วาห์นหันไปมองทีโอเน่ที่กำลังฉายแววตาลุกโชนแบบพร้อมสู้เต็มที่
นานแล้วที่เขาไม่ได้สู้กับคนที่เก่งกว่าตัวเองอยู่หลายขั้น ดูๆ ไปก็รู้สึกท้าทายอย่างน่าประหลาด
วาห์นไม่รู้ว่าฝีมือจะตกไปมากน้อยแค่ไหนเหมือนกัน
อย่างตอนสู้กับลูกน้องของลาเวอร์นานั่น เขาได้ใช้อุปกรณ์เข้าช่วย
ส่วนตอนประจัญหน้ากับไอช่า เขาก็งัดของโกงๆ แบบ [เอ็นคิดู] ออกมาปิดคดี
แต่ถึงกระนั้น วาห์นก็ไม่คิดว่าการสู้กับทีโอเน่ตอนนี้จะมีประโยชน์สักเท่าไหร่ เพราะเธอกำลังทำตัวแปลกมากและดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
ดูแล้วเธอไม่น่าจะควบคุมพลังของตัวเองอยู่ และอาจจบลงด้วยการที่ใครคนใดคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส…
สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ให้กับสายตาดุดันและได้แต่ถอนหายใจพร้อมลุกขึ้นจากโซฟา
ต่อให้สถานการณ์ดูแย่แค่ไหน วาห์นก็ไม่คิดจะปฏิเสธคำท้าอยู่ดี
วาห์นไม่ใช่พวกชอบแข่งขัน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่โดนท้า เขากลับไม่อยากเป็นฝ่ายถอยหนี
ไม่ว่าจะเจออุปสรรคยากเย็นแค่ไหน เขาก็มักจะผลักดันตัวเองไปข้างหน้าได้เสมอ
หากไม่กล้าพอที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ความมั่นคงของชีวิตในตอนนี้อาจเป็นตัวฉุดรั้งไม่ให้เขาก้าวต่อ
ถ้าต้องการจริงๆ วาห์นจะอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็ได้
ไม่ต้องไปลงดันเจี้ยนให้เหนื่อย คอยหารายได้จากช่องทางอื่นและเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับพวกสาวๆ
มันคงดูสุขสงบมาก แต่เขาคิดว่านี่อาจไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
เขากลัวนิดๆ ว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง ว่ามันจะผลักไสคนรอบข้างให้ห่างออกไปจากเดิม…
—
นอกจากคนที่อยู่ในห้อง ณ ตอนนั้น ฮารุฮิเมะกับมิโคโตะเองก็ตามมาที่ลานฝึกเช่นกัน
ที่จริงเฟนเรียร์ก็อยากมาด้วย แต่วาห์นกลัวว่าการเห็นเขาโดนอัดจะทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดมากจนควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่
ตอนนี้เธอก็เลยอยู่ภายใต้การดูแลของเฮสเทีย พรีเซีย กับพวกคู่แฝด และถูกกันให้ห่างจากลานฝึกให้มากที่สุดเท่าที่พวกเธอจะสามารถทำได้
สิ่งที่วาห์นไม่รู้ในขณะนั้นก็คือ ห้องที่พวกเธออยู่นั่นมันก็ของนอนของเขานั่นแหละ
เพราะมีเครื่องลางกั้นเสียงตั้งอยู่ในห้อง มันจึงยับยั้งประสาทรับรู้ที่เฉียบคมของเด็กสาวได้ในระดับหนึ่ง
ทีโอเน่เริ่มบิดร่างกายไปมาขณะจ้องมองวาห์นที่กำลังใช้ท่าร่างแบบปล่อยตัวตามสบาย
ขณะหมุนหัวไหล่ราวกับกำลังจะใช้มันแบบเต็มกำลัง เธอก็ถามขึ้น
“ขอถามอะไรหน่อยสิวาห์น ถ้านายเอาจริงขึ้นมา คิดว่าจะชนะฉันได้หรือเปล่า? ”
คำถามของเธอทำเอาคนอื่นๆ อึ้งไปเล็กน้อยเหมือนกัน
เพราะการจะให้นักสู้เลเวล 3 เอาชนะเลเวล 5 ได้นั้นมันออกจะเกินไปหน่อย
พวกเธอยิ่งอึ้งหนักเมื่อวาห์นพยักหน้าอย่างมั่นใจก่อนจะตอบกลับ
“ถ้าเอาจริง โอกาสชนะของฉันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์…”
วาห์นอยากเสริมด้วยว่าถ้าให้สู้กันถึงตาย โอกาสของเขาน่าจะเพิ่มขึ้นจนเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
[เอ็นคิดู] คืออาวุธที่ทรงพลังมาก และถ้าสามารถถ่วงเวลาได้นานพอ พลังจาก [ร่างจตุรเทพ] ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบไปเอง
ราวกับคาดการณ์ไว้แล้ว ทีโอเน่พยักหน้าก่อนจะเปลี่ยนไปเหยียดแข้งเหยียดขาและเริ่มพูดต่อ
“นายรู้ไหมว่าฉันกับทีโอน่าไม่ได้อยู่กับโลกิแฟมิเลียตั้งแต่แรกเริ่ม
สำหรับชาวอเมซอนที่เข้าเมืองมาใหม่ๆ ตัวเลือกของเราก็มีแค่การเข้าร่วมกับแฟมิเลียขนาดเล็กและค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นไปเรื่อยๆ… หรือไม่ก็จบลงที่การขายบริการ
เพราะธรรมเนียมปฏิบัติที่ต่างออกไปของเรา ชาวอเมซอนเลยไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในสังคมทั่วไปสักเท่าไหร่… แต่เราก็ยังโชคดีที่ได้ไปอยู่กับแฟมิเลียเล็กๆ แทน
พอแกร่งขึ้นกว่าเดิม เราก็เริ่มท้าสู้ไปทั่วเพราะตอนนั้นกัปตันของเราน่ะอ่อนแอเกินไปแล้ว ความก้าวหน้าของเราจึงเข้าสู่จุดหยุดนิ่ง…”
ทีโอเน่ยืดตัวขึ้นและหมุนคอไปมาก่อนจะเหยียดนิ้วเสียงดังกร๊อบๆ
เธอดูซึมลงไปบ้างแต่ก็ยังเล่าเรื่องต่อ
“เพราะความลำพอง เราก็เลยประกาศออกไปว่านอกจากจะเข้าร่วมกับแฟมิเลียที่เอาชนะเราได้แล้ว เราจะยอมเป็นผู้หญิงของผู้ชนะด้วย
นายต้องรู้ไว้นะว่าเราต่างไปจากชาวอเมซอนคนอื่นๆ อยู่บ้าง แต่เราก็ประกาศออกไปแบบนั้นโดยหวังว่าจะได้พบกับผู้ชายที่คู่ควร
หลังจากเอาชนะนักสู้ไปแล้วกว่า 70 คน เราก็ได้เจอกับแกเร็ธ… แล้วก็ฟินน์
ตอนนั้นเราเป็นแค่นักผจญภัยเลเวล 3 แน่นอนเลยว่าไม่มีทางสู้กับพวกเลเวล 5 ขั้นปลายได้อยู่แล้ว
นี่แหละที่ทำให้เราได้มาอยู่กับโลกิแฟมิเลีย
ฟินน์คือคู่ต่อสู้ของฉัน และสุดท้ายฉันก็เป็นฝ่ายอยากอุทิศตัวให้
เพราะเขาทั้งหล่อ ทั้งเก่งกาจ และเป็นคนที่ชอบเสียสละ…-”
แต่แล้วก็มีเสียงแทรกขึ้นมาจากด้านข้าง
“อย่าเข้าใจผิดนะวาห์น ถึงจะเคารพในตัวแกเร็ธมาก แต่ฉันก็ไม่เคยคิดอะไรจริงจังอะไรกับเขาเลย~!” ทีโอน่ารีบตะโกนบอกด้วยสีหน้าตื่นๆ
ทีโอเน่หัวเราะเมื่อเห็นท่าทางลนลานของน้องสาวฝาแฝดก่อนจะพูดต่อ
“อย่าโดนหลอกเอานะวาห์น ชาวอเมซอนน่ะไม่ใช่พวกที่พูดอะไรออกไปแล้วมากลับคำทีหลังหรอก
ยัยนั่นแค่ไม่อยากยอมรับว่าแกเร็ธไม่ได้สนใจเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว… แถมเขายังทำเหมือนกับเธอเป็นแค่เด็กกะโปโลคนนึงด้วย”
“ทีโอเน่ ยัยพี่ทรยศ~! ถึงมันจะจริงแต่ก็ไม่เห็นต้องบอกวาห์นเลยนี่…” ทีโอน่าลงไปนั่งปลงบนพื้นหญ้าด้วยสายตายอมแพ้
เป็นเรื่องยากที่จะให้ชายวัย 51 ปีมาสนใจเด็กที่มีอายุเพียง 12 ปีในขณะนั้น
ทีโอน่าไม่ได้รักแกเร็ธ และเขาก็ไม่มีคุณสมบัติเยี่ยงวีรบุรุษที่เธอใฝ่หา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่พยายามทำอะไรเลย…
วาห์นอมยิ้มก่อนจะเหลือบมองทีโอน่าที่ยังจิตตกไม่เลิก
“งั้นเดี๋ยวคงต้องไปขอบคุณแกเร็ธสักหน่อยแล้ว… เพราะฉันไม่รู้จริงๆ ว่าชีวิตจะเป็นยังไงถ้าไม่ได้เจอกับทีโอน่าในตอนนั้น”
พอได้ยินประโยคนี้่เข้าไป ทีโอน่าถึงกับดีดตัวขึ้นจากพื้นและเปลี่ยนมาทำสีหน้าเขินอายขณะหัวเราะ ‘แหะๆๆ~’ แทน
ถือว่าวาห์นนั้นจัดอยู่ในพวกคนที่ใจกว้างมาก เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มักจะไม่ชอบและไม่ค่อยเข้าใจวิธีคิดของสาวชาวอเมซอนเท่าไหร่
ทีโอเน่ก้มหน้าลงเล็กน้อยขณะเฝ้ามองทั้งสองด้วยความอิจฉา
ก่อนจะหมดอารมณ์อยากสู้ เธอก็พูดต่อ
“บอกตามตรงนะวาห์น ฉันเองก็ชอบนายนิดๆ… แต่ไม่มากเท่ากับฟินน์หรอกนะ
ฉันรู้สึกอิจฉาที่เห็นพวกนายมีความสุข ในขณะที่ตัวเองต้องพยายามจนแทบจะคลานกับพื้น
แต่ต่อให้ฟินน์เปลี่ยนใจ หลังจากมีลูกด้วยกันแล้ว ฉันก็คงไม่ได้กลับมาอยู่กับเขาอยู่ดี…”
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ทีโอเน่รู้สึกชอบฟินน์มากเลยก็คือ จิตใจที่แน่วแน่ มั่นคง ไม่ยอมโค้งงอให้กับเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น
ถ้าเขายอมใจอ่อนและเสียคุณสมบัติข้อนี้ไป เธอก็คงจะเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว ก่อนจะออกไปท่องโลกเพื่อตามหาผู้ชายคนถัดไป…
หลังจากได้ฟังจนจบ สีหน้าของวาห์นก็ดูจริงจังขึ้นขณะเฝ้ารอคำพูดต่อไปของอีกฝ่าย
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทีโอเน่ก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย
“คนที่ฉันจะเคารพน่ะ อย่างน้อยๆ ก็ต้องเอาชนะฉันได้… ฉันเลยอยากให้นายทุ่มสุดตัว แล้วก็ถ้าทำได้จริงๆ…”
ทีโอเน่เปลี่ยนไปกัดฟันแน่นพร้อมตั้งท่าต่อสู้โดยเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ
วาห์นขมวดคิ้วนิดๆ และเปลี่ยนเป็นฝ่ายถามบ้าง
“ที่จะบอกก็คืออยากให้ฉันงัดทุกอย่างออกมาใช้… แล้วเธอก็จะสู้แบบมือเปล่าใช่ไหม?”
ทีโอเน่ยังคงตั้งท่าแบบเดิมด้วยสีหน้าจริงจังแทนการตอบกลับ
ด้วยทักษะ สกิล และอุปกรณ์มากมายที่มี วาห์นจึงต้องหยุดคิดชั่วขณะ
ถึงอีกฝ่ายจะออกปากอนุญาตเอง แต่วาห์นก็คิดว่าการใช้อุปกรณ์หรือใช้ไอเท็มเข้าช่วยด้วยนั้นมันออกจะเกินไปหน่อย
เขาอยากสู้กับเธอโดยใช้เพียงสกิลกับทักษะติดตัวเพียงอย่างเดียว แต่แบบนั้นก็เท่ากับลดโอกาสชนะของตัวเองลงจนเกือบจะเป็นศูนย์… นอกจากว่าเขาจะพยายามฆ่าเธอแบบจริงจัง
นี่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทำให้วาห์นนึกถึงสายตากังวลของเฮสเทีย… เป็นสายตาที่เกิดจากความลังเลของเขา
นั่นทำให้เขาตัดสินใจได้ในทันที
วาห์นหันไปหาใครบางคนในหมู่คนดูก่อนจะพูดขึ้น
“ฮารุฮิเมะ ต้องรบกวนเธอแล้วล่ะ…”
จิ้งจอกสาวรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก แต่เธอก็รีบขานรับอย่างมีความสุขก่อนจะเริ่มร่ายเวทพร้อมขยับตัวราวกับกำลังเต้นรำ
แม้จะยังไม่ได้ฝึกแบบจริงจัง แต่ดูเหมือนฮารุฮิเมะจะเริ่มติดนิสัยร่ายเวทพร้อมกับเต้นไปด้วย… ไม่มีใครรู้จริงๆ หรอกว่ามันจำเป็น หรือเธอแค่อยากเต้นกันแน่
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ แสงสีฟ้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกายของวาห์นไว้
นั่นเป็นสัญญาณให้เจ้าตัวใช้ร่างพยัคฆ์ขาวออกมาพร้อมระเบิดพลังเขตแดนแบบเต็มกำลัง
ทีโอเน่กับทีโอน่าเพิ่งจะขึ้นมาเป็นนักผจญภัยเลเวล 5 ขั้นต้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน พวกเธอจึงอยู่ในช่วงเริ่มพัฒนาค่าสถานะต่างๆ
หลังได้รับเวทมนตร์ของฮารุฮิเมะเข้าไป ตอนนี้ค่าสถานะของวาห์นจึงขึ้นมาอยู่ที่เลเวล 4 ขั้นปลาย และถ้ารวมกับการใช้ร่างพยัคฆ์ขาวด้วยก็จะกลายเป็นเลเวล 5 ขั้นต้นเช่นกัน
หากรวมไอเท็มและอุปกรณ์เข้าไปเพิ่ม ค่าสถานะของเขาก็น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับเลเวล 6 ขั้นต้นได้เลย…. ถ้าดูจากค่าสถานะเพียงอย่างเดียวนะ
สำหรับผู้ที่ขึ้นไปถึงเลเวล 6 ได้ เรื่องฝีมือ ประสบการณ์ และสมาธิย่อมต้องเยอะกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว
นี่ยังไม่นับเรื่องไพ่ตายหรืออะไรทำนองนั้นอีก
หลังจากเตรียมตัวเสร็จ ตอนนี้วาห์นกับทีโอเน่ก็มีค่าสถานะพอๆ กัน แต่อีกหนึ่งปัญหาก็คืออัตราส่วนของมัน
เพราะวาห์นเน้นหนักไปที่ค่าพลังเวท ส่วนของทีโอเน่จะเน้นไปที่ค่าสถานะทางกายภาพ
ทีโอเน่ยังมีจุดๆ หนึ่งที่ต่างไปจากทีโอน่า นั่นก็คือพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ ค่าสถานะของของทั้งสองดูคล้ายกันมาก แต่ก็มีเรื่องนี้นี่แหละที่ทำให้เธอเหนือกว่าอยู่ก้าวหนึ่ง อย่างไรก็ตาม วาห์นก็ยังรู้สึกมั่นใจอยู่ดี…
ดวงตาที่แปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าของวาห์นเข้าจับจ้องดวงตาสีน้ำตาลของทีโอเน่ก่อนที่เขาจะโยนรูปปั้นตัวเล็กๆ ไปทางเธอ
แม้จะอยู่ในสภาวะเฝ้าระวัง แต่ทีโอเน่ก็รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่การโจมตี เธอจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นมารับมันไว้
ก่อนจะได้ถามว่านี่คืออะไร วาห์นก็เริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นี่คือไอเท็มหายากที่มีชื่อว่า [รูปปั้นฮีโร่]… ฉันสร้างมันขึ้นโดยใช้เทคนิคพิเศษและเอ็กซีเลียที่ได้จากมอนสเตอร์
ไม่ว่าจะเจ็บหนักขนาดไหน ร่างกายของผู้ที่ถือมันไว้จะได้รับการฟื้นฟูทันที ต่อด้วยค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า
ผลข้างเคียงก็คือร่างของผู้ใช้จะอยู่ในสภาพจำศีลชั่วคราวในอีกไม่กี่นาทีต่อมา…”
คำอธิบายของวาห์นนั้นทำให้ผู้ฟังรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางหัว
เพราะถ้าเขาไม่ได้พูดเกินจริง รูปปั้นเล็กๆ นี่อาจจะเป็นไอเท็มช่วยชีวิตที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้
ขณะสบตากับทีโอเน่ วาห์นก็นำรูปปั้นอันที่สองขึ้นมาถือบ้าง
“เต็มที่เลยนะ…”
ทีโอเน่กำ [รูปปั้นฮีโร่] ไว้แน่น ก่อนจะเก็บมันเข้าไปในตัวล็อคของเสื้อที่อยู่ใกล้กับลำคอ
วาห์นนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าตัวล็อคนั่นมีคุณสมบัติคล้ายกับล็อคเก็ต แถมเขายังเผลอเหลือบไปเห็นสิ่งที่อยู่ภายในนั้นด้วย
รูปขนาดเล็กของ ‘เด็กหนุ่ม’ ผมบลอนด์นั่นคงเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากฟินน์
ถึงจะเข้าใจเรื่องของ ‘ความรัก’ มาบ้างแล้วว่าใครจะเลือกรักกับใครก็ได้ แต่วาห์นก็รู้สึกหงุดหงิดฟินน์อยู่ดี
เพราะความใจอ่อนต่อเพศตรงข้ามของตัวเอง การ ‘ทำให้พวกเธอต้องผิดหวัง’ จึงไม่มีอยู่ในสารบบของเขา
นี่คือสิ่งที่วาห์นไม่เข้าใจและไม่อยากที่จะเข้าใจเท่าไหร่นัก
การได้เห็นหญิงสาวตรงหน้ารักใครสักคนโดยรู้ทั้งรู้ว่าจะไม่มีวันได้อะไรกลับมามันช่างเป็นเรื่องที่… น่าเศร้าเหลือเกิน
เขาได้แต่คิดเรื่อยเปื่อยในใจขณะรอให้อีกฝ่ายกลับมาตั้งท่าเตรียมสู้
ทันทีที่เธอทำแบบนั้น วาห์นก็เริ่มเกร็งร่างกายและเปลี่ยนไปใช้ท่านั่งยองกับพื้นแทน
“ทีโอเน่ ฉันจะเริ่มล่ะนะ…”
พูดจบ วาห์นก็หายไปจากตรงนั้นโดยไม่รอฟังคำตอบของอีกฝ่าย…