Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 298

ตอนที่ 298

วาห์นขอเวลาทุกคนเล็กน้อยเพื่อที่เขาจะได้อธิบายและทดสอบสกิลใหม่ให้ดูกันเป็นขวัญตา

แน่นอนว่าเขาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับฮารุฮิเมะก่อนที่เฟนเรียร์จะโดดเข้ามาร่วงวงด้วย

วาห์นประทับตราลงบนหัวไหล่ของเด็กสาว นั่นทำให้ตรารูปฮารุฮิเมะที่ฝ่ามือจางหายไป นี่เป็นการยืนยันว่าตราประทับจะใช้ได้แค่ครั้งละคนเท่านั้น ซึ่งก็เป็นตามที่ระบุอยู่ในระบบ

เพื่อเป็นการทดสอบเพิ่มเติม วาห์นพยายามประทับตราบนฝ่ามือของพรีเซีย แต่ผลปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ดูเหมือน ‘เป้าหมาย’ อาจจะต้องเป็นสมาชิกแฟมิเลียเดียวกัน แต่นั่นก็ทำให้พรีเซียอยากเข้าร่วมแฟมิเลียในฐานะหน่วยสนับสนุนซะเดี๋ยวนั้นเลย

วาห์นพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอคิดเรื่องนี้อย่างละเอียดก่อน แต่งหญิงสาวก็ทำเป็นไม่ได้ยินและเดินออกไปหาเฮสเทียที่ชั้นบนพร้อมกับเฟนเรียร์ทันที

กัปตันของเฮสเทียแฟมิเลียได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะโดนสมาชิกคนอื่นๆ (ยกเว้นริว) เกลี้ยกล่อมให้ประทับตาที่ตัวเองดูบ้าง

หลักๆ ก็คือพวกเธออยากเป็นตราประทับรูปหน้าตัวเองบ้าง แค่นั้นเลย…

พอเสร็จธุระแล้ว วาห์นก็ออกไปหาอาคิและพบว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในห้องของเฮสเทียพร้อมกับพวกพรีเซีย

เขาเคาะประตูห้องก่อนจะเดินเข้าไปแล้วก็ต้องนิ่งค้างเมื่อสายตาทั้งสี่หันมาจ้อง

วาห์นค่อยๆ เดินถอยหลังกลับก่อนจะปิดประตูตามหลังพลางนึกด่าตัวเองในใจ

ดูเหมือนว่าพรีเซียคงคิดเรื่องนี้ดีแล้ว และเขาก็เข้าไปตอนที่เธอกำลังถอดเสื้อเพื่อทำพิธีพอดี

หลังจากรอยืนอยู่พักหนึ่ง อาคิก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“พรีเซียบอกว่าถ้านายอยากดู เธอก็ไม่ติดอะไรหรอกนะ”

วาห์นหัวเราะปนถอนหายใจโล่งอกก่อนจะตอบกลับ

“ที่จริงฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอน่ะ เหตุการณ์คราวนี้… ฉันอยากรู้ว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้างหรือเปล่า?”

อาคิพยักหน้าพลางพิงกำแพงก่อนจะเริ่มอธิบาย

“ก็… มีเรื่องนึงนะ ไม่นานมานี้พวกเราพบกลุ่มชาวอเมซอนที่กำลังเข้าใกล้ตัวคฤหาสน์ แต่ทีมรักษาความปลอดภัยรอบๆ ก็เข้ามาขวางไว้ก่อน

ถึงตราสัญลักษณ์จะไม่ทำงานแล้ว แต่พวกเธอก็ยังถือว่าเป็นคนของอิชทาร์แฟมิเลียอยู่ดี

ทีมที่เข้าสกัดเลยคุมตัวพวกเธอเพื่อสอบปากคำเพิ่ม

ผู้นำกลุ่มที่ชื่อไอช่า เบลก้า บอกว่ารู้จักกับนายและฮารุฮิเมะด้วย

พอเสร็จพิธีข้างในแล้วฉันก็ตั้งใจว่าจะเดินไปบอกนายนี่แหละ เรื่องนี้นายคงต้องออกไปดูเองว่าจะเอายังไงต่อ”

มาถึงตรงนี้วาห์นก็กำลังพิงกำแพงข้างๆ อาคิพลางทำหน้าคิดหนัก แต่ทำไปทำมาเขาก็เริ่มไหลลงไปนั่งกับพื้นแทน

อาคิจ้องมองชายหนุ่มแบบยิ้มๆ ก่อนจะลงมานั่งข้างๆ แบบไหล่ชิดกัน

หญิงสาวทำท่าเหมือนกับรู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่

“…อยากให้ฉันส่งพวกเธอกลับไปหรือเปล่า?”

วาห์นรีบส่ายหัวก่อนจะอธิบาย

“ไม่ต้องหรอก เธอคนนั้นพูดความจริง… ไอช่าเป็นคนที่คอยปกป้องฮารุฮิเมะก่อนที่ฉันจะช่วยเธอออกมา

เราคุยกันไม่มาก แต่ฉันก็รู้สึกเป็นหนี้เธออยู่เหมือนกัน และฮารุฮิเมะเองคงอยากออกไปพบเธอด้วย

เธออุดอู้อยู่แต่ในคฤหาสน์มาพักใหญ่ๆ แล้วนี่นะ…”

หูของอันนาคิตตี้กระตุกนิดๆ และเอียงไปมาด้วยความสับสน

“แล้วทำไมนายต้องทำหน้าคิดหนักด้วยล่ะ?”

จากนั้นเธอก็หัวเราะดังขึ้นพลางหรี่ตาเล็กน้อย

“นายกลัวว่าพวกเธอจะพากันมาขอเข้าเฮสเทียแฟมิเลียล่ะสิ อืมมม เห็นว่าในนั้นมีเลเวล 3 อยู่ตั้งหลายคนเลย… แบบนี้แฟมิเลียของเราคงเก่งกว่าเดิมมาก…

นี่ๆ รู้ใช่ไหมว่าต่อให้พวกเธอมาอยู่ด้วย นายก็ไม่จำเป็นต้องไปจีบหรือเข้าหาจนครบทุกคนสักหน่อย~?”

วาห์นได้แต่หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะเริ่มอธิบายเหตุการณ์ตอนได้เจอไอช่าครั้งแรกในย่านโคมแดง

เขารู้สึกกังวลจริงๆ เพราะชาวอเมซอนนั้นเป็นพวกที่จริงจังและหัวแข็งมาก โดยเฉพาะกับเรื่องความปรารถนาของตัวเอง

เหตุการณ์ที่วาห์นกลัวสุดๆ ก็คือถ้าไอช่าเอาเขาไปโฆษณาให้พรรคพวกฟังอีกต่อ… นี่เฮสเทียแฟมิเลียคงจะไม่ระเบิดตามอิชทาร์แฟมิเลียไปใช่ไหม?

ถ้าเกิดเขามีลูกกับทีโอน่าขึ้นมา จากนั้นก็ไปประชัญกับคาลี (Tl:เทพธิดาของชนเผ่าอเมซอน) โดยที่ฝั่งตัวเองยังมีสมาชิกชาวอเมซอนอีกเป็นขโยง มันจะไม่เละเทะวุ่นวายกว่าเดิมใช่ไหม?

อาคิพยายามคิดตามสิ่งที่วาห์นพูดก่อนจะถามต่อ

“วาห์น ในอนาคตนายอยากให้แฟมิเลียของเรามีพลังมากกว่านี้หรือเปล่า?”

วาห์นแหงนหน้ามองเพดานก่อนจะตอบกลับ

“อยากสิ ฉันอยากให้พวกเรามีพลังมากกว่านี้… แต่ก็อยากเพิ่มพลังให้กลุ่มพันธมิตรไปพร้อมๆ กันด้วย ไม่ใช่ว่าจะโฟกัสมาที่พวกเราฝ่ายเดียว…”

พอพูดออกมาแบบนี้แล้วความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวของวาห์น แต่แน่นอนว่าอาคินั้นเข้าใจทุกอย่างตั้งแต่แรกแล้ว

“งั้นวิธีแก้ก็ง่ายมาก นายก็ให้พวกเธอเข้าร่วมกับแฟมิเลียที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรแทนสิ

เพราะเรื่องคราวนี้เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ดังนั้นการที่กลุ่มพันธมิตรจะเก็บตกสมาชิกที่เหลือรอดก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แล้วเราก็ไม่ได้ละเมิดบทลงโทษที่ทางกิลด์กำหนดไว้ด้วย

นายรู้ไหมว่าขนาดแฟมิเลียที่เน้นเรื่องนักสู้เลเวลสูงๆ อย่างเฟรย่าแฟมิเลียยังมีสมาชิกตั้งพันกว่าคน ต่อไปนายก็น่าจะมีโอกาสได้สร้างปาร์ตี้ระดับสูงแบบเดียวกับโลกิแฟมิเลียด้วย… ฉันถึงบอกแต่แรกไงว่าไม่ควรเอาเรื่องฐานที่มั่นกับที่พักอาศัยมาปนกัน”

วาห์นพยักหน้าเห็นด้วยกับอาคิ แต่ลึกๆ แล้วเขาก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี

สิ่งที่อาคิเล่าทำให้วาห์นตระหนักว่าการรับพวกไอช่ามาเพิ่มอาจจะไม่ได้แย่แบบที่คิดไว้ เพราะอย่างน้อยๆ พลังต่อสู้โดยรวมของแฟมิเลียก็จะสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด

มันยังเป็นโอกาสดีที่จะได้ขยายการบริหารจัดการงานของแฟมิเลียและเริ่มสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตอีกด้วย

ตอนนี้เรื่องสัดส่วนชาย/หญิงในเฮสเทียแฟมิเลียนั้นมันไม่มีอยู่จริง เรื่องนี้วาห์นคิดว่าคงต้องรอให้มีผู้ชายเข้ามาสมัครเพิ่มในอนาคต แต่ก่อนหน้านั้นอาจจะต้องแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยตามที่อาคิเสนอเสียก่อน

ชาวอเมซอนที่ไอช่าพามาด้วยน่าจะเป็นพวก ‘ประสบการณ์ช่ำชอง’ ดังนั้นการเชื้อเชิญให้ผู้ชายมาเข้าแฟมิเลียน่าจะไม่ยากสักเท่าไหร่ แต่แน่นอนว่าเรื่อง ‘ธุรกิจขายบริการ’ นั้นเลิกคิดไปได้เลย

ข้อเสียนอกเหนือจากสิ่งที่วาห์นคิดไว้ในตอนแรกก็คือ สมาชิกของเฮสเทียแฟมิเลียจะอยู่ห่างไกลจากคำว่า ‘ครอบครัวเดียวกัน’ มากขึ้นเรื่อยๆ…

วาห์นส่ายหัวแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากพื้นและส่งมือให้กับอาคิ

“เดี๋ยวฉันจะออกไปพบพวกเธอดูก่อนละกัน เรื่องนี้คงต้องขอคำปรึกษาจากเฮเฟสตัสและโลกิด้วย… บางทีพวกไอช่าอาจจะไม่อยากเข้าสังกัดแฟมิเลียก็ได้นะ”

อาคิยิ้มอย่างสุภาพก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องเพื่อนำคัมภีร์ติดตัวไปด้วยก่อนจะออกไปพร้อมกับวาห์น

หลังจากบอกเรื่องนี้ให้ฮารุฮิเมะทราบ ทั้งสามและมิโคโตะก็เดินทางไปยังที่ที่พวกไอช่าโดนกักตัวอยู่

เพราะมีหน่วยข่าวกรองและเก็บข้อมูลที่แข็งแกร็งที่สุด โลกิแฟมิเลียจึงเป็นพวกแรกที่ทราบข่าวและส่งทีมเข้ามาสกัดไอช่า

ที่น่าตลกก็คือหัวหน้าทีมดังกล่าวนั้นมีเลเวลน้อยกว่าไอช่าเสียอีก

เพราะไม่ได้คิดจะสู้ตั้งแต่แรก กลุ่มของไอช่าจึงยอมแพ้ทันที ขนาดอาวุธยังไม่ได้พกกันมาสักชิ้นเลย

พวกเธอกำลังถูกคุมตัวอยู่ที่โกดังใกล้เคียงซึ่งถูกใช้เป็นฐานชั่วคราวของกองกำลังรักษาความปลอดภัย

ครั้งนี้แม้แต่ทางกิลด์เองก็ส่งตัวแทนมาเช่นกัน วาห์นก็เลยต้องตอบคำถามสามสี่ข้อก่อนจะถูกพาไปยังห้องที่ไอช่าถูกคุมตัวอยู่

พอเข้ามาในห้อง วาห์นก็เห็นไอช่าในสภาพที่ถูกใส่กุญแจมือ ส่วนตามเสื้อผ้าและร่างกายนั้นดูเปรอะเปื้อนเล็กน้อย

ดูเหมือนจะไม่มีใครแอบเข้ามาทำร้ายเธอ แต่นี่ก็เป็นวิธีปฏิบัติที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เช่นกัน

เพราะอีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าที่บางและน้อยชิ้นอยู่แล้ว วาห์นก็เลยยิ่งรู้สึกสงสารเข้าไปใหญ่

เขารีบเข้าไปทำลายกุญแจมือโดยไม่สนใจคำทัดทานจากตัวแทนกิลด์เลยแม้แต่น้อย

ตัวแทนสาวโดน [จิตแห่งราชัน] กดจนตัวเกือบแบนติดพื้น ไม่นานเธอก็รีบขอตัวออกไปก่อน

ไอช่าถูข้อมือไปมาและเริ่มยิ้มโล่งอกเมื่อเห็นฮารุฮิเมะ (น้ำตาซึม) ที่ยืนอยู่ข้างหลังวาห์น

เธอลุกจากโต๊ะและพูดขึ้น

“วาห์น เมสัน… นี่ฉันติดหนี้นายอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย?

ดีใจที่ได้เจอเธออีกนะ หนูน้อยฮารุฮิเมะ

‘วีรบุรุษ’ หนุ่มน้อยคนนี้ดูแลเธอดีหรือ_เปล่าล่ะ?”

ฮารุฮิเมะกุมมือไว้บนหน้าอกตัวเองก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงมีความสุข

“ดีมากเลยค่ะ~! แต่ถ้าไม่ได้คุณไอช่าคอยช่วย ฉันก็คงจะไม่ได้อยู่ถึงตอนนี้ เพราะชีวิตตัวเองก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้… ขอบคุณมากเลยนะคะ!”

มิโคโตะที่ยืนข้างฮารุฮิเมะเองก็ก้มหัวลงต่ำและเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงเคารพ

“นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน แต่ขอให้รู้ไว้ว่าฉันติดหนี้คุณอย่างใหญ่หลวง

ขอบคุณมากเลยนะคะที่ช่วยปกป้องเพื่อนของฉันมาตลอด ฉัน ยามาโตะ มิโคโตะ สักวันจะต้องตอบแทนหนี้ครั้งนี้อย่างแน่นอน!”

ไอช่ายิ้มให้กับทั้งสองก่อนจะหันไปพูดกับมิโคโตะ

“ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นหรอกนะยัยหนู… เพราะฉันเองก็ติดหนี้หนุ่มน้อยคนนี้ไม่รู้เท่าไหร่แล้ว

เพราะตอนนั้นได้เขามาช่วยคลายมนตร์สะกด ฉันก็เลยมีโอกาสช่วยเหลือพี่น้องออกมาได้ตั้งมากมาย

สมาชิกที่ฉันพามาด้วยส่วนใหญ่ก็เป็นพวกฝีมือดีที่อยากใช้ชีวิตในเมืองต่อ ส่วนพวกที่เหลือก็มีเหตุผลของตัวเอง

ไม่มีใครติดหนี้ฉันหรอก… ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายใช้คืนให้”

วาห์นนึกอยากจะถอนหายใจออกมาดังๆ แต่เขาก็ซ่อนมันไว้ภายใต้รอยยิ้มขณะฟังสองสาว ‘ใช้หนี้’ กันไปมา

เขาบอกได้เลยว่าไอช่าคงอยากเข้าร่วมกับเฮสเทียแฟมิเลียเพราะฮารุฮิเมะเองก็อยู่ที่นี่ด้วย

พอเธอเข้ามาแล้ว พรรคพวกบางคนก็คงอยากตามมาเช่นกัน

แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้เสนอเรื่องนี้ออกมา อาคิที่กำลังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเครือข่าย (คอยจดเหตุการณ์ทุกอย่างลงคัมภีร์) ก็ยืนขึ้นและเริ่มใช้รอยยิ้มแบบพวกนักธุรกิจ

“คืองี้นะคุณไอช่า เมื่อกี้ฉันได้คุยกับท่านโลกิเรียบร้อยแล้ว

ถ้าหากว่าคุณกำลังคิดเรื่องของพรรคพวกที่พาออกมา ฉันว่าเราน่าจะหาทางออกที่ทุกฝ่ายพึงพอใจได้อย่างแน่นอน”

ไอช่าหันไปหาหญิงสาวมนุษย์แมวด้วยสีหน้าสงสัย อาคิเลยยิ้มกว้างและเริ่มอธิบายต่อ

“สวัสดีค่ะ ฉันอันนาคิตตี้ ออทั่ม เป็นนายกองของเฮสเทียแฟมิเลียและผู้ช่วยส่วนตัวของวาห์นที่คอยจัดการเรื่องอะไรแบบนี้”

เรื่องตำแหน่งนายกองนั้นทุกคนรู้กันดี แต่ไอ้ผู้ช่วยส่วนตัวนี่… แม้แต่วาห์นเองก็เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรกนี่แหละ

เขาเลิกคิ้วนิดๆ แต่ก็ไม่ได้พูดปฏิเสธออามา นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายฉายแววตาหยอกเย้าเล็กน้อย

อาคิหันกลับไปหาไอช่าและเริ่มพูดต่อ

“ต่อไปคุณจะเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น แต่ตอนนี้คงบอกได้แค่ว่าเฮสเทียแฟมิเลียกำลังถูกเพ่งเล็งอย่างหนัก

คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่จะให้อดีตสมาชิกของอิชทาร์แฟมิเลียมาเข้าร่วมกับเฮสเทียแฟมิเลียในตอนนี้ เพราะยังไงแฟมิเลียของเราก็เพิ่งจะมีเรื่องกันไป

ถึงเฟรย่าแฟมิเลียจะเป็นฝ่ายที่ชิงลงมือ แต่ผู้คนบางส่วนก็ตีความไปแล้วว่าเราน่ะเป็นพวกเดียวกัน

แบบนั้นก็เท่ากับว่าวาห์นได้ส่งเทพธิดากลับสวรรค์ไป 2 องค์แล้ว นี่เลยเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก

ที่จริงการรับคุณกับพรรคพวกบางส่วนเข้ามานั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ตัวเลือกที่ดีกว่าก็คือให้คุณกระจายคนเข้าไปในแฟมิเลียของกลุ่มพันธมิตรแทน

ถ้าหากว่าเราพาทุกคนเข้าเฮสเทียแฟมิเลีย สมาชิกก็อาจจะเกิดการแบ่งแยกกัน เพราะพวกที่เข้ามาใหม่มีจำนวนมากกว่าสมาชิกเดิมหลายเท่า เรื่องความแข็งแกร่งเองก็เหมือนกัน”

—————
ผล.งาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP

—————

เรื่องนี้วาห์นยังไม่ได้ออกความเห็น แต่เอาจริงๆ เขาก็คิดว่ามันฟังดูไม่เลวนัก

อาคิคงปรึกษากับทุกคนในเครือข่ายดีแล้ว ไม่งั้นเธอคงไม่มาอธิบายเยอะขนาดนี้หรอก

เขาเริ่มพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะยิ้มอย่างจริงใจและพูดเสริมบ้าง

“ตอนนี้เฮสเทียแฟมิเลียต้องคอยรบกวนคนอื่นบ่อยๆ น่ะ เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ของทางเรายังเป็นเลเวล 1 กันอยู่เลย

พวกเธอเพิ่งจะเริ่มฝึกได้ไม่นาน อีกเดี๋ยวก็คงได้ลงดันเจี้ยนกันแล้ว แต่ยังไงหนทางก็ยังอีกยาวไกล

ถ้าเกิดว่าตอนนี้มีกลุ่มนักผจญภัยระดับสูงเข้ามาอยู่ด้วย ความมานะของพวกเธอก็อาจจะลดน้อยลงกว่าเดิม

เพราะส่วนใหญ่อยากจะขึ้นเป็นนักผจญภัยชั้นแนวหน้า ฉันเลยไม่อยากเห็นพวกเธอเปลี่ยนมาเป็นหน่วยสนับสนุนเพียงเพราะว่ามีสมาชิกใหม่ที่เก่งกว่าเข้ามากันเยอะ”

ไอช่ามองวาห์นกับอาคิสลับกันไปมาก่อนที่เธอจะเริ่มยิ้มบ้าง

“เหหหหห~? เหตุผลแบบนั้นฉันว่ามันก็เหมาะสมแล้วล่ะ…แต่รู้สึกเหมือนมันจะมีอย่างอื่นด้วยนี่สิ~?”

ไอช่าเริ่มเปลี่ยนไปใช้สีหน้ายั่วยวน จากนั้นเธอก็เดินเข้ามาหาวาห์นจนอาคิกับฮารุฮิเมะเริ่มมีปฏิกิริยาแปลกๆ

อาคินั้นยังคงรักษารอยยิ้มไว้แบบเดิม แต่เธอก็เขยิบเข้ามาขวางทางเดินของไอช่าแบบเงียบๆ ในขณะที่ฮารุฮิเมะนั้นเข้ามาใกล้วาห์นมากที่สุดพร้อมกับจับแขนเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้

“คุณไอช่าคะ…”

ไอช่าไม่ได้เดินถอยออกแต่กลับหยุดยืนอยู่ตรงนั้นและเริ่มหัวเราจนน้ำตาเล็ด

หญิงสาวไม่ได้ร้องไห้เพราะเศร้าแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะสถานการณ์ตรงหน้ามันดูน่าขันจริงๆ

เธอใช้มือลูบปุ่มกางเกงที่เอาไว้ปลดช่วงล่างขณะมองวาห์นที่เริ่มกัดฟันเล็กน้อยเพราะเผลอนึกถึงตอนที่ทั้งคู่เจอกันครั้งแรก

ไอช่าผ่อนลมหายใจร้อนผ่าวขณะมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำทะเล

“เห้ออ ฉันเองก็อยากลองดูสักครั้งนะ… แต่ก็ไม่อยากไปเหยียบเท้าพวกเด็กๆ ของนายเข้า หนี้ครั้งนี้ขอติดนายไว้ก่อนละกัน แต่ในอนาคตฉันจะต้องได้ ‘ใช้คืน’ แน่ ตกลงนะวาห์น~?”

หลังจากหยอกล้อกันเสร็จแล้ว ทุกคนก็ลงมานั่งที่โต๊ะและเริ่มคุยเกี่ยวกับรายละเอียดที่อาคิเสนอ

สรุปคร่าวๆ ก็คือกำลังคนส่วนใหญ่จะไปเข้าร่วมกับเฮเฟสตัสแฟมิเลีย เพราะทางนั้นยังต้องการนักสู้จำนวนมาก

ส่วนไอช่ากับพวกที่เหลือนั้นจะไปเข้ากับโลกิแฟมิเลียและกลายเป็นส่วนหนึ่งของปาร์ตี้ที่สองและสาม

ไอช่าจะเข้าไปในฐานะนายกองคนใหม่ของปาร์ตี้ที่สามซึ่งเป็นกลุ่มที่มีชาวอเมซอนเข้าร่วมมากที่สุด

ในกลุ่มที่ไอช่าพาไปด้วยนั้น วาห์นยังเห็นว่ามีหญิงสาวหน้าอ่อนคนหนึ่งรวมอยู่ ซึ่งเขาได้รู้จากฮารุฮิเมะทีหลังว่าชื่อของเธอคือเลน่า แทลลี่ นั่นเอง

ที่น่าประหลาดสุดๆ ก็คือเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเบตและการที่เธอติดตามไอช่าไปด้วยนั้นก็เพราะว่าอยากใกล้ชิดเขาให้มากกว่าเดิม

วาห์นนั้นคิดว่าเบตเป็นพวกหลงตัวเองและขี้รำคาญมาโดยตลอด พอเห็นว่ามีหญิงสาวร่าเริงพยายามเข้าหาชายหนุ่ม เขาก็เลยรู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน

เรื่องนี้วาห์นก็รู้ไม่ละเอียดมากนัก แต่ดูเหมือนทั้งสองจะหลับนอนด้วยกันหลายต่อหลายครั้งแล้วและฝ่ายหญิงก็พยายามอย่างหนักที่จะทำให้ฝ่ายชายยอมรับตนเองในฐานะคนรักแทนที่จะเป็นแค่สาวบริการ

เธอเองก็เป็นอีกคนที่โดนมนตร์เสน่ห์ของอิชทาร์เข้าเล่นงาน วาห์นก็เลยรู้สึกเห็นใจและอยากช่วยให้ทั้งคู่ลงเอยกันอย่างมีความสุข

หลังจากที่กลุ่มของไอช่าแยกย้ายกันออกไปแล้ว วาห์นก็รู้สึกโล่งอกมากเพราะมันไม่ได้กลายมาเป็นเรื่องหนักใจแบบที่คิดไว้

เขาอยากเร่งพัฒนาสมาชิกปัจจุบันให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องที่บอกไอช่าไปนั้นก็ล้วนแต่เป็นความจริง

เพราะมีทั้งระบบ [อัพเกรด] และสกิล [ครูฝึก] วาห์นเลยอยากรู้จริงๆ ว่าตัวเองจะช่วยส่งเสริมพวกสาวๆ ได้มากน้อยแค่ไหน

เขายังต้องไปลองทดสอบผลของ [ตราประทับของผู้ท้าชิง] เพื่อดูให้แน่ใจว่ามันจะแก้ปัญหาเรื่องการเติบโตของตัวเองได้หรือเปล่า

การลงดันเจี้ยนในช่วงชั้นล่างพร้อมกับสมาชิกในตอนนี้นั้นยังถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป

อย่างน้อยๆ วาห์นก็อยากลองสู้กับโกไลแอธอีกครั้งและดูว่าตัวเองพัฒนาไปถึงไหนแล้ว

ตอนอิชทาร์แฟมิเลียก็ถูกจัดการไปแล้ว ปัญหาของชาวอเมซอนก็เคลียร์เรียบร้อย วาห์นเลยรู้สึกโล่งเป็นพิเศษ

การอยู่แต่ในคฤหาสน์นั้นตอนแรกวาห์นรู้สึกเฉยๆ แต่พอนานวันเข้า เขาก็ตระหนักว่าตัวเองไม่ใช่ประเภทที่รอให้อีกฝ่ายเปิดก่อน

สองสัปดาห์ล่าสุดนั้นเป็นช่วงที่ทำให้วาห์นรู้สึกอึดอัดจนอยากแอบหนีออกจากคฤหาสน์เพื่อไปเที่ยวในเมืองและลงดันเจี้ยนอยู่เหมือนกัน

เขายังคิดถึงการไปที่ร้านอาหารและพาพวกสาวๆ ออกไปเดตด้วย

ตอนนี้ภัยคุกคามต่างๆ ก็หมดไป เป้าหมายต่อไปก็คือพัฒนาตัวเอง ออกไปดูแลพวกสาวๆ ในเครือข่าย และวางแผนร่วมกับเฮเฟสตัสและโลกิเพื่อรอรับมือเฟรย่า

แม้ทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมไว้เกือบหมดแล้ว แต่วาห์นก็ยังอยากเพิ่มอะไรเล็กน้อยเข้าไปในพิธีแต่งงานของตัวเองด้วย

โครงการลับที่เขาอุบไว้ไม่บอกใครเลยก็คือชุดแต่งงานของเฮเฟสตัสเและเอน่าที่ทำเองกับมือ

แค่นึกภาพที่ทั้งสองเขินจนหน้าแดงก็ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาราวกับคนบ้า

ฮารุฮิเมะที่นั่งอยู่ข้างๆ พอเห็นภาพนี่เข้าก็เลยอดใจไม่ไหว ยกมือขึ้นมาจิ้มแก้มของวาห์นอย่างเอ็นดู

“ดูมีความสุขมากเลยนะคะ ดีจัง~!”

พอได้ยินแบบนี้แล้วรอยยิ้มของวาห์นก็เจื่อนลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เริ่มกังวลว่าช่วงนี้มันจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า… พอเริ่มดีขึ้นหน่อย ความซวยก็มักจะตามมาอยู่เสมอ

‘ขอลาพักร้อนสักเดือนสองเดือนได้ไหมนะ เจ้าค่ากรรม…’

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท