ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 179-1 กัวเฟยกลับเมืองหลวง

ตอนที่ 179-1 กัวเฟยกลับเมืองหลวง

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 179-1 กัวเฟยกลับเมืองหลวง
แม้ว่าจูหลานและเซี่ยเจียงเฟิงจะเติบโตมาด้วยกัน แต่ถ้านับตามอายุจริงๆ แล้ว เซี่ยเจียงเฟิงแก่กว่าจูหลานหลายเดือน หากนับตามลำดับอาวุโสจริงๆ แล้ว จางลี่ถือว่าเป็นน้องสะใภ้ของเขา ถ้าหากไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ให้ตายยังไงเซี่ยเจียงเฟิงก็จะไม่เข้าไปในห้องเด็ดขาด ตั้งแต่เมื่อวานที่เขาเห็นจางลี่สองแม่ลูกถูกยกเข้าไปในห้องแล้ว ก็ไม่ได้ยินข่าวคราวการฟื้นขึ้นมาของพวกเขาสองแม่ลูกอีกเลย ในใจร้อนรน จึงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อีก ก้าวเดินเข้าไป แม้จะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่พอเห็นพวกเขาสองแม่ลูกหลับตาสนิท ลมหายใจอ่อนแรง นอนเรียงกันบนเตียงร้อน ในใจก็เกิดความรู้สึกเยือกเย็นขึ้นมา กล่าวถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า “แม่นางเมิ่ง พวกเขา…”

“เมื่อคืนลี่เอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาแล้วหนึ่งรอบ เสี่ยวเอ๋อร์ไม่ฟื้นเลย” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ

เซี่ยเจียงเฟิงรู้สึกมือเท้าเย็นไปหมด น้ำเสียงยิ่งสั่นเครือ รีบกล่าวถามว่า “ความหมายของแม่นางเมิ่งคือ…”

“สองคืนกับอีกหนึ่งวันแล้ว ถ้าหากคืนนี้ยังไม่ฟื้นขึ้นมา กลัวว่าจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกตลอดไป”

เซี่ยเจียงเฟิงเป็นห่วงตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นจนถึงตอนนี้ บวกกับไม่ได้หลับพักผ่อนมาหนึ่งคืน ร่างกายและจิตใจไม่เหลือเรี่ยวแรง ได้ยินคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หน้ามืด ร่างกายเอนไปมา ล้มลงไปข้างหน้า

“คุณชายเซี่ย” เมิ่งเชี่ยนโยวร้องออกมาด้วยความตกใจ

ยังดีที่ชิงหลวนและจูหลีปฏิกิริยาเร็ว ทั้งสองจับตัวของเขาไว้ ถึงทำให้เขาไม่ถึงขั้นหัวแตกเลือดตกยางออก

ทั้งสองพยุงเซี่ยเจียงเฟิงไว้ ให้เขานั่งบนเก้าอี้

เมิ่งเชี่ยนโยวก็รีบลุกขึ้นมาจากบนเตียงร้อนอยากจะช่วยเขาจับชีพจร

เซี่ยเจียงเฟิงโบกมือ “ไม่ต้อง ข้าไม่เป็นไร”

เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บมือลงไป กล่าวว่า “ยังมีเวลาอีกหนึ่งวัน คุณชายเซี่ยก็อย่ารีบร้อนใจอีก”

เซี่ยเจียงเฟิงเงยหน้าขึ้น มองดูจูเสี่ยวที่ไม่ขยับเขยื้อน นอนอยู่ข้างจางลี่ ภาพที่สดใสร่าเริงของเขาในอดีตผุดขึ้นมาต่อหน้าตน แม้เป็นลูกผู้ชายก็ไม่สามารถทนได้ ตาแดง น้ำเสียงสั่นเครือ “จูหลานแต่งงานมาสี่ปี มีแค่จูเสี่ยวลูกชายคนเดียว ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา…” เขาไม่ได้พูดประโยคหลังจากนั้นออกมา เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไร กัดปาก อยากจะปลอบใจเขา แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร

สักพักหนึ่งถึงพูดรับประกันอย่างไม่มั่นใจอะไรเลย “ข้าจะช่วยชีวิตของพวกเขาสองแม่ลูกอย่างสุดความสามารถแน่นอน เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ในใจของนางรู้ดี นางไม่มีวิธีอื่นแล้ว จูเสี่ยวจะตื่นขึ้นมาหรือไม่ ต้องแล้วแต่ลิขิตฟ้าแล้ว

เซี่ยเจียงเฟิงนับถือนางมาตลอด ฟังคำพูดของนางแล้ว สายตาเกิดแสงสว่างแห่งความหวัง รีบถามว่า “เจ้าหมายถึงเสี่ยวเอ๋อร์จะตื่นขึ้นมาจริงๆ ใช่หรือไม่”

เมิ่งเชี่ยนโยวกัดปาก ไม่กล้าพยักหน้า

แสงสว่างแห่งความหวังในสายตาของเซี่ยเจียงเฟิงค่อยๆ หายไป สุดท้ายมืดมนไปหมด มองดูพวกเขาสองแม่ลูกด้วยความเหม่อลอย

“คุณชายเซี่ย” เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกเขา

เซี่ยเจียงเฟิงหันมองนาง “ตอนนี้เฉียวหมิ่นเสียสติไปแล้ว ถ้าหากรู้ว่าลี่เอ๋อร์สองแม่ลูกถูกคนช่วยไปแล้ว ไม่รู้ว่านางจะทำเรื่องน่ากลัวอะไรขึ้นมาอีก เช่นนั้นเจ้ากลับไปก่อน หาวิธีไปสืบในจวนจู หากไม่มีอะไรก็ดี แต่ถ้าหากมีอะไรให้คนส่งข่าวให้ข้าทันที”

มองจางลี่สองแม่ลูก เซี่ยเจียงเฟิงลังเลเล็กน้อย

เมิ่งเชี่ยนโยวจริงใจและร้อนใจ “พวกเขาสองแม่ลูกข้าจะดูแลอย่างดี และจะรักษาชีวิตพวกเขาอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่เจ้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ สู้เจ้ากลับไปช่วยข้าหาข่าวยังดีกว่า พวกเขาสองแม่ลูกเป็นแบบนี้ ข้าแยกร่างไม่ได้จริงๆ ทำได้แค่ขอร้องเจ้า”

เซี่ยเจียงเฟิงกัดฟัน พยักหน้า “ได้ ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้ แต่ข้าจะเหลือคนของข้าไว้หนึ่งคน ถ้าหากพวกเขาสองแม่ลูกตื่นขึ้นมา เจ้าให้เขากลับไปรายงานข้าด่วน”

เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำสั่ง “ได้”

เซี่ยเจียงเฟิงลุกขึ้นยืน ไม่ลังเล และเดินออกไป

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ไปส่งเขา แต่ลุกขึ้นยืนแล้วมองส่งเขาเดินออกไป แล้วกลับมาบนเตียงร้อนเหมือนเดิม มองดูจางลี่สองแม่ลูกอย่างเงียบๆ

เซี่ยเจียงเฟิงกลับไปที่พักของตน รีบสั่งคนงานให้ไปเอาม้ามา แล้วจึงรีบกลับอำเภอ

เมิ่งฉีตื่นนอนแล้ว ได้ยินเสียงเลยเดินออกมา ได้ยินว่าเขาจะไปแล้ว รีบกล่าวว่า “อาหารเช้าจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว กินเสร็จค่อยกลับไปเถอะ”

เซี่ยเจียงเฟิง “ไม่ต้อง แม่นางเมิ่งเป็นห่วงกลัวว่าจูหลานและท่านลุงจู ท่านป้าจูจะมีอันตราย ให้ข้ากลับไปสืบดู ข้าร้อนใจ กินอะไรไม่ลง”

เมิ่งฉีโน้มน้าวเขา “เมื่อคืนเจ้าก็ไม่ได้กินอะไร เช้าวันนี้ก็ไม่กินอีก อากาศหนาวเย็นแบบนี้ ร่างกายของเจ้ารับไหวหรือไม่ อย่าให้ถึงขั้นยังไม่ทันช่วยคุณชายจูออกมา เจ้าก็เป็นอะไรไปอีก”

“ขอบคุณคุณชายเมิ่งมาก ครั้งนี้ที่จางลี่สองแม่ลูกเจอเหตุการณ์ร้ายนี้ ทั้งหมดเกิดจากความประมาทของข้า ถ้าหากจูหลาน ท่านลุงจูและท่านป้าจูเกิดเรื่องอะไรอีก ข้าจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ข้าจะต้องรีบกลับไป หาวิธีสืบข่าวของพวกเขาให้ได้ ข้าถึงจะวางใจ”

เมิ่งฉีไม่ได้รั้งไว้อีก ส่งเขาออกไป มองรถม้าออกไป ถึงหันหลังกลับในเรือน กล่าวถามด้วยน้ำเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อยว่า “น้องเล็ก อาการของพวกเขาสองแม่ลูกเป็นอย่างไรบ้าง ต้องการให้ข้าทำอะไรหรือไม่”

“อาการยังคงไม่ค่อยดี พี่รองให้คนเตรียมยาและซุปโสมไว้ตลอดเวลาเป็นพอ”

เมิ่งฉีรับคำสั่ง หันหลังออกจากเรือน ไปที่ห้องครัว เห็นยาและซุปโสมที่ต้มไว้เหลืออยู่ไม่น้อย สั่งสาวใช้ให้อุ่นไว้บนเตาอยู่ตลอดเวลา เตรียมใช้ได้ตลอด แล้วก็สั่งให้คนยกอาหารเช้าไปให้เมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสามคน

แม้ว่าจะกินไม่ลง เมิ่งเชี่ยนโยวก็บังคับให้ตนกินไปเล็กน้อย อาการของจางลี่สองแม่ลูกยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าตนเป็นอะไรขึ้นมาก็จะเป็นปัญหา

ไม่นานครึ่งเช้าก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะจ้องมองจางลี่สองแม่ลูกอย่างไม่กระพริบตาแค่ไหน พวกเขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้แต่น้อย

เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มหงุดหงิดร้อนใจขึ้นมา

ในระหว่างนั้นเมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งชื่อทนไม่ไหวจึงได้มาดูรอบหนึ่ง เห็นสภาพของสองแม่ลูกแล้ว เมิ่งชื่อก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ เป็นครั้งแรกที่ด่าออกมาอย่างรุนแรงต่อหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว “เฉียวหมิ่นเจ้าฆาตกรนี้ ไม่ตายดีแน่”

“ท่านแม่ เรื่องที่จางลี่และเสี่ยวเอ๋อร์บาดเจ็บพักอยู่ที่บ้านเรา นอกจากท่านพ่อท่านแม่ที่รู้แล้ว อย่าให้คนอื่นรู้อีกเด็ดขาด โดยเฉพาะท่านปู่ท่านย่า อย่าบอกพวกท่านเด็ดขาด วันนี้เป็นวัันปีใหม่แล้ว อย่าให้พวกท่านรู้สึกถึงความโชคร้าย แม้แต่ตรุษจีนก็ผ่านไปได้ไม่ดี”

เมิ่งชื่อพยักหน้า “แม่รู้แล้ว เจ้าวางใจได้ แม่จะไม่พูดกับใครเลย”

“ยังมีซ้อรอง จวนนี้คนเยอะมาก เสียงดังมาก อย่าทำให้เซิ่งเอ๋อร์ตกใจ อีกสักครู่ท่านพาพวกเขาสองแม่ลูกไปด้วยเถอะ ไปพักที่ห้องข้า สองสามวันนี้ข้าคงไม่กลับไปแล้ว ท่านดูแลพวกเขาให้ดีก็พอ” เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับอีกครั้ง.

เมิ่งชื่อพยักหน้าต่อกัน “ข้ารู้แล้ว”

หลังจากเมิ่งชื่อเดินออกไป ในห้องก็เงียบลง มองดูจางลี่สองแม่ลูกที่ยังคงไม่ตอบสนองใดๆ สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวกลับเงียบสงบลง พูดสั่งจูหลี “นำพู่กันและหมึกมา”

จูหลีนำพู่กันและหมึกมาอย่างรวดเร็ว

เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากเตียงร้อนใส่รองเท้า เดินไปฝั่งซ้าย กำลังจะเริ่มเขียนจดหมาย เสียงของกัวเฟยก็ดังมาจากในเรือน “นายหญิง พวกเราทั้งหมดกลับมาแล้วขอรับ”

เมิ่งเชี่ยนโยววางพู่กันลง รีบเดินออกมาหน้าประตู เห็นกัวเฟยและองครักษ์ลับหลายคนยืนเรียงกันอยู่ในเรือน

“ได้อะไรกลับมาหรือไม่” กวาดสายตามองพวกเขา เห็นว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เมิ่งเชี่ยนโยวถึงกล่าวถามออกมา

องครักษ์ลับคนหนึ่งเดินออกมา นำหลักฐานในมือยื่นให้เมิ่งเชี่ยนโยว กล่าวด้วยความเคารพว่า “นี่คือหลักฐานที่เกี่ยวกับผู้ว่าการเขตให้ที่พวกเรารวบรวมได้ในหลายวันนี้ เชิญนายหญิงดูขอรับ”

เมิ่งเชี่ยนโยวรับมาเปิดออก อ่านจบอย่างรวดเร็ว มุมปากเกิดรอยยิ้มเลือดเย็นออกมา พูดสั่งด้วยเสียงเย็นชาว่า “กัวเฟย เจ้ากลับไปเตรียมตัว พาองครักษ์ลับสองคนรีบเดินทางไปส่งจดหมายให้อี้เซวียนที่เมืองหลวงทันที”

กัวเฟยรับคำสั่ง พาองครักษ์ลับหลายคนออกจากเรือน

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

Status: Ongoing

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ

ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท