ตอนที่ 339 สงบสุข
มนุษย์หมาป่าทั้งสามสิบตนยืนขึ้นเกาะกลุ่มกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก้มหน้ามองพื้นพวกมันมิกล้าเงยมองใบหน้าของหลินหยาง
ตอนนี้หากนาฬิกาบอกเวลาคงเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า จากคำกล่าวของหลินหยางพวกเขาจะออกเดินทางในช่วงสายนั่นคือเก้าโมงนั่นเอง
มองไปยังด้านบนกำแพงเมืองเหล่าเวรยามยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดี พวกเขากว่าครึ่งมิได้ร่วมดื่มกินด้วยแต่อย่างใดเนื่องจากหน้าที่อันสำคัญของพวกเขานั่นเอง
หน้าประตูเมืองมีกลุ่มคนยืนอยู่ราวสามสิบชีวิต พวกเขาคือเวรยามชุดใหม่ที่กำลังจะออกไปสับเปลี่ยนประจำการ ณ จุดที่ได้รับมอบหมายนั่นคือแหล่งน้ำ โพรงกระรอกและถ้ำวัว
เวรยามแต่ละชุดนั้นมีจำนวนสิบคนที่ประจำในจุดต่างๆ แต่ตอนนี้ในกลุ่มคนทั้งสามสิบนั้นมีเด็กมนุษย์อายุราวสิบสองถึงสิบสามปีอยู่สองคน
พวกเขาใบหน้าเศร้าหมองหดหู่เล็กน้อย ทั้งสองคือผู้พ่ายแพ้การแข่งขันในการเข่นฆ่าผึ้งแคระเมื่อคืนนี่เอง เด็กน้อยทั้งสองได้รับคำสั่งจากซิ่นก้งครูฝึกที่อบรมสั่งสอนวิชาการต่อสู้ ให้พวกมันออกไปกับเหล่าเวรยามเพื่อไปช่วยแบกหามถังน้ำกลับมา
เห็นเด็กน้อยทั้งสองที่หน้าตาบูดบึ้งทำให้หลินหยางอดยิ้มมิได้ พวกเขายังเป็นเพียงเด็กตัวน้อยๆที่น่ารักน่าชัง แต่ทว่าโลกที่โหดร้ายกลับบังคับให้จับอาวุธขึ้นสู้
หลินหยางมิได้เข้าไปก้าวก่ายการฝึกของซิ่นก้ง เขาเห็นด้วยกับการที่มีบทลงโทษสำหรับผู้แพ้ มันจะสร้างแรงผลักดันให้พวกมัน หากไม่อยากพ่ายแพ้พวกเขาต้องมุ่งเน้นขัดเกลาฝีมือของตนเองมากยิ่งขึ้น
หลินหยางแยกตัวไปชำระล้างร่างกาย ขจัดสิ่งสกปรกออกไปจนสิ้นทั้งกลิ่นสุรา กลิ่นเหงื่อและคราบต่างๆผลพวงจากการต่อสู้ เขาหยิบเสื้อสีขาวตัวใหม่ขึ้นมาสวมใส่
แม้จะเรียกว่าเสื้อตัวใหม่แต่ทว่าสีของมันที่ควรขาวเนียนสวยงามนั้นกลับหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะการใช้งานมาอย่างยาวนานก็เป็นได้
หลังจากทำความสะอาดร่างกายเสร็จสิ้นเขาเดินไปยังคอกที่มีรั้วล้อมรอบมิดชิด ซึ่งภายในมีไข่มดไฟและเหยี่ยวมรกตทั้งเจ็ดอาศัยอยู่นั้นเอง
วัวตัวอ้วนที่เคยมีทั้งสองตัวหายวับไปเสียแล้ว ตัวหนึ่งติดตามเหล่าเอลฟ์กลับหมู่บ้านไปเป็นอาหาร ส่วนอีกตัวที่เหลืออยู่ก็ตกลงสู่กระเพาะของพลเมืองกว่าสามร้อยคนของเมืองหลินหยางเมื่อคืนนี่เอง
กรี๊ซ~
มิต้องรอให้หลินหยางร้องเรียก เพียงแค่ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้าใกล้ เจ้าเขียวหนึ่งก็ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ คล้ายกับกล่าวทักทายเจ้าชีวิตของตน
หลินหยางถือถุงกระสอบผ้าใบหนึ่งมาด้วย เขาล้วงมือลงไปควานหาบางสิ่งภายในถุงใบนั้น ไม่นานก็ดึงแขนกลับขึ้นมาพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของผึ้งแคระหนึ่งตัว
กร๊วบบ~
เจ้าเขียวหนึ่งไม่รีรอยื่นคอออกมางับร่างของผึ้งแคระตัวนั้นคามือของหลินหยางทันที พลางกลืนลงคออย่างรวดเร็ว จ้องมองมาที่หลินหยางด้วยแววตาสดใสคล้ายกับต้องการอาหารมากกว่านี้
กรี๊ซซ~
เจ้าเขียวสองถึงเจ็ดเหยี่ยวมรกตที่เหลือหลังจากได้ยินพี่ใหญ่ของมันส่งเสียงร้อง พวกมันก็รีบลุกตามออกมาทันที พวกมันทั้งเจ็ดชะเง้อศรีษะคลอเคลียกับหลินหยางอย่างเป็นมิตร
ตอนที่ 340 แยกทาง
หลังจากนำซากผึ้งแคระป้อนให้แก่เจ้าเขียวทั้งเจ็ดจนหมดเขาก็อยู่เล่นลูบไร้แปลงขนให้พวกมันต่อ
ไม่นานก็เดินไปยังลานกว้างเพื่อเติมเต็มกระเพาะของตนรับประทานอาหารเช้านั่นเอง เจ้าเขียวทั้งเจ็ดเองก็ตามออกมาเช่นกัน คอกที่ทีมก่อสร้างได้สร้างรั้วล้อมเอาไว้นั้นมีได้มีไว้กักขังพวกมัน
แม้จะไม่สามารถโบยบินไปบนอากาศได้แต่การที่จะหลบหนีออกจากรั้วที่สูงเพียงสองเมตรพวกมันก็ทำได้ไม่ยากเย็น เพียงแค่กระพรือปีกและกระโดดข้ามมาก็มิใช่ปัญหา
ณ ลานกว้าง
“หนิงเจี้ยนนายและหวงฮั่นออกไปสำรวจเส้นทางที่หนอนดินใช้ หาสาเหตุที่หนอนดินทั้งยี่สิบตัวหายไป” หลินหยางกล่าวพลางแทะปลาย่างตัวโต
“ครับ” เทียนหนิงเจี้ยนและหวงฮั่นตอบรับ พวกเขากำลังนั่งทานอาหารกันอยู่
ลานกว้างตอนนี้มิได้เงียบสงบดังเคย ผู้คนเริ่มทยอยมารวมตัวทานอาหารเช้าพร้อมกับส่งเสียงครึกครื้น หลังจากทานเสร็จสิ้นพวกเขาก็เตรียมตัวเพื่อจะเริ่มงานของตนเอง
หลินหยางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านพักขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ที่แห่งนี้มีแถวยาวเหยียดเลยทีเดียว ผู้คนที่ยืนต่อแถวนี้ส่วนใหญ่เป็นทีมระยะใกล้และทีมจู่โจม มีคนของทีมเวรยาม ทีมก่อสร้างและทีมระยะไกลอยู่เพียงเล็กน้อย
ในมือของพวกเขาล้วนถืออาวุธที่เสียหาย ทั้งโล่เหล็ก หอกยาว ธนูหน้าไม้ ดาบสั้นและดาบยาว บางชิ้นก็บุบสลายเพียงเล็กน้อยมีเพียงรอยบิ่นเท่านั้น บางชิ้นก็เสียหายมากทั้งหัก แหว่ง แม้แต่สายธนูที่ขาดออก ที่พักขนาดใหญ่แห่งนี้คือคลังแสงของเมืองนั่นเอง
พวกเขากำลังนำอาวุธของตนมาสับเปลี่ยนเป็นอาวุธชิ้นใหม่ที่สามารถใช้งานได้ดีกว่าชิ้นเดิมที่เสียหาย และนำอาวุธชิ้นเก่าส่งไปซ่อมบำรุงจากเผ่าคนแคระ หากมิเสียหายมากนักก็เป็นหน้าที่ของทีมก่อสร้างที่พอจะมีฝีมืออยู่บ้างเล็กน้อย
หลินหยางเองก็นำโล่เหล็กของตนเองมาซ่อมแซมเช่นกัน ส่วนดาบสั้นและหอกเหล็กของเขายังคงสามารถใช้งานได้ดีมิเสียหาย ตอนนี้ทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมนั้น อาวุธพวกเขาส่วนใหญ่มิได้เสียหายมากมายอันใด
แต่พวกเขาก็มาเพื่อขอรับอาวุธชิ้นใหม่เพื่อเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะเผชิญ เพราะอีกไม่นานพวกเขากำลังจะเดินทางไปยังถ้ำค้างคาวปีกเหล็กนั่นเอง
พวกเขาใช้เวลาเตรียมตัวกว่าหนึ่งชั่วโมงสำหรับเตรียมความพร้อมเพื่อเดินทางไกล อาวุธ อาหาร น้ำ เศษผ้า รวมถึงสิ่งของที่ใช้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
“พร้อมกันแล้วใช่ไหม?” หลินหยางยืนอยู่หน้าแถวกล่าวถามเหล่าบุรุษตรงหน้า
“พร้อมครับ” เสียงตอบกลับอย่างพร้อมเพียงจากทีมระยะใกล้และทีมจู่โจม
ครืนนน~
ประตูเมืองเปิดอ้าออก ชายฉกรรจ์ทั้งหลายตบเท้าเดินข้ามผ่านออกจากเมืองทันที
“ขอให้โชคดี” หลินหยางกล่าวแก่ขบวนแถวด้านข้างของตน
“เช่นกันครับ” หวงฮั่นตอบกลับ พวกเขาคือหน่วยเวรยามที่ได้รับมอบหมายให้ออกไปตรวจสอบพื้นที่ภายนอก เสาะหาสาเหตุของหนอนดินที่หายตัวไปอย่างปริศนานั่นเอง
ขบวนนี่มีสมาชิกทั้งสิ้นยี่สิบนาย หนึ่งในนั้นคือเทียนหนิงเจี้ยนที่ติดสอยห้อยตามไปด้วยเช่นกัน
ตึงง~
ประตูเมืองขนาดใหญ่ปิดตัวลงทันทีหลังจากขบวนเดินทางทั้งสองก้าวข้ามผ่านออกไป..