เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 676 ป่าอสูร
“กลุ่มสามและสี่ไปตรงจุดนี้ ส่วนกลุ่มหกให้ไปตําแหน่งนี้”จ่อหมิงสั่งการ
“พวกเจ้ากระจายตัววางกําลังทั่วบริเวณยึดจุดยุทธศาสตร์เน้นการป้องกันเป็นหลัก” ชายชราจ๋อเจียงยืนบัญชาการเคียงข้างบุตรชาย
กําลังพลนับหมื่นที่ถูกระดมมายามวิกาลถูกแบ่งเป็นกลุ่มย่อยกลุ่มละร้อยถึงสองร้อยตนเมื่อได้รับคําสั่งเหล่าทหารหาญทําหน้าของที่ตนในบัดดล กลุ่มที่ถูกเจาะจงบ้างก็กางปีกบินบนอากาศบางหน่วยเดินขบวนทัพอย่างเป็นระเบียบ มุ่งหน้าไปยังตําแหน่งที่ได้รับมอบหมายเพื่อช่วยเหลือพรรคพวกของตนทันที
สองพ่อลูกไม้ชี้มือบ่งจุดบอกตําแหน่งบนแผ่นหนังสัตว์ขนาดกว้างและยาวร่วมสองเมตรที่ถูกขึงกว้างจนถึง บนหนังสัตว์ผืนนั้นมีรายละเอียดของปาอสูร ภูมิประเทศ ตําแหน่งเมืองพื้นที่โดยรอบ มันคือแผนที่นั่นเอง ทว่าตําแหน่งของเมืองที่ระบุอยู่บนแผนที่มีขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่ว!!
จากภาพบนแผนที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นน้ํา ผืนป่าและผืนดินว่างเปล่า แผ่นหนังที่มีขนาดกว้างยาวสองเมตรถูกแบ่งอย่างเท่าๆกันระหว่างกลาง ทั้งสองฝั่งมีตัวอักษรประทับแยกเขตดินแดนและเผ่าพันธุ์อย่างชัดเจน ซีกซ้ายแดนเหนือเผ่าปีศาจ ซีกขวาแดนใต้เผ่าอสูรโดยมีปารกทึบเป็นแนวยาวตั้งแต่ผืนดินส่วนบนจนถึงล่าง มันถูกเรียกว่าปาอสูร
ปาอสูรคล้ายกําแพงที่แยกทั้งสองเผ่าออกจากกัน หากเผ่าปีศาจต้องการไปเยือนยังแดนอสูรพวกมันจะต้องผ่านปาอสูร กลับกันหากเผ่าอสูรต้องการบุกรุกแดนปีศาจพวกมันก็ต้องข้ามผ่านปารกนี้มาเช่นกัน มันคือจุดเดียวที่เชื่อมต่อสองดินแดนนี้ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกสรรค์
สําหรับแหล่งที่อยู่อาศัยมีเพียงไม่กี่จุดเท่านั้น ซึ่งเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดก็คือเมืองปีศาจนี่แลและเมืองแห่งนี้เป็นเมืองเดียวที่อยู่ติดกับปาอสูร ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากเมืองหน้าด่านหรือแนวชายแดน
พื้นที่ทางฝั่งอสุรส่วนใหญ่เป็นปริศนา มีเพียงจุดที่ใกล้เคียงกับปาอสูรของฝั่งตรงข้ามบางจุดที่ได้รับการเปิดเผยบันทึกไว้ในแผนที่แผ่นนี้
ซึป
มีคนกลุ่มหนึ่งกําลังแหวกหญ้ารกต้นไม้ทึบเปิดเส้นทางเดินฝ่าปาอสูรยามค่ําคืน พวกมันคือหนึ่งในกลุ่มผู้ช่วยชีวิตที่กําลังมุ่งหน้าไปในตําแหน่งที่ได้รับมอบหมาย
พี่บ
ทันใดนั้นเองเหนือท้องฟ้ามีชายฉกรรจ์รายหนึ่งร่อนลงจอดหน้าขบวนของพวกมัน
”เป็นไงหัวหน้า เจอพวกมันไหม?” สมาชิกหน่วยคนหนึ่งกล่าวถาม
ชายฉกรรจ์ส่ายหัวแทนคําตอบ มันคือผู้นํากลุ่มช่วยเหลือกลุ่มนี้ สีหน้าของมันเคร่งเครียดกดดันยิ่ง
“เหตุใดเรายังมิพบพวกมันอีก”
“ข้าก็คิดว่ามันแปลกๆ นี่มิใช่ว่าพวกเรามาผิดทางหรอกหรือ?” สมาชิกกลุ่มปรึกษารวบรวมความเห็น
ตอนนี้พวกมันกําลังพบกับปัญหาใหญ่นั่นคือพวกมันหากลุ่มที่ขอความช่วยเหลือไม่พบ!
ชายฉกรรจ์นําเอาเอาแผ่นหนังสัตว์ซึ่งจดบันทึกแผนที่ขนาดย่อยส่วนของปาอสูร ออกมากางดู อีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สามแล้วตั้งแต่มันตรวจสอบตําแหน่งกับแผนที่ แต่ไม่ว่าจะตรวจดูกี่ครั้งก็เปลี่ยนคําตอบมิได้ว่าจุดที่พวกมันยืนอยู่ก็คือจุดเดียวกันกับตําแหน่งเป้าหมายตามที่ได้รับมา
บริเวณกลางขบวน
ชิ้บบ
” คือ? นี่มันอะไร” ขณะนั้นเองหนึ่งในสมาชิกกลุ่มส่งเสียงแห่งความแปลกใจเมื่อเท้าของมันเหยียบลงบนบางอย่างที่รสสัมผัสแตกต่างจากผืนดิน มันก้มลงเพ่งสายตามองสิ่งนั้นจนถนัดตา
” ท่านหัวหน้า! ข้าเจอพวกมันแล้ว!” เสียงของชายผู้นั้นดังไปทั่ว
“เจ้าบ้า! แกอยากให้พวกอสูรมันแห่กันมาหรือไง!” มีชายคนหนึ่งผู้อยู่ใกล้เคียงกับมันกระโจนตัวเอามือสองข้างปิดปากปิดจมูกมิให้มันส่งเสียง
“น-นี่มันพวกหน่วยลาดตระเวนนี่!” ชายที่ใช้มือปิดปากผู้อื่นอุทานเมื่อมันพบร่างของชายหนุ่มรายหนึ่งนอนคว่ําหน้าอยู่บนพื้นดิน ดูเหมือนพวกมันจะช้าไปก้าวนึ่งเนื่องจากเจ้าของร่างนี้ได้สิ้นลมไปเสียแล้ว ร่างกายของมันมีร่องรอยถูกของมีคมทําร้ายอยู่หลายแห่งมองไปบนพื้นดินพบคราบเลือดเป็นทางยาว พวกมันไม่รอช้าจึงเดินไปตามรอยเลือด
ห่างจากจุดแรกราวห้าสิบเมตร พวกมันก็พบร่องรอยใหม่ ต้นไม้ใหญ่รอบบริเวณมีสภาพบ่งบอกถึงการต่อสู้อันรุนแรง มีทั้งกรงเล็บ ทั้งคราบเลือด บางจุดมีแอ่งเลือดกองโตหากจะกล่าวว่ากลุ่มผู้ขอความช่วยเหลือได้ตายไปแล้วหมดแล้วจากสภาพแวดล้อมนี้ก็คงมิใช่คํากล่าวเกินจริงแต่อย่างใดแม้จะใช้เวลาค้นหากว่านานพวกมันก็ไม่พบเบาะแสหรือร่างผู้เสียชีวิตรายอื่น
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงตั้งแต่สัญญาณไฟขอความช่วยเหลือแห่งแรกถูกจุดขึ้น จนถึงตอนนี้ทั่วทั้งผืนป่ายังมีพลุไฟสีเขียวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นครั้งคราวซึ่งพักหลังมานี้เริ่มทยอยลดน้อยลงเรื่อยๆ หากดูจากจํานวนแล้วอย่างต่ําต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยจุด นั่นแสดงว่ามีไม่ต่ํากว่าหนึ่งร้อยหน่วยย่อยที่ร้องขอกําลังเสริม
แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีกลุ่มใดที่ถูกช่วยเหลือกลับมาอย่างปลอดภัยเลยแม้แต่กลุ่มเดียว
” บริเวณนั้นมันเกิดอะไรขึ้น?” ชายผู้นึงกล่าวบางเบา ชายผู้นี้สวมเครื่องแต่งกายแตกต่างจากเหล่านักสู้เผ่าปีศาจทั่วไป มันมิได้สวมเกาะเหล็กแต่เป็นชุดผ้าเบาบางสีดํา มีมีหมวกโลหะแต่มีเศษผ้าคลุมรอบศรีษะปกปิดใบหน้าเผยให้เห็นแค่ดวงตา ไม่มีโล่ป้องกันไม่มีหอกเหล็กอาวุธประจํากายของมันคือกรงเล็บเหล็กที่ผูกติดกับหลังมือเหมาะสําหรับการจู่โจมระยะประชิด เครื่องแต่งกายที่มันสวมใส่เมื่อรวมเข้ากับสภาพแวดล้อมของปารกทึบและความมืดยามค่ําคืนมันช่างกลมกลื่นราวกับพวกมันไม่มีตัวตนมันคือหน่วยสอดแนมของเผ่าปีศาจ
วูบ
ในความมืดมีร่างของคนเก้าคนปรากฏออกมา การแต่งกายของพวกมันคล้ายคลึงกันราวกับฝาแฝดพวกมันคือสมาชิกหน่วยสอดแนมหน่วยนี้
“ข้าก็ว่ามันแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อกี้ข้าเห็นแสงไฟวิบวับมาจากทางนั้นหลายครา” หนึ่งใน สมาชิกกลุ่มกล่าว
“หัวหน้า ให้ข้าไปตรวจสอบดูไหม?” สมาชิกรายหนึ่งเสนอตัวรับหน้าที่
“ไม่จําเป็น” ผู้ที่ถูกแทนตัวว่าหัวหน้ากล่าวตอบ มันคือผู้นําหน่วยสอดแนมทั้งเก้าคน อายุของชายผู้นี้อยู่ในช่วงสี่ถึงห้าสิบปีเรียกได้ว่าอายุของมันมิใช่น้อยๆเลยที่จะมารับหน้าที่หน่วยสอดแนมที่ต้องใช้ความว่องไวเป็นหลัก
ผิดกับสมาชิกทั้งเก้านายที่ยังอยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาว ดูไปแล้วผู้นําหน่วยเสมือนเป็นพี่เลี้ยงเสียมากกว่า
จุดที่พวกมันประจําการอยู่คือตําแหน่งที่ใกล้ทางออกของแดนอสูรซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางออกแดนปีศาจ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากปรากฏการณ์สัญญาณไฟขอความช่วยเหลืออยู่ไม่น้อย
แกรก
จู่ๆมีเสียงแตกหักของกิ่งไม้เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียง
บุรุษสตรีผู้ปฏิบัติหน้าที่หน่วยสอดแนมแววตาคมกริบดุจดั่งอินทรีย์ ประสาทสัมผัสผ่านการฝึกฝนเชียวชาญยิ่งกว่าฝีมือการต่อสู้ ทั้งสิบหันควับมองไปยังทิศทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียงห้าในสิบตั้งท่าเตรียมต่อสู้ อีกห้าที่เหลือถอยหลังพลางตัวกับสภาพแวดล้อมหายวับไปกับความมืด
สมาชิกทั้งเก้านายถอดถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกเมื่อเห็นต้นตอของเสียงดังกล่าว
แท้จริงแล้วสิ่งที่ทําให้พวกมันหวาดระแวงเป็นเพียงสุนัขปาตัวนึ่ง หมาปาสีเงินขนยาวสลวยยามสะท้อนกับแสงจันทร์ขนของมันแวววับน่าลูบไล้
หมาป่าตัวนี้โผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่เพียงแค่ศรีษะเท่านั้น สีหน้าของมันบัดนี้แสดงถึงความตกใจอย่างยิ่งที่เผอิญพบกับบุคคลทั้งสิบ
สมาชิกหน่วยสอดแนมผู้ที่พลางตัวกับความมืดเผยกายออกมาพร้อมทอดถอดหาย ใจเฮือกใหญ่
“มานี่มาเจ้าหมาน้อย” สตรีเสียงหวานกล่าวอย่างนุ่มนวล นางหยิบยื่นเนื้อแห้งชิ้นโตให้แก่สุนัขปาด้วยความเอ็นดู เนื้อแห้งอาหารสําหรับศึกสงครามที่พกพาง่ายไม่ยุ่งยากกับการเก็บรักษาเพิ่มพละกําลังมหาศาล มันจึงเป็นอาหารคู่ใจของหน่วยต่างๆที่ประจําทําหน้าที่อยู่นอกเมืองเป็นเวลานาน
ฟีด
หมาปาสีเงินขยับจมูกดมกลิ่นฟุดฟิดอย่างน่ารักน่าชัง