“ไม่มีปัญหา!” จิ่งเหิงปัวตอบรับในครั้งเดียวดวงตายังไม่กะพริบ
เรื่องโกหกคนอื่นแบบนี้ ยิ่งโกหกได้ไพเราะคล่องแคล่วเกินจริง สีหน้ายิ่งมีดูเหตุผลแน่นหนัก นางชำเลืองมองสายตาแพรวพราวของกษัตริย์เทียนหนานที่จ้องมองนางอยู่ ถ้านางเผยให้เห็นความลังเลแม้แต่น้อย เชื่อว่าตอนนี้กษัตริย์เทียนหนานคงตะโกนเรียกคนมาหั่นนางเป็นท่อนใหญ่แปดท่อนไปแล้ว
ความเด็ดเดี่ยวไร้ขลาดกลัวแม้แต่น้อยของนางทำให้สีหน้าของกษัตริย์เทียนหนานผ่อนคลายลงดังคาด นางปรบมือ เงาผู้ชุดเหลืองกะพริบออกมาจากมุมกำแพงข้างหลังปานภูตพราย
“ถอนกำลังผู้อยู่นอกประตูวังกลับมา บอกผู้บุกวังข้างนอกนั่นว่าคนที่เขาตามหายามนี้คือแขกพิเศษของข้า หากเขากล้าหาญพอก็เข้ามามองดูเสียเอง!”
“ขอรับ”
“หากท่านมิเชื่อวาจาข้า ทดสอบพวกเขาก่อนย่อมได้…” จิ่งเหิงปัวกระซิบกระซาบคำพูดไม่กี่ประโยคข้างหูกษัตริย์เทียนหนาน กษัตริย์เทียนหนานพยักหน้า หันหลังกำชับผู้ใต้บัญชาหลายประโยคแล้วเอ่ยว่า “จงกระทำตามนี้”
ผู้รับบัญชาออกคำสั่งไปแล้ว จิ่งเหิงปัวทวงถามคำรับรองจากกษัตริย์เทียนหนานว่า “ข้าทรยศพวกเขาแล้ว ท่านจะต้องคุ้มครองข้านะ”
“วางใจ ในเมื่อเจ้าภักดีต่อข้า ข้าย่อมจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง” ยามนี้กษัตริย์เทียนหนานกลับชอบจิ่งเหิงปัวจริงๆ บ้างแล้ว รู้สึกว่าสตรีนางนี้หัวรั้นช่างฉอเลาะร่าเริงอิสรเสรี เอ่ยวาจากระทำการพาให้ชอบใจยิ่งนัก ซ้ำยังเชี่ยวชาญศาสตร์การยั่วยวนแห่งสตรี เอาไว้ข้างกายยังไม่แน่ว่าจะมิใช่เรื่องดี เฮ้อ หากมิได้เกิดมางดงามเยี่ยงนั้นก็ดีสิ
“เจ้ายังมีความสามารถอะไร แสดงออกมาในคราเดียวเถิด” กษัตริย์เทียนหนานมองดูสีท้องฟ้าคิดว่ายังพอมีเวลา รอประเดี๋ยวยังมิรู้ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น มิสู้ล้วงความสามารถของสตรีนางนี้ออกมาเสียก่อนบ้าง
จิ่งเหิงปัวกลอกตา ยิ้มพลางเอ่ยว่า “หรือให้ข้าพินิจชุดระบำเอยแต่งกายเอยอะไรเอยให้ต้าหวังสักหน่อยย่อมได้”
“ดียิ่งนัก” กษัตริย์เทียนหนานพาจิ่งเหิงปัวเดินเข้าไปในห้องแต่งหน้าห้องหนึ่งด้วยตนเอง ให้นางได้เห็นอาภรณ์ขนนกงดงามของตน พลางเอ่ยว่า “งามประณีตแลหรูหรายิ่งนักใช่หรือไม่”
จิ่งเหิงปัวพ่นลมออกจมูก
“เพียงงดงามเท่านั้น งามล้ำค่าเท่านั้น” นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ยกขาไขว่ห้าง ปลายเท้ากระดิกครั้งแล้วครั้งเล่าชี้ไปยังชุดระบำประดับขนนกห้าสีนั้น กล่าวว่า “ทว่ามีเอกลักษณ์หรือ? มีเสน่ห์หรือ? พาให้คนเห็นเพียงครั้งแล้วยากจะลืมหรือ นี่แตกต่างจากชุดระบำที่แม่นางในหอคณิกาสวมใส่ตรงไหน เพียงใช้เนื้อผ้างามประณีตหน่อยเท่านั้น”
ใบหน้าของกษัตริย์เทียนหนานแดงซ่านขึ้นมา เดิมทีนางมีภูมิหลังมาจากหอคณิกา อาศัยศาสตร์การยั่วยวนเบื้องในจนกษัตริย์เฒ่าโปรดปราน กระทั่งแย่งอำนาจชิงราชบัลลังก์ ยามคนซึมแทรกในอาชีพสักประเภทเนิ่นนาน กระทำการย่อมจะหลีกลี้ร่องรอยในอดีตไม่พ้น ชุดระบำยังเป็นชุดระบำของนางคณิกา เพียงงามล้ำค่ายวดยิ่งเท่านั้น
จิ่งเหิงปัวกล่าวกระทบความเจ็บปวดในใจของนางพอดี สตรีเ**้ยมโหดนางนี้ไม่สบายใจอยู่บ้าง สายตาหลุบลงเบื้องล่างกำลังจะเกิดโทสะทว่าชะงักโดยพลัน สายตาจับจ้องมองอยู่บนเท้าของจิ่งเหิงปัวไม่ขยับเขยื้อน
บนเท้าของจิ่งเหิงปัวสวมรองเท้าส้นสูงด้วยเคยชิน หนังแก้วสีแดงเข้ม ส้นผลึกแก้วสิบนิ้ว หัวรองเท้าเรียวแหลมงามวิจิตร หน้ารองเท้าสีแวววาวบริสุทธิ์เรียบลื่นส่องประกายแพรวพราวโชติช่วงในห้องที่มีแสงมืดสลัวเพียงน้อย
สายรัดทอดยาวขึ้นไปจนถึงน่องขา รองเท้าส้นสูงมีสายรัดเช่นนี้หากสวมใส่บนเท้าผู้มีน่องขาใหญ่คือฝันร้ายโดยแท้ ทว่าสวมบนเท้าของจิ่งเหิงปัวพาให้ผู้คนตะลึงด้วยน่องขานั้นเรียวยาวนุ่มลื่นขาวราวหิมะ
กษัตริย์เทียนหนานก้มหน้ามองรองเท้า ลมหายใจดุจดั่งจะหยุดลง
จิ่งเหิงปัวแอบร้องว่าแย่แน่ กังวลมากว่าพริบตาต่อมานางจะพุ่งขึ้นมาคว้ารองเท้าส้นสูงจากเท้าของตนเองไป นี่ก็เป็นสิ่งสะสมล้ำค่าหายากของนางเชียวนะ!
นางรีบเร่งหดเท้าครั้งหนึ่ง ดึงกระโปรงลงไปด้านล่าง มือประคองชุดระบำของกษัตริย์เทียนหนานขึ้นมา ยิ้มพลางกล่าวว่า “ชุดระบำของท่านนี้ข้าแนะนำให้เปลี่ยนรูปแบบ เช่นนั้น แบ่งเป็นสองชิ้น ท่อนบนเกาะอกชุดหนึ่งประดับกรองศอและสายไข่มุก ท่อนล่างอาจจะเป็นกางเกงทรงหลวม ขากางเกงกว้างปลายขากางเกงหดเข้ามา แลดูช่วงเอวบางยิ่งนัก ท่วงท่ามีเสน่ห์ยวดยิ่ง หากท่านพอใจยังจะเพิ่มเครื่องประดับอื่นได้อีก…”
นางกล่าวพลางยืนขึ้นเดินไปรอบด้าน ส้นรองเท้ากระทบพื้นเกิดเสียงชัดเจนไพเราะ กษัตริย์เทียนหนานฟังอยู่ปากว่าอืมอืม สายตาเกาะอยู่บนชายกระโปรงแกะไม่ออก
จิ่งเหิงปัวชำเลืองมองว่าแย่แน่ ยัยนี่แววตาลุ่มหลง จิตใจที่คิดจะแย่งรองเท้ายังไม่หายไป ต้องโยนสิ่งเปลี่ยนแปลงความสนใจชิ้นใหญ่ออกไป
แขนกระทบถูกกระเป๋าใบเล็กใบหนึ่งที่เหน็บไว้ข้างเอวกะทันหัน นางสะท้านในใจครั้งหนึ่ง เมื่อเข้าใกล้ข้างโต๊ะชะงักน้อยๆ เพียงครั้ง รูดกระเป๋าใบเล็กออกเป็นรูหนึ่งรู ก้มตัวยื่นชุดระบำให้กษัตริย์เทียนหนานพลางกล่าวว่า “โปรดจงเก็บไว้ให้ดี…”
เอวของนางโค้งครั้งหนึ่ง ของสิ่งหนึ่งร่วงลงมาดังเพี้ยะ นางรีบก้มลงเก็บ
มือข้างหนึ่งยื่นออกมายึดของสิ่งนั้นไว้อย่างมือไวตาไวแล้วรีบเร่งกำไว้ในฝ่ามือ
จิ่งเหิงปัวก้มหน้าอยู่ มุมปากเผยรอยยิ้มร้ายกาจครั้งหนึ่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเปลี่ยนเป็นสีหน้าไม่สบายใจแล้ว
“เอ๊ะ นี่คือสิ่งใด” กษัตริย์เทียนหนานมองของสิ่งนั้นมือพลิกไปพลิกมา
ถุงใบน้อยบางๆ ใบหนึ่งด้านบนพิมพ์ลวดลายรูปหัวใจสีม่วง เนื้อสัมผัสเกลี้ยงเกลา คล้ายยังมีกลิ่นหอมเจือจาง
กษัตริย์เทียนหนานจะดมโดยจิตสำนึกทว่ามือของจิ่งเหิงปัวกดลงบนถุงใบน้อยแผ่วเบาแล้ว
“เช่นนั้น สิ่งนี้คือหนึ่งในของวิเศษของข้าที่ใช้แสดงเสน่ห์แห่งสตรีเพศ นามว่าหน้ากากยั่วยวนสีชมพูอมม่วงแห่งการกระชากวิญญาเลือดกำเดาไหลทะลัก ความงดงามไม่มีสอง เป็นหนึ่งในใต้ฟ้า เรียกนามย่อว่าผ้าปิดปาก”
“ผ้าปิดปากหรือ?”
“ใช้ยามเกิดเรื่องดี…” จิ่งเหิงปัวกล่าวอย่างลึกลับร้ายกาจว่า “แบ่งเป็นสำหรับบุรุษใช้และสตรีใช้ แบ่งเป็นสินค้ายามคิมหันต์และเหมันต์ สิ่งนี้คือสินค้าคิมหันต์ชนิดบางพิเศษ อืม เช่นนี้…” นางฉีกถุงออกหยิบสิ่งขาวบางคล้ายกระดาษแต่ไม่ใช่กระดาษชิ้นเล็กชิ้นหนึ่ง ลอกแผ่นปิดแถบกาวด้านหลังอย่างคล่องแคล่วแล้วนำแผ่นอนามัยแผ่นหนึ่งนั้นทำท่าทางเปรียบเทียบบนปากพลางกล่าวว่า “สวมใส่”
“สวมใส่แล้วทำอะไรได้” กษัตริย์เทียนหนานมองดูแผ่นเล็กแผ่นหนึ่งนั้นอย่างงงงวย รู้สึกว่าแม้งามประณีตทว่าหากเอ่ยว่าอาศัยของสิ่งหนึ่งเยี่ยงนี้จะทำให้คนติดกับดักยังคล้ายมิค่อยเชื่อนัก
“ท่านดูของสิ่งนี้ทั้งนุ่มเบาบาง โปร่งสบาย สะอาดและยั่วใจ มีลวดลายงามประณีตที่การเย็บปักก็มิอาจปักออกมาได้ซ้ำยังทอประกายแสงเรืองรองยั่วยวนใต้แสงไฟและมุมสายตาที่แตกต่างได้…” จิ่งเหิงปัวนำแผ่นอนามัยเปรียบไปเปรียบมา เมื่อส่องแสงไฟพบว่าแผ่นอนามัยทอประกายแสงสลัว จึงตะโกนด่าในใจทันที…ไอ้เวรเอ้ย บริษัทนี่ใส่สารเรืองแสง! ครั้งหน้าจะไม่ใช้ยี่ห้อนี้แล้วแน่นอน!
“สิ่งของเช่นนี้ ท่านว่าท่านทำออกมาได้หรือ ข้างกายท่านมีหรือ ท่านเคยเห็นหรือ สิ่งใดเรียกว่ายั่วยวน ยั่วยวนก็คือหนึ่งเดียวไม่มีสองพาให้คนหมอบคลาน! คือความสมบูรณ์พร้อมของทุกรายละเอียด! ท่านคิดดูสิ ดวงตาดำขลับระยิบระยับคู่หนึ่งโผล่พ้นผ้าปิดปากประทับลวดลายสีขาวราวหิมะ ชายใดมองเห็นแล้วจะไม่หวั่นไหวหลงรัก”
ดวงตาของกษัตริย์เทียนหนานจ้องมองแผ่นอนามัยนั้น มิอาจไม่ยอมรับว่าของสิ่งนี้หากดูจากฝีมือการประดิษฐ์นับว่ามีเพียงหนึ่งเดียว กลิ่นหอมพิเศษยิ่งนัก อาจจะสวมใส่แล้วมีความยั่วยวนยวดยิ่งจริงแท้ยังเอ่ยไม่ชัด
“ข้าจะลองสวมดู” นางเอ่ยอย่างอดมิได้
จิ่งเหิงปัวส่งสิ่งหนึ่งนั้นที่แกะออกแล้วในมือออกไปอย่างเสียดายมาก กำชับว่า “ใส่สักหน่อยแล้วคืนข้า ข้ายังหวังจะพึ่งมันร่ำรวยครั้งใหญ่อยู่นะ”
“ภายภาคหน้าเจ้าจะเป็นนางข้าหลวงของข้า ปรารถนาได้สิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น เหตุใดต้องเผยตัวเผยตนทำการค้า อีกทั้งของของเจ้าก็คือของของวังหลวง จะให้สตรีต่ำต้อยเหล่านั้นเสพสุขได้อย่างไร ภายหน้าถวายให้ข้าก็พอแล้ว” กษัตริย์เทียนหนานแปะแผ่นอนามัยลงบนปากตามคำแนะนำของจิ่งเหิงปัว เสียงที่เปล่งออกมาฟังไม่ชัดเจนว่า “อื้อ…หอม…”
“พอแล้วๆ” จิ่งเหิงปัวดึงแผ่นอนามัยออกมาอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เก็บเข้าไปในกระเป๋าใบเล็กของตนเอง กล่าวว่า “ใช้ยามนี้สิ้นเปลืองเพียงใด ของสิ่งนี้ล้ำค่ายิ่งนัก”
“ของของเจ้าควรเป็นของของข้า” กษัตริย์เทียนหนานขมวดคิ้ว
“ของดีควรจะทะนุถนอม” จิ่งเหิงปัวล้วงผ้าอนามัยสำหรับกลางวันแบบบางพิเศษชิ้นหนึ่งออกจากในกระเป๋าใบเล็กอีกครั้งปานเล่นกล กล่าวว่า “จะให้ท่านดูของดีอีกสิ่ง สำหรับบุรุษใช้”
“สิ่งนี้ใหญ่ยิ่งนัก” กษัตริย์เทียนหนานมีสีหน้าอัศจรรย์ด้วยนึกไม่ถึงว่ายังมีแบบชิ้นใหญ่
“สำหรับบุรุษใช้น่ะ ท่านดูสิ ปากเหยียลี่ว์ฉีกว้างขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่แบบนี้แล้วจะปิดปากเอ่ยเจื้อยแจ้วนั้นของเขาได้อย่างไร” จิ่งเหิงปัวคิดไปไกลว่าหากบนปากของเหยียลี่ว์ฉีมีของเล่นชิ้นนี้แปะอยู่ เช่นนั้นก็ยิ้มชั่วร้ายอย่างมาก
ที่สำคัญคือของล้ำค่าชิ้นนี้เพิ่มส่วนผสมพิเศษ!
โยนแผ่นอนามัยออกไปก็เพื่อ ‘ผ้าปิดปากสำหรับบุรุษ’ ในตอนนี้นี่ล่ะ
“มีประโยชน์อันใด” กษัตริย์เทียนหนานอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง หากเอ่ยว่า ‘ผ้าปิดปาก’ สำหรับสตรีงามประณีตยิ่งนักเพิ่มความยั่วยวนและเสน่ห์ได้ เช่นนั้นผ้าปิดปากสำหรับบุรุษชิ้นนี้มีประโยชน์อันใด นางมิได้ต้องการให้เหยียลี่ว์ฉีมายั่วยวนนาง นางเพียงโศกเศร้าว่าเหยียลี่ว์ฉีไม่ยอมตกหลุมพรางของนาง
“ยามเข้าห้องหอ…” จิ่งเหิงปัวกระซิบข้างหูนางว่า “ฉวยโอกาสยามเขาไม่สังเกตใส่ให้เขาเสีย ข้างในนี้มีกลิ่นหอมกรุ่นพิเศษชนิดหนึ่ง บุรุษสูดเข้าไปเพียงครั้งก็รู้สึกว่าท่านงามปานเทพธิดาซ้ำยังวิงเวียนหน้ามืด ท่านอยากให้เขาทำท่าอะไรก็ทำท่านั้น อยากให้เขาร่วมมืออย่างไรก็ร่วมมืออย่างนั้น มหัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นคือสิ่งนี้มีผล…” นางยิ้มจนยิ้มแย้มหน้าบานกล่าวต่อว่า “…ชั่วชีวิต!”
กษัตริย์เทียนหนานเลิกคิ้วเพียงครั้ง โพล่งออกมาว่า “จริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอนเสียยิ่งกว่าทองแท้!” จิ่งเหิงปัวจริงจังเคร่งขรึม กล่าวลอกตามบทพูด
กษัตริย์เทียนหนานหวั่นไหวไปหลายส่วนจริงแล้ว
ยาเสน่ห์ไม่ได้แปลกประหลาดแต่อย่างใด ในวังหลวงหลายแห่งล้วนตระเตรียมไว้หลากหลายชนิดให้พร้อมใช้งาน นับประสาอะไรกับผู้มีฝีมือสูงในทางนี้ที่ก่อร่างสร้างตนจากความงามเช่นนาง เพียงแต่เหยียลี่ว์ฉีระแวดระวังยิ่งนัก ยาที่นางเคยแอบลองใช้แต่ก่อนไม่มีผลแม้แต่น้อย ที่สำคัญยิ่งกว่าคือนางกลัวว่าหลังใช้ยาดั่งฌ้อปาอ๋องแข็งขืนสอดลูกธนู[1] ยามเหยียลี่ว์ฉีคืนสติโกรธเคืองระบายใส่นาง เช่นนี้ย่อมไร้หนทางกอบกู้สถานการณ์อย่างแท้จริง
สำหรับบุรุษปานต้นไม้เขียวชอุ่มดอกไม้งามวิเศษผู้นี้นั้น นางย่อมทะนุถนอมแลให้ความสำคัญด้วยตนเอง นางไม่อยากปฏิบัติต่อเขาเฉกเช่นบุรุษที่ซื้อมาจากตลาดค้าทาสเหล่านั้นทว่าปรารถนาจะพยายามร่วมชีวิตกับเขาให้ยืนยาวสักหน่อย
หากยืนยาวชั่วชีวิตได้จริงๆ…
จิ่งเหิงปัวเพ่งมองสีหน้าของนางตลอดเวลา มองเห็นสายตานั้นเต็มเปี่ยมด้วยความหวั่นไหวได้อย่างชัดเจน
“แต่ว่านะ ด้วยรูปโฉมงดงามและเสน่ห์ของต้าหวังข้าว่าคงไม่ต้องใช้ของสิ่งนี้ เฮ้อ อย่างไรก็ประหยัดไว้ให้ข้าเถิด นี่น่ะคือสิ่งที่ข้านำข้ามน้ำข้ามทะเลมา ใช้ครั้งหนึ่งน้อยลงชิ้นหนึ่ง” นางทำท่าจะเก็บผ้าอนามัยใส่กระเป๋า
“เอ่อ” กษัตริย์เทียนหนานคว้ามือของนางไว้แล้วเอ่ยว่า “ลองดูย่อมไม่เสียหาย อย่าได้หวงของของเจ้านักเลย หากทำสำเร็จจริงข้าจะประทานรางวัลยิ่งใหญ่ให้เจ้า” ฉวยมือคว้าผ้าอนามัยนั้นไปเก็บไว้ในถุงลับติดกายอย่างระมัดระวัง
“ให้ท่านก็ให้ท่านเถิด…” จิ่งเหิงปัวทำหน้าตาเสียดายกำชับว่า “ทว่าเอ่ยไปเอ่ยมา แอบใส่ให้เขาจะดีที่สุด ฉวยโอกาสแปะลงไปยามเขาไม่สังเกตผลลัพธ์จึงจะดี หากกลัวจะถูกเขาพบเข้า ท่านแปะไว้ด้านในหมอนผลลัพธ์ก็พอได้ อีกอย่างท่านจำไว้ว่านี่สำหรับบุรุษใช้ ท่านแกะออกเองย่อมเสียเปล่าเลยนะ”
“เรื่องนี้ไม่ต้องให้เจ้าเป็นห่วงแล้ว” กษัตริย์เทียนหนานตบแขนเสื้อ สีหน้าท่าทางมั่นเหมาะ
สีหน้าของจิ่งเหิงปัวมั่นเหมาะเช่นกัน…เหยียลี่ว์ฉี คืนนี้มีสาวงามกระชากวิญญาณ มีผ้าอนามัยปิดปากและมีฉี่เฟยเฟยเพิ่มความสนุกสนาน ชอบไหมล่ะ
เพื่อตอบแทนบุญคุณคำลวงในหุบเขาครั้งหนึ่งนั้นของนาย พี่ทุ่มเทสุดกำลังจริงๆ นะไอ้เวร!
——