้อยกลีบเป็นสองส่วนได้ด้วยการกวัดแกว่งกระบี่เพียงแค่ครั้งเดียว”
คนอื่นๆ ที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็ตกตะลึง
ต้วนชิงได้บรรยายภาพการเคลื่อนไหวของการต่อสู้ต่อไป ตัวเขาได้พูดเกินจริงบางอย่างเป็นระยะๆ
แม้ว่าจะรู้สึกสับสนกับสิ่งที่ได้ฟังมาแต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินก็ยังรู้สึกทึ่งอยู่ดี ตัวเขาพยักหน้าตอบรับบ่อยๆ ราวกับว่าได้ค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ บางครั้งหมิงซี่หยินจะพูดตอบรับขึ้นมาเป็นช่วงๆ ‘จริงหรอ?’ หรือไม่ก็ ‘ยอดเยี่ยมมาก!’ หมิงซี่หยินได้พูดออกมาเป็นช่วงๆ
ทั้งคู่ได้สนทนาต่อไปอย่างยืดยาว แต่เมื่อถึงจุดไคลแมกซ์ เสียงที่ทั้งสองใช้ก็เริ่มดังตามขึ้นมา
“เมื่อถึงการต่อสู้จุดสุดยอด ในตอนนั้นท่านศิษย์คนที่สองก็ได้ปลดปล่อยวิชาหนึ่งร่างสามวิญญาณออกมา ท่านหมิงซี่หยินรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?”
“เกิดอะไรขึ้นกัน? รีบๆ เล่าออกมาซะสิ!” หมิงซี่หยินอยากรู้ใจจะขาด
“ทั้งผืนฟ้าทั่วทั้งโลกต่างก็มืดบอด แม้แต่เมฆและลมก็ยังเปลี่ยนสี! ข้าที่ยืนอยู่ห่างออกไปกว่าหลายสิบไมล์ยังไม่กล้าแม้แต่ที่จะหายใจ! แม้แต่อวตารดอกบัวสี่กลีบก็ยังไม่อาจต้านทานพลังของการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ได้!” ต้วนชิงได้พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม
“ป่าเมฆากระจ่างล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สูงตระหง่าน หนำซ้ำเจ้ายังอยู่ห่างออกไปกว่าหลายสิบไมล์? แล้วเจ้าต้องทำยังไงถึงได้มองเห็นการต่อสู้ได้ล่ะ?” หมิงซี่หยินเกาหัวของตัวเอง
“นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ…ประเด็นสำคัญคือสิ่งที่ท่านศิษย์คนที่หนึ่งใช้จัดการกับวิชาหนึ่งร่างสามดวงวิญญาณได้อย่างไร้มากกว่า?” ต้วนชิงได้ถามออกมาอย่างเคร่งขรึม
หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นได้ตอบกลับมา “ศิษย์พี่ใหญ่ใช้วิชาอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืดสินะ?”
“ท่านพูดถูกแล้วท่านหมิงซี่หยิน! อันที่จริงมันคือหนึ่งในวิชาอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืด…ท่านศิษย์คนแรกได้ใช้วิชาสืบทอดราชา ทันทีที่ใช้วิชานั้นสภาพแวดล้อมโดยรอบก็เต็มไปด้วยพลังลมปราณ ไม่ว่าจะภูเขาหรือแม่น้ำก็ถูกพลังอันมหาศาลทำลาย!” ต้วนชิงหยุดพูดชั่วคราวก่อนที่จะพูดออกมา “แต่เมื่อผู้อาวุโสเดินทางมาถึง ในตอนนั้นตัวเขาก็ได้ลบล้างพลังทั้งหมดด้วยการกวัดแกว่งดาบเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!”
หมิงซี่หยินกลืนน้ำลาย
“น่าเสียดายที่ท่านศิษย์คนแรกถูกสี่สุดยอดผู้พิทักษ์ช่วยออกไปซะก่อน เพราะแบบนั้นท่านผู้อาวุโสก็เลยจับตัวท่านศิษย์คนที่สองกลับมาได้เท่านั้น”
หมิงซี่หยินดูเหมือนจะมึนงงหลังจากที่ได้ฟัง “ท่านอาจารย์ในวันนั้นได้สังหารคนของม่อหลี่ไปมากแล้วแท้ๆ ถ้าหากไม่ใช่เหตุการณ์นั้นท่านอาจารย์จะต้องจับตัวศิษย์พี่ใหญ่ได้แน่!”
ต้วนชิงพยักหน้าเห็นด้วย “อันที่จริงข้าเองก็อยู่ที่นั่นด้วย…มันเป็นความจริงทุกอย่าง…”
“เดี๋ยวก่อน ข้าเองเห็นมันกับตาตัวเอง เจ้าน่ะไม่จำเป็นจะต้องพล่ามอะไรให้มากความหรอก” หมิงซี่หยินพูดแทรก
ต้วนชิงเกาหัวก่อนที่จะได้แต่ใช้ความคิด ‘ใครกันที่พล่ามให้มากความ? ถ้าหากข้าไม่ได้เล่า พวกเจ้าก็คงจะไม่ได้ตั้งใจฟังแบบนั้นหรอก?’
หมิงซี่หยินได้หันไปมองเจียงอาเฉียนก่อนที่จะพูดออกมา “พวกเราไปพบท่านอาจารย์ทีหลังก็แล้วกัน ข้าจะไปที่ถ้ำแห่งเงาสะท้อนก่อน”
“ศิษย์พี่สี่ข้าเองก็อยากไปที่นั่นเหมือนกัน…” หยวนเอ๋อพูดออกมา
“อยู่ที่นี่แหละ นั่นมันไม่ใช่สถานที่ที่ผู้หญิงอย่างเจ้าจะต้องไป มันเป็นการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชายน่ะ” หมิงซี่หยินได้จากไปพร้อมกับเอามือไขว้หลัง
ทุกๆ คนจ้องมองหมิงซี่หยินที่กำลังเดินไปยังถ้ำแห่งเงาสะท้อน
ต้วนชิงได้คารวะก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านหมิงซี่หยินช่างเป็นคนที่ชัดเจนจริงๆ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด…ข้าน่ะเคารพชื่นชมคนแบบนี้จริงๆ”
คนอื่นๆ ที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ใช้ความคิด ‘เจ้านี่พยายามที่จะประจบหมิงซี่หยินด้วยอย่างงั้นสินะ?’
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นได้พูดออกมาอย่างไม่พอใจ “ข้าเกรงว่าศิษย์พี่สี่จะสู้กับศิษย์พี่รองไม่ได้…ด้วยพลังวรยุทธที่ศิษย์พี่รองมีเขาจะต้องเอาชนะศิษย์พี่สี่ที่มีมากถึง 10 คนได้แน่ ไม่สิ 20 คนก็ยังไหว 100 ก็ยังไม่อาจเอาชนะได้…” หยวนเอ๋อได้พูดออกมาในขณะที่นับนิ้วไปด้วย
ต้วนชิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “นั่นไม่ถูกต้องหรอกนะท่านหยวนเอ๋อ”
“หืม?”
“ในตอนนี้พลังวรยุทธของท่านศิษย์คนที่สองถูกอาจารย์ของท่านปิดผนึกเอาไว้” ต้วนชิงตอบกลับมา
คนอื่นๆ ที่ได้ฟังแบบนั้นได้มองไปยังทิศที่ถ้ำแห่งเงาสะท้อนตั้งอยู่
หมิงซี่หยินได้เดินมายังถ้ำแห่งเงาสะท้อนอย่างมีอารมณ์ สำหรับเขายู่ฉางตงก็คือคนทรยศดีๆ นี่เอง
บางทีอาจเป็นเพราะจังหวะการเดินที่หมิงซี่หยินมี มันเป็นจังหวะการเดินที่เป็นเอกลักษณ์มาก ก่อนที่ตัวเขาจะเข้าไปในถ้ำแห่งเงาสะท้อนเสียงอันอ่อนโยนของยู่ฉางตงก็ได้ดังขึ้นมาซะก่อน “ศิษย์น้องสี่ เจ้าเองสินะ” หมิงซี่หยินตกตะลึงเล็กน้อย ‘เขารู้ได้ยังไงกัน?’ “เสียงฝีเท้าของศิษย์พี่ใหญ่ทั้งหนักแน่นและฟังดูมั่นคง เสียงฝีเท้าของศิษย์น้องสามรุนแรงไม่เป็นจังหวะ และเสียงฝีเท้าของเจ้าดูเบาบางแต่ถึงแบบนั้นมันก็เร่งรีบ”
ยู่ฉางตงได้ถือดาบยืนยาวเอาไว้ที่อ้อมแขนก่อนที่จะเดินออกจากถ้ำแห่งเงาสะท้อนมาราวกับว่าไม่มีอะไรขวางกั้น ยู่ฉางตงมองไปที่หมิงซี่หยินด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ
หมิงซี่หยินยิ้มให้ก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์พี่รอง ข้ามาที่นี่ทันทีหลังจากได้ยินว่าท่านกลับมาแล้ว ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะทักทายท่าน”
“ไม่จำเป็นจะต้องพิธีรีตองแบบนั้นหรอก พวกเราต่างก็เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน” ยู่ฉางตงได้พูดออกมาเบาๆ “ศิษย์พี่รอง ข้าได้ยินมาว่าท่านได้ต่อสู้กับศิษย์พี่ใหญ่มาจากต้วนชิง?”
“ถูกต้องแล้ว” ยู่ฉางตงตอบกลับมาอย่างเยือกเย็น
“แล้วใครชนะกัน?” ต้วนชิงไม่ได้เล่าถึงผลแพ้ชนะของการต่อสู้
ยู่ฉางตงได้ยิ้มให้จางๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าชนะ”
“ข้ารู้ดีว่าทักษะดาบของท่านยอดเยี่ยมขนาดไหน ศิษย์พี่รอง!” หมิงซี่หยินพูดออกมา
“ไม่” ยู่ฉางตงส่ายหัว
“หะ?”
“ในตอนแรกข้าคิดมาตลอดว่าวิถีดาบของข้าไม่มีใครเทียบเคียงได้ แต่ท่านอาจารย์ก็ยังสามารถเอาชนะข้าด้วยดาบได้อยู่ดี น่าเสียดายจริงๆ …” ยู่ฉางตงได้พูดต่อไปอย่างเชื่องช้า “ข้าได้ไตร่ตรองเรื่องนี้มานานแล้ว และในตอนนี้ข้าก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ข้ามีไม่ใช่ทุกอย่างที่วิถีแห่งดาบมี ท้ายที่สุดแล้วหนทางของข้าก็ยังอีกยาวไกล”
หมิงซี่หยินที่ฟังแบบนั้นรู้สึกงุนงง ‘ถ้าหากทางยังอีกไกลแล้วใครในใต้หล้าที่จะไปถึงทางที่ศิษย์พี่พูดถึงได้ล่ะ?’ หลังจากนั้นหมิงซี่หยินก็ได้พูดออกมา “ยังไงซะการที่ท่านได้กลับมาก็ยังเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่ดี ศิษย์พี่รอง อย่าได้ต่อต้านท่านอาจารย์เลย…ในตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมาก เขาไม่ได้อารมณ์ร้อนเหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว”
ยู่ฉางตงรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว ในตอนนั้นเองตัวเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ศิษย์น้องสี่ เจ้าคิดว่าแท้จริงแล้วข้าเป็นคนแบบไหนกันแน่?”
หมิงซี่หยินมองไปที่ใบหน้าของผู้เป็นศิษย์พี่ด้วยสีหน้าที่งงงวย เขากำลังสงสัยว่าคำถามที่ได้ถามมามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินก็ได้ตอบกลับไป “ท่านน่ะเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนและยังสุภาพ ศิษย์พี่รอง ท่านเองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ท่านจะถามข้าเพื่ออะไรกัน? นอกจากนี้ท่านยังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอ ท่านน่ะเป็นสุภาพบุรุษในหมู่สุภาพบุรุษก็ว่าได้” หมิงซี่หยินได้ยกนิ้วโป้งให้ก่อนที่จะพูดต่อไป “ที่ข้าพูดทุกอย่างนั้นล้วนออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ”
ยู่ฉางตงขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขาได้ถามคำถามเดิมออกมาอีกครั้ง “บอกข้าที ท่านอาจารย์ฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นที่เก้าได้แล้วสินะ?” ยู่ฉางตงถามออกมา
“อวตารดอกบัวเก้ากลีบอย่างงั้นหรอ?” หมิงซี่หยินตกตะลึงกับคำถามนั้นชั่วขณะ ตัวเขาที่ฟื้นคืนสติมาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่รอง ท่านล้อข้าเล่นแล้วสินะ ไม่มีใครที่สามารถฝึกไปถึงขั้นนั้นได้หรอก”
เมื่อยู่ฉางตงได้เห็นหมิงซี่หยินพูดแบบนั้น ตัวเขาก็รู้ว่าหมิงซี่หยินจะต้องไม่โกหกแน่ ยู่ฉางตงได้ใช้ความคิดเงียบๆ ต่อ
ในชั่วครู่ต่อมาสาวกหญิงคนหนึ่งก็ได้เข้ามาก่อนที่จะโค้งคำนับให้ “ท่านหมิงซี่หยิน ท่านปรมาจารย์กำลังรอพบท่านอยู่ค่ะ”
“ท่านอาจารย์กำลังรอพบข้าอย่างงั้นหรอ?” หมิงซี่หยินรีบโบกมือให้ก่อนที่จะกระแอมออกมา “ข้าจะรีบไปในทันที” หลังจากนั้นเขาก็หันมามองยู่ฉางตง
ก่อนที่หมิงซี่หยินจะพูดอะไร ยู่ฉางตงก็ได้พูดอะไรออกมาซะก่อน “ไปซะสิ”
“ศิษย์พี่รอง ได้โปรดรักษาสุขภาพด้วย ถ้าหากท่านต้องการอะไรแล้วล่ะก็อย่าลืมเรียกหาข้าได้” หมิงซี่หยินที่พูดจบก็ได้ออกจากถ้ำแห่งเงาสะท้อนไป ตัวเขาเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ก่อนที่จะพบกับเจียงอาเฉียน, จ้าวยู่, หยวนเอ๋อ และต้วนชิงที่รออยู่ก่อนแล้ว
หยวนเอ๋อเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาหาหมิงซี่หยิน “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่รองตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
หมิงซี่หยินยืดหลังตรงก่อนที่จะเอามือไขว้หลัง “เขาไม่ได้ดูดีเหมือนกับแต่ก่อนแล้วล่ะ บางทีศิษย์พี่คงจะไม่พอใจที่ถูกท่านอาจารย์จับตัวกลับมา ในฐานะที่เป็นศิษย์ทรยศของศาลาปีศาจลอยฟ้า ศิษย์พี่รองจะต้องทำตามกฎ ข้าได้พูดคุยกับเขามาแล้ว ข้าเชื่อว่าศิษย์พี่รองจะทำตัวดีกว่านี้แน่”
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากห้องโถงใหญ่ “เข้ามา”
ทุกๆ คนเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่อย่างเป็นระเบียบ
“ท่านผู้อาวุโส!”
“ท่านอาจารย์!”
“ท่านปรมาจารย์!”
ลู่โจวได้นั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างสง่างามอยู่ก่อนแล้ว ตัวเขาได้จ้องมองมาที่เจียงอาเฉียนก่อนที่จะถามออกมา “เจียงอาเฉียน เจ้ามาทำอะไรที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าแทนที่จะอยู่ในเมืองรูหนานหรือไม่ก็รูเป่ยกัน?”