ตอนที่ 493 ภาพอันน่าประทับใจ
หลังจากที่ผู้ฝึกยุทธได้ตัดดอกบัวทองคําและได้กินยาแห่งการเบ่งบาน ยาเม็ดแห่งการเบ่งบานก็จะกระตุ้นลมปราณจากจุดตันเถียนที่มีเพื่อผลิตพลังลมปราณจํานวนมาก มันเป็นพลังจํานวนมากที่มีไว้เพื่อกระตุ้นการฝึกฝนนั้นเอง
การจะปรุงยาเม็ดแห่งการเบ่งบานได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งวิธีการที่แสนจะยากรวมเข้ากับวัตถุดิบอันล้ําค่า ทําให้การปรุงยาเม็ดแห่งการเบ่งบานจึงเป็นเรื่องยาก หนําซ้ํายังมีห้องปรุงยาเพียงห้องเดียวเพื่อใช้ปรุงยาเม็ดแห่งการเบ่งบาน เป็นธรรมดาที่ยาจะไม่เพียงพอต่อเหล่าผู้ฝึกยุทธที่มีอยู่ทั่วไปได้
ได้ว่าคนธรรมดาทั่วไปไม่ควรจะกินมัน ยาเม็ดนี้คงจะส่งผลเสียกับคนธรรมดามากกว่าได้ ทันทีที่เห็นสาวน้อยล้มลง หมิงหยินก็รีบถ่ายพลังลมปราณที่มีเพื่อปกป้องนาง มือที่วางอยู่อีกข้างรีบปิดผนึกจุดตันเถียนอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่สี่ เกิดอะไรขึ้นกับหอยสังข์กัน?” หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นเป็นกังวล
ในตอนแรกหมิงหยินต้องการที่จะตําหนิหยวนเอ๋อ แต่เพราะตัวเขาที่ได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของนาง หมิงหยินก็ไม่คิดจะตําหนิผู้เป็นศิษย์น้อง “รีบพานางไปที่ห้องซะ”
หมิงหยินและหยวนเอ๋อรีบพาธิดาหอยสังข์เข้าไปในห้องของหยวนเอ๋อที่อยู่ศาลาทางใต้
หยวนเอ๋อที่ยืนอยู่ไม่ห่างได้แต่กังวล “นางจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมศิษย์พี่?”
หมิงซี่หยินไม่อาจจะรับประกันความปลอดภัยได้ “ใจเย็นก่อนศิษย์น้องเล็ก” ตัวเขายังคงส่งพลังลมปราณไป พลังลมปราณทั้งหมดเข้าสู่ตัวของธิดาหอยสังข์ พลังลมปราณของหมิงซี่หยินถูกส่งผ่านฝามือก่อนที่จะเข้าไปสู่เส้นพลังลมปราณทั้งแปด พลังจากเส้นพลังลมปราณทั้งหมดได้ไหลแทรกซึมเข้าสู่อวัยวะภายในของนาง พลังในการรักษาเริ่มทวีความเข้มข้นในร่างกายของสาวน้อยมากยิ่งขึ้น เมื่อมันเข้มข้นอย่างไม่หยุดยั้งหมิงซี่หยินก็ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมนางถึงไม่อาจต้านทานพลังจนหมดสติไปแบบนี้
“นางเป็นมนุษย์ธรรมดา!” หมิงหยินอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ถ้าหากนางยังพอมีพลังวรยุทธเพียงเล็กน้อยหมิงหยินก็จะสามารถช่วยชีวิตนางโดยการชี้นำพลังลมปราณจากยาเม็ดแห่งการเบ่งบานไปสู่จุดตันเถียนได้ เมื่อทําเช่นนั้นได้สาวน้อยคนนี้ก็จะปลอดภัย แต่ถึงแบบนั้นนางกลับเป็นมนุษย์ธรรมดา พลังที่ได้มาจากยาเม็ดพลังลมปราณที่ไม่มีที่จะไปได้สะท้อนกลับไปมาจนทําลายอวัยวะภายในของนางเอง หมิงหยินไม่รู้วิธีที่จะรักษาอีกต่อไป
