My Disciples Are All Villains – ตอนที่ 417

ตอนที่ 417

ในทุกๆ แง่ดาบปีศาจยู่ฉางตงก็คืออัจฉริยะผู้ใช้ดาบที่หาตัวได้ยากนักในโลกแห่งการฝึกตน ไม่ว่าจะเป็นหวังไฮเฉาทาสแห่งดาบ, ปรมาจารย์หวังยอดฝีมือผู้ใช้ดาบอันดับหนึ่งแห่งลัทธิเต๋าจากมณฑลชิง, เย่วเฉิงตรงจักรพรรดิดาบแห่งดินแดนลั่วหลาน ทุกๆ คนที่ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือต่างก็ถูกยู่ฉางตงจัดการ

มีผู้ฝึกฝนตนจำนวนมากที่ชื่นชอบในการฝึกฝนยุทธควบคู่ไปกับดาบ แต่ถึงแบบนั้นการที่จะหาสุดยอดฝีมือได้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก

ยู่ฉางตงรู้ดีว่าตัวเขาในตอนนี้กำลังได้พบกับอะไร ตัวเขาสัมผัสได้ว่าพลังอวตารของตัวเองกำลังเพิ่มความสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ที่ด้านล่างพลังอวตารยังคงมีพลังส่องประกายออกมา พลังที่ว่าทำให้เกิดช่องว่างเล็กๆ ขึ้น ไม่นานนักพลังอวตารของตัวเขาก็ส่งเสียงสะท้อนออกมา

หวืออ! หวืออ! หวืออ!

ยู่ฉางตงในตอนนี้ดูสงบลงมากว่าเดิมเมื่อเทียบกับในตอนที่ผลิกลีบดอกบัวแรก ตัวเขามั่นใจมากว่าจะสามารถฝึกฝนตนจนไปถึงขั้นที่แปดได้แม้ว่าจะไม่มีดอกบัวทองคำอยู่แล้วก็ตาม ในตอนนี้มันขึ้นอยู่กับเวลาเพียงเท่านั้น

พลังเริ่มเอ่อล้นมาที่ตัวของยู่ฉางตงเพิ่มมากขึ้น…

ตู๊ม!

เสียงระเบิดพลังงานได้ดังขึ้น ในตอนนี้พลังอวตารของยู่ฉางตงได้ขยายใหญ่ขึ้นแล้ว มันเป็นพลังอวตารกลีบดอกบัวสองกลีบที่มีความสูงถึง 20 ฟุต เมื่อพลังอวตารของตัวเขาขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น เป็นเรื่องธรรมดาที่พลังอวตารเดิมจะไม่อาจเก็บสะสมพลังที่มีเพิ่มขึ้นได้อีกต่อไป โชคดีที่พลังอวตารถูกสร้างขึ้นมาจากพลังลมปราณ ในตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่ายู่ฉางตงแล้วว่าตัวเขาต้องการที่จะใช้พลังอวตารเพื่อทำอะไร

ตู๊ม!

พลังลมปราณของยู่ฉางตงได้เข้ากระแทกกับกำแพงก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่สภาวะปกติ

ยู่ฉางตงยกมือขึ้นมาพร้อมกับปล่อยพลังลมปราณห่อหุ้มมือเอาไว้ พลังที่อยู่รอบตัวของยู่ฉางตงได้เปล่งประกายแสงสีทองออกมาอีกครั้ง ยู่ฉางตงยังอยากที่จะศึกษาเรื่องของสุสานเมลิล็อตให้มากกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่ตัวเขาไม่อาจที่จะอยู่ในสุสานเล็กๆ แบบนี้ได้ไปตลอด ท้ายที่สุดแล้วถ้าหากยังอยู่ที่นี่ยู่ฉางตงเองก็คงจะแห้งเหี่ยวเหมือนกับบรรพบุรุษของตน

ชนชั้นสูงผู้ที่มีช่วงชีวิตที่สั้นไม่เคยที่จะละทิ้งความพยายามในการแสวงหาชีวิตที่ยืนยาว มันเป็นเรื่องที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ มีบางครั้งที่ยู่ฉางตงเองก็ดูแคลนความคิดเห็นเหล่านั้น ตัวเขาคิดว่าความตายเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรชีวิต ยังไงซะทุกคนล้วนแต่ต้องตาย แต่ในที่สุดยู่ฉางตงก็ตระหนักได้ถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่

ยู่ฉางตงได้เรียกพลังอวตารร้อยวิถีของตนออกมาอีกครั้ง

หวืออ!

พลังอวตารที่ไร้ซึ่งดอกบัวทองคำได้ลอยอยู่ต่อหน้ายู่ฉางตง มันมีกลีบดอกบัวทั้งหมดสองกลีบล้อมรอบพลังอวตาร เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ยู่ฉางคงได้กลายเป็นผู้ที่มีพลังอวตารขั้นที่สองแล้ว

ยู่ฉางตงที่เห็นแบบนั้นก็ได้ยิ้มออกมา “เป็นไปด้วยดีสินะ”

การผลิกลีบดอกบัวกลีบแรกเป็นเหมือนกับการเดิมพันอนาคตของตนไว้บนความไม่แน่นอน แต่ในตอนนี้กลีบดอกบัวกลีบที่สองได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว มันเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าพลังอวตารที่ไร้ซึ่งดอกบัวทองคำก็ยังสามารถฝึกฝนต่อไปได้ ยู่ฉางตงได้มองลงมา ในตอนนี้ตัวเขาพยายามที่จะเรียกดาบยืนยาวให้มาหา ยู่ฉางตงได้ยกมือขึ้นก่อนที่จะเริ่มโคจรพลัง

พรึ๊บ!พรึ๊บ!พรึ๊บ!

ดาบยืนยาวสั่นไปมาเล็กน้อยก่อนที่จะนิ่งสนิทไปอีกครั้ง

“ยังไม่พอจริงๆ ด้วยสินะ” ยู่ฉางตงได้นั่งลงก่อนที่จะเริ่มทำสมาธิอีกครั้ง เมื่อผลิกลีบดอกบัวออกมาได้ เป็นธรรมดาที่การจะผลิกลีบดอกบัวกลีบต่อไปจะยิ่งยากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่สำหรับยู่ฉางตงยังไงซะตอนนี้ตัวเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น มีเพียงการเพิ่มระดับพลังวรยุทธของตัวเองต่อไปเท่านั้นที่ยู่ฉางตงจะสามารถทำได้ภายในสุสาน

“ศิษย์พี่รอง?” มีเสียงของใครบางคนดังถึงหูของยู่ฉางตง มันเป็นเสียงที่มาจากทางด้านนอกหุบเขา มันฟังดูทั้งแผ่วเบาและยังดูห่างไกล เสียงที่ได้ยินถูกผสมเข้ากับเสียงพายุหิมะ ถ้าหากยู่ฉางตงไม่ได้มีสมาธิที่มากพอเป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวเขาจะได้ยินเสียงนี้

หูของยู่ฉางตงกระตุก ตัวเขาได้ใช้พลังลมปราณก่อนที่จะแผ่กระจายคลื่นเสียงของตน “ศิษย์น้องหกอย่างงั้นเหรอ?”

“ศิษย์พี่รอง เป็นท่านจริงๆ ด้วย”

พายุหิมะยังคงโหมกระหน่ำอยู่ที่ด้านนอกของหุบเขาวู่เซียน ภูเขาและต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดต่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ยี่เทียนซินในตอนนี้กำลังลอยอยู่เหนือหุบเขา นางกำลังลอยอยู่ท่ามกลางหิมะในชุดคลุมสีขาวเช่นเคย

ยู่ฉางตงรู้สึกประหลาดใจ ตัวเขาได้แผ่ขยายคลื่นเสียงของตนอีกครั้ง “ศิษย์น้องหก ที่แห่งนี้เป็นสถานที่อันห่างไกล ทำไมเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้กัน?”

สีหน้าของยี่เทียนซินเต็มไปด้วยความยินดี นางได้หันไปมองหุบเขาวู่เซียนก่อนที่จะพูดออกมา “ข้ากำลังเดินทางไปรอบๆ ดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่ก็เพื่อที่จะหาเฉินกวาง ในตอนที่ข้ากำลังมุ่งหน้าไปยังทางตะวันตกเฉียงเหนือของโมเป่ย…ข้าก็ได้ยินคนที่นี่พูดถึงหุบเขาวู่เซียน ข้ายังจำได้ว่าท่านเคยพูดถึงหุบเขานี้มาก่อน ข้าก็เลยตัดสินใจที่จะแวะมา นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ที่จะได้พบกับศิษย์พี่แบบนี้”

ยู่ฉางตงยิ้มออกมาก่อนที่จะถามกลับไป “แล้วเจ้าหาเฉินกวางเจอรึยังล่ะ?”

“มันไม่ง่ายเลยศิษย์พี่” ยี่เทียนซินมองไปที่หุบเขาวู่เซียนก่อนที่จะพูดต่อ “ศิษย์พี่รอง ข้าสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังลมปราณก่อนหน้านี้ มันเป็นเหมือนกับพลังออร่าที่ได้สังหารจางหยวนฉานบนแท่นบูชาหยกเขียวในก่อนหน้านี้ แม้ว่าพลังจะดูคล้ายกันแต่มันกลับดูอ่อนพลังกว่าเดิมมาก มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” ที่ยี่เทียนซินรู้ว่ายู่ฉางตงอยู่เป็นเพราะนางสัมผัสได้ถึงพลังของผู้ที่เป็นศิษย์พี่ได้ ท้ายที่สุดแล้วยี่เทียนซินจึงพยายามลองเรียกดูก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางจากไป

ยู่ฉางตงได้ตอบกลับมาอย่างใจเย็น “ข้าได้ตัดดอกบัวทองคำของตัวเองไป ในตอนนี้ข้าต้องฝึกฝนตัวเองทั้งหมดใหม่อีกครั้ง”

ยี่เทียนซินที่ได้ฟังแบบนั้นตื่นตกใจ นางได้ถามออกมาอย่างลังเล “ศิษย์พี่รอง…ท่านตัดดอกบัวทองคำ…ดอกบัวทองคำของพลังอวตารร้อยวิถีอย่างงั้นเหรอ?”

“ดอกบัวทองคำของข้าถูกพลังเวทมนตร์คาถามา ดังนั้นมีแต่จะต้องตัดมันออกเท่านั้น ทุกอย่างในตอนนี้ยังคงเป็นไปได้ด้วยดี” น้ำเสียงของยู่ฉางตงฟังดูไม่สะทกสะท้านอะไร

“ข้าจะพาท่านออกไปจากที่นี่เอง” ยี่เทียนซินได้ปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมา คลื่นพลังลมปราณได้เปลี่ยนเป็นคลื่นพลังงานก่อนที่จะกระทบเข้ากับหุบเขาวู่เซียน

ตู๊ม!

พลังจากเคล็ดวิชาคลื่นนภาได้ระเบิดหินขนาดใหญ่ที่มีความแข็งดุจดั่งเหล็กกล้า

“ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นหรอก” ยู่ฉางตงได้หยุดยี่เทียนซินเอาไว้ซะก่อน

“ทำไมกันล่ะศิษย์พี่?”

“ข้าอยากที่จะฝึกฝนตนอยู่ในสุสานเมลิล็อตต่อไป…ในตอนนี้มันคงไม่ปลอดภัยสำหรับข้าแน่ถ้าหากจะต้องออกมา” ยู่ฉางตงพูด สิ่งที่ตัวเขาพูดออกมาเป็นความจริง ในเวลาที่ผ่านมายู่ฉางตงได้สร้างศัตรูมากมายในโลกยุทธภพ ทุกๆ คนที่ยู่ฉางตงเป็นศัตรูด้วยล้วนแต่เป็นผู้มีอำนาจหรือไม่ก็ยอดฝีมือ มันคงจะต้องพบกับอันตรายแน่ถ้าหากยู่ฉางตงออกไปตอนนี้ มันคงจะดีกับยู่ฉางตงมากกว่าที่ตัวเขาจะใช้เวลาอยู่ในสุสานเพื่อฝึกฝนตนต่อไป ถ้าหากเป็นแบบนี้ไม่นานตัวเขาจะต้องกลายเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดได้อีกครั้งแน่!

ยี่เทียนซินส่ายหัวออกมาพลางถอนหายใจไปด้วย “ทั่วทั้งยุทธภพกำลังพูดถึงวิธีการแยกดอกบัวทองคำออกจากร่างอวตารของตัวเอง ศิษย์พี่รอง ท่านควรจะอดทนรอให้มากกว่านี้! ท่านประมาทเกินไปแล้วจริงๆ”

“แยกดอกบัวทองคำอย่างงั้นเหรอ?” ยู่ฉางตงที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกแปลกใจ “ข้าไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน วิธีการนี้มันเผยแพร่ไปในยุทธภพได้ยังไงกัน?”

ยี่เทียนซินเล่าถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นและข่าวลือที่ถูกพูดกันให้ทั่ว

ยู่ฉางตงที่ได้ฟังแบบนั้นตกใจเป็นอย่างมาก “ถ้าหากแยกดอกบัวทองคำออกมาได้คนคนนั้นก็จะมีโอกาสฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นที่เก้าได้?”

“ถูกต้อง ศิษย์พี่”

“ข้าในตอนนี้ได้แยกดอกบัวทองคำออกมาจากพลังอวตารของตัวเองได้แล้ว แต่ข้าไม่เคยบอกใครมาก่อนเลยว่าตัวข้าจะฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นที่เก้าได้ด้วยวิธีนี้…ยังไงซะนั่นก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้นศิษย์น้องหญิง” ที่ยู่ฉางตงแยกดอกบัวทองคำเป็นเพราะพลังอวตารของตัวเขาถูกพลังเวทมนตร์คาถามา ตัวเขาไม่ได้ตั้งใจเลยที่จะแยกดอกบัวทองคำเพื่อฝึกตน

“ศิษย์พี่รอง แล้วทำไมท่านไม่ได้บาดเจ็บเลยล่ะ?” ยี่เทียนซินถามออกมาอย่างสับสน นางรู้สึกละอายใจจริงๆ ที่ศิษย์พี่ต้องบาดเจ็บทั้งๆ ที่นางอยู่ด้วย

“เรื่องมันยาวน่ะ มันไม่ได้สำคัญอะไรหรอก”

“…” เป็นเพราะยู่ฉางตงไม่ต้องการที่จะพูดเรื่องนี้ ดังนั้นยี่เทียนซินจึงไม่อยากถามเซ้าซี้ต่อ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ไม่กล้าที่จะถามถึงวิธีการแยกดอกบัวทองคำอีกด้วย

ในช่วงสามวันต่อมา ยี่เทียนซินยังคงอยู่ใกล้กับหุบเขาวู่เซียน นางได้สนทนากับยู่ฉางตงอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าพลังวรยุทธของยู่ฉางตงจะด้อยกว่ายี่เทียนซิน แต่ในตอนนี้ยู่ฉางตงก็ยังคงมีประสบการณ์มากกว่านางอยู่ดี ตลอดเวลาที่ผ่านมายี่เทียนซินยอมถ่อมตัวเพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากศิษย์พี่คนนี้ ยี่เทียนซินได้เรียนรู้อะไรไปได้มากจริงๆ

ในวันที่สี่ยี่เทียนซินตั้งใจที่จะวางแผนจากลากับยู่ฉางตง นางจะมุ่งหน้าไปยังทางตะวันตกต่อ

เมื่อยู่ฉางตงได้ยินว่ายี่เทียนซินกำลังจะจากไป ยู่ฉางตงก็รีบพูดอะไรออกมา “ศิษย์น้องหก เจ้าช่วยเอาของสิ่งหนึ่งกลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าแทนข้าจะได้ไหม?” ยู่ฉางตงยกฝ่ามือขึ้นมา พลังลมปราณของตัวเขาได้นำพาชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ออกมาจากสุสานเมลลิล็อต

ยี่เทียนซินสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณ นางรีบกระโดดไปกลางอากาศก่อนที่จะคว้าของสิ่งนั้นไว้ เมื่อพลังลมปราณของยู่ฉางตงจางหายไป ยี่เทียนซินก็รีบเปิดของสิ่งนั้นขึ้น ทันใดนั้นชิ้นส่วนที่เหมือนกับม้วนคัมภีร์ก็ได้หลุดออกมา ยี่เทียนซินที่เห็นแบบนั้นก็ได้ถามออกมา “ศิษย์พี่รอง นั่นมันอะไรกัน?”

ยู่ฉางตงได้ยินเสียงของยี่เทียนซินอย่างชัดเจน ตัวเขาได้มองไปยังแสงสว่างที่อยู่ภายในสุสานเมลิล็อต แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลแต่ยู่ฉางตงก็ยังมองเห็นเงาของผู้เป็นศิษย์น้องได้อย่างชัดเจน “มันเป็นของท่านอาจารย์”

“ข้าเข้าใจแล้ว…ข้าจะนำของสิ่งนี้กลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าเอง” ยี่เทียนซินตอบกลับมา

“ขอบคุณมากศิษย์น้อง”

“ไม่จำเป็นจะต้องขอบคุณข้าหรอกศิษย์พี่ ข้าได้เรียนรู้อะไรหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างจากท่านจริงๆ” ยี่เทียนซินได้โค้งคำนับให้กับยู่ฉางตงกลางอากาศ

คราวนี้ยู่ฉางตงไม่ได้ตอบกลับมา ตัวเขาเลือกที่จะปิดตาลงเท่านั้น

การปรากฏตัวของยี่เทียนซินได้ทำให้ยู่ฉางตงย้ำคิดถึงอะไรบางอย่าง แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะอยู่ห่างไกล แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มียอดฝีมือใกล้เข้ามาได้ คลื่นพลังที่มาจากการฝึกตนของยู่ฉางตงอาจจะดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือบางคนเมื่อใดก็ได้

ยี่เทียนซินได้เก็บม้วนคัมภีร์ไปก่อนที่จะเดินทางต่อ นางตั้งใจที่จะเดินทางกลับไปทางใต้ก่อนที่จะเดินทางต่อไปที่ทิศตะวันตก

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains

เรื่องย่อ

ลู่โจว ชายคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลและพบว่าตัวเขานั้นกำลังอยู่ในร่างกายของใครบางคนอยู่ เขาคนนี้กำลังอยู่ในร่างกายของปรมาจารย์ผู้ชั่วร้ายนามว่าจีเทียนเด๋า

ชายคนนี้เป็นผู้ที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของโลกใบใหม่นั่นเอง! แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น ร่างกายของจีเทียนเด๋าผู้นี้นั้นแก่ชราเกินไป

พลังวรยุทธ์ทั้งหมดที่เคยมีเองยังสูญหายไปอีกด้วย นี่ฉันจะต้องกลายเป็นคนแก่ไร้ค่าไปแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท