เพื่อที่จะเติมเต็มความปรารถนาในชีวิตของใครสักคนหนึ่ง คนคนนั้นจะต้องออกเดินทางต่อไปแม้ว่าทางด้านหน้าจะมืดก็ตาม ความหวังจึงเป็นตัวกระตุ้นที่ดีที่สุดแล้วที่จะทำให้คนเราเดินหน้าต่อไป ลู่โจวรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นยู่ฉางตงก้มขอร้องตัวเขา หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งลู่โจวก็ได้พูดออกมา “ลุกขึ้น”
ยู่ฉางตงลุกขึ้นนั่งก่อนที่จะหยิบกล่องผ้า
ลู่โจวได้พูดต่อ “ยาเม็ดนั้นถือว่าเป็นยาที่ยอดเยี่ยมมาก เจ้าจะได้รับอายุขัยอีก 200 ปี”
“200 ปีก็เพียงพอแล้ว” ยู่ฉางตงไม่ใช่คนโลภมากอะไร
พลังจากดาบยืนยาวที่หายไปจากการใช้สังหารเจียงเหลียงเองก็มีอายุขัย 200 ปีเช่นกัน ลู่โจวได้พูดต่อ “ยังไม่พอหรอก ถ้าหากเจ้าต้องการที่จะฝึกฝนตัวเองไปถึงอวตารดอกบัวขั้นที่เก้ามันจะไปพอได้ยังไง?”
ยู่ฉางตงรู้สึกงุนงง
ลู่โจวได้พูดต่อ “เจ้าเคยบอกเอาไว้ว่าไม่มีอะไรอื่นที่อยู่หลังจากประตูของอวตารดอกบัวขั้นที่เก้านอกจากความมืดมิด…แต่ข้าไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ”
ไม่มีเส้นทางไหนโรยด้วยกลีบกุหลาบ การเดินทางจากอวตารดอกบัวหนึ่งกลีบไปจนถึงดอกบัวแปดกลีบได้ล้วนแต่เต็มไปด้วยขวากหนาม และการที่จะฝึกตัวเองให้มีอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้จะไปใช่เรื่องง่ายได้ยังไงกัน?
ยู่ฉางตงรู้สึกตกใจ จากคำพูดของผู้ที่เป็นอาจารย์ ดูเหมือนว่าลู่โจวตั้งใจที่จะฝึกฝนตัวเองเพื่อให้มีอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ในตอนนั้นเองถ้ำแห่งเงาสะท้อนที่เคยเหน็บหนาวก็ร้อนระอุขึ้นมา ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่ได้ง่ายแบบที่เขาคิดไว้
ลู่โจวเหลือบเห็นสีหน้าอันสับสนของยู่ฉางตง แต่ตัวเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ ลู่โจวได้ชี้ไปยังกล่องผ้าใบเดิมแทน “เอายานั่นไปซะ”
ยู่ฉางตงได้เปิดกล่องผ้าออกมา มีเม็ดยาอายุวัฒนะสีดำเข้มส่องประกายอยู่ที่ด้านใน นอกจากมันจะส่องประกายออกมาได้มันยังมีกลิ่นหอมของสมุนไพร กลิ่นหอมของมันทำให้ยู่ฉางตงที่สูดเข้าไปรู้สึกถึงความอบอุ่น ในเวลาเดียวกันในร่างกายของตัวเขาก็เต็มไปด้วยพลังผันผวน
ยู่ฉางตงตกใจเล็กน้อย “นี่มันยาเม็ดใหม่ที่ผ่านการขัดเกลา!”
การที่ดาบยืนยาวสามารถยืดอายุขัยคนได้เป็นเพราะว่าที่ดาบมีพลังงานจำนวนมหาศาลอยู่ แต่ไม่ว่าจะยังไงพลังที่ว่าก็จะค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลาอยู่ดี นี่ไม่เหมือนกันกับเหล้าที่จะรสชาติดีขึ้นเมื่อผ่านการบ่ม ยาอายุวัฒนะเองก็คล้ายกัน ยู่ฉางตงไม่คิดว่าจะได้รับยาเม็ดใหม่ที่ผ่านการขัดเกลามาแบบนี้ การขัดเกลายาอายุวัฒนะจะต้องใช้ความพยายามและการลงทุนเป็นอย่างมาก ยู่ฉางตงรู้ซึ้งดี
“กินมันซะ”
ยู่ฉางตงได้กลืนยาเม็ดนั้นอย่างไม่ลังเล ในตอนแรกตัวเขารู้สึกอบอุ่น แต่เมื่อเม็ดยาสัมผัสลงกับลิ้นยู่ฉางตงก็รู้สึกถึงความร้อนที่สูงขึ้น เม็ดยาดูเหมือนว่าจะมีชีวิตขึ้นมาเมื่อเข้าไปในท้อง ยู่ฉางตงไม่ได้มีแม้แต่เวลาที่จะลิ้มรสชาติของมันซะด้วยซ้ำ ตัวเขาที่กินยาอายุวัฒนะไปรู้สึกราวกับว่าได้กลืนเปลวไฟเข้าไปทั้งดวง ยาอายุวัฒนะได้แผดเผาไปทั่วทุกส่วนอยู่ภายในท้องของเขา ยาอายุวัฒนะได้แสดงสรรพคุณมันออกมาแล้วนั่นเอง
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้ยกมือขึ้นมาก่อนที่จะใช้มือซัดเข้าไปที่ร่างกายของยู่ฉางตง “อย่าขยับ!”
ยู่ฉางตงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้ว่าตัวเขาอยากจะทำแค่ไหน เมื่อพลังวรยุทธที่เคยมีหายไป พลังที่ไหลออกมากเม็ดยาก็ได้ตรึงร่างกายของยู่ฉางตงไม่ให้ขยับ
ลู่โจวได้ลอยขึ้นไปบนอากาศ
สายลมอันหนาวเหน็บที่พัดผ่านตัวยู่ฉางตงทำให้ตัวเขารู้สึกถึงความร้อนที่แผดเผาน้อยลง ยู่ฉางตงรู้ดีว่าผู้เป็นอาจารย์กำลังคลายพลังผนึกมนตราได้
ด้วยการใช้พลังฝ่ามือทำให้ผนึกมนตราถูกคลายไปในทันที เมื่อถึงตอนนั้นความรู้สึกที่เหมือนถูกแผดเผาก็ได้กระจายไปทั่วร่างกายของยู่ฉางตง
ทุกๆ อย่างเงียบสงัดอีกครั้ง
พลังลมปราณได้ปะทุออกมาจากจุดตันเถียนของตัวเขา พลังที่ได้ปะทุออกมารุนแรงราวกับการปะทุของภูเขาไฟ พลังลมปราณได้ไหลผ่านเส้นพลังลมปราณทั้งแปดก่อนที่จะกระจายไปทั่วร่างกาย เมื่อได้พลังวรยุทธกลับมาความรู้สึกที่ร้อนเหมือนถูกแผดเผาก็ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับยู่ฉางตงอีกต่อไป ผลของเม็ดยายังคงปรากฏให้เห็น มันได้ซึมซับไปทั่วทั้งร่างกายของยู่ฉางตง
ลู่โจวเห็นได้ว่าผมของยู่ฉางตงกำลังเปลี่ยนสีกลับไปเป็นสีเดิม เท่ากับว่ายาอายุวัฒนะได้ทำงานแล้วนั่นเอง
เวลาเหมือนถูกย้อนกลับมา
ยู่ฉางตงในตอนนี้กำลังหมกมุ่นอยู่กับการดูดซับพลังจากยาอายุวัฒนะ
ลู่โจวยังสังเกตเห็นอีกว่ายู่ฉางตงมีค่าความจงรักภักดีเกิดขึ้นเมื่อยู่ฉางตงได้ก้มคารวะตัวเขา ในตอนนี้ค่าความจงรักภักดีของยู่ฉางตงกำลังเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ชายที่เปรียบได้ดั่งสัตว์ประหลาดได้ดูเป็นมิตรขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้มีเพียงแค่ความคิดของคนคนหนึ่ง
วันต่อมา ในตอนที่แสงอาทิตย์กำลังสาดส่องอีกครั้ง
ยู่ฉางตงรู้สึกได้ว่าตัวเขาสามารถซึมซับพลังจากยาเป็นส่วนใหญ่ได้แล้ว ยู่ฉางตงได้ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่เห็นก็คืออาจารย์อย่างลู่โจวที่กำลังหลับตาอยู่ ตัวเขากำลังหลับตาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่นั่งของตัวเอง
มีหนังสือมากมายหลายประเภทวางอยู่บนโต๊ะ ยู่ฉางตงสังเกตเห็นได้ในทันทีว่ามันเป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับอายุขัยทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีหนังสือเกี่ยวกับการฝึกยุทธของอวตารดอกบัวขั้นที่แปด มีหนังสืออีกประเภทอื่นวางอยู่บนชั้นเช่นกัน ยู่ฉางตงที่เห็นแบบนั้นตกตะลึง เมื่อคืนที่ยู่ฉางตงมายังคงมืดสลัว แต่ในตอนนี้ตัวเขามองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ดูเหมือนว่าผู้เป็นอาจารย์คนนี้จะเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้มาโดยตลอด สิ่งที่ทำให้ยู่ฉางตงรู้สึกปั่นป่วนมากกว่าเดิมก็คือการที่ผู้เป็นอาจารย์คอยเฝ้าดูแลตัวเขาในตลอดทั้งคืน
ยู่ฉางตงรู้สึกได้ว่าพลังที่ตัวเขาเคยมีฟื้นคืนมาเกือบทั้งหมดแล้ว ปัญหามีเพียงสถานะของตัวเขาเท่านั้น ตัวเขาได้ก้มคารวะลู่โจวอีกครั้ง ยู่ฉางตงได้หยิบดาบยืนยาวขึ้นมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ตัวเขาได้หันไปรอบๆ ก่อนที่จะออกจากห้องไป ยู่ฉางตงที่ยังไม่ทันออกจากศาลาทางตะวันออกก็มีเสียงดังจากทางด้านหลัง “ไปศาลาทางใต้”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ยู่ฉางตงตอบรับกลับมา
ลู่โจวลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ การทำสมาธิในยามค่ำคืนถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับลู่โจว แต่เมื่อลืมตาขึ้นลู่โจวก็สังเกตเห็นภารกิจเมลิล็อตแห่งชีวิตสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว เมลิล็อตที่ภารกิจพูดถึงก็คือยู่ฉางตงนั่นเอง
ภารกิจได้ให้รางวัลตอบแทนลู่โจวเป็นแต้มบุญ 2,000
สำหรับภารกิจที่เหลืออยู่นั่นก็คือภารกิจหาชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ส่วนใหม่ ภาพวาดอันเก่าแก่ยังแสดงให้เห็นถึงสถานที่ที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ‘ดูเหมือนว่าจะอยู่ตรงนั้นสินะ…’
ในตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก ลู่โจวหลับตาลงอีกครั้งก่อนที่จะทำสมาธิเพื่อทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ต่อไป
ที่ศาลาทางใต้ ต้วนมู่เฉิงกำลังถือหอกราชันย์ของตัวเองเอาไว้ ตัวเขากำลังยืนอยู่ด้านนอกห้องของหมิงซี่หยิน “ศิษย์น้องสี่ เจ้ามาเป็นคู่ประลองกับข้าหน่อยสิ…”
หมิงซี่หยิน “…”
หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่หมิงซี่หยินก็ได้เดินออกมาจากห้องของตัวเอง “ศิษย์พี่สาม พวกเราไม่ได้มีฝีมืออยู่ในระดับเดียวกันเลย…ข้าแนะนำให้ท่านไปหาศิษย์น้องแปดจะดีกว่า ศิษย์น้องแปดคงจะเข้ากันได้ดีกับท่าน นอกจากนี้เขายังมีถุงมือนักสู้รวมไปถึงเสื้อคลุมวิถีเซน เจ้านั่นจะต้องแข็งแกร่งกว่าข้าแน่”
“ศิษย์น้องแปดเพิ่งจะมีพลังอวตารดอกบัวเพียงแค่กลีบเดียวเท่านั้น…” ต้วนมู่เฉิงก้าวไปด้านหน้าก่อนที่จะดึงตัวของหมิงซี่หยินเอาไว้
“แล้วผู้อาวุโสฮั๊วล่ะ?”
“วิชาป้องกันกระดองเต่าของเขาทำให้ข้ารู้สึกหงุดหงิดน่ะ!”
หมิงซี่หยินรู้สึกพูดไม่ออก ตัวเขากำลังสงสัยอยู่ภายในใจ ‘ท่านคิดว่าข้าไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดแบบนั้นหรือไงกัน?’ แม้จะคิดแบบนั้นแต่ภายนอกของเขาก็ได้พูดอีกแบบ “ข้ายังมีธุระอยู่ศิษย์พี่…ข้าจะต้องไปเยี่ยมเยียนศิษย์พี่รอง เมื่อปัญหาของศิษย์พี่รองถูกคลี่คลายไป ข้าว่าศิษย์พี่จะต้องประลองกับเขาได้แน่”
“ศิษย์พี่รองอย่างงั้นหรอ? พลังวรยุทธของเขาถูกผนึกเอาไว้ ศิษย์พี่รองคงไม่เหมาะกับข้าหรอก” ต้วนมู่เฉิงที่พูดแบบนี้ออกมารู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ตัวเขาจึงรีบพูดต่อ “ข้าคงไม่สามารถปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาได้แน่ถ้าหากข้าไม่ได้ต่อสู้โดยใช้พลังลมปราณน่ะ”
“ท่านพูดถูกแล้วล่ะศิษย์พี่ ศิษย์พี่รองไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะกับท่าน”
ตู๊ม!
มีเสียงดังคล้ายระเบิดดังขึ้น มันเป็นเสียงที่อยู่ไม่ไกลจากศาลาทางใต้
‘เกิดอะไรขึ้น?’
‘ใครกล้าก่อความวุ่นวายในศาลาปีศาจลอยฟ้าได้?’
แม้แต่ซู่ฮ่องกงที่กำลังนอนหลับอยู่ก็ยังสะดุ้งตื่นขึ้น
“ใครที่ไหนกล้าส่งเสียงดังกัน…รีบไปดูกันดีกว่า” หมิงซี่หยินและต้วนมู่เฉิงที่คิดเช่นกันรีบออกจากศาลาทางใต้
เมื่อทั้งสองออกนอกศาลามา พวกเขาก็เห็นเหล่าสาวกหญิงกำลังรวมตัวกันเพื่อมองดูอะไรบางอย่าง
“ศิษย์พี่รอง?”
“ไม่มีทาง…”
ที่ใจกลางลานหน้าศาลา ยู่ฉางตงกำลังลอยอยู่บนอากาศเหนือเสาไม้ ตัวเขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายลมโดยที่ถือดาบยืนยาวเอาไว้ที่อ้อมแขนของตัวเอง ผมที่เคยเป็นสีขาวตอนนี้กลับกลายเป็นสีเดิมแล้ว
ทุกๆ คนที่เห็นแบบนั้นต่างตกใจ
“ดาบของเขาดูเยือกเย็นมาก…”
“บรรยากาศรอบข้างของเขาก็เช่นกัน”
“เขาจะต้องหนาวแน่ถ้าหากยืนอยู่ตรงนั้นน่ะ…” ฝานซงพึมพำออกมา
โจวจี้เฟิงรีบขยับเข้าไปใกล้ก่อนที่จะพูดขึ้น “หุบปาก! เจ้าไม่เห็นหรือไงกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้อาวุโสฮั๊ว พลังวรยุทธของเขาฟื้นฟูมาแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะรู้สึกหนาวแน่!”
คนที่ยืนอยู่บนเสาอีกด้านไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือผู้อาวุโสฮั๊ว ฮั๊ววู่เด๋าผู้ที่มีวิชาในการป้องกันที่ทรงพลังที่สุดนั่นเอง
ฮั๊ววู่เด๋าปรากฏตัวขึ้นมาบนศาลาทางใต้เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อเห็นว่าพลังวรยุทธของยู่ฉางตงฟื้นฟูกลับคืนมาได้ ฮั๊ววู่เด๋าก็คิดที่จะประลองกับเขา ฮั๊ววู่เด๋ารู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะยู่ฉางตงได้ ตัวเขาต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชาผนึกตราประทับทั้งหกที่มีก็เท่านั้น แต่ฮั๊ววู่เด๋าก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว
ฮั๊ววู่เด๋าได้มองไปที่ยู่ฉางตงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ตัวเขาได้พูดออกมาอย่างมุ่งมั่น “อีกครั้ง”
ยู่ฉางตงได้ยิ้มให้จางๆ เสียงของเขาได้ดังขึ้นมาจากทางด้านบน “ท่านน่ะอ่อนแอเกินไปแล้ว…ท่านควรจะฝึกให้หนักขึ้นนะ”
ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดออกมาอย่างเชื่องช้า “ข้าไม่คิดว่าการโจมตีสองกระบวนท่าจะทะลุการป้องกันนี้ไปได้แน่!” เมื่อพูดจบฮั๊ววู่เด๋าก็ได้พูดออกมา ตัวเขาได้ใช้พลังผนึกตราประทับทั้งหกรวมไปถึงพลังอักษรทั้งเก้าขึ้น
คนอื่นๆ ที่เห็นแบบนั้นต่างก็รีบออกห่าง ผนึกตราประทับทั้งหกรวมไปถึงตัวอักษรทั้งหลายกำลังลอยอยู่รอบตัวของฮั๊ววู่เด๋า
“มาตรฐานของท่านลดลงไปมากแล้วหรอผู้อาวุโสฮั๊ว เพลงดาบสองกระบวนท่าคือทั้งหมดที่ท่านถามหาอย่างงั้นสินะ?” จู่ๆ หมิงซี่หยินก็ได้พูดออกมา