ความรู้สึกตอนขนเปียกเป็นสิ่งที่วาห์นไม่ชอบเอาซะเลย แต่ตอนนี้เขาต้องมาอาบน้ำในร่างพยัคฆ์ขาวเพื่อให้แน่ใจว่ากลิ่นของเฮสเทียถูกขจัดออกไปจนหมด
ในช่วงแรกที่แปลงร่าง เขาสัมผัสได้ว่ากลิ่นที่ติดอยู่นั้นรุนแรงมากจนจมูกแทบพัง ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกสาวๆ จะแสดงท่าทีแบบนั้นออกมา
หากควบคุมตัวเองไม่ได้แบบในตอนนี้ วาห์นคงเดินออกไป ‘ตามล่า’ หาตัวเฮสเทียข้างนอกนั่นแทนแล้ว
ถึงกลิ่นจะไม่รุนแรงเท่ากับของเฮเฟสตัส แต่มันก็ชวนน่าดึงดูดและทำให้ใจสั่นไปหมด
เพราะไม่มีเวลามาตรวจสอบเสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นในระหว่างที่อยู่กับเฮสเทีย วาห์นจึงใช้เวลาในตอนนี้ให้เป็นประโยชน์
—————————————————————————
//เฮสเทียมีค่าความชื่นชอบเต็มแล้ว//
//ภารกิจสำเร็จ: [ความปราถนาของหัวใจ:C-SS]//
เกรดความสำเร็จ: S
รางวัล: 10,000OP, 1x[ความปราถนาของหัวใจ: เฮสเทีย]
รางวัลจากเกรด: 1x[เตาไฟศักดิ์สิทธิ์], 1x[คำสัญญาของสาวพรหมจรรย์], 9,000OP
[เตาไฟศักดิ์สิทธิ์]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: สร้างพื้นที่ปิดตาย ปกป้องผู้ที่อยู่ภายในจากภัยอันตรายทั้งปวง คงสภาพทางจิตให้อยู่ในระดับปกติและฟื้นฟูบาดแผลทางกายภาพต่างๆ ระยะเวลา: 72 ชั่วโมง
[คำสัญญาของสาวพรหมจรรย์]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: ชำระล้างผู้ใช้ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์และฟื้นคืนร่างกายทุกส่วนให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ข้อควรระวัง: ไอเท็มนี้จะสร้างภาระให้กับดวงวิญญาณอย่างหนัก ไม่ควรใช้เกิน 1 ครั้งต่อผู้ใช้
(A/N: อาจจะไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ ไอเท็มจำพวกนี้เป็นแบบใช้แล้วหมดไปนะครับ กรณีที่พูดถึงคือการที่วาห์นได้ไอเท็มมาเพิ่ม หรือ ได้ไอเท็มที่มีคำเตือนแบบเดียวกัน ถ้าเป็นแบบนั้น การใช้ซ้ำลงไปอีกจะส่งผลเสียต่อดวงวิญญาณโดยตรงครับ
—————————————————————————
ถึงอยากจะใช้ [ความปรารถนาของหัวใจ] แต่วาห์นก็ตัดสินใจเก็บมันเข้าช่องไอเท็มไปก่อน
เพราะอยากใช้มัน ‘ตามคิว’ ดังนั้นตราบใดที่ยังไปเปิดอันก่อนหน้า อันล่าสุดก็คงต้องรอไปอีกสักระยะ
วาห์นแน่ใจว่าตัวเองคงอยากทำตามความปรารถนาเหล่านี้ให้เร็วที่สุด แต่ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็จะไปขัดกับเรื่องที่ทุกคนอยากให้เขาพักผ่อนขึ้นมาแทน
เป็นไปไม่ได้ที่จะถามเรื่องนี้กับเจ้าตัวโดยตรง แต่วาห์นพอนึกภาพออกเลยว่าเฮสเทียคงเดินเข้ามาลูบหัวแปะๆ และพูดประมาณ ‘เอาไว้ก่อนก็ได้~’
ยังไงซะ นับตั้งแต่ตอนนี้จนถึงช่วงที่ถูกบังคับให้ออกจากเรคคอร์ด เขาก็จะได้อยู่เคียงข้างกับเฮสเทียในฐานะสมาชิกครอบครัวและแฟมิเลียไปตลอด
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์นั้นไม่จำเป็นต้องเร่งรีบแต่อย่างใด โดยเฉพาะเมื่อทั้งคู่เพิ่งจะออกเดินก้าวใหญ่ไปเมื่อเช้าวันนี้เอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา วาห์นก็กลับมาที่ลานกว้างอีกครั้งพลางเฝ้ามองพวกสาวๆ ฝึกซ้อมตามเมนูที่ริวจัดไว้ให้
นอกจากท่ายืดเส้นยืดสายทั่วไปแล้ว ทุกคนยังต้องฝึกวิ่งทางวิบากไปมาซึ่งดูคล้ายกับตอนที่เขาฝึกกับลิลลี่ในช่วงแรกๆ มาก
เป้าหมายของริวก็คือการพัฒนาเวลาตอบสนอง การมองเห็น ประสาทรับรู้ และความสามารถในการเคลื่อนที่ของทุกคน
วาห์นสังเกตเห็นว่าพวกสาวๆ ปรับตัวเข้ากับการฝึกได้เป็นอย่างดี และรู้สึกไม่ผิดหวังเลยที่ปล่อยให้ริวเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง
เพราะเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ วาห์นจึงเริ่มจากการฝึกความสามารถทางจิตและเวทมนตร์ก่อนเป็นอันดับแรก
เขานั่งลงกับพื้นขณะจับตามองเหล่าผู้ฝึกมือใหม่โดยเน้นไปที่ท่าร่างและสรีระของแต่ละคน
เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อตอนแรก วาห์นก็เลยไม่ทันได้ดูชุดที่แต่ละคนสวมใส่อยู่
เนื่องจากยังไม่ได้ออกไปชอปปิ้งซื้อเสื้อผ้ากันเลย สิ่งที่พวกเธอใส่กันอยู่ในตอนนี้ก็เลยเป็นชุดสำรองที่เขาเหมามาจากร้านเสื้อผ้าและนำมาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้ากลาง
มาเริ่มจากมาเอมิกับเอมิรุก่อน ทั้งคู่สวมสิ่งที่ดูคล้ายเสื้อกั๊กสีฟ้าแบบไม่มีแขน ส่วนท่อนล่างก็เป็นเลกกิ้งสีดำที่ทับด้วยกางเกงขาสั้นสีแทนและรองเท้าบูทสีดำ
หางนุ่มฟูที่โผล่ออกมาจากด้านหลังทำให้สายตาของวาห์นวอกแวกไปบ้าง ส่วนหนึ่งก็เพราะมันไม่ใช่ชนิดที่เขาเห็นเป็นประจำทุกวัน
ทั้งสองมีผมสีเงินยาวประบ่า ส่วนหูสีขาวที่ยื่นออกมาก็ค่อนข้างกลมและมีจุดสีดำประปราย
เสื้อผ้าบางๆ ที่ทั้งคู่สวมใส่ ทำให้สรุปออกมาได้ว่าบ้านเกิดของพวกเธอคงจะมีอากาศหนาวเย็นกว่านี้มาก
ฮารุฮิเมะนั้นสวมใส่กิโมโนดัดแปลงสีแดงที่วาห์นมั่นใจสุดๆ ว่าเขาไม่ได้เป็นคนซื้อมา
หลังจากเพ่งมองด้วยความสนใจ เขาก็เห็นรอยเย็บตรงขอบกระโปรงและเข้าใจว่าเจ้าตัวหรือไม่ก็มิโคโตะคงจะปรับแก้มันเมื่อคืนวาน
วาห์นคงต้องรีบไปซื้อเสื้อผ้าให้กับฮารุฮิเมะแบบด่วนๆ โดยเน้นไปที่ชุดกิโมโนเพราะดูเหมือนเธอจะชอบสไตล์แบบนี้มาก
หลังจากถูกดัดแปลงใหม่ ส่วนกระโปรงของชุดกิโมโนก็ถูกตัดออกจนสั้นเกือบเท่าชุดของมิโคโตะ
หางนุ่มฟูขนาดใหญ่กำลังส่ายไปมาอย่างหมดแรงในขณะที่ผู้เป็นเจ้าของพยายามไล่ตามคนอื่นให้ทัน แต่ไม่ว่าจะดูโทรมขนาดไหน วาห์นก็เห็นแววตาสีเขียวที่ดูมั่นใจและไม่มีทีท่าว่าจะจืดจางลงเลย
เพราะกระโปรงโดนตัดจนสั้นบวกกับการที่เธอไม่ได้ใส่เลกกิ้ง เป็นอีกครั้งที่สายตาของวาห์นถูกบางอย่างเข้าครอบงำ
ฮารุฮิเมะมีเรียวขายาวสีขาวเกือบซีดและพวกมันกำลังขยับไปมาอย่างสะเปะสะปะ แต่ถ้าดูให้ลึกกว่านั้นจะเห็นว่ามันคล้ายกับการออกท่าเต้นมากกว่าการวิ่งแบบทั่วไป
‘…เดี๋ยวนะ!?’ พอพุ่งสายตาไปตรงส่วนหางด้านหลัง ดวงตาสีน้ำทะเลก็เบิกกว้างทันที
ตอนนี้การซื้อเสื้อผ้าให้ฮะรุฮิเมะนั้นถูกยกจากธุระอันดันต้นๆ ไปเป็นธุระอันดับหนึ่งแทนแล้ว
ส่วนสาเหตุหลักเลยก็คือ… ข้างล่างนั่นมันไม่มีชิ้นผ้าเล็กๆ ที่ผู้หญิงทุกคนพึงจะใส่
หลังจากถอนสายตาออกมา วาห์นก็หันไปมองทีน่าที่กำลังฝึกอย่างแข็งขันแทน วันนี้เธอสวมเสื้อสีน้ำตาลตัวหนาที่ยาวลงมาถึงต้นขา
วาห์นเดาว่าทีน่าคงจะได้รับอิทธิพลมาจากเอลฟ์สาว เพราะขาสั้นสีดำที่เธอใส่อยู่นั้นดูคล้ายกับ ‘กางเกงขาสั้น’ ของริวมาก
ดูไปดูมาแล้วสก็คล้ายกับกางเกงยิมสีดำของเด็กผู้หญิงที่เขาเห็นจากในมังงะสักเรื่อง
‘นักผจญภัยผู้หญิงที่เน้นความเร็วนี่เลือกใส่กางเกงแบบนี้เหมือนกันหมดเลยหรือเปล่านะ?’ คือสิ่งที่วาห์นคิดแต่ไม่ได้พูดออกมา
เขายังสงสัยด้วยว่าสาเหตุหลักน่าจะมาจากส่วนหาง เพราะถ้าใส่กางเกงแบบหลวมเกิน การเคลื่อนไหวก็จะติดขัดจากการที่หางส่ายไปมาแทน…
ขณะเฝ้ามองทีน่า วาห์นก็รู้สึกเหมือนโดนจ้องจากทางด้านขวาและหันไปสบตากับมิลานที่กำลังยิ้มให้
พอยิ้มตอบกลับไป เขาถึงเห็นว่าพรีเซียเองก็กำลังจ้องมาทางนี้เช่นกัน
สีหน้าว่างเปล่าก้มลงกับพื้นเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเทาซีดกลับไม่เปลี่ยนเป้าหมายไปจากเดิม
อาจเป็นเพราะเธอไม่ถูกกับอากาศหนาวเท่าไหร่นัก พรีเซียจึงเลือกใส่เสื้อผ้าที่ใหญ่และหนากว่าคนอื่นมาก
—————
ผลงาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
หลังจากโบกมือให้ทั้งสอง วาห์นก็หันไปหามิโคโตะที่กำลังฝึกดาบก่อนจะเปลี่ยนไปมองริวที่เฝ้ามองทุกคนอย่างตั้งอกตั้งใจ
มิโคโตะนั้นใส่ชุดแบบเดียวกับเมื่อวานเลย วาห์นจึงเข้าใจว่าเธอน่าจะมีเสื้อผ้าแบบเดียวกันที่นำมาจากทาเคมิคาสึจิแฟมิเลียอีกหลายชุด
รวมๆ แล้วเขาควรจะพาทุกคนออกไปซื้อเสื้อผ้าในเร็ววันโดยให้ฟาฟเนียร์คอยตามคุ้มครองอีกชั้น
ตอนนี้ฮารุฮิเมะมีเสื้อผ้าอยู่เพียงชุดเดียว หรือก็คือชุดที่เธอใส่ตอนเขาไปช่วยออกมานั่นแหละ
ถึงจะได้อาบน้ำทุกวัน แต่การปล่อยให้ใส่ชุดเดิมซ้ำๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ ส่วนเรื่องชุดชั้นใน เขาเองก็มีส่วนผิดที่ไม่ได้คิดเรื่องนี้ตั้งแต่แรก
ก่อนจะโดนคนอื่นกล่าวหาว่าเอาแต่จ้องไปเรื่อย วาห์นจึงเริ่มใช้ [แปลงโฉมพันหน้า] เพื่อทดสอบประสิทธิภาพและข้อจำกัดของมัน
สกิลนี้มีโอกาสให้ใช้ไม่บ่อยนัก แต่จะฝึกไว้บ้างคงไม่เสียหายอะไร แถมตอนนี้เขาก็ยังใช้ความสามารถอื่นๆ ควบคู่ไปกับมันไม่ได้เหมือนเดิม
นอกจากสกิลแฝงแล้ว ทึกอย่างถูกผนึกไว้จนหมด นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่เขาไม่ได้ลงมือกับฌอนทัคด้วยตัวเอง
เพราะคู่แฝดมักหันมามองเป็นระยะ พวกเธอจึงสังเกตเห็นเส้นผมของวาห์นที่กำลังยาวขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีเงินแทบจะทันที
หูของเผ่ามนุษย์ค่อยๆ หุบหายไปและถูกแทนที่ด้วยหูกลมๆ บนหัวพร้อมหางจากด้านหลัง
‘เอ๋!?’ x2
ทั้งสองรู้ทันทีว่าวาห์นเพิ่งจะเปลี่ยนมาเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันแบบต่อหน้าต่อตา
จู่ๆ ความรู้สึกตื่นเต้นก็ถาโถมเข้าใส่และทำให้พวกเธอตั้งใจฝึกหนักยิ่งกว่าเดิม
วาห์นที่ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปเริ่มเปลี่ยนกลับมาเป็นร่างมนุษย์เพื่อฟื้นพลังชั่วคราว
[แปลงโฉมพันหน้า] เป็นสกิลที่กินพลังน้อยมากในช่วงคงสภาพหลังแปลงร่างเสร็จ ปัญหาจริงๆ คือช่วงตอนแปลงร่างนี่แหละ
หลังจากพักไป 2-3 นาที วาห์นก็กลับไปมองฮารุฮิเมะที่จ้องตอบด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดๆ
วาห์นพยายามไม่สนใจสายตาแปลกๆ นั่นและเริ่มใช้ [แปลงโฉมพันหน้า] อีกครั้ง
ผมสีเข้มเริ่มกลายเป็นสีออกบลอนด์ทันที ส่วนหูที่งอกออกมาก็ดูโค้งกว่าของตัวต้นแบบเล็กน้อย จุดที่ดูตระการตาที่สุดเห็นจะเป็นหางฟูขนาดใหญ่จากด้านหลังนั่นเอง
ฮารุฮิเมะเบิกตากว้างแบบฉับพลันจนวาห์นเห็นแล้วยังต้องอมยิ้ม
เพราะความสงสัย เขาจึงเริ่มทดสอบความนุ่มของหางตัวเองและพยายามเทียบมันกับของฮารุฮิเมะ
ฮารุฮิเมะเห็นภาพนั้นแล้วก็ต้องยิ้มร่าและเกือบเดินเข้าไปหาเพื่อที่เขาจะได้เปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น แต่ก็โดนสายตาดุๆ ของริวปรามไว้เสียก่อน
เรนาร์ดสาวแลบลิ้นและหัวเราะเล็กน้อยกก่อนจะหันกลับไปตั้งใจฝึกให้หนักกว่าเดิมเป็นรายที่สาม
หลังตรวจสอบร่างกายตัวเองเสร็จแล้ว วาห์นก็เพิ่งเห็นนี่แหละว่าทั้งสามนั้นดูตั้งใจหนักกว่าเดิมมาก
‘เพราะเราเหรอ?… ไม่หรอกมั้ง
เป้าหมายต่อไปของวาห์นก็คือเฟนเรียร์ที่กำลังฉายแววตาสีแดงและตะโกนขึ้นมาก่อน
“เฟนเรียร์ต่อ! ทำเฟนเรียร์บ้าง~!”
บางคนถึงกับสะดุดอากาศไปตามๆ กัน แต่นั่นก็เรียกเสียงหัวเราะได้จากมิลาน… และเสียงขบฟันเบาๆ จากวาห์น
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เส้นผมของวาห์นก็เริ่มแหลมคมขึ้นขณะที่มันเปลี่ยนจากสีเข้มเป็นสีน้ำเงินทึบ
เฟนเรียร์รีบวิ่งเข้ามาดูใกล้ๆ ก่อนที่การแปลงร่างจะจบโดยไม่สนใจเสียงทัดทานของริวแม้แต่น้อย
นอกจากดวงตาสีน้ำทะเลแล้ว ร่างกายส่วนอื่นๆ ของวาห์นได้เปลี่ยนไปเป็นลักษณะเดียวกับเฟนเรียร์แทบทั้งสิ้น
เพราะใช้เด็กสาวเป็นข้อมูลอ้างอิง ขนจึงเริ่มงอกออกมาจากส่วนต่างๆ โดยเน้นหนักไปที่ปลายแขนกับน่องขา
ตรงส่วนนิ้วเริ่มส่งเสียงแปลกๆ ก่อนที่พวกมันจะหดเล็กลงจนเหลือแค่กรงเล็บแทน ส่วนบริเวณฝ่ามือที่ไม่มีขนขึ้นก็ค่อยๆ กลายมาเป็นผิวหนังอีกแบบ
วาห์นเพิ่งจะรู้นี่แหละว่าหูของเฟนเรียร์นั้นหนักกว่าที่เห็นมาก พวกมันส่ายไปมาทุกครั้งที่เขาพยายามหันหัว
ตอนนี้เขาพอเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงชอบหันมาและหันกลับไปอีกทางเล็กน้อยทุกครั้ง
เฟนเรียร์ที่เข้ามาดูใกล้ๆ เริ่มตบพื้นเบาๆ ก่อนจะโดดขึ้นมาบนตักด้วยความดีใจ
“เหมือนกันแล้ว วาห์นเหมือนกับเฟนเรียร์เลย~!”
เนื่องจากกำลังฝึกอยู่ สิ่งที่เฟนเรียร์ใส่นั้นจึงมีแค่สปอร์ตบรากับขาสั้นรัดรูปตามแบบฉบับของชาวอเมซอน
วาห์นคิดว่าคงไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยๆ เขาจึงยื่นอุ้งมือออกมาเป็นเชิงให้เฟนเรียร์จับเล่นได้ ซึ่งอีกฝ่ายก็รับมันไว้ทันที
เขาเห็นว่าอุ้งมือกับกรงเล็บทั้งสองนั้นลงล็อคกันพอดี แต่แล้วเฟนเรียร์ก็เริ่มหน้าเสียเพราะเผลอใช้เล็บจิ้มใส่ฝ่ามือของวาห์นจนเกิดแผล
เด็กสาวรีบปล่อยมือ กระโดดออกจากตัก และเปลี่ยนไปก้มหัวพร้อมแสดงสีหน้าขอโทษแทน
เพราะไม่เคยได้แผลจากกรงเล็บของตัวเองมาก่อน เฟนเรียร์เลยนึกว่าผู้เป็นนายนั้นจะเป็น ‘แบบเดียวกัน’
วาห์นหัวเราะให้กับท่าทางลนลานของอีกฝ่ายก่อนจะยกมือขึ้นมาให้ดูว่าแผลนั้นหายดีแล้ว
บรรยากาศออกจะกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่เขาก็ใช้อุ้งมือลูบหัวของเฟนเรียร์และปล่อยให้เธอกลับไปฝึกต่อ
ก่อนจะเดินออกไป เฟนเรียร์หันกลับมาก้มหัวให้และพูดเบาๆ
“เฟนเรียร์ขอโทษ…”
นี่เป็นพัฒนาการที่สร้างความประหลาดใจและดีใจให้เขามากขณะเฝ้ามองอีกฝ่ายเดินออกไป
ตอนที่เฟนเรียร์มาอยู่ใหม่ๆ นั้นเธอค่อนข้างเอาแต่ใจมาก การที่เธอพูดขอโทษและแสดงความเห็นใจต่อผู้อื่นจึงเรื่องน่ายินดีจริงๆ
สาเหตุหลักน่าจะมาจากการสั่งสอนของมิลาน ส่วนอีกสาเหตุก็คือการปล่อยให้เธอดูแลและคอยปกป้องพรีเซีย
หลังจากเร่งฟื้นพลังด้วยการนั่งสมาธิ วาห์นก็ทดลองเปลี่ยนตัวเองเป็นเผ่ามนุษย์แกะภายใต้สายตาจ้องมองของพรีเซียพร้อมกับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่ศีรษะทันที
เพราะไม่เคยมีอะไรอย่าง ‘เขาแกะ’ มาติดอยู่บนหัวมาก่อน วาห์นจึงรู้สึกไม่ค่อยดีนักแต่ก็ยังฝืนยิ้มให้พรีเซียอย่างสุภาพ
สีหน้าของหญิงสาวไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่สิ่งที่เธอไม่มีทางตบตาวาห์นได้ก็คือออร่ากับค่าความชื่นชอบที่เพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย
ค่าที่ตอนแรกมีอยู่ประมาณ 20 ต้นๆ กลับเพิ่มขึ้นทีละนิดจนมาถึง 70 ปลายๆ ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน
ส่วนคู่แฝดที่กำลังหอบแฮกอยู่บนสนามนั้นมีค่าที่ไล่เลี่ยกันมาโดยตลอดและขึ้นมาอยู่ที่ 79-81
ของโมน่านั้นอยู่ที่ 58 ของชิซูเนะ 52 และของชีว่าที่ 85 ซึ่งเป็นเรื่องน่าฉงนจริงๆ
เนื่องจากค่าของดาร์คเอลฟ์สาวนั้นเริ่มมาไม่ต่างจากของพรีเซียนัก วาห์นจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอแยกตัวออกไป
เขาคาดว่าคงจะได้เจอกับเธออีกครั้งในอนาคตและรู้สึกสงสัยหน่อยๆ ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่
หลังจากกลับสู่ร่างปกติและนั่งสมาธิต่ออีก 20 นาทีก็มีเสียงเล็กๆ ร้องท้วงขึ้น
“อ้าว แล้วของมนุษย์แมวล่ะ~เมี๊ยว!?”
วาห์นลืมตาขึ้นมาเห็นทีน่าตัวน้อยที่กำลังงอนแก้มป่องและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
พอหันไปดูเผ่ามนุษย์แมวอีกคน เขาก็เห็นมิลานที่กำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ
ทีน่าคงรู้สึกเหมือนโดนเมินอยู่คนเดียว เรื่องนี้วาห์นพอเข้าใจได้เพราะเขาเล่นแปลงเป็นเผ่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ทุกชนิดที่อยู่ในนี้… เว้นก็แต่เผ่าของเธอ
วาห์นค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับแปลงร่างเป็นชายหนุ่มเผ่ามนุษย์แมวที่มีผมสีเกาลัดและดวงตาสีฟ้า
สีหน้าบูดบึ้งของทีน่าเลือนหายไปทันทีที่ได้เห็น ‘วาห์น 2.0’ อยู่ตรงหน้า
อันที่จริง ‘วาห์น 1.0’ เองก็ดูดีอยู่แล้ว แต่เด็กสาวรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงกว่าเดิมมากเมื่อคนที่ชอบได้รับการ ‘ปรับรุ่น’
แต่ถึงจะรู้สึกตื่นเต้นกว่าปกติ ความรู้สึกอีกสายก็ดันออกมาแทรกแซงซะอย่างนั้น
มันเป็นความรู้สึกเศร้าๆ และโหยหาที่แม้แต่เจ้าตัวเองยังไม่เข้าใจ
วาห์นเห็นความผิดปกตินั่นจากออร่าที่เด็กสาวปล่อยออกมา พอหันกลับไปทางมิลาน เขาก็พบกับสีหน้า ‘แสนคิดถึง’
วาห์นยังไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เรื่องเดียวที่พอนึกออกก็คือภาพของตัวเขาเองกำลังไปซ้อนทับกับพ่อของทีน่าและอดีตสามีของมิลาน
ทั้งสองแสดงแววตาแสนโหยหาจนวาห์นรู้สึกเหมือนถูกกดดันอย่างหนักจนต้องใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] เพื่อเข้าไปหาทีน่า
ตอนแรกเขากะจะเดินเข้ามาปลอบเธออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนเหตุการณ์จะเลยเถิดกว่าที่คิด
ทีน่าในตอนนี้สูงประมาณ 115 ซม. ซึ่งถือว่าตัวเล็กที่สุดในคฤหาสน์
แม้แต่เฮสเทียที่โดนโลกิล้อว่าเป็น ‘ยัยเทพเตี้ย’ อยู่บ่อยครั้งยังสูงกว่าเธอเกือบหนึ่งไม้บรรทัด (TL: เฮสเทียสูง 140 ซม. ครับ)
มือที่กำลังยกขึ้นมาลูบหัวหยุดชะงักทันทีที่ได้สบกับดวงตาเปียกชื้นของอีกฝ่าย
วาห์นยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและตัดสินใจทำตัวตามธรรมชาติแทน เริ่มจากการอุ้มเด็กสาวขึ้นสู่อ้อมแขนก่อนจะสวมกอดเธอไว้
เขาลูบหลังเธอเบาๆ ขณะแสดงสีหน้าขอโทษมาทางริวและเดินเข้าไปหามิลาน
ในช่วงที่วาห์นเข้ามาใกล้นั้น ความเศร้าก็เข้ามาเกาะกุมหัวใจของทีน่าทันที
รอยยิ้มนั่นพอจะเรียกความสุขให้กลับคืนมาได้บ้าง แต่มันก็เทียบกับตอนที่วาห์นอุ้มเธอขึ้นจากพื้นไม่ได้เลย
ทั้งกอดเคยกอดกันมาก่อน เคยนอนเตียงเดียวกันกันด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกในตอนนี้กลับรุนแรงกว่ามาก
ทีน่ารู้สึกปลอดภัยอย่างที่สุดขณะพิงศีรษะไปกับหัวไหล่ของวาห์น
เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมน้ำตาถึงไหลออกมาทันทีที่วาห์นเดินเข้ามากอดผู้เป็นแม่แบบสั้นๆ ก่อนที่ทั้งสามจะกลับเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยกัน…