ตอนที่ 498 ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ถ้าลู่โจวต้องการจะซื้อพลังอวตารสหัสะภพ ตัวเขาจะต้องฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบให้ได้ซะก่อน สําหรับลู่โจวตัวเขายังต้องฝึกฝนตัวเองอีกยาวไกล
“ฉันควรจะเก็บแต้มบุญเอาไว้ ตอนนี้ฉันจะใช้แต้มบุญอย่างฟุ่มเฟือยไม่ได้แล้ว”
ลู่โจวที่คิดได้แบบนั้นหลับตาลงก่อนที่จะฝึกฝนตัวเองต่อไป
เช้าวันรุ่งขึ้น ที่ด้านนอกศาลาตะวันออก
ซู่ฮ่องกง ศิษย์คนที่แปดกําลังเดินเตร่ไปมาราวกับคนว่างงาน
“อรุณสวัสดิ์ศิษย์พี่ห้า ศิษย์พี่ ท่านในวันนี้ดูดียิ่งกว่าเมื่อวานซะอีก” ขู่ฮ่องกงพูดทักทายพร้อมรอยยิ้ม
จ้าวยู่ที่ได้ฟังแบบนั้นขมวดคิ้ว “เจ้ามีอะไรกัน ศิษย์น้องแปด?”
ซู่ฮ่องกงมองไปรอบๆ ก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆ “ศิษย์พี่ห้า ท่านได้ตัดดอกบัวทองคําของตัวเองออกมาแล้วรึยัง?”
“ข้ายังไม่ได้ตัด ทําไมเหรอ?” จ้าวยู่ถามกลับ
“ข้าก็แค่อยากจะรู้”
“ช่างเสียเวลาซะจริง” จ้าวยู่มองไปที่ฮ่องกงอย่างซับซ้อนก่อนที่จะเดินจากไป
ซู่ฮ่องกงยังคนเดินเตร่ต่อไป เมื่อได้เห็นหยวนเอ๋อและธิดาหอยสังข์เดินมา ตัวเขาก็รีบพูดทักทาย “ศิษย์น้องเล็ก…”
“ศิษย์พี่แปด?”
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าดูสะสวยยิ่งกว่าเมื่อวานอีกนะ”
หยวนเอ๋อหัวเราะคิกคัก “จริงๆ เหรอ?”
ซู่ฮ่องกงเดินไปหานางก่อนที่จะถามออกมาเบาๆ “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าได้ตัดดอกบัวของเจ้าแล้วรึยัง?”
“ข้ายังไม่ได้ตัด ท่านมีอะไรอย่างงั้นเหรอ?”
“ข้าก็แค่ถาม” ซู่ฮ่องกงตอบกลับมา
หยวนเอ๋อกลอกตาใส่ก่อนที่จะพูดต่อ “ดูเหมือนว่าท่านจะมีเวลาว่างมากเกินไปสินะศิษย์พี่” เมื่อพูดจบหยวนเอ๋อก็ได้พาธิดาหอยสังข์วิ่งไปที่ด้านหลังหุบเขา
“ข้ารู้แล้ว ในตอนนี้ยังไม่มีใครตัดดอกบัวทองคํา พวกศิษย์พี่คิดว่าจะหลอกให้ข้าตัดดอกบัวทองคําก่อนได้อย่างงั้นเหรอ? ข้าจะไม่ยอมตัดดอกบัวทองคําจนกว่าทุกคนจะตัดดอกบัวทองคําแน่! ข้าจะไม่มีวันยอมเป็นหนูทดลองเด็ดขาด แต่เดี๋ยวก่อนนะ… ถ้าหากข้าตัดดอกบัวทองคําออกก่อน ข้าก็จะสามารถฝึกฝนตัวเองได้รวดเร็วกว่าทุกคน ยังไงซะข้าก็ไม่อาจผลัดวันไปได้ตลอด… ซู่ฮ่องกงยืนมองหยวนเอ๋อจากไป ตัวเขาได้ลูบคางของตนก่อนที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ “ข้าควรจะไปหาศิษย์พี่สามเพื่อพูดเรื่องนี้กับเขา!”
เมื่อซู่ฮ่องกงไปยังลานฝึกซ้อม ในตอนนั้นเองก็มีเสียงของใครดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง “ศิษย์น้องแปด มานี่ที”
“ศิษย์พี่สี่?”
ซู่ฮ่องกงมองเห็นหมิงซี่หยินโบกมืออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ดวงตาของซู่ฮ่องกงเป็นประกายในขณะที่เดินมาหา ตัวเขาได้โค้งคํานับให้กับหมิงซี่หยินก่อนที่จะถามออกมา “ศิษย์พี่สี่ท่านได้ตัดดอกบัวทองคําของท่านแล้วรึยัง?”
“ทําไมเจ้าถึงถาม?” หมิงซี่หยินไม่เหมือนกับคนอื่นๆ เมื่อถูกถามด้วยคําถามเช่นนี้ ตัวเขาไม่เลือกที่จะตอบในทันที
“ข้าก็แค่ถามดูน่ะ”
“ถ้าแบบนั้นเจ้าก็ไม่จําเป็นที่จะต้องรู้ วันนี้ข้าจะช่วยเจ้าเอง เจ้าเพิ่งจะสร้างอวตารร้อยวิถีได้ไม่นานและยังไม่สามารถผลิกลีบได้ เจ้ายิ่งตัดดอกบัวทองคําเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น!”
“หะ?”
“หยุดลังเลได้แล้ว! ไปกันเถอะ! การที่เจ้าจะแยกดอกบัวตามลําพังได้คงเป็นเรื่องยาก มันจะต้องง่ายขึ้นแน่ถ้าหากพวกเราช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ข้าจะช่วยเจ้าเอง และเจ้าก็ต้องช่วยข้านั่นเป็นวิธีที่ผู้อาวุโสทั้งสี่ทํายังไงล่ะ…เฮ้ ข้ากําลังคุยกับเจ้าอยู่ เจ้าคิดว่ามันสมเหตุสมผลไหม?” หมิงซี่หยินถามออกมา
“ใช่ ใช่ ถูกต้องแล้วศิษย์พี่” ขู่ฮ่องกงพยักหน้า อันที่จริงตัวเขาก็ไม่อาจจะพึ่งพาตัวเองในการแยกดอกบัวทองคําได้
จากนั้นหมิงซี่หยินก็ได้คว้าคอเสื้อของซู่ฮ่องกงก่อนที่จะลากตัวเขาไปทางศาลาทางใต้ เมื่ออยู่ในห้องเป็นการส่วนตัวหมิงซี่หยินก็ได้พูดขึ้น “เอาล่ะแสดงพลังอวตารของเจ้าออกมาซะ”
“…”
“อย่าได้กังวลไปเลย เคียวพื้นพิภพของข้าทั้งแม่นยําและเฉียบคม ทุกอย่างมันต้องจบก่อนที่เจ้าจะรู้ตัวชะอีก” หมิงซี่หยินได้พลิกฝ่ามือของตน ไม่นานนักเคียวพื้นพิภพก็ลอยอยู่เหนือฝ่ามือ “คนที่ไม่มีอาวุธระดับสรวงสวรรค์คงจะลําบากในการตัดดอกบัวทองคําออกมา การจะใช้อาวุธระดับโลกและอาวุธระดับลี้ลับเพื่อตัดดอกบัวทองคําเป็นเรื่องยาก มันจะต้องใช้การโจมตีกว่าหลายครั้งกว่าที่จะแยกดอกบัวทองคําได้ ยิ่งใช้เวลาตัดดอกบัวทองคํานานคนคนนั้นก็จะยิ่งแย่ไปกว่าเดิม…เอ๊ะ ทําไมเจ้าถึงได้เหงื่อออกขนาดนั้นกัน? เอาล่ะใช้พลังอวตารของเจ้าออกมาซะ! เร็วเข้า! อย่ามัวแต่ถ้ำอึ้ง”
พรึ๊บ!
ซู่ฮ่องกงหันกลับไปก่อนจะเริ่มวิ่ง ตัวเขาได้พังประตูก่อนจะวิ่งออกจากศาลาไป
“วิ่งหนีอย่างงั้นเหรอ?” หมิงซี่หยินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเปิดใช้พลังอวตารของตัวเอง
ซู่ววว!
หมิงซี่หยินและร่างอวตารของเขาได้ปรากฏตัวต่อหน้าซู่ฮ่องกง หมิงซี่หยินรีบคว้าตัวเขาไว้ “ข้าพยายามจะช่วยเจ้าแท้ๆ เจ้ากล้าดียังไงที่คิดหนีข้าแบบนี้? เจ้ากําลังกลัวอย่างงั้นเหรอ? เจ้าเป็นลูกผู้ชายรึเปล่า? ทําไมเจ้าถึงได้ขี้ขลาดขนาดนี้ ดูอย่างศิษย์พี่รองซะ เขาน่ะถือเป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญตัวจริง! ในตอนที่ศิษย์พี่รองผ่าดอกบัวทองคําออก ในตอนนั้นยังไม่มียาช่วยชีวิตซะด้วยซ้ำ ศิษย์พี่รองน่ะคือผู้บุกเบิกที่แท้จริง…ศิษย์น้องแปด เจ้าจงศรัทธาในตัวเองให้มากขึ้น แสดงความกล้าหาญที่มีออกมาซะ!”
ซู่ฮ่องกงหัวเราะอย่างขมขื่น ตัวเขาได้พูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า “ข้าข้าเพิ่งจะอบอุ่นร่างกายนะ” ซู่ฮ่องกงพูดต่อด้วยความไม่เต็มใจ ตัวเขาได้เรียกพลังอวตารหลังจากนั้น ทันทีที่ร่างอวตารปรากฏขึ้น ซู่ฮ่องกงก็รีบพูดต่อ “ศิษย์พี่…ช้าก่อน…”
เคียวพื้นพิภพของหมิงซี่หยินได้เปล่งแสงสีทองออกมา ตัวเขาได้เหวี่ยงมันเข้าใส่ดอกบัวทองคําของซู่ฮ่องกงในทันที
“อ๊ากก!” เสียงคร่ำครวญที่ไม่ต่างอะไรกับเสียงของหมูที่ถูกเชือดดังก้องไปทั่วศาลาทางใต้
ทันทีที่ดอกบัวทองคําตกลงสู่พื้น ส่วนบนของร่างอวตารของซู่ฮ่องกงก็หายเข้าสู่ร่างกายของเขาในทันที
ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้เกาศีรษะก่อนที่จะถามออกมา “ศิษย์น้องแปด เจ้าได้กินยาช่วยชีวิตแล้วสินะ?”
ซู่ฮ่องกง “???”
ดวงตาของซู่ฮ่องกงกลอกไปมา และในที่สุดตัวเขาก็หมดสติไป
หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นพูดไม่ออก ตัวเขารีบหยิบยาช่วยชีวิตมาก่อนที่จะใส่เข้าไปในปากของซู่ฮ่องกงอย่างรวดเร็ว จากนั้นหมิงซี่หยินก็หยิบยาแห่งการเบ่งบานออกมาก่อนที่จะใส่เข้าปากซู่ฮ่องกงเช่นกัน หมิงซี่หยินที่ทําทุกอย่างไปแล้วได้อุ้มซู่ฮ่องกงกลับไปที่ห้องของเขาก่อนที่จะโยนซู่ฮ่องกงลงบนเตียง
หมิงซี่หยินพึมพํากับตัวเอง “เจ้าควรจะขอบคุณข้าแท้ๆ ผลงานล่าสุดของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่บัดนี้อยู่ในตัวเจ้าแล้ว! แม้ว่าเม็ดยานี้จะไม่ได้มีฤทธิ์รุนแรงเหมือนกับที่สาวน้อยนั่นกิน แต่มันจะต้องออกมาดีแน่ ถ้าหากเจ้ากินมันพร้อมกับยาช่วยชีวิต เจ้าจะต้องผลิกลีบดอกบัวได้อย่างง่ายดายแน่”
หมิงซี่หยินรอไปอีกชั่วครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าอาการของซู่ฮ่องกงเริ่มทรงตัว ตัวเขาก็เลือกที่จะจากไป ในตอนที่เดินออกมาฝานซงและโจวอี้เฟิงก็ได้เดินผ่านมา ทั้งสองคนพยายามเดินผ่านหมิงซี่หยินให้เงียบที่สุด
“เฮ้ พวกเจ้าอยากจะผ่าดอกบัวทองคําไหม? ข้าจะช่วยพวกเจ้าฟรีๆ เอง” หมิงซี่หยินตะโกนใส่ทั้งสองคน
“อ่า…ไม่ ไม่ ไม่ดีกว่า พวกเราไม่ต้องการผ่าดอกบัวทองคําน่ะ อรุณสวัสดิ์ท่านศิษย์คนที่สี่” ฝานซงและโจวจี้เฟิงหันหลังกลับก่อนที่จะวิ่งอย่างรวดเร็ว
“ท่านศิษย์คนที่แปดผู้น่าสงสาร การผ่าดอกบัวทองคําจะต้องเจ็บปวดมากแน่ จากเสียงร้องของเขามันคงจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าตายซะอีก” ทั้งคู่รู้สึกโล่งอกที่พวกเขาเลือกวิธีอื่นในการฝึกฝน
เมื่อเห็นว่าทั้งคู่วิ่งหนีไป หมิงซี่หยินก็ได้แต่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
“ศิษย์น้องสี่”
“ศิษย์พี่สาม?” หมิงซี่หยินหันกลับไป ตัวเขามองเห็นตัวนมู่เฉิงที่กําลังเดินมาพร้อมกับหอกราชันย์ในมือ ท่าทางที่แสดงออกของเขาทําให้หมิงซี่หยินมองเห็นความแน่วแน่ได้อย่างชัดเจน
“ศิษย์น้องสี่ ข้าได้ใช้เวลาคิดทบทวนมาทั้งคืนแล้ว และในที่สุดข้าก็ตัดสินใจได้” ต้วนมู่เฉิงพูดออกมา
“ศิษย์พี่ตัดสินใจอะไรได้กัน?” หมิงซี่หยินได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้มที่แสนจะเจ้าเล่ห์
“เหล่าสาวกควรจะช่วยเหลือกันเจ้าช่วยผ่าดอกบัวทองคําของข้าซะ และข้าจะช่วยผ่าดอกบัวทองคําของเจ้าเอง เจ้าว่าไงล่ะ?” ต้วนมู่เฉิงไม่ใช่คนที่จะกลัวความเจ็บปวด แต่ถึงแบบนั้นมันก็คงจะดีกว่าถ้าหากมีใครช่วยผ่าดอกบัวทองคําให้ “ตอนนี้สํานักส่วนใหญ่ในยุทธภพต่างก็กําลังแยกดอกบัวทองคําและฝึกฝนใหม่ พวกเราไม่อาจที่จะล้าหลังได้หรอกนะ ถ้าหากยังมัวช้า ศาลาปีศาจลอยฟ้าจะต้องถูกทิ้งไว้เบื้องหลังแน่”
“เอ่อ.ศิษย์พี่สาม ข้าข้าสามารถช่วยท่านแยกดอกบัวทองคําได้ แต่ท่านจะวางแผนแยกดอกบัวทองคําของข้าด้วยวิธีไหนกัน?” หมิงซี่หยินถามออกมาด้วยความวิตก
“ข้าจะผ่าดอกบัวทองคําของเจ้าด้วยหอกราชันย์ของข้าแน่นอน” ต้วนมู่เฉิงพูดต่อ “ข้าฝึกฝนวิชาหอกของข้าไปถึงขั้นสูงเมื่อนานมาแล้ว ในตอนนี้ข้าสามารถปล่อยหอกพลังงานกว่า 100 เล่มในเวลาอันสั้นได้ นั่นมันเพียงพอแล้วที่จะทําให้ข้าผ่าดอกบัวทองคําของเจ้าได้”
หมิงซี่หยินพูดไม่ออก “…”
“เอ๊ะ? ศิษย์น้องสี่ ทําไมเจ้าถึงได้เหงื่อออกขนาดนั้นล่ะ? ไม่ต้องกังวล ข้าน่ะไร้ซึ่งความลังเล ข้าได้จําลองการใช้กระบวนท่าหอกเอาไว้ในใจข้าแล้ว มันจะต้องจบลงอย่างรวดเร็วแน่ ข้าจะใช้วิธีที่ดีที่สุดอย่างวิธี…”
ก่อนที่ตัวนมู่เฉิงจะพูดจบ ตัวเขาก็รู้สึกได้ถึงสายลมที่พัดผ่านใบหน้าเขา หมิงซี่หยินวิ่งจากไปแล้วนั่นเอง “ศิษย์น้องสี่ศิษย์น้องสี่ ข้าขอสั่งเจ้าในฐานะศิษย์พี่ให้กลับมาหาข้าซะ!”
หมิงซี่หยินวิ่งลงจากภูเขาด้วยความเร็วสูง ใครจะไปทนได้ หมิงซี่หยินตัดสินใจที่จะไม่ตัดดอกบัวทองคําของตัวเอง…การเป็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบไม่ใช่ชีวิตที่ดูแย่เลย เหตุใดทุกคนถึงต้องพยายามฝึกฝนเพื่อให้ตัวเองมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบด้วย? นั่นเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้วอย่างงั้นเหรอ? เหตุใดถึงมีผู้ฝึกยุทธจิตใจไม่สมประกอบจํานวนมากในยุทธภพกัน? มีหลายคนที่ไม่อาจฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นที่แปดได้เลยแท้ๆ แต่ทําไมพวกเขาถึงต้องพยายามตัดดอกบัวทองคําด้วย? การที่จะมุ่งมั่นฝึกฝนจนตัวเองมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบมันยังไม่เพียงพออีกอย่างงั้นเหรอ?”
หมิงซี่หยินบินไปที่เชิงเขาด้วยความเร็วสูง ตัวเขาตัดสินใจที่จะพักผ่อนตัวเองบนต้นไม้ ในตอนที่หมิงซี่หยินกําลังผ่อนคลายไปกับการพักผ่อน ตัวเขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นเสียงที่ลอยมาตามอากาศ
คลื่นเสียงนั้นมันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันเป็นคลื่นเสียงที่เดินทางไปได้ไกลโพ้น
หมิงซี่หยินที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้ได้หันไปรอบตัว ตัวเขาเห็นสัตว์ร้ายบินได้กําลังบินมาทางภูเขาทองพร้อมกับรถม้าลอยฟ้าที่ถูกลากมา
“นั่นมันอะไรกัน? สัตว์ร้ายนั่นตัวใหญ่อะไรเช่นนี้”
สัตว์ร้ายที่กําลังบินอยู่มีปีกยาวกว่า 50 ฟุต ขนของมันเป็นสีแดงเข้ม ดวงตาของมันใหญ่โตราวกับหมัดอันใหญ่ยักษ์ที่กําลังส่องประกายแสงอันน่าขนลุก
หมิงซี่หยินไม่รู้จักสัตว์ร้ายตัวนี้ แต่เขามั่นใจว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ไม่มีถิ่นที่อยู่ในถิ่นที่อยู่ของมนุษย์แน่ เป็นธรรมดาที่หมิงซีหยินจะตกใจ มันมาจากปาทั้งสี่อย่างงั้นสินะ?
หมิงซี่หยินกระโดดขึ้นไปบนอากาศ ตัวเขาพบว่าสัตว์ร้ายตัวนี้กําลังลากรถม้าลอยฟ้า เป็นไปตามที่คาดไว้ มันกําลังมุ่งหน้ามายังภูเขาทองนั่นเอง
บางที่อาจจะเป็นเพราะการไว้หน้า รถม้าลอยฟ้าจึงไม่ได้บินสูงอะไร มันบินมาถึงเชิงเขาในอีกชั่วครู่ก่อนที่จะค่อยๆ หยุดนิ่ง
หมิงซี่หยินมองไปทางผู้คนทั้งห้าที่อยู่บนรถม้าลอยฟ้า