บทที่ 114 เพื่อเป้าหมายอันชั่วร้าย (6)
ทั้งสองคนคุยกันสักพัก อี้เป่ยซีได้ยินเสียงเคาะประตูของคุณแม่อี้จึงต้องการวางสาย
“ไม่คุยกับนายแล้ว ฉันจะออกไปข้างนอกกับคุณแม่อี้”
“อี้เป่ยเฉินด้วยเหรอ?”
ทันใดนั้นอี้เป่ยซียิ้ม หรี่ตา “หึงเหรอ?”
“รู้ว่าฉันหึง แสดงว่ายังมีสติอยู่”
“ฉันเปล่า เอาล่ะฉันจะวางสายแล้ว ไว้ค่อยคุยกัน”
“เป่ยซี”
เธอสะพายกระเป๋าของตัวเอง เอียงศีรษะ “หืม?”
“จู่ๆ ก็คิดถึงเธอจังเลย”
เธอมีความสุขโดยไม่รู้ตัว “ไม่เจอกันนานแค่ไหนเอง”
“นานมาก นานมากๆ แล้ว”
คุณแม่อี้เคาะประตูอยู่ข้างนอกอีกหลายครั้ง อี้เป่ยซีบอกลาพอเป็นพิธีแล้ววางสายไป เปิดประตูโผเข้ากอดคุณแม่อี้
“คุณแม่อี้ยังใจร้อนเหมือนเดิมเลย”
“คุยโทรศัพท์?”
“เปล่าค่ะเปล่า” เธอลูบจมูกอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “หนูก็แค่รู้สึกว่า ออกไปกับคุณแม่คนสวยขนาดนี้ก็ต้องแต่งตัวให้ดีหน่อย ก็เลยใช้เวลานานไปนิด เป็นไงบ้าง ดูสดใสมากไหมคะ สวยมากไหม” อี้เป่ยซีหมุนตัวสองสามรอบ แล้วหมุนรอบคุณแม่อี้อีกสองสามรอบ
“สวยหรือเปล่า สวยหรือเปล่า”
คุณแม่อี้ยื่นมือหยิกแก้มของเธอ “สวยๆๆ เธอสวยที่สุดเลย ไปกันเถอะ”
อี้เป่ยซีหัวเราะควงแขนของเธอลงไปข้างล่าง เดินไม่กี่ก้าวก็เห็นรถที่คุ้นเคยปรากฏสู่สายตา จอดข้างพวกเธอ อี้เป่ยซีตามคุณแม่อี้ขึ้นไปนั่งเบาะหลัง พูดคุยหยอกล้อกับเธอ เสียงหัวเราะที่ดังเป็นครั้งคราวค่อยๆ บรรเทาบรรยากาศที่อึดอัด
มาถึงศูนย์การค้า คุณแม่อี้ก็ซื้อๆๆ เต็มที่ ลากอี้เป่ยซีลองชุดในร้านเสื้อผ้าทุกร้าน ซื้อเสื้อผ้าหลายสไตล์ ในขณะที่อี้เป่ยซีเดินแทบไม่ไหวแล้วนั้น คุณแม่อี้ก็ดึงดันต้องการจะลากเธอไปซื้อชุดชั้นในอีกสองสามตัว
“คุณแม่อี้ หนูไม่จำเป็นต้องซื้อจริงๆ จริงๆ นะคะ”
“เป่ยซี ทิ้งของเก่าไปได้แล้ว เด็กเกินไปแล้ว คราวนี้แม่จะซื้อชุดที่เหมาะกับวัยสาวของเธอให้” ได้ยินคำพูดของเธอ อี้เป่ยซีรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีนัก เหลือบมองอี้เป่ยเฉินด้วยความลำบากใจ เขากระแอมไอด้วยความอึดอัดบอกว่ามีธุระต้องขอตัวก่อน ทุกคนต่างรู้ดีว่าเป้าหมายของคุณแม่อี้คืออะไร เธอถอนหายใจเดินตามคุณแม่อี้ไปด้วยความจำใจ
“ไม่โอเค ตัวนี้ไม่โอเคค่ะแม่” อี้เป่ยซีรีบแขวนเสื้อกลับไปที่เดิม สายตาเหลือบมองรอบกาย ใบหน้าวัยสาวแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย น่ารักมาก
“ตัวนี้ก็ไม่เอา อ๊ะ ไม่เอาๆ” เธอส่ายหน้า ยืนกรานยัดเสื้อกลับไปไว้ที่เดิม คุณแม่อี้ไม่พอใจมาก เคาะหน้าผากของเธอ
“ถ้าเธอเขินก็ไปรอตรงนั้น แม่จะเลือกให้เธอเอง”
อี้เป่ยซีรู้ว่าตัวเองจะพูดมากไม่ได้ เดินลากเท้าไปอีกทาง เห็นท่าทางที่จริงจังของเธอ แอบย่องออกจากร้านไป ถอนหายใจอย่างแรง
“อี้เป่ยเฉินกำลังเลือกชุดชั้นในให้เธอเหรอ” เสียงที่ดังขึ้นฉับพลันทำเอาอี้เป่ยซีสะดุ้งโหยง เห็นท่าทางของลั่วจื่อหาน อี้เป่ยซีรีบเข้าไปหา
“นายไม่ได้อยู่ที่บริษัทเหรอ?”
“ซื้อเสื้อ หรือว่าชุดชั้นใน?” ลั่วจื่อหานหรี่ตา อี้เป่ยซีรู้สึกอุณหภูมิรอบข้างสูงขึ้นเล็กน้อย อดไม่ไหวถูๆ แขน ตบๆ ไหล่ของเขา
“แม่ฉันคิดว่าเสื้อผ้าของฉันเด็กเกินไป ยืนยันว่าจะมาฉันก็เลยไม่มีทางเลือก ฉันก็ผิดหวังมากนะโอเคไหม” เธอลำเชืองไปที่ป้ายร้าน “ดูยังไงฉันก็ไม่ใช่คนที่จะใส่เสื้อประเภทนี้เลย” เศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด
ลั่วจื่อหานหัวเราะ กอดเธอเบาๆ ปลอบอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไร เสื้อของเธอเมื่อก่อนมันก็…”
“นาย…” อี้เป่ยซีทั้งเขินทั้งโมโห ผลักเขาทันที “ไม่มีอะไรจะพูดกับนายแล้ว นายว่างนักหรือไง ยังมีเวลามาช้อปปิ้ง”
“อี้เป่ยเฉินมีเวลา ฉันก็มีบ้างไม่ได้เหรอ?”
“เฮ้อ ทำไมนายถึงยิ่งพูดยิ่งใส่อารมณ์แบบนี้ล่ะ เอ๊ะ นายจะเข้าไปทำไม?”
มุมปากยกขึ้น ยิ้มชั่วร้าย “ก็ต้องไปซื้อของอยู่แล้ว ยังจะทำอะไรได้ล่ะ”
“นาย นายจะซื้อให้ใคร”
เขาพยักหน้าด้วยท่าทีจริงจัง บอกตัวเลขจำนวนมาก “ซื้อให้คนในฝัน ได้หรือเปล่า”
“ลั่วจื่อหาน นายมันหน้าไม่อาย”
“จะรังเกียจลองให้หน่อยไหม คิดซะว่าเป็นนางแบบ?”
อี้เป่ยซีกลับหลังหันด้วยความโมโห มองค้อนเขาแล้วกลับไปหาคุณแม่อี้ทันที นึกว่าลั่วจื่อหานแค่หยอกเธอเล่นเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเดินป๋อเข้าไปจริงๆ พนักงานขายรีบเดินตามไป
เขายิ้มพร้อมก้มหน้าไม่รู้ว่าพูดอะไร พนักงานขายพยักหน้าเขินอายเล็กน้อยเดินจากไปแล้ว ลั่วจื่อหานเห็นอี้เป่ยซีที่จงใจก้มหน้า ยิ้มมุมปากเดินเข้ามาหาพวกเธอ
“คุณน้าอี้ เป่ยซี” ทักทายผู้หญิงทั้งสองคนอย่างสุภาพบุรุษ อี้เป่ยซีทนไม่ไหวอยากจะผลักเขาไปให้ไกลๆ ทำไมถึงไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่าลั่วจื่อหานเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ วันนี้ได้เห็นจริงๆ แล้ว
“ประธานลั่วมาซื้อของให้น้องสาวเหรอ?”
เขาส่ายหน้า “ผมไม่เหมือนกับประธานอี้ จื่อเซี่ยไม่ยอมให้ผมช่วยเขาทำเรื่องแบบนี้หรอกครับ”
“แฟน?”
“เอ่อ กำลังพยายามอยู่” ไม่ได้มองอาการของอี้เป่ยซี จะต้องทั้งอายทั้งโมโหแน่ๆ ยิ้มพลางรับเสื้อผ้าในมือของคุณแม่อี้มา “ตัวนี้ก็ไม่เลว เขาผิวขาว เหมาะสมมาก”
คุณแม่อี้ไม่ได้แสดงอาการ เหลือบมองอี้เป่ยซีที่กำลังก้มหน้า กระแอมไอเบาๆ “ไม่ยักรู้ว่าคุณสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย”
เขาพยักหน้า “เขาก็แค่เขินนิดหน่อย เป่ยซี เธอคิดว่าตัวนี้เป็นไง”
อี้เป่ยซีเงยหน้าขึ้นมาจ้องเขา ขณะที่คุณแม่อี้กำลังจะมองมาเธอรีบละสายตา “ฉัน ฉันไม่รู้ แล้วแต่พวกคุณเถอะ ฉันขอออกไปก่อน”
“เมื่อก่อนตอนที่เธอออกมาซื้อของกับพี่ชายก็ไม่เห็นหน้าบึ้งแบบนี้ ไม่ชอบแม่แล้วเหรอ?” คุณแม่อี้ดึงแขนของอี้เป่ยซีไปอีกทาง “ดูอีกหน่อยสิ”
ลั่วจื่อหานหรี่ตาเล็กน้อย ยิ้มเยือกเย็น “ประธานอี้ก็อยู่ด้วยเหรอ”
“ไม่อยู่ เขาไม่อยู่” อี้เป่ยซีรีบตอบ ไม่สนใจสีหน้าของคุณแม่อี้ ดึงมือออก กล่าวขอโทษแล้วพรวดออกไป
“ดูท่าทางประธานลั่วแล้ว จีบผู้หญิงครั้งแรกเหรอ?”
เขาแขวนเสื้อกลับอย่างดี “แค่ครั้งเดียว”
“ไม่ว่าแค่ครั้งเดียว หรือว่าครั้งแรก ฝืนหรือแย่ง ก็ไม่มีความหมาย”
เขาเยื้องย่างสองสามก้าว “ก็แค่เอากลับมาไม่ได้ซับซ้อนอะไร ผมยังมีธุระ แล้วเจอกันครับ” พูดจบก็เดินออกไปจากร้านชุดชั้นใน มองรอบทิศ ไม่เห็นเงาของอี้เป่ยซี เขาถอนหายใจ ส่งข้อความจากโทรศัพท์มือถืออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ขึ้นไปร้านชานมที่ชั้นเจ็ดอย่างสบายอารมณ์
ลั่วจื่อหานมองดูโทรศัพท์มือถือเป็นครั้งคราว เนื่องจากออร่าของเขาที่ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้ รอบกายจึงไม่มีใครเลยสักคน รู้สึกแปลกแยกอย่างเห็นได้ชัด
จนกระทั่งอี้เป่ยซีอ้อยอิ่งขึ้นบันไดมา ก็เห็นลั่วจื่อหานพิงอยู่บนเก้าอี้อย่างแปลกแยก หลับตา คิ้วขมวดกันเล็กน้อย เธอถือชานมแก้วหนึ่ง นั่งลงตรงข้ามลั่วจื่อหาน มองดูเขาอย่างตั้งใจ
————