เหล่าสาวกจากวิหารปีศาจต่างก็เดินตามลู่โจวกันไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาทุกคนล้วนแต่มองเห็นรถม้าลอยฟ้าแล้ว
มันเป็นรถม้าลอยฟ้าที่มีสีดำทมิฬ รถม้าลอยฟ้าคันนั้นได้บินผ่านใบไม้ของป่าเมฆากระจ่างไป ลวดลายพลังที่สลักเอาไว้ที่ด้านข้างของรถม้าคอยเป็นตัวกลางส่งพลังที่จะทำให้กับเหล่าผู้ฝึกยุทธสามารถขับเคลื่อนรถม้าคันนี้ได้ แม้ว่ารถม้าลอยฟ้าที่เห็นจะมีขนาดใหญ่แค่ไหนแต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครได้เห็นผู้ฝึกยุทธผู้ที่เป็นคนควบคุมมันได้อยู่ดี
ทุกๆ คนต่างก็หยุดเพื่อจ้องมองรถม้าลอยฟ้าผ่านไปด้วยความหวาดกลัว รถม้าได้บินลงมาช้าๆ ก่อนที่จะจอดใกล้ๆ กับป่าเมฆากระจ่าง
เมื่อเทียบกับรถม้าลอยฟ้าของวิหารปีศาจ ดูเหมือนกับว่ารถม้าลอยฟ้าของวิหารปีศาจเป็นเพียงแค่ของเด็กเล่นเท่านั้น
ต้วนชิงมองไปที่รถม้าคันนั้นก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าได้ยินมาว่าสำนักอเวย์จีได้กวาดล้างสำนักเที่ยงธรรมและสำนักแห่งความบริสุทธิ์ไปแล้ว นับตั้งแต่นั้นมาสำนักอเวย์จีก็แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ภายในเวลาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้นมีสาวกเข้าร่วมกับสำนักอเวย์จีเพิ่มมากขึ้นกว่าสองเท่าตัว…แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าสำนักอเวย์จีจะมีรถม้าลอยฟ้าคันใหม่แบบนี้” เป็นธรรมดาที่ต้วนชิงจะรู้ว่ารถม้าลอยฟ้าของยู่เฉิงไห่ได้ถูกทำลายไปก่อนหน้านี้ที่แท่นประลองดอกบัว
ลู่โจวเพียงแค่เหลือบมองไปที่รถม้าก่อนที่จะเดินต่อไปโดยที่เอามือไขว้หลังไว้เช่นเดิม ตัวเขาไม่ได้เดินไปยังด้านบนสุดของหุบเขาเมฆากระจ่าง ตัวเขาได้เดินไปยังต้นไม้สูงแทน มันเป็นต้นไม้สูงที่โค้งงอไปด้านหน้า นี่อาจจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหลีกหนีความร้อนอบอ้าวในช่วงฤดูร้อนได้ ต้วนชิงที่เห็นลู่โจวเดินไม่รีบไม่ร้อนอะไรก็ได้แต่พยักหน้าเท่านั้น
ลูกน้องของต้วนชิงคนหนึ่งได้พูดออกมา “แม้ว่าเจ้าสำนักยู่จะเตรียมการแสดงที่ยิ่งใหญ่ไว้เช่นนี้ แต่ยังไงข้าก็ยังคิดว่าผู้อาวุโสก็ยังเป็นผู้ถ่อมตน เรียบง่าย และยังเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงอยู่ดี”
ต้วนชิงหันไปเหลือบมองลูกน้องคนนั้น
ลูกน้องที่เห็นต้วนชิงจ้องมองก็ได้แต่สะดุ้ง
”เจ้าพูดมีเหตุผล” ต้วนชิงได้กล่าวชมเขาออกมา
ผู้อาวุโสช่างเป็นคนแน่วแน่อย่างแท้จริง แต่ละก้าวเดินของเขาทั้งหนักแน่นและดูเรียบง่ายในเวลาเดียวกัน นี่คือวิถีทางที่ยอดฝีมือที่แท้จริงควรทำเป็นเยี่ยงอย่าง
ต้วนชิงและคนอื่นๆ ได้ยืนอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ พวกเขาทั้งหมดได้แต่ยืนอยู่ด้านหลังของลู่โจวโดยที่ไม่กล้าเดินล้ำหน้าตัวเขา
ต้วนชิงได้มองรถม้าจากในระยะไกลก่อนที่จะโค้งคำนับและพูดขึ้น “ท่านผู้อาวุโส ท่านจะวางแผนเคลื่อนไหวไหมครับ?”
ลู่โจวไม่ได้ตอบกลับอะไร ตัวเขามองไปยังต้วนชิงอย่างมีนัยก่อนที่จะหันกลับมามองรถม้าลอยฟ้าคันเดิม
ต้วนชิงที่สัมผัสได้ถึงสายตาสะท้านไปทั้งตัว ฝ่ามือของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ดูเหมือนว่าคำถามของตัวเขาจะดูโง่เขลาจนเกินไป คงจะเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้อาวุโสกำลังรอช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ มีข่าวลือมาว่าพลังวรยุทธของยู่เฉิงไห่และยู่ฉางตงนั้นทัดเทียมกับผู้เป็นอาจารย์ ในความเป็นจริงแล้วก็ยังมีข่าวลืออีกว่าพวกเขาทั้งคู่มีพลังวรยุทธสูงไปกว่าอาจารย์ของพวกเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ต้วนชิงก็ยังไม่รู้เลยว่าข่าวลือเป็นจริงไหม แต่ถ้าหากข่าวลือส่วนมากว่ากันแบบนั้นจริง แสดงว่าศิษย์ทั้งสองคนจะต้องเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบแน่
นอกจากนี้ยังมีสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของสำนักอเวย์จีอีกด้วย ฮั๊วจงหยาง, ไป่ยู่ชิง, หยางเยียน และดี่ชิง ทุกๆ คนต่างก็เป็นยอดฝีมือด้วยกันทั้งหมด นอกจากพวกเขาทั้งสี่ที่สำนักอเวย์จีก็ยังมียอดฝีมือกระจัดกระจายไปทั่วทั้งยุทธภพ
ต้วนชิงไม่เคยลืมสีวู่หยา เจ้าสำนักแห่งความมืดเลย ตัวเขาได้แต่สงสัยว่าคนที่เจ้าเล่ห์อย่างสีวู่หยากำลังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่ ถ้าหากท่านผู้อาวุโสวางแผนเอาไว้จริง คงจะเป็นการดีกว่าที่จะจับตาไปที่สีวู่หยาก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหว
หลังจากที่ไตร่ตรองเรื่องทั้งหมดแล้วต้วนชิงก็ยังเชื่อมั่นว่าผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้าตัวเขาเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง ผู้อาวุโสคนนี้ไม่มีเหมือนกับข่าวลือที่ว่ากันไว้ ตัวเขาไม่ใช่ทั้งคนอารมณ์ร้อนหัวรุนแรง แต่ถึงแบบนั้นผู้อาวุโสก็ยังแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับศัตรูสุดแข็งแกร่งได้
รถม้าลอยฟ้าได้ลอยอยู่เหนือทะเลสาบร้อยกลีบ
ยู่ฉางตงในตอนนี้กำลังยืนกอดอกอยู่เหนือทะเลสาบ ดวงตาของเขาปิดสนิท ยอดฝีมือแห่งโถงมังกรฟ้า ฮั๊วจงหยางเป็นคนแรกที่ปรากฏตัวบนรถม้า ตัวเขาได้คารวะก่อนที่จะพูดออกมา “สวัสดี ท่านยู่ฉางตง”
ทะเลสาบร้อยกลีบยังคงเงียบสงบตามเดิม น้ำอันกระจ่างใสได้สะท้อนเข้ากับใบหน้าของยู่ฉางตงราวกับว่าผิวน้ำได้กลายเป็นกระจกที่งดงามไป ฮั๊วจงหยางที่เห็นยู่ฉางตงไม่ได้สนใจอะไรรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ตัวเขาได้พูดทักทายขึ้นมาอีกครั้ง “สวัสดีครับ ท่านยู่ฉางตง”
“…” และแล้วก็เป็นเช่นเดิม ยู่ฉางตงไม่ได้โต้ตอบกลับมา
ในตอนนั้นเองไป่ยู่ชิง, หยางเยียนและดี่ชิงก็ได้ปรากฏตัวตามมา พวกเขาทั้งสี่ยืนเรียงกันก่อนที่จะพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียง “สวัสดีครับ ท่านยู่ฉางตง”
ยู่ฉางตงดูเหมือนจะหลับไปแล้ว ทั้งสี่คนต่างก็สบตากันอย่างสิ้นหวัง
ในตอนนั้นเองภายในรถม้าลอยฟ้า ยู่เฉิงไห่ก็ได้หัวเราะออกมา คลื่นเสียงที่มาจากการหัวเราะของเขาได้ดังไปทั่วทั้งทะเลสาบ
ปลาที่ก้นทะเลสาบต่างก็แหวกว่ายแตกฝูงก่อนที่จะกระโจนขึ้นไปบนอากาศ ที่ผิวทะเลสาบมันเต็มไปด้วยระลอกคลื่นอันทรงพลัง
ยู่ฉางตงลืมตาตื่นขึ้น
สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ได้แยกตัวออกไปด้านข้างก่อนที่จะโค้งคำนับให้กับผู้ที่อยู่ในรถม้า “ท่านเจ้าสำนัก”
ยู่เฉิงไห่ได้ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับเอามือไขว้หลัง ตัวเขาได้มองลงมาที่ยู่ฉางตงที่กำลังยืนอยู่บนทะเลสาบ แม้ว่ายู่ฉางตงจะดูตัวเล็กเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางทะเลสาบ แต่ถึงแบบนั้นถ้าหากทะเลสาบถูกทำลายไปด้วยพลังของเขาก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลย ท้ายที่สุดยู่เฉิงไห่ก็ได้พูดออกมา “ศิษย์น้องรองนานแค่ไหนแล้ว? ที่เจ้ากลายเป็นคนเย็นชาและไร้หัวใจเช่นนั้นได้ สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของข้าล้วนแต่เป็นยอดฝีมือชั้นยอด พวกเขาต้องการสู้กับเจ้ามาโดยตลอด แม้ว่าพวกเขารู้ดีว่าจะต้องพ่ายแพ้ แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ยังไม่หยุดที่จะพยายาม ทำไมเจ้าไม่ลองให้โอกาสพวกเขาดูหน่อยล่ะ?”
ในที่สุดยู่ฉางตงก็ได้พูดออกมา “ขออภัยด้วยศิษย์พี่ใหญ่…” ยู่ฉางตงได้ปฏิเสธในอีกนัยหนึ่ง
ยู่เฉิงไห่ได้ถามออกมา “ทำไมกันล่ะ?”
“ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาข้าได้ต่อสู้กับคู่ต่อสู้ไป 135 คน…มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ตายหลังจากที่ต้องเจอกับดาบของข้าไป”
ฮั๊วจงหยาง, ไป่ยู่ชิง, หยางเยียน และดี่ชิงต่างก็พูดไม่ออก
“ผู้คลั่งไคล้ดาบเฉินเหวินเจี๋ย, ทาสดาบแห่งม่อเป่ย หวังไห่เฉา, เจ้าสำนักหวัง ราชาแห่งดาบ, จักรพรรดิแห่งดาบลั่วลานจากดินแดนตะวันตกเย่เฉิงกง…ทุกๆ คนต่างก็ต้องเสียชีวิตไปให้กับดาบของข้า” ยู่ฉางตงคิดว่าไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องเอ่ยชื่อผู้คนทั้งหมดที่ถูกเขาสังหารไป เพียงแค่ชื่อที่พูดมานี้ก็เพียงพอแล้วที่จะฝังความกลัวไว้ในใจของผู้ที่ได้ยิน ตัวเขาได้เงยหน้าขึ้นมองก่อนที่จะกวาดสายตาไปยังสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้ยิ้มให้จางๆ “นอกจากจะไม่เหมาะแล้ว ข้าก็ไม่แนะนำหรอกนะว่าจะให้เจ้าพวกนั้นดูการต่อสู้ระหว่างเรา”
ยอดฝีมือทั้งสี่ต่างก็สบตากัน พวกเขายอมรับได้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควรกับยู่ฉางตง แต่ถึงแบบนั้นการที่จะยอมรับได้ว่าพวกเขาทั้งหมดไม่คู่ควรที่จะเฝ้ามองดูการต่อสู้ก็ยากที่จะยอมรับได้ คำพูดนั้นทำร้ายจิตใจของยอดฝีมือทั้งสี่ไป
“ขืนให้พวกเขาดูก็มีแต่จะหาที่ตายไปซะเปล่าๆ”
“…” สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก
ยอดฝีมือผู้ที่ฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นสุดยอดของวิถีแห่งดาบไม่ใช่ผู้ที่หาได้ง่ายเลย การที่จะไม่ได้เฝ้ามองการต่อสู้ของเหล่ายอดคนแบบนี้ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียชาติเกิด แม้ว่าจะต้องได้รับบาดเจ็บก็ตามมันก็คุ้มค่าแล้วที่จะได้เฝ้ามองการต่อสู้ระหว่างเจ้าสำนักของตัวเองกับยู่ฉางตง
ยู่เฉิงไห่ได้ยิ้มให้ก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก แม้ว่าพวกเขาจะอ่อนแออย่างที่เจ้าบอก แต่ในบรรดาลูกน้องทั้งหมดที่ข้ามีข้าก็ไม่อาจหาใครที่มีพลังแข็งแกร่งไปกว่าพวกเขาได้แล้ว ถ้าหากพวกเขาต้องตายจากไปจริงๆ นั่นก็เพราะคนคนนั้นไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในสำนักอเวย์จีของข้า!”
“ข้าดีใจที่ได้ยินแบบนั้น”
ยู่เฉิงไห่เคาะปลายเท้าของตัวเองก่อนที่จะบินไปด้านหน้าอย่างสง่างาม ตัวเขาได้ลอยไปด้านหน้าราวกับว่าตัวเองเบาดุจดั่งขนนก ยู่เฉิงไห่ได้บินลงมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะยืนอยู่เหนือผิวน้ำของทะเลสาบ น่าแปลกที่พื้นผิวทะเลสาบยังคงสงบนิ่ง ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้รับแรงกระแทกจากการเคลื่อนไหวของยู่เฉิงไห่เลย เมื่อได้เห็นแบบนั้นทุกคนก็ได้รู้ซึ้งถึงพลังการควบคุมที่แข็งแกร่งที่ยู่เฉิงไห่มี
ยู่ฉางตงเลิกเอามือกอดอกก่อนที่จะคารวะให้ “สวัสดีศิษย์พี่ใหญ่” นี่เป็นเพียงแค่การทักทายตามมารยาทเท่านั้น
“เอาเลยศิษย์น้องรอง”
“ศิษย์พี่อาวุโสกว่าข้า ศิษย์พี่เริ่มก่อนเลย”
“เจ้าถือว่าเป็นศิษย์น้องของข้า เจ้าเริ่มก่อนซะสิ”
“ถ้าอย่างงั้นพวกเรามาเริ่มพร้อมกันเถอะ…”
พรึ๊บ!
น้ำจากทะเลสาบร้อยกลีบที่กว้างหลายไมล์ได้ปะทุลอยขึ้นไปบนอากาศ มันเป็นน้ำที่ได้รับพลังแรงกดดันจากพลังลมปราณนั่นเอง
ละอองน้ำได้ตกกระทบคืนสู่ผิวทะเลสาบ หยดน้ำที่ร่วงหล่นลงมาดูเหมือนว่ามันจะถูกห่อหุ้มด้วยพลังลมปราณเอาไว้ หยดน้ำทุกหยดได้ก่อตัวกันก่อนที่จะกลายเป็นกรวยทรงแหลม
ใบบัวที่อยู่บนทะเลสาบต่างก็ถูกหยดน้ำเจาะเป็นรูพรุน รถม้าขนาดใหญ่ได้ล่าถอยออกไปแล้ว
สีวู่หยาเองก็ถอยออกไปเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ขยับไปไหนจากใจกลางทะเลสาบไป แต่ถึงแบบนั้นหยดน้ำแหลมคมก็ยังทำอันตรายกับพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็เริ่มเคลื่อนไหว หยดน้ำก็ยังร่วงหล่นลงมาเช่นเดิม
ในตอนนั้นเองก็มีพลังส่องสว่างออกมาจากด้านหลังของยู่เฉิงไห่…
มันคือแสงที่มาจาก “กระบี่นิลโลหิต” นั่นเอง กระบี่นิลโลหิตได้หมุนตัวออกมาจากรถม้าก่อนที่จะบินไปหาผู้ที่เป็นเจ้าของของมัน
ในเวลาเดียวกัน ในตอนนั้นเองที่ด้านใต้ของยู่เฉิงไห่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลังงานอันมหาศาล พลังนั้นได้ทำให้ผิวทะเลสาบเปลี่ยนกลายเป็นคลื่นน้ำวนไป มันคือพลังจากเคล็ดวิชาอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืด พลังแสงดาวสรวงสวรรค์อันมืดมิด
“ดาบยืนยาว!”
ชิ๊ง!
ดาบยืนยาวได้ดีดตัวเองออกจากฝัก ทันทีที่ดาบยืนยาวถูกชักออกมา ในตอนนั้นพลังฝนแห่งดาบก็ได้ปรากฏออกมา นี่คือเทคนิคดาบกุยหยวน, พลังโชคชะตาดาบปีศาจ
คลื่นพลังดาบทั้งสองฝ่ายได้เข้าปะทะกัน
ทุกคนที่เห็นการต่อสู้ต่างก็ตกตะลึง
ต้วนชิงที่เห็นแบบนั้นอ้าปากค้าง ดวงตาของเขาแทบที่จะถลนออกมาจากเบ้า นี่เป็นการต่อสู้จริงๆ อย่างงั้นหรอ?
แม้ว่าต้วนชิงจะฝึกฝนตัวเองไปมากอีกสักเท่าไหร่ ตัวเขาก็ไม่เคยนึกภาพของตัวเองที่ปลดปล่อยพลังที่สามารถทำลายล้างภูเขาแห่งหนึ่งออกมาได้
สำหรับสาวกของเหล่าวิหารปีศาจต่างก็ตกตะลึงอย่างสุดใจ พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะคิดยังไงเมื่อได้เห็นการต่อสู้นี้ การต่อสู้ในระดับนี้มันเกินไปกว่าความคาดหวังและจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว ไม่มีใครเคยจินตนาการถึงการต่อสู้ของเหล่ายอดฝีมือเช่นนี้ได้
กลางทะเลสาบร้อยกลีบ ยอดฝีมือทั้งสองฝ่ายต่างยืนแน่นิ่งทิ้งให้กระบี่และดาบปะทะกันที่กลางอากาศแทน
ต้วนชิงได้อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “นี่คือพลังของผู้ที่มีอวตารดอกบัวแปดกลีบอย่างงั้นสินะ?”
ถ้าหากศิษย์ทั้งสองมีพลังที่น่าเหลือเชื่อถึงขนาดนี้ จีเทียนเด๋าในตอนที่มีพลังสูงสุดจะมีพลังมากมายขนาดไหนกันแน่?
ต้วนชิงไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นที่มีได้อีกต่อไป “ทะ…ท่านผู้อาวุโส…ท่านคิดว่าใครจะชนะกัน?”
“แค่ดูต่อไปก็พอ” ลู่โจวตอบกลับมาอย่างคลุมเครือ
“ครับ ท่านผู้อาวุโส”
ลู่โจวไม่อยากจะเห็นการต่อสู้จบลงไปอย่างรวดเร็วจนเกินไป ยังมีเวลาประมาณอีก 4 วันด้วยกันกว่าที่สถานะคูลดาวน์ที่ตัวเขาจะสิ้นสุดไป ถ้าหากพวกเขาทั้งคู่ชิงต่อสู้กันเสร็จก่อน ลู่โจวก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกซะจากใช้วิซซาร์ดไล่ตามหลังของศิษย์ทั้งสองไป
ลู่โจวไม่แปลกใจกับการต่อสู้ก่อนหน้านี้เลย ตัวเขาได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว ทั้งคู่ต่างก็เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกัน
ในขณะเดียวกันนั้นเองสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็กำลังเฝ้าดูการต่อสู้จากบนรถม้าลอยฟ้า ในที่สุดตัวเขาก็เข้าใจสิ่งที่ยู่ฉางตงต้องการที่จะเตือนแล้ว หลังจากที่เห็นยู่ฉางตงได้ปล่อยพลังทำลายล้างออกมาจากการควบคุมพลังลมปราณอันบริสุทธิ์ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่ายู่ฉางตงแท้จริงแล้วเก่งกาจแค่ไหน แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบเหมือนกับเขา การที่จะใช้เทคนิคขั้นสูงแบบนี้ออกมาได้ก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากอยู่ดี
เมื่อหยดน้ำหยดสุดท้ายหยดลงบนทะเลสาบ ในตอนนั้นกระบี่นิลโลหิตและดาบยืนยาวก็ได้แยกออกจากกันก่อนที่จะกลับมาหาผู้ที่เป็นเจ้าของ
ยู่เฉิงไห่ได้จับกระบี่นิลโลหิตไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง หลังจากที่จับกระบี่ไว้ได้ตัวเขาก็เหยียดแขนตรงไปที่ด้านหน้า
ยู่ฉางตงเองก็จับดาบของตัวเขาด้วยมือข้างขวา ตัวเขาจ้องมองยู่เฉิงไห่อย่างไม่ละสายตา
การโจมตีกันในครั้งแรกเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การวัดความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เพียงเท่านั้น ยู่เฉิงไห่เป็นผู้ที่หัวเราะก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นมากนะศิษย์น้องรอง”
“ท่านเองก็เช่นกันศิษย์พี่ใหญ่”
“ถ้าหากเป็นแบบนี้แสดงว่าเทคนิคดาบกุยหยวนของเจ้าคงจะอยู่ที่ดวงวิญญาณขั้นสามแล้วสินะ?” ยู่เฉิงไห่ได้ถามออกไป
นักดาบผู้แข็งแกร่งมักจะเป็นหนึ่งเดียวกับดาบของตัวเองไป เมื่อเป็นแบบนั้นดาบที่นักดาบคนนั้นใช้ก็จะกลายเป็นเหมือนแขนและขาให้กับผู้ใช้ได้
“ข้าได้ยินมาว่าไม่มีใครในโลกนี้เคยได้เห็นพลังสืบทอดราชันย์จากเคล็ดวิชาอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืดของท่านมาก่อน ศิษย์พี่ใหญ่ข้าอยากที่จะชมพลังนั้นจริงๆ”
ทันทีที่ยู่ฉางตงพูดจบ ในตอนนั้นทั้งคู่ก็ได้เอาปลายเท้าแตะไปที่ปลายน้ำในทันที
ทั้งสองคนได้แตะไปที่ผิวน้ำอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งคู่กำลังจะเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว ในตอนนี้กระบี่นิลโลหิตและดาบยืนยาวต่างก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังงานอันมหาศาล
เมื่อฮั๊วจงหยางเห็นแบบนั้นตัวเขาก็ได้ยกฝ่ามือขึ้น “ถอยเร็วเข้า รีบไปที่สูงซะ!”
“รับทราบ!” สมาชิกทุกคนของสำนักอเวย์จีต่างก็ไม่คิดที่จะประมาทพลังของยอดฝีมือทั้งสอง
…
เมื่อเห็นแบบนั้นต้วนชิงก็สั่นไปทั้งตัว ตัวเขาพยายามที่จะเอาชนะความกลัวจากพลังอันมหาศาลที่อยู่ตรงหน้า “ท่านผู้อาวุโส ทำไมพวกเราไม่ลองถอยกลับไปสักก้าวสองก้าวดูล่ะ?”
ลู่โจวมองต้วนชิงอย่างเฉยเมยแต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหน
ต้วนชิงรู้สึกโล่งใจนิดหน่อย ในตอนนี้ตัวเขาอยู่ห่างจากทะเลสาบร้อยกลีบกว่าหลายไมล์ด้วยกัน ท้องฟ้าของวันนี้ปลอดโปร่งมากกว่าวันไหนๆ และเพราะแบบนั้นทำให้ตัวเขาสามารถมองเห็นได้กว้างไกลมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วการที่จะเฝ้ามองดูการต่อสู้ระดับสูงแบบนี้โดยที่ไม่ถูกลูกหลงไปด้วยได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็เป็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังวรยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์อยู่ ท้ายที่สุดแล้วการจะปกป้องตัวเองก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากเกินไป ต้วนชิงได้พยักหน้าของตัวเองก่อนที่จะใช้ความคิดภายในใจ ‘ข้าจะต้องหาโอกาสให้ดี ชะตากรรมของวิหารปีศาจขึ้นอยู่กับโอกาสในครั้งนี้แล้ว ข้าจะทำพลาดในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดไม่ได้อย่างเด็ดขาด’