ตอนที่ 500 เทียนกูว
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ลานนี้ได้เอามือกุมอกในขณะที่โบกมือ ตัวเขาได้แต่โทษตัวเองเท่านั้นที่ไม่ทันได้อธิบายอะไรก่อนที่จะแสดงโลงศพขึ้นมา การกระทําเช่นนี้ในดินแดนหยานมันถือเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างยิ่ง
ลูกน้องคนหนึ่งของลานนี้ได้เปิดฝาครอบขึ้นมา ชายคนนั้นได้หยิบตําราเล่มหนาออกมาก่อนที่จะยื่นให้กับลูโจวด้วยความเคารพ
สู่โจวมองดูตําราอย่างสงสัย “นี่มันวิธีการฝึกพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ?”
มีตําราที่คล้ายกับตํารานี้ถูกวางขายอยู่ตามท้องถนนของดินแดนหยางเป็นจํานวนมาก โดยพื้นฐานแล้วตําราทั้งหมดต่างก็เป็นเรื่องหลอกลวง
ลานนี้รีบพูดขึ้น “1,900 ปีก่อน บรรพบุรุษของข้าได้พบโลงศพใบนี้บนชายฝั่งทางตอนเหนือ ตําราที่ท่านถืออยู่คือบันทึกส่วนตัวของบรรพบุรุษข้า เขาได้บอกเอาไว้ว่าในโลงศพใบนี้มีร่างของผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่”
หมิงหยินได้พูดออกมาอย่างประชดประชัน “แน่นอน พวกเราคงเชื่อเจ้าได้แน่ๆ”
ลานนี้ได้พูดตอบกลับมาอย่างมั่นใจ “ข้าขอสาบานด้วยชื่อเสียงตระกูลโบน่าร์ หากคําพูดใดของข้าเป็นเท็จข้าและครอบครัวยินดีที่จะถูกสาปให้กลายเป็นทาสไปชั่วชีวิต!”
“ว้าว ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้” หมิงซี่หยินยกนิ้วโป้งให้
ลานนี้ได้พูดอย่างช้าๆ ต่อ “ผู้ฝึกยุทธคนนั้นอยู่ที่รั่วหลี่เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน ท้ายที่สุดแล้วคนคนนั้นก็ออกจากรั่วหลี่ก่อนที่ข้าจะได้ยินว่าคนคนนั้นเดินทางมายังดินแดนหยานแห่งนี้ หลัง จากนั้นแล้วข้าก็ไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคนคนนั้นอีกเลย”
เรื่องเล่าของลานนี้มีช่องโหว่มากจนเกินไป ถ้าหากเคยมีผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอว ตารดอกบัวเก้ากลีบจริงๆ ทําไมถึงไม่มีใครยกย่องคนคนนั้นให้กลายเป็นอัจฉริยะในเมื่อ 1,900 ปีก่อนเลยล่ะ? เหตุใดถึงไม่มีประวัติศาสตร์เล่มไหนพูดถึงเรื่องนี้? แม้แต่ข่าวลือในโลกยุทธภพเองก็ยังไม่มีเช่นกัน
แต่ถึงแบบนั้นจู่โจวก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะลบล้างคํากล่าวอ้างของลานนี้ ตัวเขาตัดสินใจเปิดตําราแทนวิธีการฝึกยุทธในหน้าแรกคล้ายกับวิธีการที่ชาวหยานฝึกฝน ในแง่ของทฤษฎีการฝึกตน มันมีความคล้ายคลึงกับของชาวลัทธิขงจื้อ, ชาวพุทธ และชาวลัทธิเต๋ ลูโจวรีบเปิดข้ามไปยังส่วนของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ แต่น่าเสียดาย กระดาษหน้านั้นเปื้อนไปด้วยหมึก มันเป็นหน้ากระดาษที่ลูโจวแทบจะอ่านอะไรไม่ออก มีเพียงแค่บรรทัดเดียวเท่านั้นที่จู่โจวสามารถอ่านจับใจความได้ “ผู้คนล้วนอ่อนแอ แต่ที่นี่จะปลอดภัยข้าหวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป” คําเหล่านี้ถูกเขียนโดยภาษาของดินแดนหยาน
ลู่โจวขมวดคิ้ว ตัวเขาได้พลิกดูหน้าอื่นๆ แต่สุดท้ายลูโจวก็อ่านมันไม่ออก อีกครั้งที่ตัวเขาเห็นข้อความในแบบเดียวกัน ข้าหวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
“ข้าหวังว่าจะไม่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ข้าหวังว่าจะไม่มีพลังอวตารดอกบัว สิบกลีบในโลกนี้อีก”
“ข้าชอบทอง..แต่ไม่ชอบแดง”
ไม่มีวิธีการฝึกยุทธแต่อย่างใด มีเพียงข้อความที่ถูกขีดฆ่าที่ดูไม่ต่อเนื่อง มันดูเหมือนกับสิ่งที่ปรารถนามากกว่าที่จะเป็นบันทึก
ลู่โจวมองดูลานนี้ที่ยืนอยู่บนห้องโถงใหญ่
ลานนี้ได้โค้งคํานับ “ปกตําราเล่มนั้นผุกร่อนไปตามกาลเวลา แต่ก็เพราะมันยังมีเขตแดนพลังพิเศษจารึกเอาไว้ เพราะแบบนั้นมันจึงยืดอายุขัยของตําราเล่มนี้ได้”
สู่โจวปิดตําราเล่มนั้นไป ตัวเขาเห็นร่องรอยของเส้นเขตแดนพลังที่อยู่ตามปกหนังสือ น่าเสียดายที่ร่องรอยส่วนใหญ่เริ่มจางหายไป มีเพียงไม่กี่จุดเท่านั้นที่ยังคงเป็นสีแดง ในทันใดนั้นเองลู่โจวก็นึกถึงสิ่งที่ได้อ่านเจอ “ข้าชอบทอง แต่ไม่ชอบแดง”
นี่เป็นครั้งแรกที่ลูโจวมองเห็นเส้นเขตแดนพลังสีแดง ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นได้เอามือทาบเข้าใส่ตํารา!
ตุ๊ม!
เส้นเขตแดนพลังได้ปลดปล่อยพลังลึกลับออกมา
สัญลักษณ์สีแดงได้พุ่งขึ้นสู่ฟ้า มันได้กระจัดกระจายไปรอบๆ ราวกับผีเสื้อ เป็นเพราะอายุขัยที่ผ่านมานานจึงทําให้สัญลักษณ์สีแดงที่ได้เห็นดูอ่อนพลัง พลังที่กักเก็บเอาไว้มันแทบที่จะหมด ลงแล้ว
สู่โจวได้กระแทกฝ่ามือลงบนตําราอีกครั้ง ตัวเขาได้ส่งพลังลมปราณเข้าไปในเส้นเขตแดนพลังท้ายที่สุดแล้วมันก็ส่องประกายแสงสีทองออกมา เมื่อเส้นเขตแดนพลังได้รับการเชื่อมต่อ เส้นเขตแดนพลังสีแดงถูกแทนที่ด้วยเส้นเขตแดนพลังสีทองแทน
ลานนีพยักหน้า “ที่ปกตํารามีเส้นเขตแดนพลังอยู่ 100 เส้น เขตแดนพลังทุกเส้นสามารถรักษาอายุขัยของตําราได้ถึง 20 ปี เส้นเขตแดนพลังที่ไร้พลังงานจะจืดจางลง”
สู่โจวยกฝ่ามือขึ้นมาอีกครั้ง ตัวเขายังคงเคลื่อนไหวเช่นเดิม แต่ครั้งนี้ลูโจวรู้สึกตกใจ อันที่จริงตําราเล่มนี้มีอายุขัยเกือบถึง 2,000 ปีแล้ว!
“แล้วเจ้ารู้ไหมว่าคนในโลงศพตอนนี้อยู่ที่ไหน?” ลูโจวถามออกมา
ลานนีที่ได้ฟังแบบนั้นส่ายหัว “ครอบครัวของข้าได้ปกป้องของสิ่งนี้มากว่าหลายชั่วอายุคนข้าเองก็ตามหาเขาคนคนนั้นเช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วพวกเราก็ไม่เคยได้ล่วงรู้อะไรกับข้อมูลของคนคนนั้นจนถึงตอนนี้”
ลูโจวลูบเคราของตัวเองก่อนจะครุ่นคิด โลกใบนี้ไม่เคยขาดแคลนผู้ที่อยากจะไขความลับโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องความลับของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบและพลังอวตารดอกบัวสิบกลีบเช่นนี้
ลานนี้ได้พูดต่อ “นี่คือความจริงทั้งหมดที่ตระกูลโบน่าร์มีข้ายินดีที่จะมอบทุกอย่างให้กับชาวศาลาปีศาจลอยฟ้า”
ของทั้งหมดนี้ถูกใช้เป็นของขวัญนั่นเอง แต่การที่จะใส่มันมาในโลงศพก็ยังคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ถ้าหากไม่ใช่เพราะความใจเย็นของลูโจว ต้วนมู่เฉิงก็คงจะโจมตีคนจากรั่วหลี่ต่อไป
สู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นตอบกลับมา “ข้าจะยอมรับของพวกนี้เอาไว้ก็ได้” ดวงตาของเขา เหลือบมองไปที่ลานนี้ “แล้วเจ้าต้องการอะไรกัน?”
โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ลูโจวคงจะไม่มีทางจะได้รับของขวัญโดยที่ลานนี้ไม่ต้องอะไรเป็นการตอบแทนแน่
ลานนีคารวะสู่โจวก่อนที่จะพูดออกมาอย่างสุภาพ “ข้าไม่กล้าที่จะเรียกร้องขอสิ่งใด สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงความปรารถนาแค่อย่างเดียวเท่านั้น”
“พูดมา”
“พวกเราอยากที่จะเห็นพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ!”
สู่โจวเดินลงมาจากบันได ตัวเขาในตอนนี้ยังคงเอามือไขว้หลัง “ชาวรั่วหลี่ยังคงทะเยอทะยานเฉกเช่นหมาป่าอยู่เสมอ พวกเจ้าบุกรุกดินแดนของพวกเรามาหลายครั้งแล้วข้าเกรงว่าสันติภาพที่ เจ้ากําลังจะหยิบยื่นให้มีเพื่อให้เจ้าต้องการยืนยันอะไรบางอย่างก็เท่านั้น”
ลานนี้รีบคุกเข่าลง “ท่าน…ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว!”
“การ์ดปลอมแปลงมีค่าถึง 10,000 แต้มบุญ ฉันจะต้องเสียการ์ดปลอมแปลงให้กับชนเผ่าอื่นง่ายๆ ได้ไงกัน?”
น่าขัน!
สู่โจวก้าวไปที่ด้านหน้า
ในเวลานั้นเองก็มีเสียงของอะไรบางอย่างดังขึ้น
ฮรู๊วว!
หมิงซูหยินรีบพูดขึ้น “เจ้าสัตว์เลี้ยงไม่เชื่องนั่น!” หมิงหยินรีบวิ่งออกจากห้องโถงใหญ่
บนท้องฟ้ามีสัตว์ร้ายบินได้ขนาดยักษ์ ปีกของมันกําลังกระพืออยู่นอกม่านพลัง
“เจ้าสัตว์เลี้ยงไม่เชื่องกําลังบ้าคลั่งสินะ ข้าจะทําให้มันเชื่องด้วยมือข้าเอง” ลานนี้รีบพูด
ลูกน้องทั้งสี่รีบตามลานนีออกจากห้องโถงใหญ่
ลูโจวโบกมือของตัวเอง “ต้วนมู่เฉิง”
“ครับ ท่านอาจารย์”
“จัดการซะ”
“ครับ!”
แม้ว่าลูโจวจะไม่รู้ว่าพวกชนเผ่าอื่นเชื่อถือได้มากแค่ไหน แต่เป็นเพราะพวกเขากล้าที่จะมาหลอกล่อศาลาปีศาจลอยฟ้าจนถึงที่แบบนี้ ในฐานะที่ลูโจวเป็นเจ้าของศาลาปีศาจลอยฟ้า เป็นธรรมดาที่ตัวเขาจะไม่อนุญาตให้ชาวรั่วหลีทั้งหมดจากไป
หลังจากที่ได้ยินคําสั่ง ต้วนมู่เฉิงก็รีบหยิบหอกราชันย์ไล่ตามทุกคนไป
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
“ยอมแพ้ซะเถอะ!” ต้วนมู่เฉิงไม่คิดที่จะฟังข้อแก้ตัวอะไร ตัวเขาได้ใช้เงาของหอกนับ 100 เล่มก่อนที่จะจู่โจมเข้าใส่ผู้มาเยือนทุกคน
ตุ๊ม! ตุ๊ม! ตุ๊ม!
ลานนี้รีบสะบัดฝ่ามือทั้งสองข้างออกมา พลังลมปราณที่อัดแน่นได้ควบแน่ นกันจนกลายเป็นม่านพลังมันป้องกันพลังเงาของหอกทั้งหมดได้ ลานนี้ ที่ป้องกันพลังพลิกตัวกลับก่อนที่จะล้มลงบนพื้น
“พวกเรามาที่นี่ด้วยความจริงใจ เหตุใดท่านปรมาจารย์ถึงต้องการเป็นศัตรูกับพวกเราด้วย?” ดวงตาของลานนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
สู่โจวเดินผ่านโลงศพมาอย่างช้าๆ ตัวเขาสงสัยว่าลานนี้โบน่าร์คนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากที่ไหนกัน?
ลู่โจวมองไปที่โลงศพอย่างช้าๆ ตัวเขาเห็นเส้นเขตแดนพลังที่ปกคลุมโลงศพอย่างแน่นหนาเส้นเขตแดนพลังทั้งหมดล้วนแต่มีสีแดงเข้ม
เส้นเขตแดนพลังแห่งการป้องกัน? เส้นเขตแดนพวกนี้มันซับซ้อนและทรงพลังกว่าเส้นเขตแดนในตําราซะอีก
ลู่โจวออกมาจากห้องโถงก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น
นกตัวยักษ์เริ่มจู่โจมม่านพลัง
ตุ๊ม!
ระลอกคลื่นของพลังได้กระจายไปทั่วม่านพลัง
หมิงซี่หยินรีบพูดออกมา “หยุดเสแสร้งได้แล้วล่ะ แม้แต่นกของเจ้าก็ยังไม่อาจทนได้อีก”
ลานนีขมวดคิ้ว ตัวเขาเหลือบมองเทียนกูว “นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
ตุ้ม!
เทียนกูวได้พุ่งชนม่านพลังของภูเขาทองอีกครั้ง
ต้วนมู่เฉิงไม่สามารถยืนเฉยได้อีก ตัวเขารีบก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กับหอกราชันย์
การต่อสู้เกิดขึ้นที่หน้าห้องโถงใหญ่ในทันที
ต้วนมู่เฉิงตอสู้กับคู่ต่อสู้ทั้งห้าตามลําพัง
หมิงหยินไม่ได้รีบร้อนที่จะต่อสู้ ตัวเขากําลังสังเกตเทียนกูวที่อยู่บนฟ้าแทน
ในตอนนั้นเองลูกศรพลังงานหลายลูกถูกยิงออกมาจากศาลาทางใต้ ลูกศรพลังงานทั้งหมดกระทบเข้ากับร่างขนาดยักษ์ของเทียนกูว
ตุ้ม! ตุ้ม! ตู้ม!
การโจมตีเหล่านี้มาจากฮัวยู่จิง แต่น่าเสียดาย การโจมตีของนางทําได้เพียงถอนขนของเทียนกูวได้เท่านั้น
ฮวว!
ร่างอันใหญ่ยักษ์ของมันดูกระวนกระวายมากกว่าเดิม
“นี่มันอะไรกัน?” หมิงซูหยินเบิกตากว้าง
ฮัวยู่จึงเป็นถึงยอดมือธนูผู้มีพลังอวตารดอกบัวสามกลับ แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่อาจโจมตีสัตว์ ร้ายจนบาดเจ็บได้
ลานนี้หันไปมองลูโจวในขณะที่ต่อสู้อยู่ “ท่านปรมาจารย์ ท่านเข้าใจพวกข้าผิดแล้ว!”
ลูโจวลูบเคราของตัวเองในขณะที่จ้องมองนกตัวใหญ่ ในตอนที่ลูโจวกําลังใช้อาวุธนิร นามเปลี่ยนให้มันเป็นธนูเพื่อจู่โจมสัตว์ร้าย ในตอนนั้นเองเสียงขลุ่ยอันไพเราะก็ได้ดังขึ้น
ท่วงทํานองของมันทั้งเชื่องช้าและฟังดูไพเราะ มันทําให้ทุกคนที่ได้ยินรู้สึกผ่อนคลายราวกับกระแสน้ําที่ไหลเย็น
เมื่อท่วงทํานองดังขึ้น นกตัวใหญ่ยักษ์ก็เริ่มที่จะสงบลง ดูเหมือนมันจะกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
ดวงตาของลานนี้เบิกกว้าง “เป็นไปไม่ได้!”
ท่วงทํานองยังคงถูกบรรเลงต่อไป