เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 309-310

ตอนที่ 309-310

ตอนที่ 309 กลางคืน

ยิ่งพวกเขาอยู่มานานเท่าใดมอนสเตอร์ที่เข้าโจมตีเมืองของพวกเขานับวันยิ่งระดับสูง ดุร้าย รวดเร็ว แปลกใหม่ แตกต่างกันไปตามแต่ละครั้ง

โชคดีที่หนอนดินระดับเจ็ดนี้มิได้มีทักษะโจมตีอันใดให้เป็นกังวล การโจมตีหลักนั้นเน้นไปที่ความเร็วและพละกำลังเป็นการโจมตีทางกายภาพโดยตรงนั่นเอง

หากพวกมันเห็นมอนสเตอร์ที่หลินหยางและพวกกำลังสู้รบอยู่ด้วยละก็คงหน้าซีดเป็นไก่ต้มเป็นแน่ เพราะระดับที่สูงเกินกว่าพวกมันจะสามารถรับมือไหวนั่นเอง

หากเทียบหนอนดินระดับเจ็ดนี้ที่ตามเดิมมีหนึ่งร้อยตัวและสูญหายไปอย่างปริศนายี่สิบกว่าตัว นับว่าแข็งแกร่งกว่ามดไฟระดับสองทั้งสองร้อยตัวที่บุกโจมตีเมืองของหลินหยางในวันแรก

เนื่องจากมดไฟเหล่านั้นเกาะกลุ่มกันเดินขบวนเป็นแบบแผนตามติดมดไฟตัวหน้าและมีความเร็วต่ำ จึงมิใช่ปัญหาที่จะกำจัดพวกมันแม้พวกเขาจะมีเพียงระดับหนึ่ง

ต่างกับหนอนดินที่เคลื่อนขบวนอย่างไร้แบบแผน โจมตีเข้ามาแบบสุ่ม ทั้งยังสามารถมุดดินหลบซ่อนพลางตัวได้อย่างดีเยี่ยม

หากพวกเขามิพบเจอพวกมันก่อนรอจนกระทั่งหนอนดินเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี สถานการณ์คงกลับตาลปัตรไปเสียหมด หนอนดินหนึ่งตัวอาจจะเทียบเท่ามดไฟนับสิบตัวเลยทีเดียว

เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมงตั้งแต่หนอนดินตัวสุดท้ายตกตายไป

หลินหยางยืนอยู่บนกำแพงเมืองมองไปยังด้านล่าง ลานกว้างของเมืองที่ตามปกติจะใช้เป็นสถานที่ในการรับประทานอาหารแต่ทว่าของเขามิได้จับกลุ่มดื่มกินกันแต่อย่างใด

ตอนนี้ผู้คนกว่าสามร้อยชีวิตกำลังรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างตาข่ายตามคำสั่งของหลินหยางกันอยู่

ช่วงหัวค่ำพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงสว่างที่เคยมีจึงถูกความมืดมิดกลืนกินหากเทียบกับเวลาในโลกเดิมตอนนี้ก็คงเป็นช่วงเวลาหนึ่งถึงสองทุ่ม พวกเขาจุดคบไฟรอบกำแพงเมืองเพิ่มความสว่างได้เล็กน้อย

เขามองสอดส่องไปยังบริเวณโดยรอบแต่ด้วยความมืดระยะการมองเห็นจึงลดลงมากโข โชคดีที่คืนนี้มิมีเมฆครึ้มที่คอยบดบังท้องฟ้า แสงจันทร์จึงสอดส่องมิทำให้ค่ำคืนนี้มืดมิดจนเกินไป

มองเห็นดวงดาวสว่างไสวสวยสดงดงามหากตอนนี้มิใช่สถานการณ์คับขันเขาก็คงอยากเก็บภาพความทรงจำเอาไว้

กลุ่มคนปริศนาที่มาวนเวียนตอนที่พวกเขาต่อสู้กับหนอนดินระดับเจ็ดหายเกลี้ยงไปหมดแล้วพวกมันกลับไปตอนไหนก็มิทราบแน่ เขายังมิทราบเจตุนาที่แท้จริงของพวกมันแต่อย่างใด

หากพวกมันเป็นเมืองที่มาสอดแนมนั้นก็นับว่าแตกต่างจากเมืองอื่นๆอยู่เช่นกัน เพราะระยะทางที่พวกมันอยู่นั้นห่างไกลมากเกินไป

แม้แต่หลินหยางที่มีทักษะดวงตาเหยี่ยวยังแทบมิสามารถสังเกตุได้อย่างถนัด มิต้องถามถึงมนุษย์ทั่วไปเพราะคงเห็นเพียงเงารางๆเท่านั้น และพวกมันมิได้พลางตัวหมอบต่ำแต่อย่างใด คอยวนเวียนไปมาอยู่เรื่อย แต่พวกมันก็มิได้รุกคืบแสดงท่าทีเป็นศัตรูอันใดหลินหยางจึงเลิกให้ความสนใจไปเสีย

“หืม?” หลินหยางมองเห็นบางอย่างกำลังมุ่งตรงมายังเมืองของเขา เป็นกลุ่มคนราวสามสิบชีวิตเดินตรงเข้ามาด้วยความเร็วคงที่

“เปิดประตู” เขากล่าวขึ้นทันทีเมื่อสามารถระบุตัวตนได้อย่างชัดเจน

ตอนที่ 310 กำลังเสริม

“เปิดประตู!” หวงฮั่นหัวหน้าเวรยามตะโกนถ่ายทอดคำสั่งของหลินหยางทันที มันมิถามเหตุผลเลยแม้แต่น้อย มองฝ่าไปในความมืดเห็นคนเป็นกลุ่มราวสามสิบชีวิตกำลังมุ่งหน้าตรงมายังเมืองของมัน

ครืนนน~

เหล่าเวรยามไร้การต่อต้านประตูเมืองขนาดใหญ่เปิดอ้าออกต้อนรับผู้มาเยือน พวกเขาเห็นเพียงกลุ่มคนในระยะไกลเท่านั้นมิสามารถจำแนกหน้าตาได้

เมื่อคนกลุ่มนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนพวกมันเห็นใบหน้าชัดเจนจึงยิ้มออกมา คนทั้งสามสิบชีวิตนี้พวกเขามิใช่มนุษย์แต่อย่างใด

นี่คือเหล่าเอลฟ์ที่นำทีมมาด้วยลี่จูเอลฟ์หนุ่มรูปงามที่ไม่ว่าจะเห็นครั้งใดหน้าตาของพวกเขาก็สร้างความประทับใจอยู่ตลอด มิสามารถละสายตาไปได้ พวกเขามุ่งตรงมาจากหมู่บ้านเอลฟ์เพื่อมาเป็นกำลังเสริมร่วมรบช่วยเหลือเมืองหลินหยางโดยตรง

“พวกเรามาช่วยท่าน” ลี่จูกล่าวใบหน้ายิ้มแย้มนำกลุ่มเอลฟ์เข้าเมืองหลินหยางทันที

“ขอบคุณ” หลินหยางยิ้มกล่าวต้อนรับการมาเยือนของพันธมิตรของเขา เขามิได้ขอกำลังเสริมแต่อย่างใด แต่เหล่าเอลฟ์กลับเสนอตัวมาเองโดยมิต้องเอ่ยการที่พวกเขาต่อสู้จับมือสร้างพันธมิตรกันมาตั้งแต่เริ่มนั้นมิใช่เพียงลมปาก

หากเหล่าเอลฟ์เจอเภทภัยเขาก็คงเข้าไปช่วยเหลือเช่นกันไม่ว่าฝ่ายศัตรูจะมีมากมายเพียงใดก็มิทำให้ไมตรีที่มีลดน้อยลงไป

พวกเขาล้วนสมัครใจมาร่วมรบหลังจากได้ยินเกี่ยวกับมอนสเตอร์ที่กำลังจะโจมตีเมืองหลินหยางจากปากของมนุษย์หมาป่าที่เทียนหนิงเจี้ยนส่งไปเพื่อรวบรวมเถาวัลย์นั่นเอง

“ตามมาสิ” หลินหยางกล่าวกับลี่จู พวกเขาทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่พบเจอทั้งหลายแก่กัน

เหล่าเอลฟ์เดินตามหลินหยางเป็นขบวน

หลินหยางเดินนำพวกเขาไปยังลานกว้างที่ผู้คนที่กำลังจับกลุ่มกันทำงานกันอยู่ ตอนนี้ลานกว้างมีคนกว่าสามร้อยชีวิตกำลังทำงานให้มือของตนพร้อมกับส่งเสียงคึกคัก

“ช่วยทีนะ” หลินหยางกล่าวกับเหล่าเอลฟ์ และแยกตัวกลับขึ้นไปยืนอยู่บนกำแพงดังเดิม ทิ้งให้เหล่าเอลฟ์ยืนนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก

เอลฟ์ทั้งหลายหันมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มแห้ง

“เอ่อ..” เอลฟ์ตนหนึ่งกล่าวและหยุดไป มันมองไปยังกลุ่มคนที่นั่งรวมกันตรงหน้าทำงานกันขมักเขม่นพร้อมกับเสียงพูดคุยหัวเราะดังขึ้นมาตลอดเวลา

“มัวรออะไรกันอยู่รีบทำงานสิ” ลี่จูกล่าวพร้อมกับนั่งรวมกลุ่มกับเหล่ามนุษย์และมนุษย์หมาป่าช่วยสร้างตาข่ายจากเถาวัลย์ทันที แรกเริ่มนั้นเขายังทำมิถนัดเท่าใดหลังจากศึกษาดูงานได้สักพัก เขาก็ทำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว

“…” เหล่าเอลฟ์ยืนนิ่งเงียบ พวกมันมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังสานตาข่ายด้วยเชือกเถาวัลย์และเศษผ้า

เดิมทีพวกมันคิดว่าเมื่อมาถึงจะเตรียมตัวสร้างความพร้อมยืดหยุ่นร่างกายเพื่อรอต้อนรับฝูงมอนสเตอร์ที่กำลังจะเข้าโจมตีเมืองพันธมิตรของพวกมันเสียอีก แต่หลินหยางกลับให้พวกมันมาช่วยสร้างตาข่ายเสียนี่..

ยืนนิ่งต่อไปก็มิเกิดประโยชน์ในที่สุดเอลฟ์ทั้งสามสิบตนก็ร่วมแรงร่วมใจผลิตตาข่ายตามคำบัญชาของหลินหยางอย่างจนใจ

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Status: Ongoing

เรื่องย่อ ประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท