มีสิ่งสกปรกปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา นอกจากสิ่งสกปรกแล้วก็ยังมีพลังอะไรบางอย่างที่เหมือนกับหมอกสีดำลอยอยู่ที่ข้างตัว ไม่ว่าจะเดินผ่านไปที่ไหนต้นไม้ต้นไหน ต้นไม้ที่อยู่แถวนั้นก็จะเหี่ยวเฉาไป เมื่อเดินออกมาจากสุสานแห่งดาบชายคนนั้นก็ได้เดินต่อไปอย่างช้าๆ
มีผู้ฝึกยุทธขั้นมหาราชครูหลายคนได้บินมาหาชายคนนั้น เมื่อพวกเขาทั้งหมดลงสู่พื้นก่อนที่จะโค้งคำนับก็ได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง “ท่านเจ้าสำนัก ท่านเจ้าสำนัก! กะ…กะเกิดอะไรขึ้นกับท่านกัน?”
เหล่าสาวกที่มาถึงต่างก็เห็นผู้ที่เป็นเจ้าสำนักของตนอย่างจางหยวนฉานเปลี่ยนไป เป็นความจริงที่สำนักเที่ยงธรรมจะต้องหนีเอาชีวิตรอดหัวซุกหัวซุนไปวันๆ แต่นั่นก็ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทำให้จางหยวนฉานดูเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีสาวกผู้ซื่อสัตย์ติดตามอยู่จำนวนหนึ่ง
จางหยวนฉานได้เงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นตัวเขาก็ได้กะพริบตาอย่างเย็นชา จางหยวนฉานยกมือขวาขึ้น ในตอนนั้นเองอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนกับพลังในรูปหนวดปลาหมึกก็ได้ปรากฏออกมา พลังหนวดที่ว่าได้กระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
“ท่านเจ้าสำนัก…”
เหล่าสาวกสำนักเที่ยงธรรมไม่ทันได้ตั้งตัว คอของพวกเขาล้วนแต่ถูกพลังหนวดอันแปลกประหลาดบีบอัด มันได้ยกทุกคนให้ลอยเหนือพื้น สิ่งที่เหล่าสาวกจะทำได้มีเพียงการมองไปที่เจ้าสำนักอย่างจางหยวนฉานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสับสนเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปเหล่าสาวกก็ยิ่งจะหายใจได้ยากขึ้นเรื่อยๆ พลังหนวดได้บีบอัดคอของพวกเขา เหล่าสาวกที่ถูกจับตัวทำได้เพียงพยายามหาทางหายใจให้ได้เท่านั้น
“ท่านเจ้าสำนัก…ไม่ ไม่ ได้โปรด…”
แต่น่าเสียดายที่คำพูดเหล่านั้นส่งไปไม่ถึงจางหยวนฉาน ใบหน้าของตัวเขายังดูไร้อารมณ์และยังเย็นชาเช่นเดิม
เหล่าสาวกถูกยกขึ้นไปสูงขึ้น และสูงขึ้นไปอีก พลังของเหล่าสาวกพวกนั้นได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของจางหยวนฉานไป
ท้ายที่สุดแล้วจางหยวนฉานก็เปิดริมฝีปากที่แตกระแหงก่อนที่จะพูดออกมา “ดี…”
กร๊อก! กร๊อก! กร๊อก!
พลังหนวดบีบอัดคอของเหล่าสาวกมากขึ้นไปอีกจนท้ายที่สุดแล้วคอของพวกเขาก็ได้หักไป ไม่มีสาวกคนไหนจะรอดชีวิตไปได้
พลังชีวิตจากร่างกายของพวกเขาถูกหนวดพลังงานทั้งหลายดูดพลังไป ท้ายที่สุดแล้วร่างของเหล่าสาวกจากสำนักเที่ยงธรรมก็เริ่มที่จะเหี่ยวเฉาและน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก ซากศพที่ถูกดูดพลังไปจนหมดแล้วถูกวางลงบนพื้น
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาในหูของจางหยวนฉาน “อย่ามัวเสียเวลากับพวกอ่อนแอพวกนี้เลย”
จางหยวนฉานก้มหน้าลงก่อนที่จะพยักหน้า “ได้” ตัวเขาได้กลับมาจับเชือกเอาไว้ก่อนที่จะเดินหน้าต่อไปพร้อมกับลากซากศพไปด้วย ท้ายที่สุดแล้วจางหยวนฉานก็ได้หายตัวไปท่ามกลางหมู่ไม้
หลังจากที่เดินทางได้ช่วงเวลาหนึ่ง จางหยวนฉานก็เดินทางไปถึงทะเลสาบแห่งหนึ่ง ตัวเขายังคงลากซากศพติดตัวมาด้วย จางหยวนฉานได้หยุดเดินชั่วขณะก่อนที่จะใช้สายตาจ้องมองภูเขาจากในระยะไกล “ภู…เขา…ทอง”
เสียงสั่งการได้ดังขึ้นมาในหูของจางหยวนฉานอีกครั้ง “เดินต่อไปซะ ภูเขาทองไม่ใช่เป้าหมายของเจ้า”
“ได้” จางหยวนฉานได้ลากซากศพก่อนที่จะเดินทางต่อไป เส้นทางที่จางหยวนฉานเดินผ่านล้วนแต่กลายเป็นสถานที่ที่เหี่ยวเฉาไป ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณชนิดไหนพวกมันก็ล้วนแต่แห้งตาย ท้ายที่สุดแล้วจางหยวนฉานก็ได้หายไปจากส่วนปลายของทะเลสาบ
…
ในขณะเดียวกันเหนือทะเลสาบรอบๆ ป่า
ในตอนนั้นเองหญิงสาวชุดขาวก็ได้จ้องมองไปยังทิศทางที่จางหยวนฉานได้หายตัวไป “หุ่นเชิดอย่างงั้นหรอ?”
ยี่เทียนซินจ้องมองไปที่พื้นผิวทะเลสาบก่อนที่จะทอดสายตามองไปยังภูเขาทอง ในตอนนั้นเองใบหน้าของนางก็แสดงออกมาซึ่งความลังเล
…
วันรุ่งขึ้น มันเป็นวันที่หมู่เมฆสีเทามารวมตัวกัน และเพราะแบบนั้นทำให้บรรยากาศดูมืดมน
ที่แท่นบูชาหยกเขียวที่ดูเงียบสงบ มีใครบางคนกำลังยืนอยู่ที่ใจกลางแท่นบูชา ดวงตาของเขาปิดสนิท มือของตัวเขาได้จับไว้ที่ด้ามดาบของตัวเอง
“ท่านยู่ฉางตง ท่านไม่ควรที่จะรออยู่ที่นี่เลย ดินแดนของสำนักเที่ยงธรรมในตอนนี้ได้ตกเป็นของพวกเราสำนักอเวจีแล้ว จางหยวนฉานเป็นชายที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความขี้ขลาดเป็นไหนๆ ไม่มีทางเลยที่เขาจะปรากฏตัวออกมาแน่” สาวกสำนักอเวจีคนหนึ่งได้พูดกับยู่ฉางตงก่อนที่จะโค้งคำนับให้
ยู่ฉางตงไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา ตัวเขาได้ยิ้มจางๆ ก่อนที่จะตอบกลับไป “ไม่ต้องรีบร้อน”
“เอ่อ…”
ในตอนนั้นเองก็มีรอยดำปรากฏขึ้นท่ามกลางหมู่ไม้ห่างจากแท่นบูชาหยกเขียวไปหลายไมล์
“ท่านยู่ฉางตง ดูเหมือนว่าวันนี้ฝนจะตก ท่านเจ้าสำนักได้สั่งการให้ข้าดูแลท่านให้ได้อยู่สุขสบายมากที่สุด” หลังจากที่สังเกตการณ์อยู่นานสาวกสำนักอเวจีคนนี้ก็รู้ว่าดาบปีศาจไม่ใช่คนใจร้ายอะไร เพราะแบบนั้นเขาจึงตัดสินใจพยายามหาหนังสือดีๆ ให้กับยู่ฉางตง ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทั้งคู่ก็กลายเป็นสหายกัน ชายคนนี้รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นเพื่อนกับดาบปีศาจก คนทั่วทั้งโลกยุทธภพจะต้องอิจฉาเขาแน่
ในตอนนั้นเองยู่ฉางตงก็ได้พูดออกมา “ถอยไปซะ” ยู่ฉางตงไม่แม้แต่จะหันไปมองสาวกจากสำนักอเวจี เขาได้ระเบิดพลังเข้าใส่ในทันที
“ฮะ?”
ตู๊ม!
สาวกของสำนักอเวจีถูกพลังของยู่ฉางตงส่งออกไปจากแท่นบูชาหยกเขียว ในระหว่างที่ถูกส่งตัวออกมาในที่สุดเขาก็เชื่อในสิ่งที่เจ้าสำนักของตัวเคยพูดเอาไว้ ยู่ฉางตงเป็นคนที่น่ากลัวแม้ว่าจะดูอ่อนโยนก็ตาม
ในขณะเดียวกันยู่ฉางตงก็ได้มองไปยังป่าที่อยู่ตรงหน้า ดาบยืนยาวของตัวเขาได้สั่นไปมาในมือ ยู่ฉางตงไม่ได้รู้สึกกังวลหรือว่ากลัว บนใบหน้าของเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มจางๆ เช่นเดิม “คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างงั้นหรอ?”
ดาบยืนยาวได้สั่นสะเทือนอีกครั้ง มันได้สั่นสะเทือนราวกับว่าจะบอกอะไรกับผู้ที่เป็นเจ้าของมัน
“อืมมม น่าสนใจ…” ยู่ฉางตงเป็นคนที่มีนิสัยรักความท้าทายเป็นไหนๆ เขาเป็นผู้ที่ชื่นชอบการต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมือ หลังจากที่ได้สังหารคนในรายชื่อมามากมายยู่ฉางตงก็เริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมานิดหน่อย ยอดฝีมือที่เป็นเป้าหมายของตัวเขาล้วนแต่เป็นพวกอ่อนแอ
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่ดูแปลกประหลาดก็ทำให้ยู่ฉางตงรู้สึกสนใจขึ้นมา
ที่ป่าตรงหน้าต้นไม้เริ่มเหี่ยวเฉา ใบไม้เริ่มโปรยปราย
ไม่นานนักยู่ฉางตงก็ได้เห็นใบหน้าของจางหยวนฉาน ผมของเขายุ่งเหยิงใบหน้าดูสกปรกในขณะที่ดึงเชือกเส้นหนึ่งมาด้วย จางหยวนฉานได้ขยับเข้ามาใกล้ในชั่วพริบตา มันเป็นการเคลื่อนไหวไม่กี่ครั้งที่จางหยวนฉานใช้เดินทางจากด้านล่างของแท่นบูชาหยกเขียวเพื่อมาถึงตัวของยู่ฉางตงที่อยู่ด้านบน
มันเป็นภาพที่ดูแปลกตามาก แม้ว่าจะเป็นยู่ฉางตงแต่เขาก็ไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อน ภาพตรงหน้าเป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดที่ถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งสกปรกที่กำลังลากซากศพมาด้วย
ยู่ฉางตงที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในที่สุดชายผู้ลากศพมาด้วยก็ได้เงยหน้าขึ้นก่อนที่จะเปิดปากพูดออกมา “ยู่ฉางตง…ในที่สุด…พวกเราก็ได้…พบกัน” คำพูดของเขามันมีพลังแฝงอยู่
“จางหยวนฉานอย่างงั้นหรอ?” ยู่ฉางตงไม่คิดมาก่อนเลยว่าจางหยวนฉานจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ นี่มันเป็นอะไรที่แปลกประหลาดมาก
“เจ้าต้องการที่จะฆ่าข้า…”
“ใครก็ตามที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อของข้าจะต้องถูกดาบของข้าพรากวิญญาณไป” ยู่ฉางตงไม่ได้กลัวการปรากฏตัวของจางหยวนฉานเลย ตัวเขายังคงรักษาท่าทีที่เย็นชาเอาไว้เช่นเดิม
“ได้” จางหยวนฉานได้พูดออกมาด้วยความยากลำบาก ดวงตาของเขากลอกไปมา หลังจากนั้นจางหยวนฉานก็ได้หยุดนิ่งไป ดูเหมือนกับว่าเขากำลังเตรียมการอะไรบางอย่างอยู่นั่นเอง
ยู่ฉางตงสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่ดูแปลกประหลาดจากตัวจางหยวนฉาน ตัวเขาได้ยิ้มมากขึ้นก่อนที่จะพูดออกมา “น่าสนใจจริงๆ” ในที่สุดยู่ฉางตงก็ได้ใช้มือขวาของตัวเองชักดาบยืนยาวออกมา
ชิ๊ง!
ดาบยืนยาวถูกชักออกมาจากฝัก ที่ใบดาบไร้ซึ่งร่องรอยอะไรในตอนที่มันตื่น
ดาบพลังงานมากมายหลายอันเริ่มมาก่อตัวกันที่หน้าของยู่ฉางตง พวกมันได้บินวนรอบดาบยืนยาวของเขาไปมา นี่เป็นเพียงการทดสอบพลังฝีมือเท่านั้น ยู่ฉางตงไม่ได้สร้างดาบพลังงานให้ทรงพลังเลยแม้แต่น้อย
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ดาบพลังงานที่มารวมตัวกันได้พุ่งเข้าหาจางหยวนฉานโดยที่มีดาบยืนยาวเป็นตัวควบคุม
จางหยวนฉานที่เห็นดังนั้นไม่ได้คิดหนีเลยแม้แต่น้อย
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ดาบพลังงานทั้งหลายได้กระแทกไปที่ร่างของจางหยวนฉานก็ได้จะสลายหายไป แม้ว่าจะถูกการโจมตีเข้าไปเต็มๆ แต่จางหยวนฉานก็ไม่ได้ล้มลงเลย
มียอดฝีมือมากมายหลายคนจะต้องบาดเจ็บไปเพียงแค่ถูกการโจมตีเพียงครั้งเดียว ยู่ฉางตงมองไปที่ร่างของจางหยวนฉานที่กำลังยืนอยู่เช่นเดิม “นี่มันเวทมนตร์คาถาอย่างงั้นหรอ?”
“เจ้ามีดวงตาที่เฉียบคมจริงๆ …” จางหยวนฉานรู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในร่างกายของตัวเองได้ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังไม่เคลื่อนไหวอะไร ในตอนนี้เขามีโอกาสอยู่ไม่มากนัก ดังนั้นจางหยวนฉานจะต้องหาโอกาสที่ดีที่สุดในการฆ่ายู่ฉางตง
ดาบยืนยาวได้กลับมาและลอยอยู่ต่อหน้ายู่ฉางตง ตัวเขาได้มองไปที่ดาบยืนยาวก่อนที่จะพูดออกไป “ข้าหวังว่าเจ้าจะทำให้ดาบของข้าพอใจได้ก็แล้วกัน” ยู่ฉางตงที่พูดจบได้ผลักตัวออกจากพื้นเบาๆ ตัวเขาได้บินขึ้นสูงจนอยู่เหนือแท่นบูชาหยกเขียวที่สูงตระหง่านท่ามกลางหมู่เมฆ