เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 1] – เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 1] – ตอนที่ 33

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 33
มีสตรีดุจหมาป่า

 

 

 

 

“กรี๊ด! ผี!” นางกระโดดขึ้นมาโผเข้าสู่อ้อมกอดของกงอิ้นทันที 

 

 

ดังที่คาดไว้ ชั่วพริบตาต่อมานางก็ถูกอัญเชิญกลับไปยังมุมห้องด้วยท่วงท่าสี่เท้าชี้ฟ้า ก่อนที่จะได้สัมผัสแผ่นอกอบอุ่นผืนนั้น 

 

 

จิ่งเหิงปัวนอนลงบนพื้น ส่งเสียงหัวเราะฮิๆ ออกมาเล็กน้อย 

 

 

นางคว้าผลไม้สีม่วงกำเอาไว้ในมือแน่น นี่ก็คือผลไม้ที่นางถือโอกาสหยิบฉวยติดมือมาด้วยเมื่อครู่นี้ ตอนที่แอบอ้างโผเจ้าใส่กงอิ้น 

 

 

พอคว้าผลไม้ไว้ในมือได้ กลิ่นหอมยั่วยวนหวานชื่นจรุงใจสายนั้นก็ยิ่งทำให้นางเคลิบเคลิ้มหวั่นไหว กลิ่นหอมชนิดนี้คล้ายจะมีเสน่ห์ตรึงใจ พร่ำเพรียกให้นางลิ้มลองทันที นางขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง แอบกัดไปคำหนึ่ง อา…กลิ่นน้ำนมเข้มข้น สัมผัสดุจเส้นไหม… 

 

 

มีมือข้างหนึ่งยื่นเข้ามา ก่อนที่นางจะออกแรงฟาดเข้าที่มือข้างที่จะมายื้อแย่งรสโอชาของตนไป 

 

 

กงอิ้นก้มหน้ามองผลไม้ที่กัดไปแล้วคำหนึ่งด้วยสีหน้าลึกล้ำอยู่บ้าง ก่อนจะฉวยมือโยนผลไม้ทิ้งไป 

 

 

จิ่งเหิงปัวเขวี้ยงผลไม้รสฝาดที่เหลือใส่เขาอย่างรุนแรงด้วยความโกรธเคือง 

 

 

“พี่ไม่กินแล้ว! เจ้าทำข้าอดตายได้เลย!” 

 

 

นางล้มตัวไปด้านหลังเสียงดังตุ้บ สภาพไม่สะทกสะท้านเช่นหมูใกล้ตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก 

 

 

รอบด้านสงบเงียบยิ่งนัก กงอิ้นไม่ได้เข้ามาจัดการนาง ผ่านไปสักพักนางก็หรี่ดวงตาข้างหนึ่งลง แอบมองเห็นกงอิ้นเก็บผลไม้ที่ร่วงหล่นขึ้นมากองไว้ที่มุม จากนั้นนั่งขัดสมาธิต่อไป 

 

 

จิ่งเหิงปัวเริ่มรู้สึกว่าน่าเบื่อและเหนื่อยล้าขึ้นมาแล้ว นางหลับตาลงก่อนจะกลิ้งไปทางมุมหนึ่งแล้วนอนหลับอย่างรวดเร็ว 

 

 

ไม่รู้ว่านอนหลับไปนานเท่าไร จู่ๆ นางถูกเสียงลมเหนือศีรษะพาให้ตกใจตื่น 

 

 

เสียงซู่ๆ ของกิ่งไม้ใบไม้สั่นไหวแว่วเข้ามาอีกครั้ง นางเบิกดวงตากว้างอย่างตึงเครียด ตั้งใจฟังโดยละเอียด ห้องตาข่ายพันเกี่ยวด้วยใบไม้ ร่องตาข่ายหลายแห่งมีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามา นางมองเห็นผลไม้มุมห้องกองนั้นขยับครั้งหนึ่งต่อหน้าต่อตา ก่อนจะขยับอีกครั้ง คล้ายกับมีเงาดำอะไรสักอย่างกะพริบวูบผ่านรอยแยก… 

 

 

นางนับจำนวนผลไม้ พบว่าน้อยลงไปหนึ่งผล… 

 

 

ผ่านไปสักพักผลไม้ขยับอีกครั้ง นางนับจำนวนอีกครั้ง พบว่าน้อยลงไปอีกหนึ่งผล 

 

 

บนหน้าผากของจิ่งเหิงปัวมีเหงื่อผุดซึมออกมา นางเหลือบมองกงอิ้นที่ฝั่งอยู่ตรงข้ามอย่างตึงเครียด ใบหน้าของกงอิ้นท่ามกลางความมืดมิดคือรูปสลักขาวบริสุทธิ์ ไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงใดๆ  

 

 

เจ้าคนนี้วรยุทธ์สูงขนาดนั้น จะไม่หูตาว่องไวหน่อยเหรอ? ทำไมไม่เห็นมีปฏิกิริยาอะไรเลยแม้แต่น้อยเล่า? 

 

 

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ จิ่งเหิงปัวพลันรู้สึกว่ากล้ามเนื้อและผิวหนังบนร่างกายของตนหดเกร็ง คอหอยแห้งผาก เพลิงร้อนรุ่มสายหนึ่งวิ่งพล่านในเรือนร่าง เพลิงนั้นแผดเผาไปถึงในดวงตา หลังเสียงฟิ้วดังขึ้นเพียงครั้ง! 

 

 

นางเบิกตากว้างมองกงอิ้นที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พลันพบว่าคอเสื้อของเขาหลุดลุ่ยเสียแล้ว! 

 

 

คอเสื้อของเขาเดิมทีก็มีไข่มุกกลัดไว้ หลังจากใช้ไข่มุกจัดการศัตรู คอเสื้อก็ย่อมหลุดลุ่ยออกเป็นธรรมดา ก่อนหน้านี้นางระทมทุกข์ตลอดทางจะมาใส่ใจเสียที่ไหนกัน แต่ขณะนี้ ท่ามกลางความมืดมิดใต้แสงจันทร์เบาบางและอารมณ์ตึงเครียด นางพลันค้นพบการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจุดหนึ่งนี้ของกงอิ้น 

 

 

นางเพ่งมองคอเสื้อนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย หากเอ่ยว่าดวงหน้าของกงอิ้นท่ามกลางความมืดมิดดั่งรูปสลักงามประณีต ลำคอของเขาก็ย่อมเป็นสายธารขาวใสไหลลื่นสายหนึ่ง ที่ซึ่งสายธารทอดยาวลงไปคือช่วงไหล่ ช่วงคอและแผ่นอกที่มีผิวพรรณเรียบลื่น และกระดูกไหปลาร้างามประณีต… 

 

 

เรือนร่างของนางร้อนรุ่มขึ้นมาดุจเปลวเพลิงที่โชติช่วง ลำคอแห้งผากจนเจ็บปวด นางอดจะกลืนน้ำลายอึกๆ ไม่ได้ เสียงตึกเสียงหนึ่งดังกังวานจนนางตกใจไปครั้งหนึ่ง 

 

 

เสียงนี้พาให้กงอิ้นตื่นขึ้น เขาลืมตาขึ้นมามองเห็นหมาป่าเจ้าชู้เพศเมียที่อยู่ตรงข้ามกำลังปลดปล่อยแววตาดุจเพลิงพราย กงอิ้นชะงักไปชั่วครู่ มองคอเสื้อของตนเองตามสายตาของจิ่งเหิงปัว ครุ่นคิดอีกชั่วครู่ก่อนจะยื่นมือออกไปเด็ดดึงก้านใบอ่อนนุ่มสีเขียวช่วงหนึ่งจากบนเถาวัลย์ด้านข้าง รูดใบอ่อนจนสิ้นเหลือไว้เพียงก้านสีเขียว… 

 

 

จากนั้นจิ่งเหิงปัวก็มองเห็นเขาร้อยของสิ่งนี้ผ่านคอเสื้อ วนล้อมรอบหนึ่งประดุจริบบิ้นไหมแล้วรูดอย่างเอื่อยเฉื่อยเชื่องช้าเพียงครั้ง ดึงเข้าหากันจนแน่นมัดเป็นเงื่อนปมประณีตงดงามปมหนึ่ง 

 

 

 

 

 

จิ่งเหิงปัวมองเงื่อนก้านกลัดคอเสื้ออันนั้นแล้ว เพลิงร้อนรุ่มรุนแรงในอกก็ดุจถูกน้ำเย็นสาดซัดดังฟึ่บเสียงหนึ่งแล้วดับสูญ 

 

 

โคตรขายหน้าเลยแม่งเอ้ย! 

 

 

นางรู้สึกว่าตนเองกลายร่างเป็นหมาป่าเจ้าชู้หน้าตาอัปลักษณ์ตัวหนึ่งในชั่วพริบตา พานพบภูผาน้ำแข็งหนาวเหน็บบำเพ็ญตบะ โหยหาความรักมิได้รับความรัก ซ้ำยังถูกรังเกียจ ยุติการกระทำเพราะหมาป่าเจ้าเล่ห์ 

 

 

นึกถึงคราวนั้น นางก็มีฉายาว่าสาวงามอันดับหนึ่งและผู้พิฆาตหนุ่มน้อยแห่งสถาบันวิจัย สถานที่ที่เดินผ่านมีบุรุษนับหมื่นโค้งกาย ภายใต้กระโปรงมีผู้เคารพบูชานับไม่ถ้วน แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีผู้อื่นเผยแววตาละโมบใส่นาง นางจึงแสร้งปล่อยเพื่อจับ พลางเล่นเกมกลบนโลกมนุษย์ ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน? 

 

 

ชื่อเสียงดั่งวีรชนชั่วชีวิต ในบั้นปลายไร้ทางรักษา พังทลายหมดแล้ว! 

 

 

สายตาของจิ่งเหิงปัวล้มตรงแน่วไปด้านหลังเพียงครั้ง นิ่งงันแข็งทื่อเสียแล้ว 

 

 

ร่างกายสงบลงแล้ว แต่ทว่าจิตใจดุจกระแสน้ำไหลเชี่ยวไม่หยุดหย่อน หรือมีคลื่นความร้อนไหลเชี่ยวไม่หยุดยั้งในเรือนร่างร่วมด้วย พวยพุ่งจนใบหน้าใบหูของนางแดงซ่าน ดูคล้ายถูกมือน้อยๆ นับไม่ถ้วนสะกิดเกาจนคันยุบยิบไปทั่ว เบื้องหน้าแต่ละฉากล้วนเป็นลำคองามพิลาสปานหงส์ของเขา ผิวพรรณใต้ลำคอสายหนึ่งปานแสงจันทราธาราหลั่งไหล… 

 

 

นางคว้าริมเชือกตาข่ายเอาไว้แน่น พลางแกะเกาเถาวัลย์อ่อนบางเหล่านั้น เตือนสติตนเองรอบแล้วรอบเล่าในใจว่า ห้ามโผไป ห้ามโผไป อย่าไปนะ อย่าไปนะ… 

 

 

ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ก้านใบล้วนถูกเด็ดดึงจนสิ้น การเตือนสติตนเองก็กลายเป็นว่า ไป? ไม่ไป? ไป? ไม่ไป? โผ? ไม่โผ? โผ? ไม่โผ? 

 

 

 

 

 

ที่ด้านหลังมีคนเหนี่ยวรั้งไหล่ของนางกะทันหัน 

 

 

ในอกของนางมีเสียงครืนดังขึ้น สติสัมปชัญญะพังทลาย พลิกกายกว้างหนึ่งครั้งดังสวบ โอบกอดร่างนั้นเอาไว้ ขณะที่กระเถิบประชิดเข้าไปสุดชีวิต ก็พลางยื่นมือข้างหนึ่งจะไปกระตุก ‘เงื่อนกลัดคอเสื้อใบไม้เขียว’ ปมนั้นบนคอเสื้อของกงอิ้น  

 

 

นิ้วมือถูกกุมไว้ กงอิ้นคล้ายแค่นเสียงเย็นชาออกมาเสียงหนึ่ง เสียงที่แค่นออกมานั้นทำให้นางขวัญหนีดีฝ่อ รู้สึกเพียงว่าแม้เพียงแค่นเสียงยังฟังดูวิเศษดุจเสียงธรรมชาติ ‘เงื่อนกลัดคอเสื้อ’ สีเขียวนั้นคล้ายกลายเป็นคูน้ำที่ขวางกั้นระหว่างนางกับเขาไว้ นางผุดลุกขึ้นมาหวังจะใช้ปากกัดสิ่งกีดกั้นชั้นหนึ่งนั้นทิ้งไป จากนั้นคิดจะกระชากออกอีกเพียงครั้ง… 

 

 

พริบตาต่อมาก็คล้ายแผ่นฟ้าพลิกผืนดินคว่ำ ศีรษะของนางยัดเข้าไปในปากตาตาข่ายสักรู ไม่รู้ว่าเมื่อไร เสียงของกงอิ้นก็ดังอยู่ข้างหลังนางว่า “คายออกมาประเดี๋ยวนี้!” 

 

 

จากนั้นนางก็ถูกตบที่ด้านหลังครั้งหนึ่ง เสียงดังเคลื่อนไหวในลำคอชั่วครู่ก่อนมีวัตถุก้อนหนึ่งลื่นพรวดออกมาจากในปาก นางมองเห็นชัดเจนว่ามันคือเนื้อผลไม้สีม่วงนั้น ไม่นึกเลยว่ามันยังไม่ถูกย่อยสลายจนหมด 

 

 

ใบหน้าครึ่งซีกของนางโผล่พ้นตาตาข่าย ท่ามกลางความเลอะเลือนคล้ายมองเห็นเงาดำเส้นสั้นๆ สายหนึ่งกะพริบวูบผ่านพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะ “คิกๆ” ออกมารำไร อุ้งเท้าขนรุงรังข้างหนึ่ง หยิกอย่างเหลาะแหละเพียงครั้งบนใบหน้าของนาง… 

 

 

จิ่งเหิงปัวตกใจจนได้สติ เบิกตาโพลงขึ้นมาในฉับพลัน อยู่รอหวังมองให้ชัดเจน ร่างกายหนักอึ้งเพียงครั้ง ร่างของนางก็ถูกกงอิ้นลากกลับมาแล้ว 

 

 

จิ่งเหิงปัวเอนกายบนพื้น หายใจดังฮืดฮาด ใบหน้าของกงอิ้นอยู่เหนือร่างนาง ตอนนี้มองดูอีกครั้งใบหน้าและลำคอนี้ยังคงงามงด แต่พลันไร้ซึ่งความใจร้อนและร้อนรนจนรอคอยไม่ได้อย่างเมื่อครู่ 

 

 

นางคล้ายเข้าใจอะไรสักอย่างขึ้นมารำไร 

 

 

“ผลไม้สีม่วงนั่น…” 

 

 

“นั่นคือสิ่งที่เหล่าเจ้าป่าเขาแห่งนี้ใช้เพื่อช่วยคนรุ่นหลังสืบทอดเผ่าพันธุ์” กงอิ้นตอบย่างคลุมเครือ จิ่งเหิงปัวฟังแล้วใบหน้ากระตุกวูบ…น้ำมันเทพอินเดีย[1]สำหรับสัตว์โดยเฉพาะเหรอ? 

 

 

ถึงว่าเหตุใดกงอิ้นถึงไม่ยอมให้นางกิน นางยังนึกว่าเขาจะแย่งเอาไปกินคนเดียวเสียอีก… 

 

 

“ไม่สิ เจ้ากินเยอะกว่าข้าอีก…” 

 

 

“ข้าจิตใจผ่องใสไม่มักมาก ไม่เคยถูกความละโมบครอบงำให้ใจขุ่นมัว” กงอิ้นนั่งตัวตรงท่วงท่าประดุจเทพ เอ่ยต่อไปว่า “อีกทั้งรูปลักษณ์ของเจ้าไม่เพียงพอจะพาให้ข้าเสียการควบคุมตนเองโดยแท้จริง” 

 

 

จิ่งเหิงปัวสาบานว่าขอเพียงมีโอกาส นางจะต้องกรีดใบหน้าเขาจนลายพร้อยแน่นอน! 

 

 

เรียกเขาว่าไอ้จอมหยิ่ง! เรียกเขาว่าไอ้สูงส่งเย็นชา! เรียกเขาว่าไอ้จอมเหยียด! เรียกเขาว่าไอ้ปลิ้นปล้อน! 

 

 

ผู้ที่กล่าวว่าจิ่งเหิงปัวอัปลักษณ์ ไกลแค่ไหนก็ต้องประหาร! 

 

 

กงอิ้นหลุบขนตาต่ำลง รับความโกรธแค้นของนางเข้าสู่ม่านตาแล้วปิดลงแล้วผนึกไว้ 

 

 

ไม่เคยถูกความละโมบครอบงำให้ใจขุ่นมัว… 

 

 

เขาพลันนึกถึงยามที่นางพลิกกาย แขนสองข้างดุจดั่งอสรพิษน้ำและลมหายใจร้อนผ่าวหวานชื่นรดอยู่ข้างหูเขา ชั่วเค่อนั้นพลันเข้าใจว่าสิ่งที่เรียกว่าอ่อนนุ่มดุจไร้กระดูก งามชดช้อยดั่งปีศาจจิ้งจอก มิใช่เพียงวาจาเลื่อนลอยที่อยู่ในคัมภีร์เรื่องอัศจรรย์ ชั่วครู่หนึ่งขณะที่เรือนร่างพลางสัมผัสคล้ายคลื่นสมุทรนวลนุ่มกระเพื่อมอยู่ข้างกาย ทุกๆ ชุ่น[2]คล้ายไหวสะท้านขึ้นมาโดยพลัน แสงจันทราถูกแกว่งไกวด้วยแรงไหวสะท้านจำแลงเป็นเปลวเพลิงสายน้อยนับมิถ้วนชอนไชสู่ร่าง เขาใช้เรี่ยวแรงมหาศาลผลักนางออกไปโดยพลัน ใช้เรี่ยวแรงมหาศาลยิ่งกว่ารักษาความเย็นชาและเด็ดเดี่ยวในเค่อนั้น จากนั้นจนถึงบัดนี้ ข้างปลายนิ้วคล้ายยังหลงเหลือกลิ่นหอมจรุงใจแต่กำเนิดของนาง… 

 

 

กงอิ้นรู้สึกว่าตนเองผิดปกติโดยที่ไม่คาดคิด นี่คงเพราะว่าร่างกายยังมิได้ฟื้นคืนเต็มที่เป็นแน่ 

 

 

วิธีสำคัญวิธีหนึ่งที่ใช้แก้ไขจิตใจวุ่นวายสับสนก็คือ บดขยี้ภาพเพ้อฝันงามล้ำทุกสิ่ง 

 

 

“กินผลไม้เข้าไปเยอะเพียงนั้น เจ้ากระหายน้ำหรือไม่” เขาถามขึ้นมาโดยพลัน 

 

 

จิ่งเหิงปัวรู้สึกว่าวาจาประโยคนี้ของเขาแปลกประหลาดมาก ซ้ำยังไม่สอดคล้องกับตรรกะใดๆ จากนั้นวาจาประโยคนี้ก็คล้ายเตือนสติถึงอะไรสักอย่าง นางกดท้องน้อยเอาไว้ครู่หนึ่งในทันที เผยสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวออกมา 

 

 

ปวดฉี่! 

 

 

คราวนี้จิ่งเหิงปัวนิ่งอึ้งไป นางหลงลืมปัญหาสำคัญข้อนี้ไปเลย สองคนถูกกักขังไว้ในตาข่ายไร้หนทางหลีกหนีซึ่งกันและกัน แล้วปัญหาด้านชีวภาพจะจัดการอย่างไร? 

 

 

กงอิ้นชี้ไปยังร่องตาข่ายสักแห่งในมุมด้วยท่าทีนิ่งสงบไร้ใดเปรียบ บอกใบ้ให้นางปลดเบาตรงนั้นเสีย จากนั้นเขาหันกายไปอีกทาง 

 

 

ใบหน้าของจิ่งเหิงปัวแดงแล้วก็เขียว เขียวแล้วก็แดงอีกครั้ง สุดท้ายก็ต้านทานความเจ็บปวดส่วนท้องไม่ไหว เขยิบไปตรงขอบมุมทีละก้าว ค่อยๆ จัดการปลดเบาทีละน้อย หายใจเข้าแล้วหายใจเข้า ด้วยกลัวว่าจะมีเสียงเล็กเสียงน้อยเล็ดลอดออกมา 

 

 

เพื่อหลีกเลี่ยงไม้ให้มีเสียงดังให้เขาได้ยิน นางจึงอยากร้องเพลง แต่ว่าเมื่อร้องเพลงแล้วจะเสียการควบคุม นางจึงได้แต่ส่งเสียงพูดคุย 

 

 

“เหตุใดเจ้าถึงไม่ต้องปลดทุกข์” 

 

 

“ข้าใช้พลังภายในส่งแรงขับไล่ไอน้ำในร่างกายได้” 

 

 

“แล้ว…ปลดทุกข์หนักเล่า? ขับออกผ่านรูขุมขนได้เช่นกันหรือ เมื่อถึงยามนั้นทั่วร่างเจ้าคงไม่ใช่ว่าจะมีสีเหลืองโผล่ออกมา…” นางพูดจามั่วซั่วได้อย่างง่ายดายภายใต้ความอึดอัด 

 

 

“ถึงยามนั้นข้าคงจะฟื้นคืนพลังแท้ครึ่งหนึ่ง หลุดพ้นจากความลำบากนี้แล้ว” กงอิ้นขัดจังหวะวาจาน่าขยะแขยงของนางอย่างรวดเร็ว สีหน้าออกสีเขียวเล็กน้อย 

 

 

“ฮือๆๆ ข้าจะเรียนวรยุทธ์” จิ่งเหิงปัวร่ำไห้ 

 

 

กงอิ้นไม่ได้สนใจนาง ผ่านความยากลำบากมากมายก่อนหน้านางยังไม่เอ่ยว่าจะเรียน แต่เพื่อจะปลดเบาก็เพิ่งคิดจะเรียนวรยุทธ์ขึ้นมา? อุดมการณ์และเจตนารมณ์ของนางคงจะมีเพียงเช่นนี้แล้ว 

 

 

ใช้เวลาสิบห้านาทีในการปลดเบาจนเสร็จอย่างง่ายดาย จิ่งเหิงปัวเก็บกวาดดังพึ่บพั่บ ทันทีที่เงยหน้าขึ้น มองลอดผ่านร่องตาข่ายก็เห็นฝั่งตรงข้ามมีเงาดำเตี้ยๆ เงาหนึ่งยืนอยู่ เงานั้นกำลังเคลิบเคลิ้มกับท่าทางสั่นสะท้านทั่วร่างของนาง เมื่อสิ่งนั้นมองเห็นนางมองมาจึงยืดพุงน้อยๆ ออกมาอย่างอัปลักษณ์ 

 

 

“กรี๊ด!” จิ่งเหิงปัวกรีดร้อง 

 

 

ตัวอะไรไม่รู้พวกนั้นตกอกตกใจวิ่งขึ้นมาดังฟิ้ว หางยาวกวาดผ่านใบหน้าของจิ่งเหิงปัวไปเกี่ยวกิ่งไม้เหนือศีรษะกิ่งหนึ่งไว้ สั่นไหวไม่กี่ครั้งแล้วหายไป 

 

 

เสียงกรีดร้องของจิ่งเหิงปัวหยุดลงฉับพลันแล้วกล่าวว่า “ลิงเหรอ?” 

 

 

ดวงตาของนางถลึงกลมโต ตอนนี้จึงพบว่ามีเงาดำนับไม่ถ้วนวิ่งไปวิ่งมาบนต้นไม้ 

 

 

ที่แท้เสียงเคลื่อนไหวในป่านี้ เงาภูติผีที่กะพริบวูบวาบต่อเนื่อง ผลไม้ในมือกงอิ้นที่ปรากฏอย่างอัศจรรย์แล้วพลันหายไปล้วนเป็นผลงานชิ้นเอกของลิงที่ไปมาดุจเหินฟ้าเหล่านี้ 

 

 

“นิทานเรื่องเจ้าลิงของเจ้าสนุกเหลือเกิน” กงอิ้นอยู่ข้างหลังนางเอ่ยว่า “พวกมันจึงมารอฟังบทสรุป” 

 

 

“บทสรุปของเจ้าลิงคือ!” จิ่งเหิงปัวหันมา ดวงตาโกรธเคืองเบิกกว้างกล่าวว่า “ในที่สุดพวกมันหาคนต่ำทรามนามอันหลิงหรงที่สวมอาภรณ์ขาวสวมไข่มุกจนพบแล้วรุมเข้าไปเพียงครั้ง เบิกทวารของเขาพร้อมกัน!” 

 

 

 

 

 

 

 

 

—— 

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 1]

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 1]

Status: Ongoing

ตอนที่ 1 – 30 อ่านนิยาย


ยามนั้น อสนีเปรี้ยงเวหา พสุธายุบหลุมลี้ เพชรพลอยเกลื่อนธรณี เกิดจานเหินที่กลางอากาศ มีนารีนางหนึ่งจักกำเนิดตนจากฟ้าถล่มดินทลาย…กลายเป็นราชินีแห่งต้าฮวง!

คำทำนายจากสรวงสวรรค์ ก่อกำเนิดเป็นความอัศจรรย์จากฟากฟ้า นำพาให้ จิ่งเหิงปัว หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ผู้เลอเลิศในปฐพี (?) ต้องตกอยู่ในสถานะราชินีแห่งลุ่มแม่น้ำต้าฮวงด้วยความจำยอม… แต่ใครเล่าจะรู้ว่าตำแหน่งราชินีสูงส่งที่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่นพัน จะกลายเป็นเพียง ‘ตำแหน่ง’ กันชนเพื่อการช่วงชิงอำนาจระหว่างราชครูฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย…

หากนางรู้ว่า ตำแหน่งราชินีที่นาง ‘จำยอม’ รับมาด้วยความสุข จะเป็นเพียงแค่หมากเกมหนึ่งในกระดานของชายหนุ่มทั้งสอง…ครานั้นนางจะทำอย่างไรดีเล่า

“หนีสิโว้ยยย!”

“กระหม่อมอนุญาตให้พระองค์หนีสามครา ฝ่าบาท”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท