เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 629 ข้อสันนิษฐาน
จวบจนถึงตอนนี้หลินหยางได้ปลิดชีวิตค้างคาวตัวจิ๋วไปแล้วทั้งสองตัวและจากการปลิดชีวิตพวกมันเขากลับไม่ได้ระดับใดๆเพิ่มขึ้น เมื่อเพ่งสมาธิดค่าสถานะของตนก็พบว่ามันยังคงเทียบเท่าเดิมและไม่มีความรู้สึกว่ามันได้เพิ่มพูนจนใกล้เลื่อนระดับแต่อย่างใด
สําหรับค้างคาวตัวจิ๋วตนแรกนั้นตนก็ยังมิได้มั่นใจมากนักว่ามันได้ตกตายลงไปอย่างที่คิดหรือไม่เพราะเขามิได้เห็นสภาพหลังการตายของมันด้วยตาของตนเอง จึงหลงคิดไปว่าบางทีแม้มันอาจจะมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ชายหนุ่มฝากไว้บนร่างของมันแต่ดวงชะตาชีวิตของมันอาจยังไม่ถึงฆาตหลังสิ้นการปะทะกับชายหนุ่มมันอาจหลบหนีหายไปไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกเมื่อหาเหตุผลมารองรับเช่นนี้ยังพอทําให้หลินหยางรับได้
แต่ทว่าตัวที่สองนี้มันแน่ยิ่งกว่าแน่เขามั่นใจเต็มสิบส่วนว่าได้ฆ่ามันไปกับมือ ทั้งรสสัมผัสที่ตนได้รับรวมถึงสภาพหลังการตายของมันยังตราตั้งใจและเป็นไปไม่ได้ยิ่งที่เขาจะมองผิดพลาดไปได้เพราะมันคือเป้าหมายตั้งแต่แรกเริ่ม การโจมตีที่นําพาโดยสัญชาตญาณของเขานั้นหลินหยางมิได้เล็งที่ไปที่ค้างคาวตัวแรกที่มีร่างเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่แรก แต่มันเป็นเพียงตัวหลอกล่อและทางผ่านเท่านั้น เป้าหมายหลักที่แท้จริงก็คือค้างคาวตัวจิ๋วที่กําลังหลอมรวมก่อร่างสร้างตัวจากหมอกควันอีกกลุ่มอยู่ ฉะนั้นดวงตาหลินหยางจึงจดจ่อมองเป้าหมายที่ตนล็อคเอาไว้ตั้งแต่เริ่มจนถึงจุดจบของมัน
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” หลินหยางได้แต่ครุ่นคิด เขาตรวจสอบค่าสถานะของตนซ้ําแล้วซ้ําเล่าเผื่อว่าบางทีข้อผิดที่นั้นอาจมิได้เกิดขึ้นจากตัวเขา แต่เกิดจากหน้าต่างค่าสถานะอันพิศวง แต่มันเกิดจากส่วนนี้จริงหรือไม่ชายหนุ่มก็ไม่มีทางทราบเช่นกัน
สําหรับสถานการณ์ปัจจุบันสิ่งที่ชายหนุ่มถวิลหามากที่สุดในตอนนี้ก็คือระดับ และผลพวงสืบ ต่อจากการเพิ่มระดับก็คือค่าสถานะในตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋ว ทั้งหลินหยางและคู่ ต่อสู้มีความเร็วสูสีไล่เลี่ยกันหากว่าตัวเขามีระดับเพิ่มขึ้นเพียงหนึ่งหรือสองและนําค่าสถานะที่ ได้มาเพิ่มลงที่ค่าสถานะความเร็วสถานการณ์จะเปลี่ยนไปทันที เขาจะมีความเร็วเหนือกว่าศัตรูและการต่อสู้จะมลําบากอย่างที่เป็นอยู่
หรือบางที่เป็นเพราะมันยังหลอมรวมร่างมเสร็จสมบูรณ์?” หลินหยางตั้งคําถามแก่ตน เองด้วยความใคร่รู้ใฝ่หาคําตอบสิ่งที่เขาต้องการบัดนี้ก็คือเหตุผลที่มารองรับความผิดพลาดที่เกิด ขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุจากความคิดหลากหลายที่คิดขึ้นดูเหมือนสิ่งนี้จะเป็นไปได้มากที่สุดบางที ที่เขามิได้ระดับใดๆอาจเป็นเพราะเป้าหมายของเขายังมิเติบโตเต็มที่
“หือ? แล้วมันรวมร่างจากอะไร? จะว่าไปแล้วมันโผล่มาจากไหน?” ทันใดนั้นเองมีความคิดแปลกประหลาดผุดขึ้นมาเมื่อนึกคิดถึงศัตรูคู่แค้นอย่างค้างคาวตัวจิ๋ว จากการมองเห็นของตนเขา สามารถบอกได้ว่าค้างคาวตัวจิ๋วทั้งสามตนนั้นก่อเกิดขึ้นมาจากควันดําที่ระเหยออกมาจากร่างกายของแวมไพร์ปีศาจ
ซึ่งมันก็น่าแปลกยิ่งนัก เพราะก่อนที่ค้างคาวตัวจิ๋วจะปรากฏตัวทุกคราหลินหยางที่ เพ่งสมาธิจดจ่อกับการต่อสู้อยู่ตลอดมิสังเกตุเห็นว่าค้างคาวตัวจิ๋วทั้งสามตัวไปหลบซ่อนอยู่มุมไหนจนกระทั่งเห็นตัวมันอย่างชัดเจน
ถูกแล้ว ตั้งแต่ค้างคาวตัวจิ๋วตนแรก สองและสาม หลินหยางไม่เคยเห็นตัวพวกมันมาก่อนเลยไม่มีทั้งวี่แววใดๆที่ส่อถึงการมีตัวตนของพวกมัน ไม่มีแม้กระทั่งลางสังหร หากค้างคาวเหล่านี้สามารถปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าต่อตาเขาได้โดยที่ไม่มีวี่แววเหล่านี้ พวกมันจักต้องอยู่ใกล้เคียงกับจุดปรากฏตัวอย่างยิ่ง แต่ทว่าหลินหยางกลับไม่พบ
ทุกคราที่ค้างคาวตัวจิ๋วโผล่มาจักเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับแวมไพร์ปีศาจปล่อยไอระเหยควันดําออกจากร่าง
หรือมันมิได้มาจากภายนอกตั้งแต่เริ่ม…ถ้าอย่างงั้น!!” หลินหยางดวงตาเบิกโพลงเมื่อมีข้อสันนิษฐานที่มิสมควรเกิดขึ้น เมื่อกอปรกับปฏิกิริยาที่แสดงออกของแวมไพร์ปีศาจยามที่ค้างคาวตัวจิ๋วปรากฎกายทุกครายิ่งน่าสงสัยอย่างยิ่ง
หากสิ่งที่หลินหยางคิดถูกขึ้นมา…นั่นแสดงว่าค้างคาวตัวจิ๋วอาศัยอยู่ในร่างของแวมไพร์ปีศาจงั้นหรือ? ข้อสงสัยนี้พอจะเป็นไปได้มากที่สุด
แต่แล้วก็มีข้อข้องใจใหม่ผุดขึ้นมา
ลักษณะท่าทางอันแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับแวมไพร์ปีศาจเล่า? เมื่อมันปล่อยไอระเหยสร้างควันดําออกมาจากร่างและส่งลูกสมุนสุดรักออกมาต่อสู้ ร่างกายของก้อนเนื้อแวมไพร์จักมีขนาดหดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดซึ่งมันผิดวิศัยของสิ่งมีชีวิตผู้เป็นราชาแห่งถ้ําปริศนาอย่างยิ่งเพราะ ขนาดร่างกายที่เล็กลงของมันนั่นเท่ากับว่าความเสี่ยงจากการเผชิญหน้ากับผู้บุกรุกก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
จากภาพจําของหลินหยางขนาดตัวที่เห็นล่าสุด มันลดเหลือเพียงครึ่งเดียวของขนาดตัวสูงสุดของตน ซึ่งสําหรับหลินหยางแล้วหากเผชิญหน้ากับมันตอนนี้มันช่างง่ายดายอย่างยิ่งในการโจมตี
รวมถึงบาดแผลปริศนาที่เกิดขึ้นบนตัวของก้อนเนื้อแวมไพร์ มันเป็นรอยผ่าขนาดใหญ่ที่กินอาณาบริเวณกว่าครึ่งลําตัวที่จู่ๆก็เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แม้แต่หลินหยางที่เป็นคู่ต่อสู้ของมันยังไม่ทราบถึงต้นตอ
บาดแผลนี้แน่นอนย่อมไม่เกิดจากหลินหยาง หากเขามีกําลังพอจะสร้างบาดแผลขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ การต่อสู้คงจะจบไปตั้งแต่เริ่ม คงมิต้องคอยสร้างบาดแผลเล็กๆเท่ารูกําปั้นเช่นนี้หรอก
และช่วงเวลาเดียวกับที่บาดแผลนั้นเกิดขึ้นมันช่างประจวบเหมาะเสียจริงกับบาดแผลที่เกิดขึ้นบนตัวค้างคาวตัวจิ๋วตนแรกที่หลินหยางร่างครึ่งร่างของมัน!
เมื่อคํานึงถึงบาดแผลบนร่างของค้างคาวตัวจิ๋วที่ถูกดาบเสียบกลางลําตัวและผ่าร่างมันออกเป็นสองซีกและน้ําบาดแผลดังกล่าวมาประทับบนร่างของแวมไพร์ปีศาจ มันช่างใกล้เคียงกันยิ่งนัก
ค้างคาวตัวจิ๋วที่ออกมาจากร่างแวมไพร์ปีศาจ ขนาดร่างแวมไพร์ที่เล็กลงเมื่อค้างคาวตัวจิ๋วปรากฏบาดแผลที่เกิดขึ้นบนร่างของค้างคาวตัวจิ๋วและเจ้าแวมไพร์ที่เกิดขึ้นราวกับพิมพ์เดียวกันหากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มิใช่เรื่องบังเอิญเล่า? หากชีวิตของทั้งสองนายบ่าวประสานกันล่ะ?
ฟุวว
มีเสียงบางอย่างเล็ดรอดออกมาจากความมืดปลุกหลินหยางตื่นจากภวังค์ความคิด ชายหนุ่มตื่นตัวอยู่ในท่วงท่าเตรียมพร้อมทันที
มองไปยังความมืดด้านหน้าซึ่งเป็นทางเดียวกับทางออกของถ้ําที่มีแวมไพร์ปีศาจและค้างคาวตัวจิ๋วประทับอยู่
ดวงตาหลินหยางที่ควานหาในความมืดก็พบเข้ากับสิ่งแปลกปลอมที่กําลังพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง
มิจําเป็นต้องเสียเวลาสืบสาวหาต้นตอสิ่งนั้นเลย มันคือค้างคาวตัวจิ๋ว!
ค้างคาวตัวจิ๋วอีกตนที่พึ่งถือกําเนิดขึ้นมาและเหลือรอดเป็นคนสุดท้าย
เมื่อเจ้าค้างคาวตัวจิ๋วที่พบร่างมนุษย์หนุ่มในสายตา มันเก็บปีกแนบลําตัวเพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดของตนพร้อมมุ่งตรงเข้าหาเป้าหมาย
หลินหยางมิได้วิตกกังวลกับสถานการณ์นี้เลย เดิมทีเขาก็ตั้งใจจะกลับไปเผชิญหน้ากับพวกมันอยู่แล้ว แต่เมื่อมันเป็นฝ่ายบุกมาเองเช่นนี้ก็ย่อมดีที่ชายหนุ่มจะได้มิต้องเสียเวลาและแรงกายอันมีค่าของตนไปกับการเดินทาง
หลินหยางรวบกําดาบสั้นอยู่ในท่าเตรียม พร้อมกันนั้นมือซ้ายของเขาก็ลดต่ําลงแนบลําตัวเขาหมายจะใช้การโจมตีที่มิได้ใช้ออกไปในคราก่อนนั่นคือการหลอกล่อด้วยดาบสั้นในมือขวาเมื่อค้าง คาวตัวจิ๋วหลบหลีกการโจมตีจากดาบสั้น ก็จะถึงคิวของมือหมัดซ้ายที่โจมตีมันขณะที่เสียการทรงตัว!
แม้ในคราก่อนจะผิดพลาดไปอย่างน่ายินดีที่ศัตรูของเขาถูกเสียบด้วยดาบสั้นอย่างไม่คาดคิดแต่ในครานี้ชายหนุ่มก็ยังไม่ผ่อนปรนใช้กลวิธีเพื่อจัดการกับศัตรูอยู่ดี เพื่อปิดทางหนีปลิดชีวิตศัตรูในการโจมตีเดียวเพื่อมิให้การต่อสู้ยึดเยื้อและเสียพละกําลังไปมากกว่านี้
“เข้ามา!” หลินหยางเค่นเสียงในลําคอพร้อมกับรอยยิ้มประดับใบหน้า ตอนนี้เขาอยากจะยืนยันความคิดข้อสันนิษฐานของตนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งไม่มีช่วงเวลาใดเหมาะไปกว่าตอนนี้อีกแล้ว!
พรึ่บ
ก่อนที่จะถึงระยะโจมตีของหลินหยาง ค้างคาวตัวจิ๋วกลับทําสิ่งที่แปลกออกไปจากทุกคราจู่ๆ ปีกซ้ายที่แนบลําตัวของมันก็กางออกเล็กน้อย ซึ่งการกางปีกเพียงข้างเดียวมันส่งผลให้ลําตัวที่ลู่ไหลไปตามลมเปลี่ยนทิศทาง ร่างของมันเอนไปทางขวามากขึ้นเรื่อยๆจนหลุดพ้นแนวโจมตี