ตอนที่ 77 เมืองคนแคระ
“นำอาวุธของพวกเจ้ามาด้วยสิ” ลู่คงกล่าว
“ของพวกเราก็ด้วยเหรอ!!” หลิวไห่ จิ่นเหอและทีมระยะใกล้ที่เหลือต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันด้วยใบหน้าแห่งความตื่นเต้น ไม่รอช้าค้นหาอาวุธทุกชนิดที่นำติดตัววางกองรวมกันไว้ข้างกายลู่คงก่อนที่มันจะนำเข้าเตาเผา ความยากในการซ่อมอาวุธครั้งนี้คือการใช้ไฟอุณหภูมิสูงมันใช้เวลากว่าสามสิบนาทีเพื่อเพิ่มความแรงของไฟและใช้กำลังพลคนแคระช่วยกันสูบลมเร่งความดัน หากจะให้ซ่อมอาวุธเพียงชิ้นเดียวและสิ้นเปลืองพละกำลังกายมากขนาดนี้ก็คงจะเสียเปล่า ไหนๆก็จุดขึ้นมาแล้วลู่คงเลยจัดการซ่อมอาวุธของคนที่เหลือต่อให้เสร็จสรรพในคราวเดียวจะได้มิเสียเที่ยว
ใช้เวลาไม่นานนักอาวุธทุกชิ้นก็ได้รับการซ่อมบำรุงจนกลับมาเหมือนใหม่ หลินหยางและพวกรั้งอยู่ในเมืองคนแคระจนล่วงเลยถึงช่วงเย็นพูดคุยสัพเพเหระถูกคอกันเลยทีเดียว ทำให้หลินหยางได้ทราบว่าอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการหลอมเหล็กซึ่งเป็นจุดเด่นในความสามารถของเผ่าคนแคระนั้นได้รับมาจากห้องปริศนาหลังข้ามผ่านประตูสวรรค์ ซึ่งนั่นก็เป็นอีกข้อแตกต่างระหว่างเมืองมนุษย์และคนแคระ
จนอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าหลินหยางและพวกจึงเตรียมตัวกลับ
“หากต้องการความช่วยเหลือพวกท่านสามารถมาหาข้าที่เมืองได้ทุกเมื่อ” หลินหยางกล่าวก่อนจะยื่นแผนที่ฉบับคัดลอกของเทียนหนิงเจี้ยนให้เผ่าคนแคระเพื่อให้พวกมันนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในแผนที่เองก็ระบุตำแหน่งเมืองของตนและคนแคระอย่างชัดเจนทำให้พวกมันสามารถใช้นำทางไปมาหาสู่กันได้
“เช่นกันเจ้าหนุ่ม หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือพวกข้าพร้อมช่วยเต็มที่ ไม่ว่าซ่อมสิ่งของชำรุดหรือรบศึกพวกข้าไม่หวั่นเกรง!” ลู่คงและพวกตอบกลับพวกมันทั้งสองร่ำรากันด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันกายกลับเดินอาดๆจากไป
“พี่หยาง ผมว่าพวกเขาก็ไม่เลวนะ”
“ใช่ แม้จะพูดตรงโผงผางไปบ้างก็ยังดีกว่าพวกเหลี่ยมจัดใช้วาจาเป็นอาวุธพ่นคำหวาน”
“ความสามารถของพวกเขาก็ดียิ่ง พวกนายเห็นท่านั้นไหม ไอ้ท่าตวัดขวานโจมตีต่ำอ่ะ ท่านั้นป้องกันยากสุดๆเลย”
“ข้าว่าท่าค้อนบินของพวกมันแจ่มกว่าอีก ได้ทั้งรุกและรับถ้าพวกเราเอามาประยุกต์ใช้น่ะรับรองศัตรูต้องคาดไม่ถึงแน่ๆ” หลังเดินออกมาจากเมืองคนแคระหน่วยสำรวจต่างก็แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเมืองดังกล่าว นอกจากเทียนหนิงเจี้ยน เหล่าชายฉกรรจ์ต่างถูกอกถูกใจชอบพอท่าต่อสู้ของเหล่าคนแคระที่เป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนากับเผ่าพิเศษนี้ พวกมันต่างแสดงฝีมือแลกเปลี่ยนความรู้
“พี่หยาง ชวนพวกเขามาเป็นพันธมิตรกันไหม?” เทียนหนิงเจี้ยนกล่าวขึ้น
“โอ้ เป็นแบบนั้นได้ก็ดีเลยสิ” ชายฉกรรจ์จากหน่วยสำรวจต่างก็เห็นพ้อง
‘พันธมิตรงั้นเหรอ…’ คิดหรือว่าหลินหยางมิเคยคิด ยามที่สนทนากับลู่คงมันยังอยากจะโพล่งออกไปหลายคราแต่ก็ห้ามใจไว้ หลังผ่านบทเรียนของเมิ่งโจวทำให้หลินหยางชั่งใจมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น มิลืมว่าระหว่างตนและคนแคระพึ่งจะเจอกันเพียงแค่ครึ่งวัน ด้วยเหตุนี้มิใช่เฉพาะตนแต่สำหรับคนแคระ หลินหยางและพวกก็เปรียบเสมือนคนแปลกหน้าไม่ต่างกัน ยากที่จะรู้นิสัยใจคอที่แท้จริงของอีกฝ่าย….ซึ่งมันคงต้องใช้เวลาอีกน่ะนะ
ทว่า…เวลาที่ใช้กลับมิยาวนานอย่างที่คิดแม้แต่ตัวหลินหยางก็ยังมิได้นึกถึง
ตอนที่ 78 ตัวปะหลาด
เช้าวันถัดมา
ตั้งแต่เช้าตรู่หลินหยางและทีมสำรวจกำลังเตรียมตัวเพื่อออกผจญภัยตามปกติ ทว่ายังมิทันที่พวกมันจะได้ย่างเท้าออกเมือง หวงฮั่นหัวหน้าทหารยามก็ป่าวร้องตะโกนก้องห้ามปรามทัพปริศนาที่เคลื่อนที่เข้ามาเฉียดใกล้ข่มขู่เป้าหมายง้างคันธนูเตรียมศรก่อนที่หลินหยางและพวกจะปีนขึ้นกำแพงเมืองไปดูน้ำหน้าของผู้อาจหาญมาเยือนโดยมิได้นัดหมาย
“คนแคระ?” และยังเป็นคนแคระที่หลินหยางคุ้นเคยดีโดยมีลู่คงนำทัพส่งยิ้มมาแต่ไกล
“นั่นพวกเราเอง” หลินหยางบอกกล่าวแก่พรรคพวกก่อนจะให้สัญญาณเปิดประตูเมือง มิแปลกที่หวงฮั่นและคนอื่นๆจะตกใจตื่นกลัวเตรียมรบทุกขณะนั่นเพราะว่าพวกมันมิเคยพบกับคนแคระกลุ่มนี้มาก่อน แม้วานนี้หลินหยางจะเล่าเรื่องสาวความให้ได้ทราบโดยทั่วกันแล้วก็ตามแต่มันก็ใช่ว่าจะรู้รูปร่างหน้าตาของคนแคระในเรื่องเล่าของหลินหยาง
ลู่คงและสหายร่วมสิบรายย่างกรายเข้าเมืองได้รับการต้อนรับจากหลินหยางอย่างดิบดี พวกมันกลายเป็นที่สนอกสนใจของพลเมืองต่างก็มามุงดูคนแคระเผ่าพันธุ์ในเทพนิยายที่มิเคยเห็นกันอย่างตื่นเต้น
“ว่าแต่พวกท่านมาทำไมเหรอ?” หลินหยางกล่าวถาม ตอนนี้พวกมันแยกมานั่งล้อมวงรอบกองไฟโดยมีหน่วยสำรวจเมื่อวานและคนแคระเป็นตัวละครหลัก
‘หือ?’ หลินหยางสังเกตุเห็นว่าลู่คงและพวกแสดงปฏิกิริยาแปลกๆมือและเท้าของพวกมันสั่นเล็กน้อย แม้พยายามเก็บงำแต่ก็มิพ้นสายตาอันเฉียบแหลมที่เพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นด้วยทักษะดวงตาเหยี่ยว
‘เอาสิ เจ้าพูดเลยสิ’
‘ข้าเรอะ ไหนตอนแรกเจ้าบอกจะพูดมิใช่รึไง’ สิ้นเสียงหลินหยาง คนแคระส่งเสียงกระซิบกระซาบบางเบา
“ฮึ่ม ลีลากันอยู่ได้งั้นข้าเอง”
“อะแฮ่ม เจ้าหนุ่มเมื่อวานข้าได้ยินว่าเมืองของเจ้ามีของที่ชำรุดเสียหายอีกไม่น้อยเลยนี่ วันนี้พวกข้าออกมาสำรวจแถวนี้เลยกะว่าจะแวะมาเอาของพวกนั้นไปซ่อมให้จะได้มิมาเสียเที่ยว” ลู่คงฮึดฮัดลุกขึ้นกล่าว
“จริงเหรอ!!” หลินหยางหูผึ่งรีบถามย้ำด้วยความตื่นเต้น
คนแคระต่างผงกหัวหงึกหงักพร้อมเพรียงกัน
พลเมืองหลินหยางเร่งรีบนำเอาอุปกรณ์มารวมกันทั้งหมดซึ่งส่วนใหญ่แล้วหาใช่อาวุธยุทธโธปกรณ์เหล่านี้หาได้เสียหายจากการสู่รบไม่ แต่เป็นฝีมือทีมก่อสร้างที่นำมาประยุกต์ใช้เป็นอุปกรณ์การก่อสร้าง
เหล็กกองพะเนินราวกับภูเขาขนาดย่อมๆ
‘มากไปไหม….’ นั่นคือสิ่งที่หลินหยางคิด ดาบหอกทวนรวมกว่าห้าสิบเล่ม ส่วนขวานและค้อนมีจำนวนกว่าร้อย น้ำหนักรวมเสร็จสรรพคงหลายตันเลยทีเดียวเชียวล่ะ หลินหยางเองก็มิคิดว่าภายในเมืองมันจะมีอาวุธที่ชำรุดมากขนาดนี้….