บทที่ 118 กลับมาอีกครั้ง (2)
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนอนเร็วเกินไป อี้เป่ยซีตื่นเช้าเป็นพิเศษ ลืมตาดูพระอาทิตย์ขึ้น คอแห้งจนแทบทนไม่ได้ ค้นหาเครื่องดื่มในกระเป๋าแต่กลับไม่เหลือเลยสักขวด เพราะทนไม่ไหวจึงตัดสินใจไปหาน้ำดื่มในห้องรับแขก
เธอลุกขึ้นยืน รู้สึกเวียนหัว ยืนอยู่สักพักเมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้วจึงเปิดประตู เจอคุณแม่ฉู่ที่กำลังทำอาหารเช้าให้คนในบ้านพอดี
“ตื่นเช้าจังเลย?” เสียงของคุณแม่ฉู่ก็เจือปนความสะลึมสะลือเช่นกัน
“เปล่าค่ะ แค่กระหายน้ำ” ทันทีที่เธอเอ่ยปากก็พบว่าเสียงของตัวเองผิดปกติ เหมือนมันแยกออกจากกัน ไอสองสามทีแต่ก็ยังไม่หาย ทำอย่างไรก็รู้สึกอึดอัด
“มา ดื่มน้ำร้อนก่อน”
อี้เป่ยซีนวดคอพยักหน้า ดื่มน้ำแก้วหนึ่งช้าๆ ทดลองเสียงอีกรอบ แต่ก็ยังไม่มีประโยชน์ คุณแม่ฉู่เอาน้ำผึ้งให้อี้เป่ยซี ชุ่มคอมาก
“ตอนนี้ดีขึ้นบ้างไหม?” อี้เป่ยซีเงยหน้าด้วยความน่าสงสาร กระพริบตาถี่ คุณแม่ฉู่ยิ้มเอื้อมมือบีบหน้าของเธอ
“ยังบ๊องอยู่นิดหน่อย แต่ดีกว่าเมื่อก่อนมาก”
“อ๊า ทำยังไงดี เสียงเซ็กซี่ของฉันหายไปแล้ว” เธอนั่งอยู่บนโต๊ะ เบะปาก
“แบบนี้ยิ่งเซ็กซี่กว่า ดื่มน้ำผึ้งอีกไหม?”
อี้เป่ยซีส่ายหน้า “ช่างเถอะ ปล่อยแบบนี้แหละ จะทำข้าวเช้าเหรอคะ?”
คุณแม่ฉู่หยิบวัตถุดิบทั้งหมอออกมา ตอบว่าอือเบาๆ ทั้งสองคนหันหลังให้กัน เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง อี้เป่ยซีกรอกตาไปมาตลอดเวลา มองดูเวลาบนผนัง “เช้าจังเลย”
“ใช่แล้ว คุณพ่อทำงานเช้า”
“ตอนนี้เขา ทำอะไรเหรอคะ” อี้เป่ยซียังไม่สามารถพูดสองคำนั้นออกมาได้ ได้แต่ใช้คำว่า ‘เขา’ มาแทนที่ คุณแม่ฉู่ก็รู้สึกได้ ในใจเศร้าโศกแต่ยังทำทีเหมือนไม่ใส่ใจ
“ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการเชิงปฏิบัติการในโรงงานเอกชนเล็กๆ อาศัยอายุการทำงานเลื่อนตำแหน่งน่ะ”
“อือ แบบนั้นก็ดีนะคะ”
คุณแม่ฉู่หันไปเห็นเงาของเธอที่กำลังปีนขึ้นไปบนโต๊ะ “อืม ก็ดีนะ แบบนี้ชีวิตสงบแล้วก็มั่นคงหน่อย”
อี้เป่ยซีไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอย่างไร ผ่านไปเนิ่นนานจึงรวบรวมความกล้า “แล้วคุณล่ะ ตอนนี้คุณเป็นแม่บ้านเหรอ?”
“ฉู่ซ่งอยากให้ฉันทำแบบนั้น แต่ว่าฉันอยู่นิ่งไม่ได้ ตอนนี้มีร้านอาหารเล็กๆ เป็นของตัวเอง ยังพอมีรายได้บ้าง”
“ตอนนี้ฉู่ซ่งเก่งแล้วคุณก็ไม่ต้องยุ่งแบบนี้แล้วล่ะ ก่อนหน้านี้พวกเราสองคนยังคุยกันอยู่เลย…” อี้เป่ยซีหยุดกะทันหัน แอบด่าความปากไวของตัวเอง คว้าแก้วดื่มน้ำไปเล็กน้อย
“เสียงเธอเป็นปกติแล้ว ยังเพราะเหมือนเดิมเลย”
“เอ๊ะ จริงด้วย แปลกจังเลย” เธอทดสอบเสียงนิดหน่อย ในที่สุดเส้นเสียงก็ค้นพบเส้นทางที่ถูกต้องและราบเรียบดังเช่นปกติ
อีเป่ยซีหันหลัง เห็นเธอกำลังง่วนอยู่หน้าโต๊ะด้วยลำตัวที่งุ้มงอ แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก
เธอจำได้ว่าเมื่อสมัยเธอเป็นเด็กชอบยืนอยู่ข้างแม่เวลาที่เธอทำกับข้าว ในตอนนั้นเธอยังสูงไม่ถึงต้นขาของแม่ด้วยซ้ำ และมักจะลากดึงเธอและดูเธอทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อยู่เสมอ คุณแม่ในตอนนั้นสวมเสื้อผ้าสีสว่าง ยังเป็นสาว ผิวพรรณละเอียดอ่อน ลำตัวก็ยังตั้งตรง
เธอยังยื่นมือออกมาลูบผมของตัวเองเป็นครั้งคราว จากนั้นผมสีดำสนิทก็จะเปื้อนน้ำล้างผักหรือไม่ก็จะมีผักใบเขียวเล็กๆ ติดมาด้วย คนทั้งบ้านต่างมองเธอแล้วพากันหัวเราะ
มันผ่านมาตั้งนานแล้ว สิบกว่าปีแล้วสินะ
ว่ากันว่าเมื่อแก่แล้วก็มักจะรำลึกถึงเรื่องราวในอดีต เธอที่เป็นแบบนี้ก็คือแก่แล้วใช่ไหม?
“พวกคุณ สบายดีหรือเปล่า?”
เธอหยุดหั่นผัก หลังจากนั้นก็หั่นต่ออย่างชำนาญ “ไม่ได้สบายดีหรือไม่ดีหรอก ก็งั้นๆ แหละ”
“อ่อ” อี้เป่ยซีก้มหน้า แคะเล็บ
“เป่ยซี เมื่อก่อนลูกก็คงโทษพวกเราสินะ”
“ก็ไม่เชิงหรอก” เธอแคะเล็บต่อไป “หนูไม่รู้ว่าควรโทษใคร เรื่องนี้ก็บอกไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด อีกอย่าง หลายปีมานี้หนูสบายดีมาก”
“นั่นสิ ถ่วงลูกไว้ตั้งหลายปี ยังดีที่แค่ไม่กี่ปี”
อี้เป่ยซีไม่รู้ว่าเธอควรปลอบประโลมเธออย่างไร ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าและบ้านอี้คือผู้เคราะห์ร้าย เพราะว่าเธอเสียใจ เพราะว่าเธออยู่ไม่ติดที่ เพราะว่าเธอแปลกแยกไม่ได้โดยสิ้นเชิง และเพราะว่าเธอ แม้แต่บ้านเกิดก็ยังกลับไม่ได้
เห็นแบบนี้แล้ว เธอที่ถูกมองว่าเป็นผู้เคราะห์ร้ายมาตลอดนั้นคือฆาตกรที่แท้จริงต่างหาก จู่ๆ ก็อยากหัวเราะ
“ฉู่เซี่ย ทำไมเธอตื่นเช้าจังเลย” ฉู่ซ่งใส่กางเกงตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่าเดินเข้ามา คงตื่นเพราะความกระหายน้ำเช่นกัน คว้าน้ำแก้วหนึ่งแล้วกรอกเข้าปากอย่างรวดเร็ว สายตาของอี้เป่ยซีหยุดอยู่ที่ท่อนบนของเขา รีบเบือนหน้าไปทางอื่นทันที
“เธอดื่มช้าๆ หน่อยสิ” คุณแม่ฉู่เตือนสติด้วยความเหนื่อยหน่ายมาก ยังคงผัดกับข้าวอยู่
“ฉู่เซี่ย ฉู่เซี่ย” ฉู่ซ่งเดินอ้อมไปด้านหน้าเธอ อี้เป่ยซีทำตัวไม่ถูก ลุกขึ้นยืน
“ฉันจะกลับไปล้างหน้าล้างตา”
คุณแม่ฉู่ชำเลืองมองอาการของทั้งสองคน ตอบรับอย่างอารมณ์ดี อี้เป่ยซีรีบหนีไปทันที หลังจากปิดประตูแล้วจึงรู้สึกปลอดภัยพร้อมบอกตัวเองว่ารู้สึกเหนื่อยได้แล้ว ล้มตัวลงบนเตียง
‘เตียงหลังนี้แข็งมากจริงๆ’ เธอขมวดคิ้ว
“พวกแม่คุยอะไรกัน?” ฉู่ซ่งมีสีหน้าสงสัย มองไปยังทิศทางของห้องอี้เป่ยซี แล้วหันกลับมาหาแม่ของตัวเอง
คุณแม่ฉู่เข้าใจอย่างชัดเจน “ลูกก็ไม่รู้จักระวังเอาซะเลย เดินแก้ผ้าออกมาแบบนี้”
“ทำไมล่ะ ผมก็ใส่กางเกงอยู่นี่นา” เขาเข้าใจในทันที “ไม่หรอกมั้ง ใช่ว่าไม่เคยเห็น”
“ตอนนี้โตแล้ว แน่นอนว่าอะไรๆ ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว” คุณแม่ฉู่เคาะหัวของเขา “ไปใส่เสื้อให้ดี ระหว่างทางก็ปลุกพ่อลูกด้วย”
“แม่ เมื่อกี้พวกแม่คุยอะไรกัน?”
“ตอนนี้พวกเราคุยอะไรกันได้ไม่เท่าไร เขายังชอบกินเค้กอยู่ไหม เดี๋ยวแม่จะซื้อกลับมาฝาก”
ฉู่ซ่งส่ายหน้า ดูผิดหวังเล็กน้อย “ไม่ชอบแล้ว แม่เอามันฝรั่งทอดกลับมาฝากเขาก็ได้ เขาชอบกิน”
“มันฝรั่งทอด?”
“ใช่แล้ว เพราะว่ารักษาหุ่นจนไม่กล้าแตะต้อง ก็เลยรู้สึกว่าอร่อยเป็นพิเศษ ซื้อมาสักหน่อยเถอะ” พูดจบฉู่ซ่งกลับหลังหันไปที่ห้องของพ่อแม่ตัวเอง แล้วกลับห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำ
เมื่อถึงเวลาทานอาหารเช้าก็ยังคงไม่เห็นเงาของอี้เป่ยซี ฉู่ซ่งอาสาเดินไปที่หน้าห้อง เคาะประตูอย่างใจเย็นมากแต่ไม่มีปฏิกิริยาจากคนในห้อง เขาบิดลูกบิดประตู พบว่ามันไม่ได้ล็อค ย่องเข้าไป
ใบหน้าของอี้เป่ยซีติดอยู่บนหมอนสูง ผ้าห่มถูกเธอทับไว้ อีกทั้งยังขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกไม่สบายตัว
“ฉู่เซี่ย ฉู่เซี่ย…” อี้เป่ยซีไม่ได้นอนหลับลึก ลืมตาด้วยความสะลืมสะลือ
“ว่าไง?” ขนตาบนและล่างติดกันเล็กน้อย เธอยกมือขยี้
ฉู่ซ่งเห็นท่าทางของเธอก็อึ้งไปชั่วขณะ ดวงตาที่สดใสมีละอองน้ำ ท่าทางไร้เดียงสา ริมฝีปากสีชมพู…เขารีบละสายตาทันที “กินข้าวได้แล้ว”
“อ่อ โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
————