ซู่ฮ่องกงได้ออกจากห้องมาพร้อมกับโจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์จากผู้เป็นอาจารย์ที่ถืออยู่ในมือ
เมื่อซู่ฮ่องกงได้บอกกับลู่โจวว่าตัวเขาได้รับข้อมูลมา ลู่โจวก็ได้แต่คิดสงสัย สีวู่หยาจะไม่มีวันปล่อยให้ข้อมูลอะไรรั่วไหลออกมาได้ถ้าหากเขาไม่ต้องการ ทั้งหรงซีและหรงเป่ยต่างก็มีพื้นที่กว้างขวาง แล้วตัวเขาจะเริ่มมองหาคริสตัลแห่งความทรงจำได้อย่างไรกัน?
ลู่โจวกลับไปที่ห้องโถงก่อนที่จะนั่งทำสมาธิบนที่นั่ง ตัวเขาพยายามนึกถึงความทรงจำที่มี ความทรงจำของจีเทียนเด๋า ลู่โจวพยายามที่จะหาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคริสตัลแห่งความทรงจำ แต่น่าเสียดาย ความพยายามทั้งหมดของตัวเขาก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
“มีอะไรถูกผนึกอยู่ในนั้นกันแน่? จะใช่ความลับของจีเทียนเด๋าในการฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นที่เก้าไหม? หรือจะเป็นอะไรอย่างอื่นกัน?”
เมื่อลู่โจวมีเวลาว่าง ตัวเขาก็นึกถึงสิ่งที่ขาดหายไปเกี่ยวกับความทรงจำของตัวเอง สิ่งแรกที่ลู่โจวคิดถึงก็คือระบบของจีเทียนเด๋า บางทีระบบที่ตัวเขาได้ใช้งานอยู่ในตอนนี้อาจจะเชื่อมต่อกับจีเทียนเด๋าตั้งแต่ที่ตัวของลู่โจวข้ามมิติมายังโลกใบนี้ อย่างที่สองมันเป็นความทรงจำที่เกี่ยวกับเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ เคยมีเรื่องราวของอัครมเหสีที่ลู่โจวได้รับรู้มา นางได้ใช้เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ในการรักษาอาการบาดเจ็บของตัวนางเอง อย่างที่สามก็คือความตั้งใจเดิมของจีเทียนเด๋า ความตั้งใจที่จะสังหารยู่ฉางตงผู้เป็นศิษย์ของตัวเอง เรื่องนี้หลุดออกมาจากปากของยู่ฉางตงด้วยตัวเองที่วิหารเมฆา ส่วนอย่างที่สี่ก็คือความทรงจำของจีเทียนเด๋าก่อนที่ตัวเขาจะเสียชีวิตไป เป็นไปได้สูงที่คนคนหนึ่งจะสูญเสียความสามารถทางความคิดไปในขณะที่ใกล้ตาย บางทีมันอาจทำให้จีเทียนเด๋าสูญเสียความทรงจำไปก็ได้ จีเทียนเด๋าก็ไม่ต่างอะไรกับชายชรา มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะเป็นแบบนั้น
ถ้าหากลู่โจวต้องการที่จะค้นหาคริสตัลแห่งความทรงจำ ตัวเขาก็มีแต่จะต้องสั่งสอนสีวู่หยาให้ดี เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ตัวเขาก็ได้แต่ส่ายหัว
หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็ได้สละความคิดเรื่องอื่นก่อนที่จะคิดไปถึงชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ส่วนสุดท้าย…
“รวมเคล็ดวิชาซะ”
“ติ้ง! รวบรวมเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์เล่มใหม่สำเร็จ ต้องการที่จะทำความเข้าใจเลยไหม?”
“ทำความเข้าใจเลย” ลู่โจวได้ตอบกลับจากภายในใจ ในที่สุดชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ส่วนที่สี่ก็ถูกหลอมรวมสำเร็จ มันได้สลายหายไปก่อนที่จะซึมซับเข้าสู่ร่างกายของลู่โจว เมื่อหลับตาลู่โจวก็พบกับแสงสีฟ้าจางๆ ที่กำลังเข้าสู่จิตใจ ตัวเขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาในทันที เส้นพลังลมปราณทั้งแปดรวมไปถึงอวัยวะต่างๆ ต่างก็รู้สึกได้เช่นกัน
ลู่โจวรู้สึกงุนงง ความรู้สึกในการทำสมาธิเพื่อที่จะทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ในครั้งนี้แตกต่างจากการทำสมาธิครั้งไหนๆ ตัวเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเส้นพลังลมปราณทั้งแปดรวมไปถึงร่างกายของตัวเขากำลังทำงานได้ดีกว่าเดิม
ระหว่างการทำสมาธิลู่โจวก็ได้เปิดเมนูระบบขึ้นมา
อายุขัย: 12,754 วัน
‘อายุขัยเพิ่มขึ้นกว่า 3,000 วัน?’ อายุขัยที่เพิ่มขึ้นมันเทียบได้กับการใช้การ์ดพลังชีวิตได้ถึง 10 ใบ
‘นับว่าเป็นรางวัลที่ไม่เลวเลย’
เป็นครั้งแรกที่ลู่โจวได้รับอายุขัยจากวิธีการอื่นนอกเหนือจากการใช้การ์ดวิเศษ นอกจากนี้มันยังมอบเบาะแสอันมีค่าสำหรับตัวเขาอีกด้วย แม้แต่ผู้ที่ใกล้จะถึงขีดจำกัดเต็มทีก็ยังสามารถอายุขัยได้ ถ้าหากจะให้พูดอีกนัยหนึ่งมีความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะมีใครมีอายุขัยข้ามผ่านขีดจำกัดที่ 1,000 ปีไปได้
ลู่โจวได้เปิดเมนูระบบก่อนที่จะเริ่มทำสมาธิใหม่
จากประสบการณ์ในก่อนหน้านี้ตัวเขาจะได้รับพลังใหม่จากการทำความเข้าใจชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ในทุกๆ ชิ้น ตัวเขาตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้รับพลังใหม่เช่นเดียวกัน
…
ซู่ฮ่องกงได้วิ่งไปที่หลังภูเขาอย่างสบายใจพร้อมกับกระดาษที่อยู่ในมี ไม่นานตัวเขาก็เดินมาถึงถ้ำแห่งเงาสะท้อน “ศิษย์พี่เจ็ด!”
สีวู่หยากำลังพักผ่อนโดยการหลับตาในขณะที่นั่งหลังตรงอยู่ภายในถ้ำ ตัวเขาไม่ได้สนใจแม้แต่จะไตร่ตรองคำถามที่ผู้เป็นอาจารย์ได้ทิ้งเอาไว้ สีวู่หยาที่ได้ยินเสียงรบกวนได้ตอบรับกลับมา “อะไรกัน?”
“นี่ของท่าน” ซู่ฮ่องกงได้เข้าไปในถ้ำก่อนที่จะส่งกระดาษที่ถือมาให้กับสีวู่หยาไป
สีวู่หยารับมันเอาไว้ก่อนที่จะเริ่มอ่าน
“มีไก่ฟ้าและกระต่ายจำนวนหนึ่งถูกล้อมคอกอยู่ พวกมันทั้งหมดมีหัว 350 หัวและมีขาทั้งหมด 940 ข้าง ภายในคอกที่ถูกล้อมเอาไว้มีไก่ฟ้าและกระต่ายทั้งหมดกี่ตัว?”
ซู่ฮ่องกงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ถามออกมา “ศิษย์พี่เจ็ด นี่มันคืออะไรกัน?”
สีวู่หยาไม่ได้สนใจอะไรศิษย์น้องคนนี้ คำถามนี้ได้ดึงดูดความสนใจของตัวเขาทั้งหมดไปแล้ว ตัวเขาเริ่มหมกมุ่นอยู่กับคำถาม จิตใจและสมองของสีวู่หยาเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว
ซู่ฮ่องกงรู้ดีว่าสีวู่หยากำลังใช้สมาธิอยู่ ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นจึงไม่กล้าที่จะรบกวนอีก ดังนั้นตัวเขาจึงเลือกที่จะรออยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ แทน เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงตัวเขาก็ได้นอนหลับไป เมื่อซู่ฮ่องกงลืมตาตื่นขึ้นท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
สีวู่หยาเองก็กลับมามีสติเช่นกัน “ศิษย์น้องแปด…ศิษย์น้องแปด?”
“ข้าอยู่ที่นี่แล้วศิษย์พี่…” ซู่ฮ่องกงเหยียดแขนในขณะที่หาวอยู่
“เจ้ากลับไปพักผ่อนซะเถอะ ข้าจะให้คำตอบเจ้าในยามเช้าเอง”
“อืม” ซู่ฮ่องกงพยักหน้าตอบรับก่อนที่จะออกจากถ้ำแห่งเงาสะท้อนไป พอออกมาจากถ้ำซู่ฮ่องกงก็ได้แต่หันกลับไปมอง ‘ศิษย์พี่เจ็ดคงจะเสียสติไปแล้วแน่ นี่มันก็แค่คำถามโง่ๆ ทำไมเขาถึงต้องใช้ความคิดให้นานขนาดนั้นกัน?’
…
เช้าวันรุ่งขึ้น
ลู่โจวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ ตัวเขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าและรู้สึกสบายใจอย่างที่หาคำบรรยายไม่ได้
บางทีมันอาจจะเป็นเพราะชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ชิ้นใหม่ ลู่โจวเองมีการเปลี่ยนแปลงของรูปลักษณ์ภายนอกไปด้วย ตัวเขามองไปที่เคราสีเงินของตัวเอง ในตอนนี้ผมและเคราเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีดำมากยิ่งขึ้น ถ้าหากเปรียบเทียบรูปลักษณ์ของลู่โจวในตอนที่ตัวเขาเพิ่งมาที่นี่ได้ใหม่ๆ กับในตอนนี้ รูปลักษณ์ของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ถ้าหากเทียบการเปลี่ยนแปลงกับเมื่อวาน มันแทบที่จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก
“ติ้ง! ชี้แนะสีวู่หยา ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”
‘หืม โจทย์ปัญหานั่นมันใช้ได้ผลอย่างงั้นเหรอ?’ ลู่โจวลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะ ตัวเขาหยิบพู่กันขึ้นมาก่อนที่จะเริ่มขีดเขียนอีกครั้ง
เสียงพู่กันที่ถูกขีดเขียนลงบนกระดาษได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อเขียนเสร็จลู่โจวก็ได้เรียกตัวซู่ฮ่องกงให้มาหา
“ท่านอาจารย์” ซู่ฮ่องกงทักทายลู่โจวอย่างกระตือรือร้น
“เข้ามา”
ซู่ฮ่องกงได้เดินเข้ามา ตัวเขาเห็นผู้เป็นอาจารย์เพิ่งจะวางพู่กันลงบนโต๊ะ ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่เจ็ดไม่สามารถที่จะไขปริศนาของท่านได้เลยแม้ว่าตัวเขาจะใช้เวลาตลอดทั้งวันทั้งคืนก็ตาม ข้าเห็นรอบคล้ำรอบขอบตาของเขาในตอนที่ข้าเพิ่งจะจากเขามา!”
ลู่โจวประหลาดใจเล็กน้อย จากสิ่งที่ตัวเขารวบรวมจากความทรงจำของจีเทียนเด๋าได้ ความคิดในเรื่องของคณิตศาสตร์ภายในโลกใบนี้ไม่ได้รุดหน้าแม้แต่น้อย คนที่นี่ไม่มีทางที่จะหาทางแก้ไขโจทย์ปัญหาเหล่านี้ได้เหมือนกับคนในโลกของลู่โจว อย่างไรก็ตามการสร้างโจทย์ปัญหาก็ไม่ควรที่จะสร้างให้กับสีวู่หยาให้มากเกินไป ทำไมสีวู่หยาถึงไม่สามารถแก้ไขโจทย์ปัญหาได้กัน?
“เอากระดาษบนโต๊ะไปให้เจ้านั่นซะ”
“ได้ครับท่านอาจารย์”
“คำตอบของคำถามก่อนหน้านี้และคำถามใหม่จะอยู่ในกระดาษแผ่นนั้น”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ซู่ฮ่องกงได้ออกจากศาลาทางตะวันออกไปพร้อมกับคำตอบและคำถามชุดใหม่ ตัวเขาได้เดินทางมาถึงถ้ำแห่งเงาสะท้อนหลังจากที่ใช้เวลาไปครู่หนึ่ง เมื่อเข้าไปในถ้ำแห่งเงาสะท้อนตัวเขาก็เห็นสีวู่หยาอยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่
“ช่างเป็นคำถามที่น่าสนใจจริงๆ!”
“ศิษย์พี่!” ซู่ฮ่องกงทักทายสีวู่หยา
สีวู่หยาหันกลับมาก่อนที่จะคว้าตัวของซู่ฮ่องกงเอาไว้ “ท่านอาจารย์เป็นผู้ที่คิดคำถามนี้ขึ้นมาจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?”
“แน่นอน ข้าเห็นเขาเขียนมันขึ้นมากับตาของตัวเอง” ซู่ฮ่องกงได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ
สีวู่หยาที่ได้ฟังคำยืนยันตกใจเล็กน้อย “ท่านอาจารย์ไม่ทุบตีข้าแถมยังใช้ปริศนาแทน…”
ซู่ฮ่องกงที่ได้ฟังแบบนั้นไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมา
สีวู่หยาได้ตระหนักอะไรบางอย่างกับสิ่งที่เพิ่งจะพูดไป ตัวเขารีบพูดเสริมมาอย่างรวดเร็ว “โชคยังดีที่ข้าสามารถไขปริศนาได้ในชั่วข้ามคืน”
“น่าทึ่งมากศิษย์พี่เจ็ด!” ซู่ฮ่องกงยกนิ้วให้
“มันก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอก” ถ้าหากจะให้สีวู่หยาพูดตามตรง ตัวเขาก็ไม่พอใจเท่าไหร่กับวิธีการแก้ปริศนาของตัวเอง แม้ว่าปริศนามันจะฟังดูง่ายๆ แต่ตัวเขาก็กลับใช้เวลาในการไขปริศนาตลอดทั้งคืน สีวู่หยาเคยคิดที่จะใช้แม้แต่วิธีการที่ดูโง่เขลามากที่สุด ตัวเขาคิดที่จะนับสัตว์ทุกตัวด้วยตัวเอง ท้ายที่สุดแล้ววิธีการนั้นก็ยังรวดเร็วกว่าสิ่งที่ตัวเขาได้ทำลงไป
“นี่ของท่าน” ซู่ฮ่องกงได้ส่งกระดาษให้กับสีวู่หยาอีกครั้ง
สีวู่หยาดูสภาพไม่สู้ดีเล็กน้อยในก่อนหน้านี้ แต่เมื่อตัวเขาเห็นปริศนาใหม่ที่จะต้องไข ตัวเขาก็กลับมามีพลังขึ้นมาอีกครั้ง ตัวเขาได้อ่านออกเสียงสิ่งที่เขียนในกระดาษขึ้นมา “มีกระต่าย 120 ตัวและไก่ฟ้าอีก 230 ตัว”
สีวู่หยาตกใจ “ท่านอาจารย์ก็รู้คำตอบอย่างงั้นเหรอ?” สีวู่หยาเองก็ได้คำตอบเดียวกัน แม้ว่าตัวเขาจะไขโจทย์ปัญหาได้แต่ตัวเขาก็ไม่ได้มีความสุขเลย
ซู่ฮ่องกงได้ตอบรับกลับมา “ในเมื่อท่านอาจารย์เป็นผู้ที่คิดคำถามขึ้นมา เป็นเรื่องธรรมดาที่ตัวเขาจะต้องรู้คำตอบอยู่แล้วนิศิษย์พี่”
สีวู่หยาอ่านต่อ “มีของจำนวนหนึ่งที่ไม่มีใครทราบจำนวนของมัน ถ้าหากนับได้สามมันจะเหลือเพียงสอง ถ้าหากนับได้ห้ามันก็จะเหลือเพียงสาม และถ้าหากนับได้เจ็ดมันก็จะเหลือสอง ของที่ว่ามามีทั้งหมดกี่ชิ้นกันแน่?”
สีวู่หยาที่อ่านคำถามจบขมวดคิ้วอย่างหนัก ปริศนานี้มีความคล้ายคลึงกับปริศนาในก่อนหน้านี้มาก