ยาเม็ดแห่งการเบ่งบานเป็นยาที่เป็นพิษถึงสามส่วน แม้แต่ผู้ฝึกยุทธที่ได้กินมันยังต้องทุกข์ทรมาน ผู้ฝึกยุทธที่กินยาเม็ดนี้จะต้องทุกข์ทรมานจนกว่าร่างกายจะปรับตัวกับพลังที่ได้รับมา พวกเขาจะต้องรอจนกว่าเส้นพลังลมปราณทั้งแปดจะปรับตัวได้ เป็นเพราะผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายมากกว่าผู้ฝึกยุทธและคนทั่วไป และเพราะแบบนั้นจึงทําให้พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
หมิงซี่หยินยังคงส่งพลังลมปราณต่อไปอย่างไม่ลังเล
“หืม?” หมิงหยินสัมผัสได้ว่าพลังจากยากําลังเคลื่อนไปสู่จุดตันเถียนของสาวน้อย ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปชีวิตของนางคงจะต้องตกอยู่ในอันตรายไปมากกว่านี้ หมิงหยินจะต้องหยุดมันให้ได้
หมิงหยินไม่กล้าที่จะลดการป้องกันลง ตัวเขายังคงใช้พลังลมปราณเพื่อหยุดยั้งผลจากเม็ดยาในเส้นพลังลมปราณทั้งแปดของนางต่อไป หมิงหยินเป็นผู้ที่ขวางกั้นไม่ให้พลังทั้งหมดไหลเข้าสู่จุดตันเถียน
จนถึงตอนนี้ธิดาหอยสังข์เริ่มร้องคร่ําครวญ ที่ริมฝีปากบางๆของนางเริ่มมีเลือดไหลออกมา
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นตกใจ “ศิษย์พี่ ข้าจะรีบไปหาท่านอาจารย์เอง!”
หมิงหยินไม่ได้หยุดหยวนเอ๋อไว้ ตัวเขาในตอนนี้จดจ่ออยู่กับกับช่วยชีวิตธิดาหอยสังข์
หยวนเอ๋อที่ไม่ได้รับคําตอบรีบวิ่งออกไปจากห้อง
หมิงหยินได้ทําทุกอย่างที่พอจะทําได้แล้ว การช่วยชีวิตของใครสักคนมันยากไปกว่าการจะเข่นฆ่าใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่คาดคิดเอาไว้ ไม่นานหนักใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่เปียกโชก
ลู่โจวใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงศาลาทางใต้ เมื่อเดินมาถึงผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งหลายก็เริ่มโค้งคํานับให้กับเขา
ปัง!
ลูโจวสะบัดแขนของตัวเอง
คลื่นพลังลมปราณที่ไหลออกมาจากแขนได้ผลักประตูก่อนจะเปิดมันเข้าไป
“ท่านอาจารย์!” หมิงหยินดูรู้สึกผิด “ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะทําเช่นนี้! นางเร็วเกินไป! แต่ไม่ต้องห่วงไปท่านอาจารย์ เดี๋ยวนางก็หายดี!”
ลูโจวมองไปที่ธิดาหอยสังข์ สภาพของนางดูไม่สู้ดีนัก สีหน้าของนางมีแต่ความเจ็บปวด ที่ริมฝีปากมีคราบเลือด ที่สําคัญที่สุดก็คือร่างกายนางมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมา
“ถอยไป”
“ครับ” หมิงหยินรีบถอยไปที่ด้านข้าง ตัวเขาเช็ดเหงื่อออกก่อนที่จะโค้งคํานับให้ หมิงหยินไม่กล้าขยับไปไหน ใจของเขาเต้นรัวเมื่อมองไปยังสาวน้อย สาวน้อย เจ้ามีแต่จะต้องรอด มิเช่นนั้นข้าคงต้องถูกลงโทษจนตายแน่!”
ลู่โจวเดินไปที่เตียง ตัวเขาได้วางนิ้วทั้งสองลงบนข้อมือของนางก่อนที่จะถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปสู่ร่างกาย เส้นพลังลมปราณทั้งแปดของธิดาหอยสังข์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผลจากการกินเม็ดยาแห่งการเบ่งบานทําให้เส้นพลังลมปราณทั้งหมดเต็มไปด้วยพลัง พลังที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อจุดตันเถียน จุดตันเถียนที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนมาก่อนไม่มีพลังมากพอที่จะทนทานต่อพลังที่ได้รับจากเม็ดยาแน่ พลังที่เอ่อล้นต่อไปเรื่อยๆ จะทําให้สาวน้อยคนนี้กักเก็บพลังไม่ไหวจนต้องร่างกายแตกสลายไปแน่
ลู่โจวยกฝ่ามือขึ้นมา ในตอนนั้นเองก็มีแสงสีฟ้าจางๆส่งระหว่างนิ้ว
พลังที่สามารถไปทุกหนทุกแห่ง พลังที่มีผลประโยชน์มากมายคณานับ
นี่คือพลังวิเศษของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์: พลังแห่งการคงอยู่อย่างไร้ตัวตน
เมื่อพลังเข้าสู่ร่างกายของธิดาหอยสังข์ ผลของเม็ดยาแห่งการเบ่งบานก็ถูกระงับไปในทันที ท้ายที่สุดแล้วพลังของลู่โจวก็แข็งแกร่งกว่า
ครั้งนี้ลูโจวไม่ได้ใช้พลังวิเศษมากมายอะไร ตัวเขาใช้เพียงพลังส่วนเล็กๆ มาเพื่อรักษาสาวน้อย การที่จะเยียวยาสาวน้อยให้กลับมาเป็นปกติได้ไม่สามารถทําได้ในชั่วข้ามคืน แต่ในขณะที่ลูโจวพยายามรักษานางตัวเขาก็พบกับความเป็นเอกลักษณ์อะไรบางอย่างจากสาวน้อย“นี่มันไม่ถูกต้อง!”
หมิงหยินที่อยู่ไม่ไกลได้แต่กังวล ตัวเขากังวลว่าจะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับสาวน้อยคนนี้ หมิงซี่หยินรีบดึงตัวหยวนเอ๋อไปที่ด้านข้างก่อนที่จะถามออกมาเบาๆ “สาวน้อยคนนี้มาจากไหนกัน?”
หยวนเอ๋อบอกทุกอย่างที่นางรู้ให้กับหมิงซี่หยินได้ฟัง
จากสิ่งที่หยวนเอ๋อเล่าออกมาทําให้หมิงหยินมั่นใจว่าสาวน้อยคนนี้เป็นมนุษย์ธรรมดา ตอนนี้ตัวเขารู้สึกสบายใจมากขึ้น ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นแต่มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ทันใดนั้นเองจู่ๆ ก็มีแสงสีฟ้าสว่างวาบอยู่ภายในห้อง ดอกบัวสีฟ้าอันทรงพลังได้เข้าปกคลุมทั่วทั้งศาลาทางใต้ในทันที
หมิงหยินรู้สึกตกใจ ตัวเขาเหลือบมองไปที่แสงสีฟ้าที่อยู่บนพื้น จากนั้นตัวเขาก็หันมองไปที่นอกห้อง
ลูโจวเป็นผู้ที่ยืนอยู่บนใจกลางดอกบัวสีฟ้า ตัวเขาได้ส่งพลังผ่านฝ่ามือทั้งสองข้าง กลีบดอกบัวสีฟ้าที่ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาปรากฏขึ้นระหว่างนิ้วของตัวเขา ภายใต้แสงแดดที่ส่องลงมามันทําให้แสงสีฟ้าของดอกบัวยิ่งดูวิเศษขึ้น
พลังชีวิตมหาศาลได้พุ่งออกมาจากศาลาทางใต้สู่บริเวณโดยรอบ พลังที่พวยพุ่งออกมาราวกับกระแสน้ําอันเกรี้ยวกราด
ผู้ที่สังเกตเห็นพลังพวกแรกก็คือผู้อาวุโสทั้งสี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้า
เล้งลั่ว, ฝานลี่เทียน, ฮั่ววู่เด๋า และซูยู่ชูได้เดินออกจากห้องของตน ทั้งสี่มองดูดอกบัวสีฟ้าที่กําลังพร่างพราย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าไม่เคยเห็นท่านปรมาจารย์ใช้วิชารักษาที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน!”
“ หรือว่าเขากําลังรับมือกับปัญหาอยู่กัน?”
ทั้งสี่คนต่างก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เล้งลัวยกมือขึ้นโดยที่ไม่ได้พูดอะไร “พลังอวตารร้อยวิถี”
พลังอวตารที่ไร้ดอกบัวของเล้งลั่วปรากฏขึ้น แม้ว่าจะไร้ดอกบัวทองคํา แต่พลังอวตารร้อยวิถีก็ยังคงเป็นพลังอวตารร้อยวิถี มันไม่อาจที่จะใช้พลังอวตารทศภพหรือพลังที่ต่ํากว่านั้นมาเทียบเคียงได้ ไม่นานนักเล้งลั่วก็ส่งพลังอวตารที่มีให้ลอยขึ้นไปบนฟ้า
“ผู้อาวุโสเล้ง เจ้ากําลังทําอะไรกัน?” ฝานเทียนเป็นผู้ถาม
“ข้าเข้าใจแล้ว…” ฮั่ววูเด๋าเองก็ใช้พลังอวตารเช่นกัน พลังอวตารของเขาไร้ซึ่งดอกบัวทองคํา พลังอวตารร้อยวิถีของฮั่ววูเด้ได้ลอยขึ้นไปบนอากาศ
ฝานลี่เทียนที่เห็นแบบนั้นส่ายหัว “ถ้าเป็นแบบนั้นข้าจะเป็นคนแรกที่ลงมือช่วยเอง” ฝานลี่เทียนประสานฝามือก่อนที่พลังอวตารร้อยวิถี ตัวเขาได้ผลักพลังอวตารร้อยวิถีของตนให้ขึ้นไปบนฟ้า
พลังอวตารร้อยวิถีทั้งสามไม่มีดอกบัวทองคํา
ซยู่ชูที่เห็นแบบนั้นตกตะลึง “พวกเจ้าตัดดอกบัวทองคําออกหมดแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
“แล้วมีอะไรผิดแปลกกัน?” ทั้งสามคนต่างก็จับจ้องไปที่ซูยู่ชู
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่านางเพิ่งจะเข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้า เป็นธรรมดาที่นางจะยังไม่ตัดดอกบัวทองคําออกในทันที
ใบหน้าของซูยู่ชูเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าจะกล้าตัดดอกบัวทองคําออกมาจริงๆ” จากนั้นนางก็ได้กระแทกไม้เท้าลงบนพื้น
ซูววว!
พลังผนึกอักษรได้ลอยขึ้นรอบตัว พลังทั้งหมดซ้อนทับกัน มันได้ซ้อนทับจนก่อตัวเป็นพลังอวตารร้อยวิถี
ผู้อาวุโสทั้งสามต่างก็จ้องมองไปยังซูยู่ชู พวกเขารู้สึกถึงกับการใช้พลังอวตาร มีหลายวิธีที่ชาวลัทธิขงจื๊อจะใช้เรียกพลังอวตาร แน่นอนว่าชาวลัทธิเต๋าเองก็เช่นกัน แต่นี่เป็นวิธีที่น่าประทับใจอีกวิธีการหนึ่ง วิธีการที่แปลกใหม่เป็นวิธีการที่มีข้อดี วิธีการเช่นนี้คงไม่มีใครคาดถึง ถึงแม้ว่ามันจะมีข้อเสียที่พลังอวตารไม่ได้ปรากฏตัวด้วยความเร็วเหมือนกับวิธีทั่วไปก็ตาม สุดท้ายแล้วทุกคนสังเกตเห็นพลังอวตารของซูยู่ชูไร้ซึ่งดอกบัวทองคําเช่นกัน
พลังอวตารทั้งสี่ไร้ซึ่งดอกบัวทองคํา
ผู้อาวุโสทั้งสี่ต่างก็เหลือบมองกันและกันก่อนจะยิ้มออกมา
ในเวลาเดียวกันผู้อาวุโสทั้งหมดก็ได้ใช้พลังอวตารของตนโอบล้อมศาลาทางใต้ ก่อนที่จะบินไปยังห้องของหยวนเอ๋อ
พลังอวตารที่ตัดดอกบัวทองคําออกมีขนาดเล็กลงกว่าขนาดเดิมอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงแบบนั้น ภาพของอวตารร้อยวิถีก็ยังเป็นภาพอันน่าประทับใจและสามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ที่พบเห็นได้อยู่ดี
พลังอวตารร่างยักษ์สีทองที่เป็นชาย 3 หญิง 1 ได้ล้อมรอบดอกบัวสีฟ้าเอาไว้ เมื่อพลังอวตารทั้งหมดเข้าที่ พลังที่เหมือนกับน้ําตกก็หลั่งไหลลงมาจากอวตารทั้งสี่ร่าง ประกายแสงสีทอง และแสงสีฟ้าจากดอกบัวได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว