บทที่ 123 กลับมาอีกครั้ง (7)
อี้เป่ยซีรีบส่ายหัว เอ่ยปากด้วยความลำบากใจเล็กน้อย “ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้น เพราะฉัน เพราะฉันไม่เหมาะสมกับนาย จริงๆ นะ ลั่วจื่อหาน ฉัน นายไม่คุ้มค่าหรอก”
เขากอดเธอแน่นในอ้อมแขน “เป่ยซี นี่ไม่ใช่เหตุผล หรือเพราะฉันบุกเร็วเกินไป ถ้าเธอปรับตัวไม่ได้ พวกเราค่อยเป็นค่อยไปก็ได้”
“ลั่วจื่อหาน ฉันพูดอย่างชัดเจนแล้ว ไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น เพราะพวกเราไม่เหมาะสมกันจริงๆ ขอโทษ”
ลั่วจื่อหานยิ่งออกแรงกว่าเดิม “เป่ยซี เธอลองเบิกตาให้กว้างมองดูดีๆ ได้ไหม พวกเราไม่เหมาะสมกันตรงไหน”
อี้เป่ยซีออกแรงผลักเขา “เพราะว่าฉันไม่อยากหลอกลวง อีกต่อไปแล้ว เพราะว่าฉันเบิกตากว้างแล้ว นายทำเพื่อฉันมากมายเกินไปแล้ว ลั่วจื่อหาน ฉันขอโทษ ฉันคืนไม่ไหว”
“ความรักมันเป็นเรื่องของใครติดค้างใคร ใครต้องชดใช้งั้นเหรอ?” ลั่วจื่อหานเอาผมที่ปรกใบหน้าของเธอเกี่ยวหูด้วยความสั่นเทาเล็กน้อย “เป่ยซี ระยะห่างระหว่างพวกเราสองคน จะให้ฉันเป็นคนเดินเข้าไปก็ได้ เดินต่อไปเรื่อยๆ เข้าใกล้เรื่อยๆ แต่ว่าเธอหันกลับมาหน่อยได้ไหม เธอแค่ต้องหันมาเท่านั้น แม้แต่เรื่องแค่นี้ก็ไม่อยากทำเหรอ?”
เธอก้มหน้า ระงับหัวใจที่เต้นระรัว รู้สึกว่าดวงตาก็เปียกชื้นเช่นกัน “ขอโทษ ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่มีทางเลือก”
“ฉันเข้าใจแล้ว” ลั่วจื่อหานลดมือลงอย่างอ่อนแรง คว้าด้านหลังศีรษะของเธอฉับพลัน กัดไปที่ริมฝีปากของเธออย่างแรง อี้เป่ยซีไม่ได้ขัดขืนและไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ ปล่อยให้เขาจูบ น้ำตาที่ไหลลงมาเงียบๆ รวมเข้าด้วยกันกับน้ำตาของลั่วจื่อหาน ขมขื่นจนชวนให้ปวดใจ
อี้เป่ยซีไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าที่แท้การจูบเป็นเรื่องที่ทรมานแบบนี้ ที่แท้การปฏิเสธเป็นเรื่องที่ยากลำบากเช่นนี้
เธอรู้ดีว่าเธอชอบเขา แต่ก็เพราะว่าความชอบเธอจึงกลัว กลัวว่าเธอจะเจ็บ กลัวว่าเขาจะเจ็บเพราะเธอ กลัวว่าเขาทุ่มเทมากเกินไป กลัวว่าเธอก็ทำให้เขามีความสุขไม่ได้
ในใจของเธอนั้น ลั่วจื่อหานสง่างามมากๆ คุ้มค่าแก่การถูกรัก แต่ว่าไม่ใช่คนที่เธอจะสามารถรักได้
เขาสามารถอยู่กับคนธรรมดาที่รักเขาหมดหัวใจได้ และก็สามารถอยู่ด้วยกันกับคนที่เป็นเทพเหมือนกับเขา แต่ว่าจะอยู่กับคนที่มีแต่จะนำความวุ่นวายมาให้เขาอย่างเธอไม่ได้
ลั่วจื่อหาน นายเข้าใจหรือเปล่า ลั่วจื่อหาน ฉันชอบนายมากจริงๆ
ลั่วจื่อหานปล่อยเธอแล้วรีบขึ้นไปบนรถ “ไปเถอะ ฉันจะส่งเธอกลับไป” อี้เป่ยซีพยักหน้า ขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง รถเคลื่อนที่ไปอย่างช้ามากๆ ราวกับว่าอยากเปลี่ยนเส้นทางอันแสนสั้นนี้เป็นการเดินทางชั่วชีวิต
เธอกล่าวขอบคุณ วิ่งหนีกลับเข้าห้อง มองดูชุดสีฟ้าที่แขวนอยู่หัวเตียง น้ำตาก็ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัวแล้ว
อี้เป่ยซี เธอนี่มันไร้อนาคตจริงๆ เธอเป็นคนปฏิเสธเขาเอง เธอจะมาร้องไห้อะไร
จากนั้นอี้เป่ยซีก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อบทความสั้นๆ ของตัวเอง แก้แล้วแก้อีก บางคราวก็หาฉู่ซ่งไม่ก็คนอื่นๆ เพื่อถามรายชื่อผู้ติดต่อ รูปโปรไฟล์ของบรรดาผู้ติดต่อบางคนกลับกลายเป็นสีดำตลอดเวลา
หลิงซี: ฉันทำเสร็จแล้ว อาจารย์ช่วยดูหน่อยได้ไหมคะ?
ฉินติง: เร็วจังเลย งั้นก็รบกวนส่งมาหน่อยนะ
อี้เป่ยซีกดปุ่มส่ง เส้นประสาทที่ตื่นเต้นผ่อนคลายลงมาบ้าง มองไปรอบทิศอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าอยากทำอะไร รู้สึกว่าไม่ว่าทำอะไรก็ไม่มีความหมาย
ฉินติง: หลิงซี ผู้ชายที่หน้าร้านกาแฟวันก่อน ใช่แฟนเธอหรือเปล่า?
อาจเพราะรู้สึกว่าถามแบบนี้มันจู่โจมเกินไป ฉินติงรีบส่งอีกข้อความ
ฉินติง: ไม่ใช่ว่าฉันอยากยุ่งเรื่องของเธอ แฟนของเธอใช่คนที่ร้องเพลงคู่กับมู่ไป๋หรือเปล่า? เสียงเพราะมากเลย
อี้เป่ยซียิ้มขมขื่น พิมพ์ข้อความบนหน้าจออย่างเชื่องช้า
หลิงซี: ไม่ใช่ค่ะ เป็นแค่เพื่อนธรรมดา อาจารย์ฉินติง หูอาจารย์ดีมากเลยค่ะ แค่นี้ก็ฟังออกแล้ว
ฉินติง: พวกเธอสองคนดูเหมือนคนรักมากเลยนะ ลองพยายามดูสิ แล้วก็ รู้สึกว่าสิ่งที่เธอเขียนช่วงนี้ก็เกี่ยวข้องกับเขาสินะ
หลิงซี: ปัญหาส่วนตัวค่ะ อาจารย์คะฉันยังมีธุระ ขอออฟไลน์ก่อน ถ้ามีปัญหาเรียกฉันได้ทุกเมื่อ
อี้เป่ยซีถอยออกจากวีแชททันที จากนั้นก็ปิดเครื่อง เดินไปรอบห้องอย่างไร้จุดหมายสองสามรอบ เอาชุดที่อยู่บนหัวเตียงลงมาด้วยความหงุดหงิด ถืออยู่ไว้ในมือแล้วอดไม่ไหวที่จะกอดมันไว้ในอ้อมแขน
ถอดเสื้อบนตัวออก แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่อย่างจริงจัง แล้วถอดอีก แล้วใส่อีก…ทำซ้ำอยู่หลายครั้ง อี้เป่ยซีจึงตัดสินใจ พับเสื้อ เก็บใส่ในกระเป๋า นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ในเครื่องเล่นเพลงมีเพียงเพลงเดียว กดปุ่มเล่นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว
ได้ยินเสียงของลั่วจื่อหานก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้โฮออกมา ดังพร้อมไปกับบทเพลงเศร้า
“ฉู่เซี่ย ฉู่เซี่ย” ฉู่ซ่งพรวดเข้ามาด้วยความร้อนรน เห็นอี้เป่ยซีที่ดวงตาทั้งคู่แกงด่ำและน้ำตานอง หยุดยืนอยู่ที่เดิม “เธอ เธอเป็นอะไรไป? ทำไมเหมือนคนอกหักเลย”
“ฉันไม่มีความรักสักหน่อยจะอกหักได้ยังไง” อี้เป่ยซีใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา สูดจมูกฟึดฟัด “มีอะไร?”
ฉู่ซ่งจึงนึกขึ้นมาได้ แต่เมื่อเห็นท่าทางของเธอก็เริ่มรู้สึกลำบากใจ “คือว่า ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ฉันก็แค่รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย”
เขาเดินเข้ามาหาเธอ “แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา จะต้องมีสักคนที่เหมาะกับเธอแน่ อย่าเสียใจไปเลย”
“ฉันรู้ ฉันก็แค่อยากร้องไห้ อยากขับสารพิษ ไม่ได้เสียใจสักหน่อย นายอย่าเป็นห่วงไปเลย”
“คือว่า” ฉู่ซ่งกัดฟัน “คืนนี้มีปาร์ตี้ ถ้ายังไงฉันพาเธอไปเถอะ คิดซะว่าเป็นปาร์ตี้คนโสดก็แล้วกัน ออกไปข้างนอกเยอะๆ จะได้เห็นในสิ่งที่เธอต้องการ”
“ไม่ไป”
“แหม พี่สาวจ๋า ถ้าเธอจะขับพิษอีกเดี๋ยวก็โดนพิษหรอก” ฉู่ซ่งตบๆ ไหล่ของเธอ “คิดซะว่าไปเที่ยวดีหรือเปล่า”
“ฉันไม่ชอบปาร์ตี้”
“ก็แค่ปาร์ตี้ธรรมดา ไม่มีใครรู้จักใครหรอก ถ้าเธอไม่ชอบก็ออกไปเลยก็ได้ จะไม่ฝืนใจเธอ”
อี้เป่ยซีดวงตาเป็นประกาย “ทำไมจะต้องให้ฉันไปด้วย?”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็จะบอกเธอตามตรงละกัน ฉัน เอ่อ ชอบผู้หญิงคนนึง หวังว่าเธอจะช่วยแนะนำได้ อัยยา เธอหยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันไม่ได้มีเจตนาจะอวดเธอ”
ฉู่ซ่งพูดจากล่อมอยู่เนิ่นนาน อี้เป่ยซีจึงผงกศีรษะที่เย่อหยิ่งของเธอ ล้างหน้า แล้วเอนตัวนอนเหม่ออยู่บนเตียงอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งฉู่ซ่งมาเรียกเธอ จึงแตะสวิทช์เปิดปิดเครื่องของเธอ
“เธอไม่เปลี่ยนเสื้อ แต่งหน้าหน่อยเหรอ ถึงยังไงเธอก็เป็นตัวแทนเป็นหน้าตาของฉันนะ”
“หน้านายหล่ออยู่แล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องไปเสริมแต่งหรอก แบบนี้แหละ ไม่งั้นฉันไม่ไป”
“ได้ๆๆ ตามใจเธอ ตามใจเธอ” ฉู่ซ่งส่ายหน้า มองดูอี้เป่ยซีแต่งตัวด้วยความเหนื่อยหน่าย ‘เฮ้อ ถ้าหากลั่วจื่อหานเห็นว่าเธอใส่กางเกงขาสั้นออกนอกบ้านล่ะก็ ตัวเอง…’
“ฉู่เซี่ย ฉู่เซี่ยเซี่ย ข้างนอกหนาวนะ เธอไม่เปลี่ยนเสื้อหนาๆ หน่อยเหรอ?”
“ไม่ล่ะ ไปเถอะๆ จะพูดมากไปทำไม ไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายที่พูดมากเหมือนนายเลย”
“ฉัน” ฉู่ซ่งชี้เธอ แล้วชี้ตัวเอง “เธอ ช่างเถอะ ฉันนี่แหละชาวนาผู้เลี้ยงงู”
————