Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 266

ตอนที่ 266

ความรู้สึกตอนขนเปียกเป็นสิ่งที่วาห์นไม่ชอบเอาซะเลย แต่ตอนนี้เขาต้องมาอาบน้ำในร่างพยัคฆ์ขาวเพื่อให้แน่ใจว่ากลิ่นของเฮสเทียถูกขจัดออกไปจนหมด

ในช่วงแรกที่แปลงร่าง เขาสัมผัสได้ว่ากลิ่นที่ติดอยู่นั้นรุนแรงมากจนจมูกแทบพัง ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกสาวๆ จะแสดงท่าทีแบบนั้นออกมา

หากควบคุมตัวเองไม่ได้แบบในตอนนี้ วาห์นคงเดินออกไป ‘ตามล่า’ หาตัวเฮสเทียข้างนอกนั่นแทนแล้ว

ถึงกลิ่นจะไม่รุนแรงเท่ากับของเฮเฟสตัส แต่มันก็ชวนน่าดึงดูดและทำให้ใจสั่นไปหมด

เพราะไม่มีเวลามาตรวจสอบเสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นในระหว่างที่อยู่กับเฮสเทีย วาห์นจึงใช้เวลาในตอนนี้ให้เป็นประโยชน์

—————————————————————————

//เฮสเทียมีค่าความชื่นชอบเต็มแล้ว//

//ภารกิจสำเร็จ: [ความปราถนาของหัวใจ:C-SS]//

เกรดความสำเร็จ: S

รางวัล: 10,000OP, 1x[ความปราถนาของหัวใจ: เฮสเทีย]

รางวัลจากเกรด: 1x[เตาไฟศักดิ์สิทธิ์], 1x[คำสัญญาของสาวพรหมจรรย์], 9,000OP

[เตาไฟศักดิ์สิทธิ์]

ระดับ: พิเศษ

การใช้งาน: สร้างพื้นที่ปิดตาย ปกป้องผู้ที่อยู่ภายในจากภัยอันตรายทั้งปวง คงสภาพทางจิตให้อยู่ในระดับปกติและฟื้นฟูบาดแผลทางกายภาพต่างๆ ระยะเวลา: 72 ชั่วโมง

[คำสัญญาของสาวพรหมจรรย์]

ระดับ: พิเศษ

การใช้งาน: ชำระล้างผู้ใช้ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์และฟื้นคืนร่างกายทุกส่วนให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ข้อควรระวัง: ไอเท็มนี้จะสร้างภาระให้กับดวงวิญญาณอย่างหนัก ไม่ควรใช้เกิน 1 ครั้งต่อผู้ใช้

(A/N: อาจจะไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ ไอเท็มจำพวกนี้เป็นแบบใช้แล้วหมดไปนะครับ กรณีที่พูดถึงคือการที่วาห์นได้ไอเท็มมาเพิ่ม หรือ ได้ไอเท็มที่มีคำเตือนแบบเดียวกัน ถ้าเป็นแบบนั้น การใช้ซ้ำลงไปอีกจะส่งผลเสียต่อดวงวิญญาณโดยตรงครับ

—————————————————————————

ถึงอยากจะใช้ [ความปรารถนาของหัวใจ] แต่วาห์นก็ตัดสินใจเก็บมันเข้าช่องไอเท็มไปก่อน

เพราะอยากใช้มัน ‘ตามคิว’ ดังนั้นตราบใดที่ยังไปเปิดอันก่อนหน้า อันล่าสุดก็คงต้องรอไปอีกสักระยะ

วาห์นแน่ใจว่าตัวเองคงอยากทำตามความปรารถนาเหล่านี้ให้เร็วที่สุด แต่ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็จะไปขัดกับเรื่องที่ทุกคนอยากให้เขาพักผ่อนขึ้นมาแทน

เป็นไปไม่ได้ที่จะถามเรื่องนี้กับเจ้าตัวโดยตรง แต่วาห์นพอนึกภาพออกเลยว่าเฮสเทียคงเดินเข้ามาลูบหัวแปะๆ และพูดประมาณ ‘เอาไว้ก่อนก็ได้~’

ยังไงซะ นับตั้งแต่ตอนนี้จนถึงช่วงที่ถูกบังคับให้ออกจากเรคคอร์ด เขาก็จะได้อยู่เคียงข้างกับเฮสเทียในฐานะสมาชิกครอบครัวและแฟมิเลียไปตลอด

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์นั้นไม่จำเป็นต้องเร่งรีบแต่อย่างใด โดยเฉพาะเมื่อทั้งคู่เพิ่งจะออกเดินก้าวใหญ่ไปเมื่อเช้าวันนี้เอง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา วาห์นก็กลับมาที่ลานกว้างอีกครั้งพลางเฝ้ามองพวกสาวๆ ฝึกซ้อมตามเมนูที่ริวจัดไว้ให้

นอกจากท่ายืดเส้นยืดสายทั่วไปแล้ว ทุกคนยังต้องฝึกวิ่งทางวิบากไปมาซึ่งดูคล้ายกับตอนที่เขาฝึกกับลิลลี่ในช่วงแรกๆ มาก

เป้าหมายของริวก็คือการพัฒนาเวลาตอบสนอง การมองเห็น ประสาทรับรู้ และความสามารถในการเคลื่อนที่ของทุกคน

วาห์นสังเกตเห็นว่าพวกสาวๆ ปรับตัวเข้ากับการฝึกได้เป็นอย่างดี และรู้สึกไม่ผิดหวังเลยที่ปล่อยให้ริวเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง

เพราะเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ วาห์นจึงเริ่มจากการฝึกความสามารถทางจิตและเวทมนตร์ก่อนเป็นอันดับแรก

เขานั่งลงกับพื้นขณะจับตามองเหล่าผู้ฝึกมือใหม่โดยเน้นไปที่ท่าร่างและสรีระของแต่ละคน

เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อตอนแรก วาห์นก็เลยไม่ทันได้ดูชุดที่แต่ละคนสวมใส่อยู่

เนื่องจากยังไม่ได้ออกไปชอปปิ้งซื้อเสื้อผ้ากันเลย สิ่งที่พวกเธอใส่กันอยู่ในตอนนี้ก็เลยเป็นชุดสำรองที่เขาเหมามาจากร้านเสื้อผ้าและนำมาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้ากลาง

มาเริ่มจากมาเอมิกับเอมิรุก่อน ทั้งคู่สวมสิ่งที่ดูคล้ายเสื้อกั๊กสีฟ้าแบบไม่มีแขน ส่วนท่อนล่างก็เป็นเลกกิ้งสีดำที่ทับด้วยกางเกงขาสั้นสีแทนและรองเท้าบูทสีดำ

หางนุ่มฟูที่โผล่ออกมาจากด้านหลังทำให้สายตาของวาห์นวอกแวกไปบ้าง ส่วนหนึ่งก็เพราะมันไม่ใช่ชนิดที่เขาเห็นเป็นประจำทุกวัน

ทั้งสองมีผมสีเงินยาวประบ่า ส่วนหูสีขาวที่ยื่นออกมาก็ค่อนข้างกลมและมีจุดสีดำประปราย

เสื้อผ้าบางๆ ที่ทั้งคู่สวมใส่ ทำให้สรุปออกมาได้ว่าบ้านเกิดของพวกเธอคงจะมีอากาศหนาวเย็นกว่านี้มาก

ฮารุฮิเมะนั้นสวมใส่กิโมโนดัดแปลงสีแดงที่วาห์นมั่นใจสุดๆ ว่าเขาไม่ได้เป็นคนซื้อมา

หลังจากเพ่งมองด้วยความสนใจ เขาก็เห็นรอยเย็บตรงขอบกระโปรงและเข้าใจว่าเจ้าตัวหรือไม่ก็มิโคโตะคงจะปรับแก้มันเมื่อคืนวาน

วาห์นคงต้องรีบไปซื้อเสื้อผ้าให้กับฮารุฮิเมะแบบด่วนๆ โดยเน้นไปที่ชุดกิโมโนเพราะดูเหมือนเธอจะชอบสไตล์แบบนี้มาก

หลังจากถูกดัดแปลงใหม่ ส่วนกระโปรงของชุดกิโมโนก็ถูกตัดออกจนสั้นเกือบเท่าชุดของมิโคโตะ

หางนุ่มฟูขนาดใหญ่กำลังส่ายไปมาอย่างหมดแรงในขณะที่ผู้เป็นเจ้าของพยายามไล่ตามคนอื่นให้ทัน แต่ไม่ว่าจะดูโทรมขนาดไหน วาห์นก็เห็นแววตาสีเขียวที่ดูมั่นใจและไม่มีทีท่าว่าจะจืดจางลงเลย

เพราะกระโปรงโดนตัดจนสั้นบวกกับการที่เธอไม่ได้ใส่เลกกิ้ง เป็นอีกครั้งที่สายตาของวาห์นถูกบางอย่างเข้าครอบงำ

ฮารุฮิเมะมีเรียวขายาวสีขาวเกือบซีดและพวกมันกำลังขยับไปมาอย่างสะเปะสะปะ แต่ถ้าดูให้ลึกกว่านั้นจะเห็นว่ามันคล้ายกับการออกท่าเต้นมากกว่าการวิ่งแบบทั่วไป

‘…เดี๋ยวนะ!?’ พอพุ่งสายตาไปตรงส่วนหางด้านหลัง ดวงตาสีน้ำทะเลก็เบิกกว้างทันที

ตอนนี้การซื้อเสื้อผ้าให้ฮะรุฮิเมะนั้นถูกยกจากธุระอันดันต้นๆ ไปเป็นธุระอันดับหนึ่งแทนแล้ว

ส่วนสาเหตุหลักเลยก็คือ… ข้างล่างนั่นมันไม่มีชิ้นผ้าเล็กๆ ที่ผู้หญิงทุกคนพึงจะใส่

หลังจากถอนสายตาออกมา วาห์นก็หันไปมองทีน่าที่กำลังฝึกอย่างแข็งขันแทน วันนี้เธอสวมเสื้อสีน้ำตาลตัวหนาที่ยาวลงมาถึงต้นขา

วาห์นเดาว่าทีน่าคงจะได้รับอิทธิพลมาจากเอลฟ์สาว เพราะขาสั้นสีดำที่เธอใส่อยู่นั้นดูคล้ายกับ ‘กางเกงขาสั้น’ ของริวมาก

ดูไปดูมาแล้วสก็คล้ายกับกางเกงยิมสีดำของเด็กผู้หญิงที่เขาเห็นจากในมังงะสักเรื่อง

‘นักผจญภัยผู้หญิงที่เน้นความเร็วนี่เลือกใส่กางเกงแบบนี้เหมือนกันหมดเลยหรือเปล่านะ?’ คือสิ่งที่วาห์นคิดแต่ไม่ได้พูดออกมา

เขายังสงสัยด้วยว่าสาเหตุหลักน่าจะมาจากส่วนหาง เพราะถ้าใส่กางเกงแบบหลวมเกิน การเคลื่อนไหวก็จะติดขัดจากการที่หางส่ายไปมาแทน…

ขณะเฝ้ามองทีน่า วาห์นก็รู้สึกเหมือนโดนจ้องจากทางด้านขวาและหันไปสบตากับมิลานที่กำลังยิ้มให้

พอยิ้มตอบกลับไป เขาถึงเห็นว่าพรีเซียเองก็กำลังจ้องมาทางนี้เช่นกัน

สีหน้าว่างเปล่าก้มลงกับพื้นเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเทาซีดกลับไม่เปลี่ยนเป้าหมายไปจากเดิม

อาจเป็นเพราะเธอไม่ถูกกับอากาศหนาวเท่าไหร่นัก พรีเซียจึงเลือกใส่เสื้อผ้าที่ใหญ่และหนากว่าคนอื่นมาก

—————
ผลงาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP

—————

หลังจากโบกมือให้ทั้งสอง วาห์นก็หันไปหามิโคโตะที่กำลังฝึกดาบก่อนจะเปลี่ยนไปมองริวที่เฝ้ามองทุกคนอย่างตั้งอกตั้งใจ

มิโคโตะนั้นใส่ชุดแบบเดียวกับเมื่อวานเลย วาห์นจึงเข้าใจว่าเธอน่าจะมีเสื้อผ้าแบบเดียวกันที่นำมาจากทาเคมิคาสึจิแฟมิเลียอีกหลายชุด

รวมๆ แล้วเขาควรจะพาทุกคนออกไปซื้อเสื้อผ้าในเร็ววันโดยให้ฟาฟเนียร์คอยตามคุ้มครองอีกชั้น

ตอนนี้ฮารุฮิเมะมีเสื้อผ้าอยู่เพียงชุดเดียว หรือก็คือชุดที่เธอใส่ตอนเขาไปช่วยออกมานั่นแหละ

ถึงจะได้อาบน้ำทุกวัน แต่การปล่อยให้ใส่ชุดเดิมซ้ำๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ ส่วนเรื่องชุดชั้นใน เขาเองก็มีส่วนผิดที่ไม่ได้คิดเรื่องนี้ตั้งแต่แรก

ก่อนจะโดนคนอื่นกล่าวหาว่าเอาแต่จ้องไปเรื่อย วาห์นจึงเริ่มใช้ [แปลงโฉมพันหน้า] เพื่อทดสอบประสิทธิภาพและข้อจำกัดของมัน

สกิลนี้มีโอกาสให้ใช้ไม่บ่อยนัก แต่จะฝึกไว้บ้างคงไม่เสียหายอะไร แถมตอนนี้เขาก็ยังใช้ความสามารถอื่นๆ ควบคู่ไปกับมันไม่ได้เหมือนเดิม

นอกจากสกิลแฝงแล้ว ทึกอย่างถูกผนึกไว้จนหมด นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่เขาไม่ได้ลงมือกับฌอนทัคด้วยตัวเอง

เพราะคู่แฝดมักหันมามองเป็นระยะ พวกเธอจึงสังเกตเห็นเส้นผมของวาห์นที่กำลังยาวขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีเงินแทบจะทันที

หูของเผ่ามนุษย์ค่อยๆ หุบหายไปและถูกแทนที่ด้วยหูกลมๆ บนหัวพร้อมหางจากด้านหลัง

‘เอ๋!?’ x2

ทั้งสองรู้ทันทีว่าวาห์นเพิ่งจะเปลี่ยนมาเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันแบบต่อหน้าต่อตา

จู่ๆ ความรู้สึกตื่นเต้นก็ถาโถมเข้าใส่และทำให้พวกเธอตั้งใจฝึกหนักยิ่งกว่าเดิม

วาห์นที่ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปเริ่มเปลี่ยนกลับมาเป็นร่างมนุษย์เพื่อฟื้นพลังชั่วคราว

[แปลงโฉมพันหน้า] เป็นสกิลที่กินพลังน้อยมากในช่วงคงสภาพหลังแปลงร่างเสร็จ ปัญหาจริงๆ คือช่วงตอนแปลงร่างนี่แหละ

หลังจากพักไป 2-3 นาที วาห์นก็กลับไปมองฮารุฮิเมะที่จ้องตอบด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดๆ

วาห์นพยายามไม่สนใจสายตาแปลกๆ นั่นและเริ่มใช้ [แปลงโฉมพันหน้า] อีกครั้ง

ผมสีเข้มเริ่มกลายเป็นสีออกบลอนด์ทันที ส่วนหูที่งอกออกมาก็ดูโค้งกว่าของตัวต้นแบบเล็กน้อย จุดที่ดูตระการตาที่สุดเห็นจะเป็นหางฟูขนาดใหญ่จากด้านหลังนั่นเอง

ฮารุฮิเมะเบิกตากว้างแบบฉับพลันจนวาห์นเห็นแล้วยังต้องอมยิ้ม

เพราะความสงสัย เขาจึงเริ่มทดสอบความนุ่มของหางตัวเองและพยายามเทียบมันกับของฮารุฮิเมะ

ฮารุฮิเมะเห็นภาพนั้นแล้วก็ต้องยิ้มร่าและเกือบเดินเข้าไปหาเพื่อที่เขาจะได้เปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น แต่ก็โดนสายตาดุๆ ของริวปรามไว้เสียก่อน

เรนาร์ดสาวแลบลิ้นและหัวเราะเล็กน้อยกก่อนจะหันกลับไปตั้งใจฝึกให้หนักกว่าเดิมเป็นรายที่สาม

หลังตรวจสอบร่างกายตัวเองเสร็จแล้ว วาห์นก็เพิ่งเห็นนี่แหละว่าทั้งสามนั้นดูตั้งใจหนักกว่าเดิมมาก

‘เพราะเราเหรอ?… ไม่หรอกมั้ง

เป้าหมายต่อไปของวาห์นก็คือเฟนเรียร์ที่กำลังฉายแววตาสีแดงและตะโกนขึ้นมาก่อน

“เฟนเรียร์ต่อ! ทำเฟนเรียร์บ้าง~!”

บางคนถึงกับสะดุดอากาศไปตามๆ กัน แต่นั่นก็เรียกเสียงหัวเราะได้จากมิลาน… และเสียงขบฟันเบาๆ จากวาห์น

หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เส้นผมของวาห์นก็เริ่มแหลมคมขึ้นขณะที่มันเปลี่ยนจากสีเข้มเป็นสีน้ำเงินทึบ

เฟนเรียร์รีบวิ่งเข้ามาดูใกล้ๆ ก่อนที่การแปลงร่างจะจบโดยไม่สนใจเสียงทัดทานของริวแม้แต่น้อย

นอกจากดวงตาสีน้ำทะเลแล้ว ร่างกายส่วนอื่นๆ ของวาห์นได้เปลี่ยนไปเป็นลักษณะเดียวกับเฟนเรียร์แทบทั้งสิ้น

เพราะใช้เด็กสาวเป็นข้อมูลอ้างอิง ขนจึงเริ่มงอกออกมาจากส่วนต่างๆ โดยเน้นหนักไปที่ปลายแขนกับน่องขา

ตรงส่วนนิ้วเริ่มส่งเสียงแปลกๆ ก่อนที่พวกมันจะหดเล็กลงจนเหลือแค่กรงเล็บแทน ส่วนบริเวณฝ่ามือที่ไม่มีขนขึ้นก็ค่อยๆ กลายมาเป็นผิวหนังอีกแบบ

วาห์นเพิ่งจะรู้นี่แหละว่าหูของเฟนเรียร์นั้นหนักกว่าที่เห็นมาก พวกมันส่ายไปมาทุกครั้งที่เขาพยายามหันหัว

ตอนนี้เขาพอเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงชอบหันมาและหันกลับไปอีกทางเล็กน้อยทุกครั้ง

เฟนเรียร์ที่เข้ามาดูใกล้ๆ เริ่มตบพื้นเบาๆ ก่อนจะโดดขึ้นมาบนตักด้วยความดีใจ

“เหมือนกันแล้ว วาห์นเหมือนกับเฟนเรียร์เลย~!”

เนื่องจากกำลังฝึกอยู่ สิ่งที่เฟนเรียร์ใส่นั้นจึงมีแค่สปอร์ตบรากับขาสั้นรัดรูปตามแบบฉบับของชาวอเมซอน

วาห์นคิดว่าคงไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยๆ เขาจึงยื่นอุ้งมือออกมาเป็นเชิงให้เฟนเรียร์จับเล่นได้ ซึ่งอีกฝ่ายก็รับมันไว้ทันที

เขาเห็นว่าอุ้งมือกับกรงเล็บทั้งสองนั้นลงล็อคกันพอดี แต่แล้วเฟนเรียร์ก็เริ่มหน้าเสียเพราะเผลอใช้เล็บจิ้มใส่ฝ่ามือของวาห์นจนเกิดแผล

เด็กสาวรีบปล่อยมือ กระโดดออกจากตัก และเปลี่ยนไปก้มหัวพร้อมแสดงสีหน้าขอโทษแทน

เพราะไม่เคยได้แผลจากกรงเล็บของตัวเองมาก่อน เฟนเรียร์เลยนึกว่าผู้เป็นนายนั้นจะเป็น ‘แบบเดียวกัน’

วาห์นหัวเราะให้กับท่าทางลนลานของอีกฝ่ายก่อนจะยกมือขึ้นมาให้ดูว่าแผลนั้นหายดีแล้ว

บรรยากาศออกจะกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่เขาก็ใช้อุ้งมือลูบหัวของเฟนเรียร์และปล่อยให้เธอกลับไปฝึกต่อ

ก่อนจะเดินออกไป เฟนเรียร์หันกลับมาก้มหัวให้และพูดเบาๆ

“เฟนเรียร์ขอโทษ…”

นี่เป็นพัฒนาการที่สร้างความประหลาดใจและดีใจให้เขามากขณะเฝ้ามองอีกฝ่ายเดินออกไป

ตอนที่เฟนเรียร์มาอยู่ใหม่ๆ นั้นเธอค่อนข้างเอาแต่ใจมาก การที่เธอพูดขอโทษและแสดงความเห็นใจต่อผู้อื่นจึงเรื่องน่ายินดีจริงๆ

สาเหตุหลักน่าจะมาจากการสั่งสอนของมิลาน ส่วนอีกสาเหตุก็คือการปล่อยให้เธอดูแลและคอยปกป้องพรีเซีย

หลังจากเร่งฟื้นพลังด้วยการนั่งสมาธิ วาห์นก็ทดลองเปลี่ยนตัวเองเป็นเผ่ามนุษย์แกะภายใต้สายตาจ้องมองของพรีเซียพร้อมกับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่ศีรษะทันที

เพราะไม่เคยมีอะไรอย่าง ‘เขาแกะ’ มาติดอยู่บนหัวมาก่อน วาห์นจึงรู้สึกไม่ค่อยดีนักแต่ก็ยังฝืนยิ้มให้พรีเซียอย่างสุภาพ

สีหน้าของหญิงสาวไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่สิ่งที่เธอไม่มีทางตบตาวาห์นได้ก็คือออร่ากับค่าความชื่นชอบที่เพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย

ค่าที่ตอนแรกมีอยู่ประมาณ 20 ต้นๆ กลับเพิ่มขึ้นทีละนิดจนมาถึง 70 ปลายๆ ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน

ส่วนคู่แฝดที่กำลังหอบแฮกอยู่บนสนามนั้นมีค่าที่ไล่เลี่ยกันมาโดยตลอดและขึ้นมาอยู่ที่ 79-81

ของโมน่านั้นอยู่ที่ 58 ของชิซูเนะ 52 และของชีว่าที่ 85 ซึ่งเป็นเรื่องน่าฉงนจริงๆ

เนื่องจากค่าของดาร์คเอลฟ์สาวนั้นเริ่มมาไม่ต่างจากของพรีเซียนัก วาห์นจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอแยกตัวออกไป

เขาคาดว่าคงจะได้เจอกับเธออีกครั้งในอนาคตและรู้สึกสงสัยหน่อยๆ ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่

หลังจากกลับสู่ร่างปกติและนั่งสมาธิต่ออีก 20 นาทีก็มีเสียงเล็กๆ ร้องท้วงขึ้น

“อ้าว แล้วของมนุษย์แมวล่ะ~เมี๊ยว!?”

วาห์นลืมตาขึ้นมาเห็นทีน่าตัวน้อยที่กำลังงอนแก้มป่องและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

พอหันไปดูเผ่ามนุษย์แมวอีกคน เขาก็เห็นมิลานที่กำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ

ทีน่าคงรู้สึกเหมือนโดนเมินอยู่คนเดียว เรื่องนี้วาห์นพอเข้าใจได้เพราะเขาเล่นแปลงเป็นเผ่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ทุกชนิดที่อยู่ในนี้… เว้นก็แต่เผ่าของเธอ

วาห์นค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับแปลงร่างเป็นชายหนุ่มเผ่ามนุษย์แมวที่มีผมสีเกาลัดและดวงตาสีฟ้า

สีหน้าบูดบึ้งของทีน่าเลือนหายไปทันทีที่ได้เห็น ‘วาห์น 2.0’ อยู่ตรงหน้า

อันที่จริง ‘วาห์น 1.0’ เองก็ดูดีอยู่แล้ว แต่เด็กสาวรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงกว่าเดิมมากเมื่อคนที่ชอบได้รับการ ‘ปรับรุ่น’

แต่ถึงจะรู้สึกตื่นเต้นกว่าปกติ ความรู้สึกอีกสายก็ดันออกมาแทรกแซงซะอย่างนั้น

มันเป็นความรู้สึกเศร้าๆ และโหยหาที่แม้แต่เจ้าตัวเองยังไม่เข้าใจ

วาห์นเห็นความผิดปกตินั่นจากออร่าที่เด็กสาวปล่อยออกมา พอหันกลับไปทางมิลาน เขาก็พบกับสีหน้า ‘แสนคิดถึง’

วาห์นยังไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เรื่องเดียวที่พอนึกออกก็คือภาพของตัวเขาเองกำลังไปซ้อนทับกับพ่อของทีน่าและอดีตสามีของมิลาน

ทั้งสองแสดงแววตาแสนโหยหาจนวาห์นรู้สึกเหมือนถูกกดดันอย่างหนักจนต้องใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] เพื่อเข้าไปหาทีน่า

ตอนแรกเขากะจะเดินเข้ามาปลอบเธออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนเหตุการณ์จะเลยเถิดกว่าที่คิด

ทีน่าในตอนนี้สูงประมาณ 115 ซม. ซึ่งถือว่าตัวเล็กที่สุดในคฤหาสน์

แม้แต่เฮสเทียที่โดนโลกิล้อว่าเป็น ‘ยัยเทพเตี้ย’ อยู่บ่อยครั้งยังสูงกว่าเธอเกือบหนึ่งไม้บรรทัด (TL: เฮสเทียสูง 140 ซม. ครับ)

มือที่กำลังยกขึ้นมาลูบหัวหยุดชะงักทันทีที่ได้สบกับดวงตาเปียกชื้นของอีกฝ่าย

วาห์นยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและตัดสินใจทำตัวตามธรรมชาติแทน เริ่มจากการอุ้มเด็กสาวขึ้นสู่อ้อมแขนก่อนจะสวมกอดเธอไว้

เขาลูบหลังเธอเบาๆ ขณะแสดงสีหน้าขอโทษมาทางริวและเดินเข้าไปหามิลาน

ในช่วงที่วาห์นเข้ามาใกล้นั้น ความเศร้าก็เข้ามาเกาะกุมหัวใจของทีน่าทันที

รอยยิ้มนั่นพอจะเรียกความสุขให้กลับคืนมาได้บ้าง แต่มันก็เทียบกับตอนที่วาห์นอุ้มเธอขึ้นจากพื้นไม่ได้เลย

ทั้งกอดเคยกอดกันมาก่อน เคยนอนเตียงเดียวกันกันด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกในตอนนี้กลับรุนแรงกว่ามาก

ทีน่ารู้สึกปลอดภัยอย่างที่สุดขณะพิงศีรษะไปกับหัวไหล่ของวาห์น

เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมน้ำตาถึงไหลออกมาทันทีที่วาห์นเดินเข้ามากอดผู้เป็นแม่แบบสั้นๆ ก่อนที่ทั้งสามจะกลับเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยกัน…

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท