ตอนที่ 269 ถอยทัพ(ตอนจบ)
โล่โลหะทั้งสี่ใบเมื่อได้รับคำสั่งจากจิ่นเหอ โล่ใบสุดท้ายที่พึ่งโผล่พ้นปากถ้ำมา มันหยุดนิ่งมิขยับตัวไปไหนมิได้ลุกขึ้นเปิดช่องว่างแต่อย่างใด
ปักหลังอยู่ตรงปากถ้ำป้องกันอย่างมิดชิด นั่นก็เพื่อป้องกันอันตรายนั่นเอง
มนุษย์หมาป่าที่ประกบคู่ด้วยกับโล่ใบที่สี่นั้นเมื่อได้รับสัญญาณจากจิ้นเหอมันหันตัวกลับหายเข้าไปในถ้ำดังเดิม
ไม่นานก็กลับออกมาอยู่ด้านหลังคู่หูของตนเอง โล่เหล็กใบที่สี่เมื่อคู่ของมันกลับมาพลโล่ทั้งหมดจึงยกโล่ขึ้นจากพื้นอย่างพร้อมเพรียงราวกับว่าได้นัดแนะกันเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย
เมื่อโล่ทั้งสี่ใบที่ถูกยกขึ้นปกปิดร่างกายส่วนสำคัญเอาไว้ โผล่พ้นขึ้นมาเพียงศรีษะของผู้ถือเท่านั้น พวกมันทั้งสี่ออกตัววิ่งสับฝีเท้าอย่างรวดเร็วมุ่งตรงไปยังด้านซ้ายของปากถ้ำเปิดช่องทางให้แก่พักพวกของตน!
วูบ~
วูบบ~
วูบบบ~
ตามมด้วยปากถ้ำที่ส่งเสียงแปลกประหลาดออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับส่งร่างของมนุษย์และมนุษย์หมาป่าออกมาไม่ขาดสาย
พวกมันล้วนจับคู่เคียงข้างกันสองคนพร้อมกับโล่โลหะหนึ่งใบที่ปกป้องชีวิตเอาไว้ โดยถือโล่ไว้ด้วยมือซ้ายปิดบังด้านข้างของร่างกาย และออกตัววิ่งทันที
สองคู่ สี่คู่ แปดคู่…
จำนวนที่โผล่พ้นปากถ้ำออกมานั้นยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เฮฮ~
เมื่อคนที่กรูกันออกมาจากปากถ้ำมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันเริ่มส่งเสียงโห่ร้องพร้อมกับวิ่งตามขบวนไปอย่างรวดเร็วมิรีรออันใดอีก
“โจมตี!” ผู้นำมนุษย์หมาป่าฝ่ายพันธมิตร ตะโกนออกคำสั่งด้วยใบหน้าดุดันโกรธแค้น เพราะเขาพึ่งสูญเสียพวกพ้องไปหนึ่งนาย!
เสียงตะโกนของผู้นำมนุษย์หมาป่าปลุก กองกำลังพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์ตื่นขึ้นจากภวังค์ พวกมันเหล่านี้เมื่อครู่ยังคงตกใจกับการเปลี่ยนแปรงอย่างฉับพลันอยู่
“ฆ-ฆ่ามัน” ผู้นำมนุษย์เมื่อเรียกคืนสติของตนมันเร่งรีบออกคำสั่งทันทีเพื่อปลิดชีวิตกองกำลังหลินหยาง!
ฟิ้วว~
เคล้งง~
บริวารของมันเมื่อได้รับสัญญาณจึงมิรีรอที่จะทำตามคำสั่ง มันเร่งยิงธนูโจมตีศัตรูทันที ทว่าการโจมตีจากระยะไกลด้วยธนูทั้งหลายมิสามารถสร้างความเสียหายใดๆให้แก่โล่โลหะที่แข็งทนทานได้
แต่ก็มีศรบางดอกเช่นกันที่เฉี่ยวไปมาเฉียดใกล้ถูกร่างกายของผู้ที่อยู่หลังโล่โลหะเหล่านี้
กระนั้นด้วยการใช้ออกด้วยผู้มิชำนาญ ลูกศรทั้งหลายจึงไร้ซึ่งพลังเจาะทะลุ แม้จะปักลงบนร่างของใครซักคนก็เจาะลึกลงไปบนผิวหนังเพียงชั้นเดียวเท่านั้นจากแรงดึงดูดตามธรรมชาติ มิสามารถเจาะลงไปถึงกระดูก
พวกมันยังห่างไกลกับเหล่าเอลฟ์ยิ่งนัก หากเปรียบเทียบคงไม่ต่างระหว่างฟ้ากับเหว..
แต่กองกำลังพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์นี้มิได้มีเพียงมนุษย์
มนุษย์หมาป่าเมื่อได้รับคำสั่งจากผู้นำเผ่าของตนพวกมันจับดาบสั้นวิ่งตรงเข้าใส่ขบวนโล่ที่เรียงแนวสับเท้าวิ่งมิสนใจสิ่งใดนี้ทันที!
วูบบ~
และแล้วคนสุดท้ายก็ออกมาจากถ้ำค้างคาวปีกเหล็กได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ชายผู้ที่ยืนอยู่หลังสุดนี้ก็คือหลินหยางนั่นเอง!
ส่วนผู้ที่ประกบเป็นคู่หูของเขาครั้งนี้คือมนุษย์หมาป่าหนุ่มเจียวซิ่น..
พวกเขาทั้งสองนับว่าเป็นการจับคู่ที่ลงตัวยิ่งนัก อันเนื่องมาจากความเร็วที่ทั้งคู่ถือครองอยู่นั้นมิมีผู้ใดในกองกำลังแห่งนี้จะเทียบเคียงได้!
ตอนที่ 270 ปะทะ(ตอนแรก)
“บุกเข้าไป!” มีเสียงคำสั่งดังมาแต่ไกล มาจากผู้นำมนุษย์หมาป่านั่นเอง ตัวมันโกรธแค้นยิ่งนักที่สูญเสียพักพวกต่อหน้าต่อหน้าตนเองเช่นนี้
เฮฮ~
เหล่ามนุษย์หมาป่าจับดาบและโล่วิ่งเข้าใกล้ประชิดแนวป้องกันที่หละหลวมของกองกำลังตรงหน้าทันที โดยมีพันธมิตรชาวมนุษย์วิ่งตามหลังมาไม่ห่างกาย
ด้วยลูกธนูที่เหลือเพียงน้อยนิดพวกมันจึงโยนธนูที่ไร้พิษสงทิ้ง ไปหันมาจับอาวุธระยะปะชิดทั้งดาบ ขวาน และค้อน วิ่งกรูกันเข้าใส่แนวป้องตรงหน้า
ขบวนทัพหลินหยางบัดนี้มีเพียงสองแถวสองแนวเท่านั้น แถวหน้านั้นคือพลโล่ที่คอยกำบังการโจมตีจากศัตรู ซึ่งมีพลโล่อยู่ทั้งสิ้นสี่สิบชีวิต!
โดยพลโล่ทั้งหมดนั้นคือมนุษย์ทั้งหมด
โดยอาศัยพละกำลังที่สูงกว่าปกติเข้ายึดกุมโล่โลหะปกป้องชีวิตของตนเองและพวกพ้องอีกหนึ่ง นั่นคือแถวสอง
ซึ่งส่วนใหญ่นั้นคือผู้บาดเจ็บที่ได้รับการโจมตีจากเหล่าค้างคาวปีกเหล็ก
บ้างก็บาดเจ็บเล็กน้อยแต่กระนั้นหลินหยางก็มิได้ให้พวกเขาเคลื่อนไหวร่างกายมากนัก เพราะบาดแผลจากการโจมตีของค้างคาวปีศาจพวกนี้เลวร้ายยิ่งนัก
การโจมตีทางวิญญาณปริศนานั้นนับว่ามิได้เลวร้ายมากนัก เพราะมีผลฉับพลัน ผู้ที่ถูกโจมตีเข้าอย่างจังนั้นหมดสติจากความเจ็บปวด ส่วนผู้ที่โดนลูกหลงนั้นบาดเจ็บเพียงชั่วครู่ก็หายดี
โชคดีที่พวกเขาเข้ามาบุกรุกถ้ำค้างคาวกันเป็นกระบวนทัพ จึงสามารถส่งผู้ถูกโจมตีทางวิญญาณที่สลบหมดสติออกไปยังที่ปลอดภัยได้ และพวกเขาแค่หมดสติลงเท่านั้นมิได้บาดเจ็บเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ต่างกับการโจมตีจากค้างคาวปีกเหล็กทั่วไปเพียงแค่รอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อยแต่ทว่าบาดแผลเล็กน้อยนั้นกลับสืบเนื่องกลายเป็นการโจมตีที่ใหญ่หลวงต่อร่างกายมนุษย์
เพราะบาดแผลเล็กน้อยเหล่านั้นมิสมานตัวตามธรรมชาติและมีเลือดไหลซึมออกมาตลอดเวลา เลือดที่ไหลออกจากบาดแผลยังส่งความเจ็บปวดโดยตรงแก่ร่างกายผู้รับอีกด้วย เลือดจากแผลการโจมตีจากค้างคาวนั้นมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ
รอบบาดแผลที่มีหยดเลือดไหลซึมมานั้นล้วนเจ็บปวดราวกับน้ำร้อนลวก
ด้วยเหตุนี้หากมิรักษาให้ทันท่วงทีพวกเขาต้องจบชีวิตลงจากการเสียเลือดมากเป็นแน่ นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่มิมีใครอยากให้เกิดขึ้น!
แถวสองของขบวนทัพที่ประกบติดกับพลโล่นั้นจึงเป็นผู้บาดเจ็บเหล่านี้นั่นเอง ส่วนผู้ที่หมดสติไปนั้นล้วนอยู่กลางขบวนโดยถูกพยุงตัวกันเพื่อถอยหนี
เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาจึงมิสามารถเร่งความเร็วของขบวนได้เต็มที่เพราะต้องปกป้องชีวิตพวกพ้อง และถอยหนีไปในตัวมิให้แนวป้องกันตกลง
หลินหยางนั้นอยู่ด้านหลังสุดของขบวนประกบคู่กับเจียวซิ่น คอยระหวังให้ขบวนของตนเพื่อถอยทัพได้อย่างลุล่วงปลอดภัย
“ไปๆ” หลินหยางตะโกนเร่งขบวนทัพ เมื่อเห็นว่าศัตรูของตนกำลังบุกเข้ามาเพื่อเข้าโจมตีในระยะใกล้ ตอนนี้เขาเองก็อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะการใช้ทักษะระดับสูงติดต่อกันในเวลาอันใกล้เช่นนี้แน่นอนเรี่ยวแรงต้องถูกสูบฉีดออกไปอย่างมหาศาลและยังมิได้พักผ่อนคืนแรงอันใด เพราะสถานการณ์ที่บีบคั้นทำให้เขาต้องจับอาวุธคอยปกป้องขบวนรบอยู่แนวหลัง