บทที่ 53 เพื่อนเก่า (3)
“พี่จื่อหาน ผมขอถามพี่หน่อย พี่รู้สึกยังไงกับอี้เป่ยซี”
ลั่วจื่อหานก้มหน้าก้มตาคิด เขารู้สึกยังไงกับอี้เป่ยซี? น่าทึ่งเหรอ เขารู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นน่ามองมาก คนคนนั้นทำให้คนรู้สึกอยากปกป้องได้ หรือเป็นเพราะว่า…เพราะว่าเธอคือเซี่ยเซี่ย คนที่เขาตามหามาสิบกว่าปีและคิดถึงมาสิบกว่าปี
เป็นเพราะว่าเซี่ยเซี่ยทำให้อดีตของเขาอบอุ่น ฉะนั้นจึงให้ความสำคัญกับอี้เป่ยซีในปัจจุบันมากขึ้น หรือเป็นเพราะว่าอี้เป่ยซีคู่ควรกับความใส่ใจของเขาตั้งแต่แรก
เป็นเพราะว่าเธอก็คือเธอล่ะมั้ง ไม่ว่าในอดีตจะเป็นเซี่ยเซี่ย หรือตอนนี้จะเป็นอี้เป่ยซี เธอก็คือคนในความทรงจำของเขา คนที่เขาชอบในตอนนี้
ลั่วจื่อหานยิ้มผ่อนคลาย “ไม่มีอะไร ตอนนี้ดึกมากแล้ว ฉันกลับก่อนล่ะ”
“ผมไปส่งพี่”
“ฉู่ซ่ง เรื่องนี้ฉันจะช่วยเอง”ลั่วจื่อหานที่เดินถึงหน้าประตูแล้วพูดกับเขา “และหวังว่านายจะไม่รังเกียจ”
“พี่จื่อหาน ไม่ ไม่จริงมั้ง ฉะ…ฉู่เซี่ยเมื่อก่อน…” ฉู่ซ่งประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมฉู่เซี่ยที่ไม่มีอะไรโดดเด่นในตอนนั้น ฉู่เซี่ยที่ต่ำต้อยที่สุดถึงมีโอกาสรู้จักกับคนอย่างลั่วจื่อหาน ทั้งๆ ที่พวกเขาสองคนอยู่กันคนละโลก
“ชัดเจนมาก แต่ว่านะฉู่ซ่ง เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว อย่าเอามาปนกับเรื่องงาน”
“ครับ”
ไม่นานเสียงและเงาของลั่วจื่อหานก็หายไปในสายฝน ฉู่ซ่งปิดประตู สีหน้าสับสน เฮ้อ ช่างเถอะๆ เรื่องของอนาคตค่อยว่ากันในอนาคต ตอนนี้มาคิดก่อนว่าจะจัดการเรื่องในปัจจุบันอย่างไร เขาพูดขณะคิดจะเหยียดตัว แต่เพิ่งยกแขนขึ้นก็ร้องเจ็บปวดพร้อมกับหดแขนกลับ
‘ยังต้องรักษาอีก ฉู่เซี่ย ถ้าเธอโผล่มาแล้วละก็ จะให้เธออยู่ปรนนิบัติข้างๆ ฉันอย่างดีเลย ไม่งั้นที่ฉันถูกอี้เป่ยเฉินรังแกหลายปีมานี้ก็จะสูญเปล่า’
ที่จิ่นหยวน อี้เป่ยเฉินกำลังโทรศัพท์อยู่ในห้องหนังสือ สีหน้ามีความกังวล
“ครับ อืม ครับ ให้อี้เป่ยซีเริ่มไปเรียนพรุ่งนี้วันจันทร์ได้เลย ดีครับ ขอบคุณอาจารย์นะครับ” คนปลายสายยังพูดอยู่ ประตูห้องหนังสือก็ถูกเปิดพรวด อี้เป่ยเฉินเหลือบมองน้องสาว เขาวางสายไปแล้ว
“ฉันไม่อยากย้ายมหา’ลัย”
“เสี่ยวซี มหา’ลัยจิงเหยียนก้าวหน้ากว่าที่หนิงเปิ่น เธอก็อยากเรียนเอกการเงินของเธอให้ดีไม่ใช่เหรอ?”
“พี่เป่ยเฉิน พี่ไม่ได้ปรึกษาฉัน พี่ควรจะถามว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่”
อี้เป่ยเฉินเดินเข้าไปต้องการจะดึงตัวเธอมา อี้เป่ยซีหลบทับที “พี่เป่ยเฉิน ฉันแค่ต้องการเรียนหนังสือที่หนิงเปิ่น ฉันจะไม่ไปที่จิงเหยียน ฉันไม่รู้ว่าพี่เป็นห่วงอะไร กังวลอะไร แต่ฉันอยากทำสิ่งที่ฉันอยากทำ ทำไมตอนนี้พี่ถึงไม่ยอมปล่อยฉัน ตอนนั้นพี่เป่ยเฉินก็เดินจากไปอย่างสง่างามไม่ใช่เหรอ?”
“เสี่ยวซี พี่รู้ว่าเมื่อก่อนพี่ผิดเอง ตอนนี้พี่จะไม่ทิ้งเธอไปอีกแล้ว จะไม่ปล่อยให้เธอตัดสินใจทำอะไรที่ทำร้ายตัวเองอีก”
“ฉันไม่ได้ทำร้ายตัวเอง พี่เป่ยเฉิน ฉันทำตามพี่ที่เอะอะอะไรก็ส่งฉันไปที่อื่นไม่ได้หรอก ฉันต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ตอนนี้ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันรับผลจากการตัดสินใจของตัวเองได้ อีกอย่างนะพี่ ฉู่ซ่งเขาเป็นคนดีมากจริงๆ ทำไมพี่ไม่ลองทำความรู้จักเขาดูล่ะ”
“ไม่จำเป็นหรอก เสี่ยวซี ตอนนี้ก็ดึกแล้ว กินข้าวแล้วไปพักผ่อนเถอะ”
อี้เป่ยซีกัดริมฝีปากมองผู้ชายที่อยู่ด้านข้าง เธอเติบโตอยู่ภายใต้การปกป้องของเขา เดินตามรอยเท้าเขา ทำตามการชี้นำของเขา เมื่อก่อนเคยคิดว่าเป็นเรื่องที่มีความสุข แต่ว่าตอนนี้ พี่เป่ยเฉิน ทำไมพี่ถึงดื้อดึงขนาดนี้ ก็เห็นอยู่ว่าพี่ไม่ใช่คนแบบนี้เลย
“เป็นอะไรไป”
“คุณแม่อี้ถามถึงพี่น่ะ ฉันกลับห้องก่อน” เธอพูดจบก็กลับไปยังห้องของตัวเองทันที แล้วล็อกประตู อี้เป่ยซีซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม รู้สึกเสียใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำไมจะต้องยืนกรานกับเรื่องนี้ขนาดนั้นด้วย พี่เป่ยเฉิน ปกติพี่ไม่ใช่คนดื้อด้านแบบนี้นี่
“ฮัลโหล แม่ครับ” อี้เป่ยเฉินนวดคลึงขมับ โทรศัพท์หาแม่ที่อยู่ต่างประเทศ
“หลายวันนี้ลูกคงเหนื่อยสินะ”
“พอได้ครับ เสี่ยวซีดื้อกับเรื่องนี้มากไปแล้ว ก็เลยยากนิดหน่อย”
“เป่ยเฉิน เรื่องนี้น่ะ คนที่ดื้อคือลูกล่ะมั้ง”
อี้เป่ยเฉินไม่ได้พูดอะไร มองดูมือของตัวเอง ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ มาจากปลายสาย
“ลูกก็น่าจะรู้ เป่ยซีเป็นคนที่ใส่ใจกับความรู้สึก และลูกก็น่าจะเข้าใจว่าถึงครอบครัวของฉู่ซ่งจะเลี้ยงน้องมาแค่ไม่กี่ปี แต่ก็มีผลกับใจของน้องมาก”
“พวกเขาไม่เหมาะสมกันอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อฉู่ซ่ง เสี่ยวซีจะมีชีวิตที่ลำบากแบบนั้นได้ยังไง คุณน้าเจิ้งจะฆ่าตัวตายได้ยังไง พวกเขาทำร้ายเสี่ยวซี ทำไมยังอยากจะให้เสี่ยวซีไปอยู่ใกล้พวกเขาอีก ผมไม่เห็นด้วย”
“เป่ยเฉิน นี่มันเรื่องในอดีตทั้งนั้น เป็นเรื่องสมัยก่อนพวกเรา ถึงจะพูดว่าพวกฉู่อี้พาตัวเสี่ยวซีไป แต่ว่าก็เพราะเขา เสี่ยวซีถึงได้เติบโตอย่างปลอดภัยแบบนี้ เติบโตจนกระทั่งวันที่แม่ไปรับน้องมา”
“เขาก็แค่อยากทำให้ตัวเองสบายใจเท่านั้น ก็แค่อยากให้ตัวเองเป็นอิสระจากการถูกประณามเรื่องความรับผิดชอบชั่วดีของตัวเอง แม่ครับ เรื่องนี้ผมแยกแยะเองได้”
“เป่ยเฉิน ลูกเป็นลูกของแม่ ลูกเป็นยังไงทำไมแม่จะไม่รู้ เป่ยเฉิน พวกลูกจะทำยังไงก็เป็นเรื่องของทั้งสองคนนะ แม่แก่แล้วช่วยอะไรไม่ได้ แต่ว่าวันนี้ลูกยังไม่ได้ไปดูน้องใช่ไหม ปกติเสี่ยวซีดูเป็นคนว่านอนสอนง่าย แต่น้องก็ดื้อเหมือนลูกนั่นแหละ ลูกอย่าผลักคนที่ตัวเองอยากปกป้องออกไปไกลกว่าเดิมสิ รู้ไหม”
“ผมรู้ว่าทำแบบไหนถึงเรียกว่าปกป้องเขา”
“เป่ยเฉิน ลูกกำลังกลัว ลูกไม่เชื่อเสี่ยวซีใช่หรือเปล่า?”
“แม่ เรื่องพวกนี้น่ะ ผมไม่คุยกับแม่แล้ว”พูดจบอี้เป่ยเฉินก็วางหู กลัวเหรอ เขาจะต้องกลัวอะไรอีก? มีอะไรคุ้มค่ากับความกลัวของเขา
เขาลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้องนอนของอี้เป่ยซี คนของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อให้คนอื่นเล่นและเหยียบย่ำ พวกเขาทำผิดต่อเสี่ยวซีขนาดนี้ ทำไมเขาจะต้องใจกว้างปล่อยให้เสี่ยวซีตกอยู่ในกับดักของคนอื่นอีก
คนที่คิดไม่ซื่อพวกนั้นควรจะอยู่ห่างจากเจ้าหญิงของเขา ฉู่ซ่งด้วย ลั่วจื่อหานก็ด้วย
เขาเคาะประตูเบาๆ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากข้างใน
“เสี่ยวซี เปิดประตูก่อน”
“เสี่ยวซี เสี่ยวซี” อี้เป่ยเฉินเม้มปาก หยิบกุญแจออกมาเปิดประตู เขาเห็นอี้เป่ยซีนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง ทั้งใบหน้าซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม ดูเหมือนกับหนอนผีเสื้อ
“เสี่ยวซี เสี่ยวซี” อี้เป่ยซีไม่สนใจเขา แกล้งทำเป็นนอนต่อ
อี้เป่ยเฉินตบๆ ผ้าห่ม นอนลงข้างเธอ แล้วกอดเธอไว้ผ่านผ้าห่ม “ทำไงดี พี่ไม่อยากเห็นเสี่ยวซีน้อยใจและทุกข์ใจเลย แต่พี่ก็ไม่อยากเห็นเสี่ยวซีถูกคนอื่นหลอกเหมือนกัน
เสี่ยวซี เธอไม่รู้เรื่องราวในอดีต แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ตอนนั้นพวกเขาทำผิดต่อเธอ พี่จำเป็นต้องทำให้เรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าตอนนี้เธอเห็นอะไร ตอนนี้เธอคิดว่าใครเป็นยังไงก็ช่าง รอบตัวเธอจะมีอันตรายซ่อนอยู่ไม่ได้อีก
ก่อนหน้านี้พี่ทำผิดพลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง พี่จะไม่ทำผิดอีก
เสี่ยวซี ถ้าเธอไม่อยากย้ายมหา’ลัยจริงๆ พวกเราก็ไม่ย้าย แต่ว่าเธอต้องรับปากพี่ว่าจะอยู่ให้ห่างจากพวกเขา ฉู่ซ่งก็ดี ลั่วจื่อหานก็ดี พวกเขาไม่ใช่คนดีอะไร”
อี้เป่ยซีเคลื่อนไหวอยู่ใต้ผ้าห่ม อี้เป่ยเฉินพูดต่อ “เสี่ยวซี เธอก็รู้ว่าพี่ไม่มีวันทำร้ายเธอ”
“พี่เป่ยเฉิน เชื่อฉันอีกสักครั้งได้ไหม…”
……………………….