ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 3 เปิดโปง
สิ้นเสียง บุรุษวัยสามสิบกว่าคนหนึ่งเดินอกผายไหล่ผึ่งออกมาจากกลุ่มคน แววตาเป็นประกาย ย่างสามขุมเข้ามา ไม่กี่ก้าวก็มาถึงเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว กล่าววาจาในฐานะคนนอกโดยสิ้นเชิง “ข้าเฝ้าดูจากด้านนอกได้ครู่หนึ่งแล้ว เด็กสาวเยี่ยงเจ้าทำเกินกว่าเหตุนัก สตรีท่านนี้เพียงเพราะบันดาลโทสะ พลั้งปากพูดในสิ่งที่ไม่สมควรไม่กี่คำออกมา ไยเจ้าต้องบีบคั้นนางเช่นนี้ด้วย?”
นับแต่ที่เขาเดินเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวก็ลอบมองประเมินเขาไปด้วย ฟังเขาพูดจบ หรี่นัยน์ตาลง ถามขึ้น “ท่านคือ…?”
ชายกำยำตอบกลับ “ข้าคือคนที่เดินผ่านมา เห็นทางนี้มีคนมาก จึงตามเข้ามาดู ไม่คิดว่าจะได้เห็นเจ้ากำลังขู่เข็ญสตรีนางนี้ดื่มน้ำซุปมีพิษ ข้าจึงอดใจไม่อยู่ ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้นาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดว่า “ไม่ทราบว่าเมื่อครู่ท่านเห็นข้ากินเส้นแป้งมันฝรั่งหรือไม่?”
“เห็นแล้ว ก็แล้วอย่างไรเล่า?” ชายกำยำถาม
“ของมีพิษเหมือนกัน เหตุใดข้ากินได้แต่นางกลับกินไม่ได้?” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
ชายกำยำพูดว่า “หาได้เหมือนกันไม่ เมื่อครู่เจ้าก็ได้พูดแล้ว เจ้ารู้วิชาแพทย์ รู้ว่ากินอย่างไรถึงจะไม่ถูกพิษ แต่นางไม่เหมือนกัน นางเป็นเพียงสตรีธรรมดา หากดื่มน้ำซุปมีพิษเข้าไปจริงๆ ไม่แน่ว่าจะปวดท้องดิ้นทุรนทุรายเหมือนสามีนางก็เป็นได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวจับคำผิดในคำพูดเขาได้ เค้นถามเสียงเข้ม “ท่านรู้ได้อย่างว่าคนในครอบครัวนางปวดท้องดิ้นทุรนทุราย? ท่านเห็นเหตุการณ์ในตอนนั้น?”
ชายกำยำเพียงผงะเล็กน้อย แล้วรีบตอบความ “เมื่อครู่พวกเจ้ามิได้พูดเองหรอกรึ ข้าได้ยินพอดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดว่า “พวกเราได้พูดเช่นนั้นจริงๆ”
ชายกำยำแสดงอาการโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด
เมิ่งเชี่ยนโยวเบี่ยงไปประเด็นอื่น ถามเขาฉับพลัน “ฟังจากสำเนียงท่านแล้ว ไม่เหมือนเป็นคนท้องถิ่นนี้ ไม่ทราบว่าท่านมาตำบลชิงซีด้วยเหตุผลใด จึงบังเอิญได้มาเห็นเหตุการณ์นี้?”
ครั้งนี้ชายกำยำถึงกับตะลึงอึ้ง แล้วได้สติกลับมาโดยไว พูดไหลลื่นไปตามวาจาของเมิ่งเชี่ยนโยว “ถูกต้อง ข้ามิใช่คนท้องถิ่นนี้ วันนี้เข้ามาเยี่ยมญาติที่ตำบลชิงซี บังเอิญเห็นเหตุการณ์นี้เข้า ข้ามีนิสัยตรงไปตรงมา ทนดูต่อไปไม่ได้ ถึงออกมาเรียกร้องความยุติธรรมแทนนาง”
“ไม่ทราบว่าบ้านญาติท่านอยู่ที่ไหน หากท่านหาไม่พบ ข้าจะให้คนพาไปส่ง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างหวังดี
คล้ายว่าชายกำยำจะคาดไม่ถึงว่านางจะหงายไพ่นี้ เค้นถามตนเองไม่เลิกรา เริ่มจะมีน้ำโห “เจ้าเด็กสาวคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ ญาติของข้าข้าย่อมต้องหาพบ ตอนนี้ข้ากำลังทวงคืนความยุติธรรมให้สตรีนางนั้น ให้พวกเจ้าอย่าได้ขู่เข็ญให้นางดื่มน้ำซุปมีพิษอีก เจ้ากลับเอาแต่เค้นถามข้าไม่เลิก หมายความว่าอย่างไร? หรือเพราะข้าเข้ามาขวางการรังแกคนของเจ้า คิดจะส่งคนตามไปแก้แค้นบ้านญาติของข้า”
เขาพูดจบ กลุ่มคนส่งเสียงสูดปาก ต่างมองชายกำยำอย่างเห็นใจ เห็นชัดว่าพวกเขาเชื่อในคำพูดของชายกำยำสนิทใจแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับไม่ขุ่นเคือง ทั้งยิ้มถามเขา “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ามีความคิดเช่นนี้?”
ชายกำยำสะอึกกึก ผงะอึ้งโดยสิ้นเชิง
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บคืนรอยยิ้ม มองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับผู้ว่าการตำบล “ท่านใต้เท้า เมื่อมีคนออกหน้า บอกว่าพวกเราปฏิบัติไม่เป็นธรรม เช่นนั้นพวกเราก็พาคนทั้งหมดนี้ ย้ายไปโรงหมอ ข้าจะหาหลักฐานมาให้ทุกคนได้เห็นเองเจ้าค่ะ”
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้า “ก็ดี หากวันนี้แม่นางเมิ่งสามารถหาหลักฐานได้ว่า เป็นพวกเขาที่วางยาพิษตัวเอง ข้าจักไม่ละเว้นพวกเขาเด็ดขาด แต่หากแม่นางหาหลักฐานไม่ได้ นับจากวันนี้ไปเจ้าจะต้องปิดร้านนี้ สอบสวนได้ความกระจ่าง พิสูจน์ได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้าเมื่อใด พวกเจ้าถึงจะเปิดร้านได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “แล้วแต่ท่านใต้เท้าจะจัดการเจ้าค่ะ ขอท่านใต้เท้าให้คนยกก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งทั้งหมดนี้ตามไปด้วย”
ผู้ว่าการตำบลโบกมือให้สัญญาณเจ้าหน้าที่ยกชามก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง ทั้งออกคำสั่งสตรีทั้งสามคน “พวกเจ้าทั้งหมดก็ตามไปดูให้กระจ่างด้วย”
ว่าแล้ว ก็ก้าวพ้นประตูเดินนำออกไป
ชายกำยำนายนั้นหันหลังจะเดินออกไปเช่นกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องทักเขา ยกยิ้มพูดว่า “เมื่อท่านสงสารพวกนาง ด้วยข้าถือว่าร่ำรวยรังแกพวกนาง เช่นนั้นท่านก็ตามพวกเราไปโรงหมอด้วยเถอะ เมื่อเรื่องกระจ่างแล้วค่อยไปบ้านญาติ”
ชายกำยำถอยกลับมาหนึ่งก้าว “นี่ก็เย็นมากแล้ว บ้านญาติข้าอยู่ห่างจากที่นี่อีกหลายสิบลี้ หากข้าไม่ไป เกรงจะไปไม่ถึงก่อนฟ้ามืด”
ว่าแล้วก็ยกเท้าก้าวออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เสี่ยวเอ้อร์สองคนในร้าน
เสี่ยวเอ้อร์เข้าใจทันที รีบสาวเท้าเข้าไปขวางเบื้องหน้าชายกำยำ
ชายกำยำเห็นทั้งสองคนร่างบึกบึนกำยำ ก้าวเท้าหนักแน่น ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีวรยุทธ์ สะท้อนแววตา เตรียมพร้อมร่างกาย ร้องตะโกนเสียงลั่น “พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? หรือต้องการจะแก้แค้นข้า?”
กลุ่มคนที่หันหลังเตรียมจะตามผู้ว่าการตำบลไปดูเรื่องสนุกที่โรงหมอ ได้ยินชายกำยำร้องลั่น ต่างหันขวับกลับมา เห็นเสี่ยวเอ้อร์สองคนกำลังยืนขวางอยู่เบื้องหน้าชายกำยำ จึงย้อนกลับมาหน้าประตูอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มอ่อน “ทำอะไรต้องมีหัวมีท้าย เมื่อท่านออกหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้พวกนาง เช่นนั้นท่านก็ควรรู้ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อนค่อยจากไป การที่ท่านจากไปกลางคันเช่นนี้ ดูจะไม่ถูกต้องหรือไม่?”
ชายกำยำเถียงข้างๆ คูๆ “ข้าหาได้จะจากไปกลางคันไม่ แต่เพราะบ้านญาติข้าอยู่ไกล ถึงต้องเร่งเดินทางแต่หัววัน ไม่เช่นนั้น ข้าจักต้องไปดูให้กระจ่างอย่างแน่นอน”
“เรื่องนี้ท่านไม่ต้องรีบร้อน ร้านข้ามีรถม้า หลังจากรู้ข้อเท็จจริงแล้ว ข้าจะให้คนไปส่งท่านเอง”
ชายกำยำปฏิเสธ “ไม่ต้อง แต่ไหนแต่ไรข้าไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร ข้าเดินไปเองก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มส่ายหน้า พูดว่า “บังเอิญนัก แต่ไหนแต่ไรข้าชอบช่วยเหลือคน หากอีกฝ่ายไม่ยอมรับ ข้าจะไม่ยินดี พอข้าไม่ยินดี แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าจะกระทำสิ่งใดได้บ้าง”
“เจ้า…?” ชายกำยำสะอึกอึ้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคน “บุรุษผู้หวังดีท่านนี้เป็นคนต่างถิ่น ไม่คุ้นชินกับตำบลชิงซี พวกเจ้าทั้งสองจงตามติดไปส่งเขาถึงโรงหมอ เลี่ยงไม่ให้เขาหลงทาง”
“ขอรับ นายหญิง” เสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคนรับคำ หันไปผายมือเชื้อเชิญให้ชายกำยำ พูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง “ไปเถอะ พวกเราจะส่งท่านไปเอง”
ชายกำยำเห็นท่าทีแข็งกร้าวของเมิ่งเชี่ยนโยว รู้ว่าอย่างไรตนเองก็จักต้องตามไป จึงวางท่าพูดอย่างไม่ยอม “ไปก็ไปสิ ข้าก็อยากเห็นนักว่าเจ้าจะหาหลักฐานมาได้อย่างไร?” ด้านหลังสุดของกลุ่มคนมีบุรุษคนหนึ่งเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ เห็นว่าชายกำยำคนนี้หนีไม่พ้นแล้ว จึงรีบหันหลังเดินกลับมายังห้องรับรองชั้นสองของเหลาจวี้เสียนฝั่งตรงข้าม แล้วเคาะประตู
ประตูถูกเปิดออก ด้านในมีคุณชายอ่อนเยาว์ท่านหนึ่งกำลังนั่งเล่นถ้วยชาในมือ โดยมีบุรุษร่างกำยำสิบกว่าคนยืนโดยรอบ
บุรุษนายนี้เดินพ้นประตูเข้ามา ทำความเคารพคุณชายอ่อนเยาว์ พูดอย่างอ่อนน้อม “คุณชายรอง เฮ่อเอ้อถูกพวกเขาพาไปโรงหมอแล้วขอรับ”
คุณชายอ่อนเยาว์โมโหกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะ “ไม่ได้เรื่อง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจัดการไม่ได้!”
ทุกคนในห้องตกใจจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ครู่ใหญ่คุณชายถึงระงับอาการโกรธเกรี้ยว หันไปพูดกับชายกำยำนายหนึ่งข้างกายเสียงเข้ม “เฮ่ออี สืบได้ความถึงเส้นทางที่เด็กสาวนั่นใช้เดินทางกลับไปแล้วหรือไม่?”
เฮ่ออีน้อมคำนับตอบ “สืบได้ความแล้วขอรับ ตำบลชิงซีไปถึงหมู่บ้านหวงมีเพียงเส้นทางเดียวที่สัญจรได้”
คุณชายอ่อนเยาว์พยักหน้า “ดี วันนี้ข้าอยากดูนักว่า สาวใหญ่ที่ทำให้เขาพะวงถึงมานานหลายปีคนนี้จะร้ายกาจเพียงใด”
จากนั้นสั่งชายกำยำที่โค้งคำนับอยู่เบื้องหน้ามาตลอด “เฮ่อลิ่ว เจ้าตามไปดูที่โรงหมอ หากนั่งตัวดีนั่นหาหลักฐานได้จริงๆ พอเฮ่อเอ้อหลุดพ้นมาได้ พวกเจ้าจงจัดการไพร่นั่นทิ้งซะ”
“ขอรับ คุณชายรอง” เฮ่อลิ่วรับคำแล้วถอยออกมา เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปโรงหมอ
ผู้ว่าการตำบลนำทุกคนมาถึงโรงหมอ เมิ่งเสียนที่หลังจากปลอบประโลมผู้ได้รับพิษ กำลังซักถามเหตุการณ์กับพวกเขาอย่างละเอียด ครั้นเห็นผู้ว่าการตำบลเข้ามา รีบเดินออกมาโค้งคำนับ “ท่านใต้เท้า”
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้าเล็กน้อย พูดว่า “คุณชายเมิ่ง พวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง?”
เมิ่งเสียนตอบกลับ “หมอบอกว่าพวกเขาไม่เป็นอะไรมากแล้ว กลับไปพักฟื้นที่บ้านสักระยะหนึ่งก็จะดีขึ้นเองขอรับ”
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้า “เป็นเช่นนี้ก็ดี ขอเพียงไม่ถึงแก่ชีวิต เรื่องต่อจากนี้จะได้คุยง่ายขึ้น”
เมิ่งเสียนก็รู้สึกโล่งใจยินดี พูดคล้อยตาม “ใต้เท้าพูดถูกต้องแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาจริงๆ ไม่เพียงพวกเราจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งต่อไปไม่ได้ แม้แต่สิ่งของที่ผลิตออกมาจากโรงงานของพวกเราก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในโรงหมอ เสี่ยวเอ้อร์สองนายเดินประกบเฮ่อเอ้อตามหลังเข้ามาด้วย
“น้องสาว พวกเขาไม่เป็นอะไรแล้ว ข้ากำลังจะกลับไปคุยกับเจ้าที่ร้านพอดี” เมิ่งเสียนพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบเขา “เมื่อครู่ข้าตรวจสอบก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่พวกเขายังกินไม่หมดอย่างละเอียด พบหลักฐานที่พวกเขาได้รับพิษ คิดจะเข้ามาเพื่อยืนยันกับพวกเขา”
เมิ่งเสียนชี้เฮ่อเอ้อด้านหลังนางถามด้วยความสงสัย “เช่นนั้นเขาคือ…”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบความ “เขาเป็นบุรุษที่ทนดูพฤติกรรมของข้าไม่ไหว ออกมาร้องขอความเป็นธรรม เขาไม่รู้จักเส้นทางมาโรงหมอ ข้าจึงให้เสี่ยวเอ้อร์พาเขามา”
เมิ่งเสียนยิ่งฟังก็ยิ่งให้ฉงน “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดข้าถึงฟังไม่เข้าใจเลย?”
“เรื่องนี้เอาไว้ข้าจะเล่าให้พี่ใหญ่ฟังอย่างละเอียดที่หลัง พวกคนที่ได้รับพิษอยู่ที่ไหน ข้ามีคำถามจะถามพวกเขาหน่อย” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
เมิ่งเสียนชี้ไปที่ม่านพูดว่า “อยู่ด้านหลัง กำลังพักผ่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เสี่ยวเอ้อร์นายหนึ่งที่ประกบตัวเฮ่อเอ้อเดินไปเปิดม่านออก
หมอรีบเข้ามาห้าม “แม่นางเมิ่ง พวกเขาทั้งสามคนเจ็บปวดทรมานไม่น้อย เกือบประคองร่างไม่อยู่ ตอนนี้พวกเขาอุตส่าห์สงบลงได้ เจ้าอย่าเพิ่งรบกวนพวกเขาเลย ให้พวกเขาพักผ่อนให้สบายก่อนเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ท่านหมอ ข้ารู้ว่าพวกเขาสามคนได้รับความทุกข์ทรมานไม่น้อย แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของข้า ข้าจักต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยไวที่สุด รบกวนท่านช่วยปลุกพวกเขาด้วยเถิด”
หมอไม่ยินยอม
ผู้ว่าการตำบลเอ่ยปาก “นี่เป็นเรื่องใหญ่ ต้องสืบสวนให้กระจ่ายโดยเร็ว เจ้าจงไปปลุกพวกเขาเถอะ”
หมอจนใจ เดินเข้าไปเปิดม่านที่กั้นบังตาพวกเขาไว้
ใบหน้าซีดขาวของทั้งสามคนปรากฏสู่สายตาทุกคน
ม่านถูกเปิดออก ทั้งสามคนที่ตื่นเพราะคำสนทนาของพวกเขา กระวีกระวาดจะลุกขึ้นทำความเคารพผู้ว่าการตำบล
ผู้ว่าการตำบลสั่งห้ามพวกเขา “พวกเจ้าร่างกายไม่แข็งแรง อย่าเพิ่งขยับตัวเลย”
คนทั้งหมดกล่าวขอบคุณ เอนตัวนอนลงไปบนเตียงตามเดิม
เมิ่งเชี่ยนโยวสังเกตพวกเขาอย่างละเอียด เห็นชายคนหนึ่งมีสีหน้าดีกว่าชายอีกสองคน มีแผนในใจ พุ่งเป้าถามไปที่ชายอีกสองคน “เห็นการแต่งกายของพวกเจ้า ไม่เหมือนคนที่จะมากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งได้ ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใดทำให้พวกท่านยอมจ่ายเงินจำนวนมากมากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง?”
ชายหนึ่งคนในนั้นตอบเสียงอ่อน “พวกเราไม่มีปัญญากินจริงๆ แต่วันนี้จางโก่วจื่อมาหาพวกเรา บอกว่าได้เงินมาก้อนหนึ่ง อยากจะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งพวกเรา พวกเราหน้ามืดละโมบ ตามเขาไป ไม่คิดว่ากลับต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ ได้กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่มีพิษ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามความ “พวกท่านยืนยันได้อย่างไรว่าในก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งมีพิษ?”
ชายอีกคนตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “แม่นางเมิ่ง ท่านพูดเช่นนี้ไม่ถูกต้องแล้ว พวกเรากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเข้าไป ถึงได้ปวดท้องทรมาน หากในก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งไม่มีพิษ หรือจะเป็นพวกเราที่ดื่มยาพิษเข้าไปก่อน ค่อยไปขู่กรรโชกทรัพย์ร้านเจ้าเรอะ”
อุตส่าห์ได้กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งสักครั้ง กลับเกือบต้องเอาชีวิตมาทิ้ง เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจความรู้สึกเขา ไม่ถือสาหาความ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงคิดว่า ข้าเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งมาสี่ปี มีคนมากินมากมาย เหตุใดคนอื่นถึงไม่เป็นอะไร กลับเป็นพวกท่านกินไม่กี่คำก็ได้รับพิษแล้ว?”
จางโก่วจื่อเบ้ปากพูดว่า “ใครจะไปรู้เล่า คงเพราะพวกเราดวงซวย ไปกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่ทำจากมันฝรั่งเน่าเข้าพอดีก็ได้”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เมิ่งเสียนอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว “เจ้าอย่าได้พูดเหลวไหล พวกเราไม่มีทางทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนั้นเด็ดขาด”
จางโก่วจื่อโต้แย้ง “พวกเรามองไม่เห็น เจ้าย่อมอยากจะพูดอะไรก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามคำถามจี้ใจดำ “เจ้าเห็นพวกเราใช้มันฝรั่งเน่ามาทำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง”
“ข้าไม่ใช่คนงานในโรงงานพวกเจ้า จะเคยเห็นได้อย่างไร” จางโก่วจื่อตอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวเค้นถาม “เจ้าไม่เคยเห็นเหตุใดถึงยืนกรานพูดว่าพวกเราใช้มันฝรั่งเน่ามาทำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง?”
จางโก่วจื่อสะท้อนแววตาล่อกแล่ก น้ำเสียงผ่อนลง “ข้า ข้าเดาเอา” พูดจบน้ำเสียงปะทุขึ้น ย้อนถามอย่างมั่นอกมั่นใจ “หากพวกเจ้าไม่ใช้มันฝรั่งเน่า เหตุใดพวกเราถึงถูกพิษได้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามกลับด้วยน้ำเสียงเ**้ยม “ข้ากำลังจะมาถามเจ้าพอดี? เหตุใดเจ้าต้องใส่พิษลงในก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง? ใครเป็นคนบงการเจ้ามา?”
สิ้นเสียงเมิ่งเชี่ยนโยว ภายในห้องเงียบสงัด ทุกคนต่างอ้าปากค้าง มองนางอย่างไม่เชื่อสายตา
จางโก่วจื่อตกตะลึงกับคำพูดนี้ของนางโดยสิ้นเชิง เบิกตาโพลง ปากเดี๋ยวหุบเดี๋ยวอ้า นิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวใช้ดวงตาที่เข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างกระจ่างแล้วมองเขา
ในที่สุดจางโก่วจื่อก็เปล่งน้ำเสียงอย่างยากลำบากออกมา “เจ้า เจ้าอย่ามาใส่ความคนอื่น ข้าไม่เคยทำอะไรทั้งนั้น”
“ท่านใต้เท้า ขอท่านสั่งเจ้าหน้าที่ยกก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่พวกเขากินเหลือทั้งสามชามเข้ามาด้วยเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวร้องขอ
ผู้ว่าการตำบลกลับสู่ภวังค์ พยักหน้า โบกมือให้เจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่สามนายยกก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “รบกวนพวกท่านยกชามก๋วยเตี๋ยวไปตรงหน้าพวกเขาด้วย”
เจ้าหน้าที่ทำตามที่นางพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งรสชาติแตกต่างกันทั้งสามชามพูดกับทั้งสามคน “หากข้าบอกได้ว่า ชามไหนเป็นชามที่จางโก่วจื่อกิน พวกท่านจะเชื่อหรือไม่?”
ทั้งสองส่ายหน้า คนหนึ่งเปิดปากพูดว่า “ไม่เชื่อ”
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งชามหนึ่งในนั้น พูดอย่างเชื่อมั่น “ชามนี้จะต้องเป็นของจางโก่วจื่อ”
ชายอีกสองคนถลึงตาเบิกโพลง ถามอย่างไม่เชื่อพร้อมกัน “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบว่า “เพราะพิษนี้จางโก่วจื่อเป็นคนใส่ลงในชามพวกเจ้า จุดประสงค์ก็เพื่อป้ายความผิดให้ข้า บีบให้ข้าต้องปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง แต่เขากลับใส่พิษปริมาณน้อยลงในชามตัวเอง ใส่พิษปริมาณมากลงในชามพวกท่าน หากข้าเดาไม่ผิด อาการของพวกท่านจะต้องหนักหนากว่าเขาหลายเท่าตัว”
ไม่รอให้ทั้งสองพูด หมอก็เอ่ยปากยืนยัน “อาการของพวกเขาสองคนรุนแรงกว่าจริงๆ หากมาช้ากว่านี้เพียงเวลาหนึ่งก้านธูป ชีวิตพวกเขาก็คงหาไม่แล้ว”
คำพูดของหมอน่าเชื่อถือที่สุด ทั้งสองได้ฟังดังนั้น ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ลุกพรวดขึ้นจากเตียง ถามจางโก่วจื่ออย่างโกรธเกรี้ยว “ที่แม่นางเมิ่งพูดเป็นความจริงหรือไม่ เป็นเจ้าที่ใส่ยาพิษลงในชามของพวกเราใช่หรือไม่?”
จางโก่วจื่อส่ายหน้างุด “ไม่ใช่ ข้าจะเป็นคนทำได้อย่างไร พวกเราสนิทสนมกันดี ข้าจะทำร้ายพวกเจ้าได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดโปงเขา “นั่นเพราะเจ้าต้องการสร้างความเชื่อมั่น จงใจเชิญพวกเขาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง”
จางโก่วจื่อรีบแก้ต่าง “เจ้าพูดเหลวไหล ปกติพวกเราเป็นเพื่อนที่รักใคร่กันดี ข้าจะทำเรื่องที่ผิดมโนธรรมเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าคิดจะปัดความรับผิดชอบ ไม่อยากชดใช้ค่าเสียหายให้พวกเรา ถึงใส่ร้ายป้ายสีข้า ถ้าแน่จริงเจ้าก็งัดเอาหลักฐานออกมาสิ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้น “หลักฐานหาไม่ยาก ยาพิษที่เหลือจักต้องยังอยู่ในตัวเจ้า แค่ให้คนค้นตัวเจ้าก็จะได้รู้แล้ว”
“มีสิทธิ์อะไรมาค้นตัวข้า ข้าไม่ยินยอม พวกเจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้” จางโก่วจื่อไม่อิดโรยแล้ว ร้องตะโกนเสียงลั่น