ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 54 การล้างแค้นของซื่อจื่อ (1)
หารู้ไม่ที่หวงฝู่อี้เซวียนรออยู่ก็คือการตัดสินใจนี้ของเขา ส่งคนไปแจ้งเหวินซื่อ บอกเขาให้เตรียมสิ่งของให้พร้อม อีกไม่กี่วันจะกลั่นแกล้งให้เฮ่อเหลียนต้องเจ็บปางตาย
เฮ่อเหลี่ยนอยู่ในบ้านสิบวันเต็ม เฮ่อจางยังได้เชิญหมอหลวงในวังมารักษาอาการให้เขา
หมอหลวงจับชีพจรเขา หันมาพูดกับเฮ่อจางอย่างนอบน้อม “อวัยวะภายในของคุณชายใหญ่ได้รับบาดเจ็บขนานเบา ต้องพักฟื้นหลายวัน ข้าจะออกยาบำรุงให้เขากินตรงตามเวลาก็พอขอรับ”
เฮ่อจางพยักหน้า
หมอหลวงเขียนใบสั่งให้เขา
เฮ่อจางกล่าวขอบคุณหมอหลวง สั่งพ่อบ้านพาหมอหลวงไปรับรางวัลที่ห้องบัญชี
หมอหลวงกล่าวขอบคุณ ยกยิ้มยินดีตามพ่อบ้านไป
เฮ่อจางสั่งบ่าวไปจัดยาตามใบสั่ง แล้วพูดกับเฮ่อเหลี่ยนเสียงกร้าว “เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นคงกลัวเรื่องจะบานปลาย ไม่กล้าลงมือกับเจ้าถึงตาย นับว่าเจ้าเหมือนได้ตายแล้วเกิดใหม่ จำไว้ให้ดี ต่อไปอย่าได้ไปหาเรื่องพวกเขาอีก”
เฮ่อเหลี่ยนกระอ้อมกระแอ้มรับคำ
ทว่าช่วงเวลาสิบวันนี้ ทุกวันหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวจะจงใจพาคน ไปยืนตั้งท่ารับมือรอตามเส้นทางสำคัญ กระทั่งรอได้ห้าวัน รู้ว่าเฮ่อเหลี่ยนไม่ปรากฏตัวแล้ว จึงไม่เข้าไปอีก
ในช่วงแรกคนในเมืองหลวงต่างเฮโลกันมาในช่วงเวลานี้ทุกเช้า เบิกตากว้างคอยดูเรื่องสนุก ทว่าสามวันผ่านไปเฮ่อเหลี่ยนกลับไม่ยอมปรากฏตัว จึงไร้อารมณ์มารออีก
ส่วนเจ้าใหญ่นายโตผู้สูงศักดิ์ต่างๆ ก็แอบส่งคนมาดูลาดเลา พอเห็นว่าไร้ความเคลื่อนไหวใด จึงล้มเลิกความคิดไป
เฮ่อเหลี่ยนไม่ได้ออกจากบ้านสิบวัน ทั้งอุดอู้อึดอัด กระทั่งยามค่ำมหาเสนาบดีเฮ่อจางอยู่ในบ้าน จึงพูดอย่างระวังว่า “ท่านพ่อ อาการบาดเจ็บข้าหายดีแล้ว พวกบ่าวก็บอกว่าพวกเขาไม่ได้ปรากฏตัวอีก ท่านว่าวันพรุ่งข้าควรจะไปขานชื่อทำงานแล้วหรือไม่”
หลายวันมานี้เฮ่อจางก็ได้ส่งคนไปจับตาดูการเคลื่อนไหวของหวงฝู่อี้เซวียน คาดคะเนว่าพวกเขาก็คงจะรามือแล้ว จึงพยักหน้าเห็นชอบ ทั้งกำชับว่า “เพื่อป้องกันไว้ก่อน วันพรุ่งพาองครักษ์เงาตามออกไปด้วย”
เฮ่อเหลี่ยนรับคำ
วันรุ่งขึ้น เฮ่อเหลี่ยนนั่งในเกี้ยว พาทหารยามในจวนไปด้วยยี่สิบนาย องครักษ์เงาสามสิบนาย เดินยกโขยงกันออกไป คนแบกเกี้ยวเดินขวัญผวาไปตลอดทาง คอยระแวดระวัง กระทั่งใกล้จะถึงบริเวณที่เฮ่อเหลี่ยนถูกทำร้ายวันนั้น ต่างลดความเร็วลงโดยไม่นัดหมาย คนแบกเกี้ยวข้างหน้าคอยื่นคอยาวพยายามมองไปข้างหน้า คนแบกเกี้ยวด้านหลังก็รอคำตอบจากเขาด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ
คนแบกเกี้ยวมองสำรวจไปโดยรอบ พบว่าไม่มีใครจริงๆ ตื่นเต้นดีใจ รีบร้องบอกเฮ่อเหลี่ยน “คุณ คุณชายใหญ่…”
เฮ่อเหลี่ยนได้ยินคำเรียกขาน เส้นกระตุกปฏิกิริยาตอบสนองฉับพลัน ร้องโวยวายลั่น “คุ้มกันข้าเร็ว!”
ทหารยามและองครักษ์เงาได้ฟังเข้าล้อมเกี้ยวโดยพร้อมเพรียง
คนแบกเกี้ยวตกใจตัวโยน กลืนน้ำลายลนลานพูดว่า “คุณชายใหญ่ วันนี้พวกเขาไม่ได้มาขอรับ”
เฮ่อเหลี่ยนอารมณ์พลุ่งพล่าน แทบอยากจะจับคนแบกเกี้ยวมาอัดให้สาใจ คนไม่มาเจ้าจะร้องอึกๆ อักๆ ทำไม เปิดม่านออก ยื่นศีรษะออกไปมองไปโดยรอบ บนถนนไร้เงาของพวกเขาจริงๆ กระทั่งคนที่เดินผ่านไปมาก็ไม่มีใครสนใจพวกเขา
เฮ่อเหลี่ยนถอนใจโล่งอก เข้ายืดตัวตรง สั่งทหารยามและองครักษ์เงา “ตื่นระวังให้มาก”
ทหารยามและองครักษ์เงาเดินขนาบข้างเกี้ยวทั้งสองฝั่งไปติดๆ กระทั่งมาถึงที่ทำงานเฮ่อเหลี่ยน
ได้เห็นสถานที่ทำงาน และยังไม่มีใครตามมา เฮ่อเหลี่ยนจึงยอมวางใจหมดห่วง จัดแจงเสื้อผ้า เดินวางมาดหน้าเชิดเข้าไป
เพื่อนร่วมงานของเขาเห็นเขาวางท่าวางทางใหญ่โต คิดถึงข่าวลือในเมืองหลวง ต่างก็แอบหัวเราะเยาะเขา
ตอนเที่ยง หวงฝู่อี้เซวียนกลับมาจากกั๋วจื่อเจียน เพิ่งจะเดินพ้นประตูวังหลวงออกมาก็ได้ยินรายงานจากองครักษ์เงา พลันแสยะยิ้มพิลึกพิลั่น
เหมือนเช่นเดิม เขาขี่ม้าตรงมากินข้าวเที่ยงที่บ้านเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวลงมือผัดผักสองจานน้ำซุปหนึ่งชามที่หวงฝู่อี้เซวียนชอบ เห็นเขาเดินอารมณ์ดีเข้ามา เลิกคิ้วถาม “เฮ่อเหลี่ยนออกมาข้างนอกแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มส่งเสียง “อือ” ล้างมือนั่งลงข้างโต๊ะ พูดว่า “หลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จ พวกเราจะไปร้านยาเต๋อเหริน คาดว่าเหวินซื่อจะกระวนกระวายใจรอพวกเราแย่แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “อาการบาดเจ็บของพวกกัวเฟยก็ไม่เป็นอะไรมากแล้ว พอเสร็จเรื่องนี้จะได้รับพวกเขากลับมาดูแลต่อที่บ้าน บ้านมีคนเยอะ และอยู่สบายกว่า”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่คัดค้าน
ตั้งแต่หวงฝู่อี้เซวียนส่งคนไปแจ้งเหวินซื่อ เขาก็เตรียมยาเอาไว้แต่เนิ่นๆ รอวันนี้อย่างใจจดจ่อ แต่เฮ่อเหลี่ยนกลับไม่ออกจากบ้านติดต่อกันสิบวัน ทำเอาเหวินซื่อโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ก่นด่าเฮ่อเหลี่ยนว่าเป็นเศษสวะ ถูกอัดไม่กี่ทีก็กลัวจนไม่กล้าออกจากบ้านแล้ว
ซึ่งหากเฮ่อเหลี่ยนรู้ความคิดของเหวินซื่อ จะต้องโมโหจนกระอักเป็นเลือดเทียว
ตอนที่เหวินซื่อกำลังรออย่างว้าวุ่นใจนั้น หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินจับมือกันมาหาเขาที่ชั้นบน
เหวินซื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เงยหน้ามองประตู พอเห็นทั้งสองคนก็ถลึงตาโต ร้องดีใจถาม “เฮ่อเหลี่ยนออกจากบ้านแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า
เหวินซื่อปิดสมุดบัญชี “แม่งเอ๊ย ในที่สุดเจ้าคนขี้ขลาดก็กล้าออกมาซักที ข้ากระวนกระวายรอจนแทบคลั่งแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ
เหวินซื่อพูดอีกว่า “ข้าบอกพวกเจ้าก่อนนะ เรื่องวันนี้ข้าจะลงมือเอง พวกเจ้าใครก็ห้ามขวางข้า”
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวหันหน้ามองกัน ไม่พูดอะไร
“พวกเจ้าไม่พูดหมายความว่ายังไง หรือว่าครั้งนี้ก็จะไม่ให้ข้าลงมืออีก” เหวินซื่อเห็นสีหน้าคนทั้งสอง ร้อนรนถามทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มส่ายหน้า “พวกเราไม่ได้คิดจะลงมือกับเฮ่อเหลี่ยน ไฉนเลยจะมีโอกาสให้เจ้าลงมือได้”
เหวินซื่อไม่เข้าใจ “ไม่ใช่ต้องสั่งสอนเขาก่อนเรอะ เหตุใดถึงไม่มีโอกาสให้ข้าลงมือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเบ้ปาก พูดแหย่เย้าเขา “นายท่านเหวิน เรื่องตื้นเขินเช่นนี้ท่านยังคิดไม่ได้ ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้ร้านยาเต๋อเหรินในการดูแลของท่านอยู่รอดมาได้อย่างไร”
เหวินซื่อยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ ถามความ “เจ้าหมายความว่าอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวจงใจไม่พูด
หวงฝู่อี้เซวียนทนดูต่อไปไม่ไหว อธิบายแก่เขา “หากพวกเราอัดเขาก่อน เฒ่าเจ้าเล่ห์เฮ่อจางจะต้องเดาได้ว่าพวกเราเป็นคนทำ นำเรื่องไปฟ้องเสด็จลุง เรื่องก็จะอยู่เหนือการควบคุมของพวกเรา”
เหวินซื่อเข้าใจพลัน กลับพูดอีกว่า “ไม่สิ ต่อให้พวกเราไม่อัดเขา เฮ่อจางก็ต้องเดาออกว่าพวกเราเป็นคนทำ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพยักหน้า “ถูกต้อง เขาต้องเดาว่าพวกเราเป็นคนทำอย่างแน่นอน แต่ก็แล้วอย่างไร เขาไม่มีหลักฐาน จำต้องยอมทนกล้ำกลืนความเสียเปรียบนี้”
เหวินซื่อตาโตอ้าปากค้าง มองใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนทั้งสอง พูดงึมงำ “พวกเจ้าอำมหิตเกินไปแล้ว เฮ่อเหลี่ยนผู้น่าสงสารต้องมาพ่ายด้วยน้ำมือพวกเจ้าไม่เสียทีแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวฟังไม่ถนัด ยิ้มถาม “เจ้าว่าอะไรนะ”
เหวินซื่อโบกมือเป็นพัลวัน เอนตัวถอยไปด้านหลังอย่างลืมตัว ลนลานพูดว่า “หากภายหน้าข้าไม่ระวังล่วงเกินพวกเจ้าไป พวกเจ้าจะต้องบอกข้านะ ข้าพร้อมชดใช้ขอขมา อย่าได้กลั่นแกล้งข้าเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มรับประกัน “วางใจเถอะ เห็นแก่อาซ้อ ข้าจะยอมออมมือให้”
เหวินซื่อรู้สึกเสียวสันหลัง ตัวสั่นวูบวาบ
เฮ่อเหลี่ยนไม่ได้ออกจากบ้านสิบวันติดต่อกัน อุดอู้จนแทบคลั่งแล้ว ตกบ่ายหลังเลิกงาน ระหว่างทางนั่งเกี้ยวกลับบ้าน พอมาถึงสถานที่ถูกรุมซ้อมทั้งสองครั้งนั้น เขาได้แหวกม่านออก เห็นด้านหน้าไม่มีคนมายืนรอ ยิ่งวางใจอย่างสนิทใจ ร้องตะโกน “หยุดเกี้ยว!”
คนแบกเกี้ยวได้ฟังก็หยุดเกี้ยว เฮ่อเหลี่ยนสั่งทหารยามและองครักษ์เงา “ดูท่าวันนี้จะไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเจ้าทั้งหมดกลับไปเถอะ ข้ายังมีธุระ คืนนี้ไม่กลับไปที่บ้านแล้ว หากท่านพ่อถามหา ให้บอกว่าข้าไปดื่มเหล้าที่บ้านเพื่อนร่วมงาน”
ทหารยามและองครักษ์เงารับคำ ทั้งหมดจากไปโดยไว
เฮ่อเหลี่ยนสั่งคนแบกเกี้ยว “ไปเรือนนอกเมืองฝั่งตะวันออก ข้าจะผ่อนคลายให้สบายใจหน่อย”
เฮ่อเหลี่ยนเป็นพวกหมกมุ่นในกามอารมณ์ ยังมีนิสัยวิตถาร โดยเฉพาะกับเด็กสาวอายุสิบสามสิบสี่ปี เวลาผ่านไปนานเข้า ด้วยกลัวเฮ่อจางจะรู้ จึงออกมาซื้อเรือนหลังหนึ่งไว้นอกเมือง ให้พ่อบ้านในจวนนำเด็กสาวที่ซื้อมาตามกำหนด มาอยู่เรือนหลังนี้ ให้เขาได้เสวยสุขตามใจชอบ
คนแบกเกี้ยวพาเขาไปยังสถานที่ต่างๆ ทุกวัน ย่อมรู้ว่าสถานที่ที่เขาพูดคือที่ไหน หลังจากขานรับคำ ก็มุ่งหน้าไปยังเรือนหลังนั้น
เรือนหลังนี้อยู่ไม่ห่างจากเรือนที่เอาไว้เลี้ยงดูจอมยุทธ์ยอดฝีมือ คนแบกเกี้ยวหามเกี้ยวมาหยุดที่เรือนนอกเมือง เฮ่อเหลี่ยนเดินออกมา มองซ้ายมองขวาไม่มีคน มอบเศษเงินให้คนแบกเกี้ยว แล้วเดินเข้าไปในเรือน
คนแบกเกี้ยวเห็นเขาเดินเข้าไปแล้ว ก็แบกเกี้ยวไปร้านเหล้าใกล้ๆ แห่งหนึ่ง ดื่มเหล้าไปพลางรอเฮ่อเหลี่ยนไปพลางเหมือนเช่นเคย
ในเรือนหลังนี้นอกจากเด็กสาวที่ถูกซื้อตัวมา ยังมีแม่บ้านอายุราวสามสิบกว่าปีอีกหนึ่งคน
แม่บ้านมีหน้าที่คอยเฝ้าดูเด็กสาวพวกนี้ ป้องกันไม่ให้พวกนางหนีออกไป
พอเห็นเฮ่อเหลี่ยนเข้ามา แม่บ้านรีบเดินเข้าไปทักทายเขา “คุณชายใหญ่มาแล้ว”
เฮ่อเหลี่ยนพยักหน้า ถามอย่างหื่นกระหาย “ป้าฮั้ว ไม่กี่วันมานี้พ่อบ้านส่งสินค้าชั้นดีมาแล้วหรือไม่”
“มีๆๆ” ป้าฮั้วพูดเป็นพรวน “ในจำนวนเด็กที่ถูกส่งมาครั้งนี้ มีสองคนที่โดดเด่น ช่วงหลายวันที่ท่านไม่ได้เข้ามา ข้าได้สอนเคล็ดลับต่างๆ ให้ รับประกันว่าจะต้องเป็นที่ถูกใจของคุณชายแน่นอนเจ้าค่ะ”
เฮ่อเหลี่ยนบีบคางอวบอิ่มของเขาอย่างมันเขี้ยว ฉีกยิ้มหน้าบานพูดว่า “มีแต่ป้าฮั้วที่เข้าใจข้าเป็นที่สุด หากพวกนางปรนนิบัติข้าได้ถึงใจ ข้าจะมีรางวัลให้เจ้าอย่างงามเทียว”
“ขอบคุณคุณชายใหญ่ ขอบคุณคุณชายใหญ่!” ป้าฮั้วรีบพูดด้วยความดีใจ
เฮ่อเหลี่ยนหัวเราะร่าเดินเข้าไปในบ้าน
ภายในบ้านมีเด็กสาวอายุสิบสามสิบสี่ปีสิบกว่าคน มีคนที่เคยถูกเขาทารุณ พอเห็นเขาเข้ามา ก็ตกใจถอยไปหลบหลังคนอื่น ห่อหดร่างกายตัวเอง พยายามลดการมีอยู่ของตัวเองลง บางคนพ่อบ้านเพิ่งจะส่งเข้ามา ยังไม่รู้ชะตากรรม เห็นเขาเข้ามา ดีใจยื่นหน้ายื่นตา หวังจะให้เขาสนใจ
เฮ่อเหลี่ยนกวาดตามองเด็กสาวในห้อง พริบตาเดียวก็เห็นเด็กสาวสองคนที่ป้าฮั้วพูดถึง เป็นสินค้าชั้นดีกว่าที่เคยซื้อมาในอดีตหลายเท่าตัวจริงๆ ไม่เพียงรูปร่างเจริญพันธุ์เต็มวัย สัดส่วนโค้งเว้าได้รูป ดวงตาคู่นั้นเกิดมาเพื่อกระชากวิญญาณแห่งชายโดยแท้
เฮ่อเหลี่ยนทนแรงกำหนัดไม่ไหว ตวัดแขนคว้าคนทั้งสองมา เดินกระเ**้ยนกระหือรือเข้าไปในห้อง
พวกผู้หญิงที่เหลือบางคนถอนใจโล่งอก บางคนเต็มไปด้วยความริษยา
ป้าฮั้วเดินตามเข้ามา ไล่เด็กสาวที่ไม่ได้รับเลือกให้กลับเข้าไปในห้องตัวเอง ส่วนตัวเองเดินออกไป แล้วงับบานประตูปิดอย่างเบามือ
เฮ่อเหลี่ยนโอบเด็กสาวทั้งสองเข้ามาในห้อง แล้วเหวี่ยงคนทั้งสองไปที่เตียง หมายจะโถมเข้าใส่ระบายความใคร่เยี่ยงสัตว์ป่า กลับมีปลายมีดเย็นเยียบจอแนบลำคอ น้ำเสียงชวนขนหัวลุกดังขึ้นข้างหูเขา “อย่าขยับ”
เฮ่อเหลี่ยนตกใจผวา กามตัณหาอัดแน่นมลายหายไปสิ้น
เด็กสาวสองคนที่ถูกเหวี่ยงลงบนเตียงเห็นพวกเขาจู่ๆ ก็โผล่เข้ามา ตกใจกรีดร้อง ถูกคนที่ปรากฏตัวภายในห้องสับต้นคอไปคนละที สลบคอพับไป
เรือนนี้มีขึ้นอย่างลับๆ จึงไม่มีทหารยามคอยเฝ้า ต่อให้ตัวเองตะโกนร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีทางมีคนอื่นเข้ามาช่วย เฮ่อเหลี่ยนตกใจขวัญหนีดีฝ่อ ไม่กล้าขยับตัว ร้องถามเสียงสั่น “พวกเจ้าเป็นใคร คิดจะทำอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวดึงผ้าปิดหน้าออก เดินมาเบื้องหน้าเฮ่อเหลี่ยน ยิ้มตาหยีพูดว่า “พวกเราคิดจะทำอะไร คุณชายเฮ่อไม่รู้หรือ”
เฮ่อเหลี่ยนตกใจจนลูกตาดำขยายใหญ่ ร้องถามเสียงหลง “นังสารเลว เจ้ามาอยู่ในเรือนข้าได้อย่างไร”
“เพราะข้าจะมาคิดบัญชีกับคุณชายใหญ่ จึงมาโดยไม่รอคำเชิญ” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เฮ่อเหลี่ยนขวัญกระเจิง สมองพร่าเลือน เผยอปากถาม “บัญชีอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวย้อนถาม “คุณชายใหญ่คิดว่าอย่างไรเล่า”
เฮ่อเหลี่ยนถึงได้สติกลับมาว่าพวกเขาจะมาแก้แค้น ให้หวาดผวาสุดขีด ขาสั่นรัวไม่หยุด
เมิ่งเชี่ยนโยวเตือนเขาด้วยความหวังดี “คุณชายใหญ่ ยืนให้นิ่งๆ หน่อย มีดในมือเขาไม่มีตา หากพลั้งพลาดบาดถูกท่าน ท่านห้ามโบ้ยความผิดมาที่พวกเรานะ”
ด้านหน้าเป็นวาจาวิปลาสของเมิ่งเชี่ยนโยว ลำคอเป็นมีดเย็นเยียบ เฮ่อเหลี่ยนตื่นสะดุ้งจนลิ้นพัน “เจ้า เจ้า พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
เมิ่งเชี่ยนโยวคิดจะตบบ่าเขา มือที่ยกขึ้นมากลับถูกอีกมือหนึ่งคว้าไว้ เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตาใส่หวงฝู่อี้เซวียน หันกลับมายิ้มพูด “คุณชายใหญ่วางใจ วันนี้พวกเราจะไม่ซ้อมท่าน พวกเราเพียงต้องการทราบว่าท่านให้จอมยุทธ์พวกนั้นพำนักอยู่ที่ไหน”
เฮ่อเหลี่ยนต้องลงแรงไปไม่น้อยกว่าจะซื้อตัวจอมยุทธ์เหล่านั้นมาได้ เพื่อกระทำเรื่องลับที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้ ย่อมไม่ยินดีบอกกับเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาไม่พูด หันไปส่งสายตาให้คนที่คุมตัวเฮ่อเหลี่ยนอยู่
ใบมีดเรียวแหลมกดชิดลำคอเฮ่อเหลี่ยนทันที
ความเย็นซ่านนั้นทำเอาเฮ่อเหลี่ยนตกใจขวัญกระเจิง หวีดร้องเสียงหลงพลัน “ข้าบอกเจ้า! ข้าบอกเจ้าแล้ว!”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตา คนผู้นั้นขยับมีดออกเล็กน้อย
เฮ่อเหลี่ยนพยายามต่อรอง “ข้าบอกที่อยู่พวกเขาก็ได้ แต่เจ้าจะต้องห้ามฆ่าข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ารับประกัน “แน่นอนอยู่แล้ว ท่านเป็นคุณชายใหญ่บุตรมหาเสนาบดี หากข้าฆ่าท่าน ย่อมจะนำพาความเดือดร้อนมาสู่ตัวเอง การค้าที่ไม่คุ้มค่านี้ ข้าไม่มีวันทำ”
แม้เฮ่อเหลี่ยนจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ไม่มีทางเลือก กัดฟันบอกตำแหน่งเรือนอีกแห่งออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนยกฝ่ามือขึ้นเล็กน้อย คนด้านนอกลอยทะยานออกไปทันที
ไม่นานก็กลับเข้ามารายงาน “นายท่าน หาเจอแล้ว ทั้งหมดสิบกว่าคน ต่างอยู่ในบ้านทั้งหมด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพยักหน้า “คุณชายใหญ่ไม่ได้พูดปดจริงๆ เช่นนั้นพวกเราจะปล่อยท่านไป ทว่าก่อนหน้าจะปล่อย พวกเราจะส่งท่านไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง หลังจากท่านเสพสุขสมใจแล้ว จะมีคนเข้ามารับท่านเอง”
เฮ่อเหลี่ยนหวีดร้อง “พวกเจ้าจะพาข้าไปที่ไหน ข้าไม่ไป!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถาม “นั่นเป็นที่ที่ดีมาก คุณชายใหญ่แน่ใจว่าไม่ไป”
เฮ่อเหลี่ยนสั่นผวา คิดจะส่ายหน้า กลับแตะถูกปลายมีดคมกริบ ไม่กล้าขยับอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองหวงฝู่อี้เซวียน
หวงฝู่อี้เซวียนปรบมือเบาๆ มีคนกระโจนเข้ามาทางหน้าต่าง บีบปากเฮ่อเหลี่ยน กรอกยาจำนวนหนึ่งใส่ปากเขา ปิดปากใช้กำลังให้เขากลืนลงไป
เฮ่อเหลี่ยนตกใจขวัญหนีดีฝ่อ “พวกเจ้าให้ข้ากินอะไร”
ไม่มีใครตอบ
เฮ่อเหลี่ยนยิ่งให้หวาดผวาสุดขีด ไม่สนใจปลายมีดที่คอแล้ว ออกแรงสะบัดขัดขืน
องครักษ์เงาที่ข่มขู่เขาใช้มือสับไปที่ต้นคอ เฮ่อเหลี่ยนตัวอ่อนยวบทรุดลงไปกับพื้นพลัน
“เอาตัวออกไป!อย่าสร้างความแตกตื่นให้คนอื่นในเรือน” หวงฝู่อี้เซวียนสั่งเสียงเบา
องครักษ์เงาแบกเฮ่อเหลี่ยนขึ้น กระโดดออกไปทางหน้าต่าง
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวกระโดดตาม เร่งฝีเท้าเดินออกไปด้านนอก
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ ป้าฮั้วที่รอรับรางวัลและบรรดาเด็กสาวที่แยกย้ายไปอยู่ในห้องตัวเองต่างก็ไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ
คนทั้งหมดเดินพ้นประตูออกมา เหวินซื่อที่แต่งหน้าปลอมตัว พาองครักษ์เงาสิบกว่าคนมารอด้านนอกประตูแล้ว
พอเห็นทั้งสองเดินออกมา เหวินซื่อโวยวายไม่พอใจ “เรื่องน่าสนุกแบบนี้กลับไม่ให้ข้าไปร่วมวงด้วย”
ทั้งสองไม่สนใจเขา
เหวินซื่อลูบจมูกตัวเองแก้เก้อ
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการองครักษ์เงา “แบกตัวเฮ่อเหลี่ยนขึ้น พวกเราจะไปหอคณิกาอี๋หง!”
หวงฝู่อี้เซวียนชักสีหน้าขุ่น
“ช้าก่อน!” เหวินซื่อเข้าห้ามนาง “เจ้าเป็นสาวเป็นแส้จะไปสถานที่เช่นนั้นได้อย่างไร เรื่องที่เหลือมอบให้ข้าจัดการก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ทันได้เอ่ยปาก หวงฝู่อี้เซวียนก็พยักหน้า “รบกวนนายท่านเหวินแล้ว”
แสดงว่ายินยอมให้ตัวเองไปแล้ว เหวินซื่อดีใจยกใหญ่ มุมปากฉีกกว้างไปถึงใบหนู “วางใจเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เป็นอย่างดีเทียว”
ว่าแล้ว ด้วยกริ่งเกรงเมิ่งเชี่ยนโยวจะคัดค้าน รีบร้องบอกองครักษ์เงา “ไป พวกเรานำตัวคุณชายใหญ่เฮ่อส่งไปยังสถานีสุขอารมณ์ ให้เขาได้ปลดปล่อยให้สมใจ”
องครักษ์เงานำตัวเฮ่อเหลี่ยนขึ้นวางไว้บนหลังม้า จากนั้นกระโดดตามขึ้นไป
เหวินซื่อก็พลิกตัวขึ้นหลังม้า ขี่ม้ามุ่งหน้าไปหอคณิกาอี๋หงพร้อมองครักษ์เงาสองนาย