หลังจากนั้นไม่นานควันสีม่วงก็เริ่มปกคลุมฝ่ามือของไป่มา “พยากรณ์!” เสียงของไป่มาได้ดังก้องไปทั่วสุสานแห่งดาบ
เขตแดนพลังดาบเริ่มสั่นสะเทือน
“…” ไป่มาได้ทำเสียงแปลกๆ ออกมาจากปาก เมื่อพูดเสร็จ ในตอนนั้นก็มีลมกระโชกเข้ามาจากทางที่แสงรอดผ่าน
เขตแดนเวทมนตร์คาถาได้ก่อตัวขึ้นก่อนที่จะส่องแสงออกมา มันได้ล้อมรอบเขตแดนพลังดาบทั้งเจ็ดเอาไว้
จางหยวนฉานที่เห็นแบบนั้นรู้สึกตื่นเต้น ตัวเขารู้สึกได้ถึงพลังงานอันมหาศาลที่กำลังมารวมตัวกัน มันเป็นพลังที่มีมากกว่าพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบของเหล่ายอดฝีมือซะอีก
ด้านนอกสุสานแห่งดาบ
ควันสีม่วงที่เพิ่มขึ้นจากภายในได้เคลื่อนตัวออกมา ควันสีม่วงที่ว่าได้ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าดูเหี่ยวเฉาไป
ในตอนนั้นเองสถานที่อื่นก็มีควันสีม่วงที่ดูคล้ายคลึงกันปรากฏขึ้น มันได้ทำให้ต้นไม้ทั้งหลายเหี่ยวเฉาด้วยเช่นกัน
ที่ริมทะเลสาบที่อยู่ห่างจากภูเขาทองกว่าหลายสิบไมล์ ที่แห่งนั้นมีเสื้อผ้าสีขาวถูกพับไว้อย่างเรียบร้อยบนผืนหญ้า ในป่าใกล้ๆ มีเขตแดนพลังที่กำลังปล่อยควันสีม่วงออกมา
ต้นไม้และใบหญ้าทั้งหลายต่างก็เหี่ยวเฉาเช่นกัน ฝูงนกต่างก็กระจัดกระจายหนีออกจากป่า
เหล่าสัตว์ป่าที่เข้าใกล้กับเขตแดนพลังสีม่วงต่างก็ล้มลง ดูเหมือนว่าควันสีม่วงจะสามารถดักจับสิ่งมีชีวิตได้ สัตว์เหล่านั้นที่ตกลงไปต่างก็กลายเป็นกองกระดูกภายในพริบตา
พรุ่บ! พรุ่บ! พรุ่บ!
ภายในทะเลสาบมีฟองอากาศลอยขึ้นสู่เหนือน้ำ
ณ ตอนนั้นเอง…
พรุ่บ!
มีน้ำจำนวนหนึ่งได้พุ่งขึ้นสู่อากาศ ที่รอบน้ำที่ว่านั้นมีพลังงานลมปราณไหลเอ่อออกมา มันได้ละลายน้ำทั้งหลายให้ระเหยไปในทันที
มีใครบางคนออกมาจากน้ำ ผมของนางปลิวไสวไปกับสายลม ผิวของนางขาวราวกับหิมะ เมื่อหญิงสาวคนนั้นลืมตาตื่นขึ้น เสื้อผ้าทั้งหมดที่อยู่ริมทะเลสาบต่างก็ได้ลอยเข้าหาตัวนาง
ในที่สุดรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนางก็ถูกเปิดเผยออกมา รูปลักษณ์ของนางดูไม่เหมือนกับคนทั่วไป หญิงสาวคนนี้ดูราวกับเทพธิดาที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า
ยี่เทียนซินได้มองไปยังเส้นผมบนไหล่ของตัวเอง ภายใต้แสงจากดวงอาทิตย์ทำให้เส้นผมสีเข้มของนางดูเปล่งประกาย ยี่เทียนซินขมวดคิ้วเมื่อเห็นเสื้อผ้าของตัวเองเปียกน้ำ นางได้ใช้พลังลมปราณออกมาก่อนที่จะทำให้เสื้อผ้าแห่งอีกครั้ง “ข้าจะต้องทำงานให้หนักกว่านี้”
ยี่เทียนซินเดินไปในอากาศก่อนที่จะลอยเข้าหาฝั่ง เมื่อนางเดินไปได้ครึ่งทางนางก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติจากชั้นบรรยากาศ “หืม?” นางรีบเคลื่อนไหวตัวเองให้รวดเร็วมากขึ้น ในตอนนี้นางกำลังบินอยู่เหนือยอดไม้ในขณะที่ตรวจสอบสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัว
ต้นไม้ที่อยู่แถวนั้นล้วนเหี่ยวเฉา “นั่นมันเวทมนตร์คาถา? ยอดคนทรงอย่างงั้นหรอ?” ยี่เทียนซินใช้เวลาส่วนใหญ่ท่องเที่ยวอยู่ในโลกยุทธภพ ในตอนที่นางก่อตั้งวังจันทราขึ้นมานางก็เคยเรียนรู้เรื่องของเวทมนตร์คาถาเช่นกัน และเมื่อเห็นแบบนั้นนางจึงรู้สึกตกใจขึ้นมา นางบินไปยังป่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ยี่เทียนซินได้บินไกลออกไปจากภูเขาทองไกลขึ้น และไกลขึ้นไปอีก
หลังจากที่บินไปได้หลายไมล์ นางก็ได้เห็นต้นไม้ที่เหี่ยวเฉามากขึ้นเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องนี้อีกต่อไป สัญชาตญาณของนางบอกเอาไว้ว่ากำลังจะมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้น
ยี่เทียนซินยังคงบินไปด้านหน้าต่อไป นางได้บินสูงขึ้นและสูงขึ้นไปอีก หลังจากนั้นนางก็ได้หันไปมองศาลาปีศาจลอยฟ้า
ที่ตรงนี้มันไกลจนเกินไป แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่มีอากาศสดใสแต่ยี่เทียนซินก็มองเห็นภูเขาทองอย่างเลือนรางเข้าไปทุกที นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าที่ตรงนี้มีอะไรเกิดขึ้น
นางได้ตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวอีกครั้งก่อนที่จะร่อนลงไปบนเขตแดนพลังวงแหวนเวทมนตร์ นางชูมือของตัวเองขึ้นมา ทันใดนั้นเองห่วงแห่งรักก็ได้ปรากฏตัวขึ้น มันได้หมุนอยู่บนมือของยี่เทียนซิน
พรึ๊บ!
ห่วงแห่งรักหมุนรอบตัวของนางในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะลอยเข้าหาเขตแดนเวทมนตร์ ท้ายที่สุดแล้วห่วงแห่งรักก็ลอยกลับมาหาตัวนาง “หุ่นเชิดอย่างงั้นหรอ?”
ภายในเขตแดนพลังเวทมนตร์ไม่มีศพอยู่ภายในนั้น นั่นแสดงว่ามันไม่ได้มีหุ่นเชิดในการควบคุม ยี่เทียนซินรู้ได้ว่ายอดคนทรงที่เป็นผู้สร้างเขตแดนเวทมนตร์ไม่ได้อยู่แถวนี้ และเพราะแบบนั้นนางจึงรู้สึกประทับใจที่คนทรงคนนั้นสามารถสร้างเขตแดนพลังเวทมนตร์ที่ดึงดูดพลังจากสภาพแวดล้อมมาเองได้
หลังจากที่ใช้ความคิดอยู่ได้พักหนึ่ง ยี่เทียนซินก็ลอยขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง “มีใครอยู่ที่นี่”
ยี่เทียนซินเห็นกลุ่มคนที่กำลังลอยแน่นิ่งอยู่ที่กลางอากาศ เมื่อเห็นแบบนั้นนางก็รู้สึกตกใจขึ้นมา แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นนางก็ไม่ยอมถอย นางเลือกที่จะบินเข้าหากลุ่มคนพวกนั้นแทน
กลุ่มนักบวชที่นางเห็นกำลังรวมตัวกันเพื่อที่จะใช้เดินทาง มันเป็นกลุ่มนักบวชที่มีมากกว่าสิบคน ที่ร่างกายของเหล่านักบวชต่างก็ถูกพลังห่อหุ้มจนทำให้เหล่านักบวชลอยได้
ยี่เทียนซินเลือกที่จะไม่เข้าไปใกล้ นางไม่เคยรู้สึกประทับใจเหล่านักบวชเลยนับตั้งแต่ที่นางจำความได้
“ซู่จิงจากวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์อย่างงั้นหรอ?”
“โอ้ ประสกท่านรู้จักอาตมาด้วยอย่างงั้นหรอ?” นักบวชพุทธซู่จิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เป็นธรรมดาที่ยี่เทียนซินจะไม่บอกความจริง นางได้พูดเปลี่ยนเรื่องแทน “ข้ามีบางอย่างที่ต้องรีบทำ ข้าขอตัวก่อน”
“ประสก…อาตมาอยากที่จะถามอะไรหน่อย ภูเขาทองอยู่ห่างจากที่นี่มากแค่ไหนกัน?” ซู่จิงได้ถามออกมา
ยี่เทียนซินเริ่มคิดว่าเรื่องนี้เริ่มน่าสนใจขึ้นมา ‘เจ้าจะเห็นภูเขาทองเองถ้าหากเดินทางต่อไป แล้วเหตุใดเจ้านี่ถึงจะต้องถามถึงภูเขาทองด้วย?’ ถ้าหากยี่เทียนซินไม่รู้เรื่องนี้เข้า นางก็คงจะจากกลุ่มนักบวชพุทธไปนานแล้ว
“ข้าไม่รู้” ยี่เทียนซินตอบกลับมาอย่างห้วนๆ ก่อนที่จะเดินลอยจากไป
“ประสก…ช้าก่อน…”
หวืดดด!
พลังอวตารดอกบัวหกกลีบได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ซู่จิงและนักบวชทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น
“นี่มัน…”
“ท่านเจ้าอาวาส พวกเราพบกับผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบ ดูเหมือนว่าที่แถวนี้จะเต็มไปด้วยเหล่ายอดฝีมือ พวกเราควรจะกลับกันเลยดีไหม?”
“ข้าไม่คิดว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าจะต้องการพวกเราเหมือนกัน” เหล่านักบวชต่างก็ใช้ความคิด
เหล่านักบวชต่างก็รู้กันดีว่าศาลาปีศาจลอยฟ้านั้นทรงพลังมากแค่ไหน เป็นธรรมดาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าจะดึงดูดศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นกัน แต่ยังไงก็ตามซู่จิงก็ได้พบกับผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือมาโดยตลอด ซู่จิงขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดออกมาอย่างหนักแน่น “ปรมาจารย์จีเคยช่วยพวกเราวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์มาก่อน พวกเราจะต้องตอบแทนบุญคุณเขา ถ้าหากเจ้าคิดกลัวแล้วล่ะก็ เจ้าก็ออกจากวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ไปซะ”
“พวกเราไม่กล้า! พวกเราผิดไปแล้วท่านเจ้าอาวาส!” เหล่านักบวชอาจจะพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ซู่จิงมองไปที่รอบตัวก่อนที่จะพูดออกมา “ม่านพลังของภูเขาทองได้หายไปได้สักพักแล้ว นี่จะต้องเป็นช่วงเวลาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดแน่…ความขี้ขลาดไม่ใช่สิ่งที่พวกเราคนพุทธจะยึดถือหรอก!”
“พวกเราจะจำคำสอนของท่านไว้!”
“นอกจากนี้…อย่าได้พูดถึงเรื่องของความแตกต่างระหว่างสำนักฝ่ายธรรมะกับสำนักฝ่ายอธรรมอีก!” เมื่อซู่จิงพูดเรื่องนี้ออกมา พลังที่ตัวเขามีก็ได้กระเพื่อมออกมาด้วย
“พวกเราเข้าใจแล้วท่านเจ้าอาวาส อมิตาพุทธ”
ครึ่งวันต่อมา ณ ห้องโถงใหญ่แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า
ลู่โจวมองไปที่แต้มบุญที่เหลืออยู่…
แต้มบุญ: 3,700
ลู่โจวสามารถซื้อการ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตได้ 1 ใบด้วยแต้มบุญที่มี
บางทีอาจเป็นเพราะพลังพิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์จึงทำให้การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตมีมูลค่าลดลงในสายตาของลู่โจว
ถ้าหากลู่โจวเผชิญหน้ากับศัตรูที่แม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่สามารถรับมือได้ การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตก็ยังจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขา แต่ในสถานการณ์ปกติ แต่การใช้การ์ดใบนี้ในสถานการณ์ธรรมดาไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับตัวเขาเลย
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,500”
เมื่อลู่โจวได้ยินเสียงการแจ้งเตือน ตัวเขาก็ได้แต่ลูบเคราพลางพยักหน้าไปด้วย ‘ยู่ฉางตงดูเหมือนจะรักความเป็นอิสระมากไปซะแล้ว เขาไม่ยอมที่จะเขียนจดหมายตอบกลับมาซะด้วยซ้ำ’
ลู่โจวไม่รู้เลยว่ายู่ฉางตงอยู่ไหนในตอนนี้ แต่เมื่อคิดถึงพลังวรยุทธที่ยู่ฉางตงมี ลู่โจวก็ตัดสินใจที่จะปล่อยให้ศิษย์คนนี้ไปก่อน ยิ่งยู่ฉางตงทำผลงานได้ดีเท่าไหร่ ตัวเขาก็จะได้แต้มบุญจากโลกภายนอกได้มากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วการที่จะไปสังหารผู้ที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อทั้งหมดด้วยตัวเองคงจะเป็นอะไรที่เสียเวลามากเกินไป สำหรับตัวเขาลู่โจวยังมีงานอีกหลายอย่างที่จะต้องดูแล
ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้เดินมาหา “ท่านอาจารย์ นักบวชจากวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ขอพบท่านครับ”