เป็นครั้งแรกที่ไม่ถูกต้อนรับด้วยใบหน้าที่เย็นชา เยียลี่ว์อาเป่าดีใจเป็นอย่างมาก เดินตามเข้าไปในจวนอย่างมีความสุข มาถึงเรือนของพระชายาฉี หลังจากรอให้หลิงหลงรายงานเสร็จแล้ว ก็เดินเข้าไปในห้อง
ท่านอ๋องฉีและพระชายาฉีนั่งอย่างเป็นสง่าอยู่บนเก้าอี้ในห้อง หลังจากทุกคนเดินเข้าไป สายตาของทั้งสองก็เพ่งมองไปที่หวงฝู่สือเมิ่งพร้อมกัน เห็นใบหน้าที่ผุดผ่อง รอยยิ้มที่มุมปาก มีความเขินอายของหญิงสาวที่เพิ่งจะเป็นภรรยา และความพอใจที่ได้แต่งงานกับคนที่รัก จึงวางใจลง
“ท่านปู่ ท่านย่า” หวงฝู่สือเมิ่งและเยียลี่ว์อาเป่าเรียกทั้งสองท่านพร้อมกัน
พระชายาฉีตอบรับด้วยรอยยิ้ม ท่านอ๋องฉีตอบรับอย่างไม่เต็มใจ
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง พระชายาฉีก็ยิ้มแล้วกล่าวกับทั้งสองว่า “นั่งเถิด”
เยียลี่ว์อาเป่าขอบคุณแล้วนั่งหลังตรงอย่างเป็นสง่า ส่วนหวงฝู่สือเมิ่งกลับย้ายเก้าอี้ไปข้างๆ พระชายาฉี นั่งใกล้ๆ นาง กอดแขนนาง แล้วกล่าวถามด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านย่า คิดถึงข้าหรือไม่เจ้าคะ”
พระชายาฉีตั้งใจถอนหายใจแรงๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “คิดถึงเจ้าแล้วมีประโยชน์อะไร เจ้าเป็นคนของครอบครัวอื่นไปแล้ว”
“ท่านย่า…” หวงฝู่สือเมิ่งกล่าวอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ข้ากลับมาแล้วมิใช่หรือ ต่อไปก็อยู่จวนอ๋องฉีไม่ไปที่ใดแล้วเจ้าค่ะ”
พระชายาฉีมองไปทางเยียลี่ว์อาเป่า
เยียลี่ว์อาเป่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแล้วกล่าวว่า “ทุกอย่างแล้วแต่เมิ่งเอ๋อร์ขอรับ”
พระชายาฉียิ้มออกมาทันที ตบมือของหวงฝู่สือเมิ่งเบาๆ แล้วกล่าวว่า “สองวันนี้ย่าได้สั่งให้คนทำความสะอาดเรือนฝู่หรงให้พวกเจ้า สิ่งของทุกอย่างก็จัดเตรียมไว้แล้ว พวกเจ้าย้ายเข้าไปอยู่เถิด”
“ขอบคุณท่านย่าเจ้าค่ะ” หวงฝู่สือเมิ่งดีใจเป็นอย่างมาก
ท่านอ๋องฉีกระแอมไอออกมาเบาๆ อย่างไม่พอใจ
หวงฝู่สือเมิ่งรีบกล่าวทันทีว่า “แล้วก็ขอบคุณท่านปู่ด้วยเจ้าค่ะ ท่านปู่ ท่านย่ารักเมิ่งเอ๋อร์ที่สุดเลย”
มุมปากของท่านอ๋องฉีกระตุกเล็กน้อย แล้วก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมทันที
ทั้งครอบครัวต่างพูดคุยหัวเราะกันหนึ่งชั่วยาม หวงฝู่สือเมิ่งเริ่มออกอาการง่วง ทนไม่ไหวยื่นมือออกมาปิดปาก หาวออกมาเบาๆ
พระชายาฉีเห็นเข้า จึงมองเยียลี่ว์อาเป่าด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ยิ้มสั่งหลิงหลงให้พาทั้งสองไปพักผ่อนที่เรือนฝู่หรง
เติบโตที่จวนอ๋องฉีมาตั้งแต่เด็ก หวงฝู่สือเมิ่งจะไม่รู้จักได้อย่างไร จึงรีบกล่าวว่าไม่ต้อง นางพาเยียลี่ว์อาเป่าไปเอง
พระชายาฉีก็ไม่บังคับ ยิ้มมองทั้งสองเดินออกจากห้องไป
มาถึงเรือนฝู่หรง ทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง หวงฝู่สือเมิ่งก็เดินตรงไปที่เตียงทันที เพิ่งจะเดินมาถึงเตียง ก็คิดถึงความบ้าคลั่งบนเตียงของเยียลี่ว์อาเป่าในสองวันนี้ขึ้นมา ก็หยุดเดินทันที หันหลังแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “ที่นี่คือจวนอ๋องฉี เจ้าห้าม ห้าม…”
“ห้ามอะไร” เยียลี่ว์อาเป่าตั้งใจแกล้งนาง
หวงฝู่สือเมิ่งอายจนสีหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออก
สองวันนี้ตัวเองบุ่มบ่ามมากไปจริงๆ ทำให้นางเหนื่อยมาก อีกอย่างคือวันนี้มาถึงจวนอ๋องฉี เขาก็ไม่กล้าทำอะไรมากมาย เยียลี่ว์อาเป่ายิ้มแล้วก้าวอออกมา กอดเอวนางไว้ แล้วแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากนางเบาๆ อย่างรวดเร็วแล้วกล่าวว่า “เจ้าพักเถิด ข้าไม่กวนเจ้าแน่นอน”
สีหน้าของหวงฝู่สือเมิ่งแดงก่ำ ใช้มือผลักเขาแล้วกล่าวว่า “ถ้าเยี่ยงนั้นเจ้าห่างจากข้าหน่อยเถอะ”
เยียลี่ว์อาเป่าปล่อยมือ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเชื่อฟัง
หวงฝู่สือเมิ่งเห็นว่าเขาไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จริงๆ จึงโล่งอก วางใจลง แม้แต่เสื้อคลุมก็ไม่ถอด ดึงผ้าห่มผืนบางคลุมตัวไว้แล้วจะหลับทันที
“เจ้าทำเยี่ยงนี้จะไม่สบายตัว ฟังข้า ถอดเสื้อคลุม แล้วพักผ่อนดีๆ ท่านปู่ท่านย่า ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านอาบน้ำร้อนมาก่อน รู้ว่าเจ้าเหนื่อยมากแล้ว ไม่มารบกวนเจ้าแน่นอน” เสียงของเยียลี่ว์อาเป่าดังมาแต่ไกล
หวงฝู่สือเมิ่งลืมตาขึ้นมา เห็นเขานั่งหลังตรงไม่ขยับ คิดไปชั่วขณะ จึงลุกขึ้นมา ถอดเสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว แล้วนอนลงไปอีกครั้ง หลับตาลง แล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้หวงฝู่สือเมิ่งหลับนานมาก จนเมิ่งเชี่ยนโยวส่งคนมาเรียกพวกเขาไปทานอาหาร จึงจะตื่นขึ้นมา ลืมตาอย่างมึนงง
“ตื่นแล้วหรือ” เสียงที่น่าฟังของเยียลี่ว์อาเป่าดังขึ้นมาจากบนศีรษะนาง
เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ลึกซึ้งของเขา สีหน้าของหวงฝู่สือเมิ่งแดงขึ้นมาทันที พยักหน้าเบาๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง
เยียลี่ว์อาเป่าวางเสื้อผ้าไว้ข้างหน้านาง แล้วกำชับอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องรีบร้อน เตรียมตัวเสร็จแล้วพวกเราค่อยไปก็ได้”
สวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว รอหวงฝู่สือเมิ่งแต่งตัวเสร็จแล้ว ทั้งสองจึงจะไปที่ห้องอาหาร
อาหารวันนี้มีมากมาย เต็มโต๊ะไปหมด
ทุกคนต่างนั่งรอกันแล้ว แม้แต่หวงฝู่อวี้และเจียงจิ่นก็อยู่
หลังจากทั้งสองทักทายทุกคนแล้วนั่งลง ทั้งครอบครัวก็เริ่มรับประทานอาหารกันทันที
ท่านอ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียนไม่มีอะไรผิดปรกติ แต่หวงฝู่อวี้กลับยกจอกสุราที่อยู่ข้างหน้าตัวเองชูไปทางเยียลี่ว์อาเป่าแล้วกล่าวว่า “องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์ ขอเชิญดื่มซักจอก”
เยียลี่ว์อาเป่ารีบยกจอกสุราขึ้นมาทันทีแล้วกล่าวว่า “ท่านอา ท่านเกรงใจแล้ว เรียกข้าว่าอาเป่าก็พอขอรับ”
“ได้ อาเป่า อาเชิญเจ้าดื่มด้วยกันสักจอก ต่อไปหลานสาวคนโตคนนี้ของข้าก็ต้องรบกวนให้เจ้าดูแลแล้ว”
“ท่านอากล่าวอะไรเยี่ยงนี้ เมิ่งเอ๋อร์เก่งมาก ข้า…”
เขายังไม่ทันเอ่ยจบ หวงฝู่อวี้ก็เงยหน้า ดื่มสุราจนหมดจอกทันที
เยียลี่ว์อาเป่าก็รีบหยุดพูดแล้วเงยหน้า ดื่มหมดจอกทันทีเช่นกัน
หวงฝู่เฮ่าลุกขึ้นมาเทให้ทั้งสองจนเต็มจอก
หวงฝู่อวี้ยกจอกสุราขึ้นมาอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “จอกที่สอง ไม่พูดมาก ต่อไปพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
พูดจบ เงยหน้า ดื่มหมดจอกทันที
เยียลี่ว์อาเป่าก็รีบดื่มหมดจอกตามทันที
จอกที่สาม หนักกว่า หวงฝู่อวี้แค่ยกขึ้นมาชูให้เขา แล้วดื่มหมดจอกทันที
เยียลี่ว์อาเป่าก็ต้องดื่มแน่นอน
สุราสามจอกเข้าไปในท้อง หวงฝู่อวี้ก็ส่งสัญญาณให้หวงฝู่เฮ่า
หวงฝู่เฮ่าก็ยกจอกสุราขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “พี่เขย น้องเชิญพี่ดื่มซักจอก”
สุราสามจอกเข้าไปในท้องอีกครั้ง
ตามมาด้วยหวงฝู่รุ่ย
ดื่มติดต่อกันเก้าจอก สีหน้าของเยียลี่ว์อาเป่ายังคงเหมือนเดิม แต่หวงฝู่สือเมิ่งกลับสงสาร รีบคีบผักใส่เข้าไปในถ้วยตรงข้างหน้าเขา
พระชายาฉีเห็นเข้า ก็ยิ้มออกมาทันที
ทานอาหารเสร็จ ทั้งสองก็กลับมาที่เรือนฝู่หรง เยียลี่ว์อาเป่าทนต่อไปไม่ไหว ล้มลงบนเตียงทันที
“โธ่ เจ้า…” หวงฝู่สือตกใจออกมาเบาๆ รีบเดินมาพลิกตัวเขา ให้เขานอนราบ หลังจากนั้นก็ย่อตัวลงช่วยเขาถอดรองเท้า ลุกขึ้นยืน หยิบผ้าห่มผืนบางคลุมตัวเขา ในขณะที่กำลังจะลุกขึ้น เพื่อนำผ้าไปชุบน้ำให้เปียกแล้วมาเช็ดหน้าให้เขา ทันใดนั้นก็ถูกเยลี่ว์อาเป่าดึงลงบนเตียง พลิกตัวทับบนตัวนางอย่างมึนๆ มองนางด้วยสายตาเบลอๆ แต่เต็มไปด้วยความต้องการ
หวงฝู่สือเมิ่งคิดในใจว่าแย่แล้ว รีบขัดขืนทันที แต่ยิ่งทำก็ยิ่งไปกระตุ้นความต้องการของเขามากขึ้นไปอีก ร่างกายถูกทับไว้แน่น ปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเอง
ผู้คนที่มารับใช้ในเรือนฝู่หรงล้วนเป็นคนของจวนอ๋องฉีทั้งหมด ได้ยินการเคลื่อนไหวข้างใน ก็ค่อยๆ ถอยออกไปด้านนอกเรือนด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ทั้งสองอยู่ในห้องจนฟ้ามืด ไม่ได้ออกไปไหน
เมิ่งเชี่ยนโยวได้รับรายงาน ก็สั่งในนำอาหารยกไปที่เรือนของพวกเขา
วันที่สอง หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวนำทั้งสองไปที่จวนเมิ่ง
แน่นอนว่าต้องได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นอีกครั้ง ครั้งนี้ เยียลี่ว์อาเป่าดื่มจนเมาหัวราน้ำ กลับมาจากโรงงานนอกเมืองได้อย่างไร เขายังสงสัยอยู่
พักผ่อนหนึ่งวัน เยียลี่ว์อาเป่ากลับมาที่จวนของตัวเอง ให้ผู้คนที่มาส่งสินสอดเดินทางกลับรัฐไป ไล่ผู้คนที่รับใช้ในจวนออก เหลือเพียงลูกน้องคนสนิทของตัวเองสิบกว่าคน ให้อยู่ดูแลจวน
คนในเมืองหลวงต่างจ้องมองการเคลื่อนไหวของเยียลี่ว์อาเป่าอยู่ตลอดเวลา การกระทำทั้งหมดของเขา สร้างความวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง เป็นถึงองค์ชายรัชทายาทของหนึ่งรัฐ กลับย้ายเข้าไปอยู่ในจวนของครอบครัวพ่อตา นี่แตกต่างกับการแต่งเข้าจวนอ๋องฉีอย่างไร
โดยเฉพาะเหวินซื่อที่ได้ยิน ก็เบะปาก แล้วกล่าวกับเฝิงจิ้งเหวินว่า “เจ้าว่า เขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทแต่แต่งเข้าจวนอ๋องฉี หรือว่ารัฐหมิงจะล่มสลายแล้ว”
เฝิงจิ้งเหวินเขม่นเขาแรงๆ แล้วกล่าวว่า “กำแพงมีหู ประตูมีช่อง หากคำพูดของเจ้าเข้าหูพี่เมิ่งเชี่ยนโยว นางจะต้องถือมีดใหญ่ไล่ฆ่าเจ้าไปทั่วเมืองอย่างแน่นอน”
เหวินซื่อ หึ ออกมาเบาๆ อย่างดูถูกแล้วกล่าวว่า “นางหรือจะกล้า”
แม้ว่าจะเอ่ยเยี่ยงนี้ แต่ต่อไปเรื่องที่เกี่ยวกับเยียลี่ว์อาเป่า เขาไม่เคยพูดขึ้นอีกเลยแม้แต่คำเดียว
ท่าป๋าหั่นหลินอยู่ที่เมืองหลวงตลอดเวลาไม่ได้ไปไหน ฟังคำรายงานจากลูกน้องทุกวัน ยิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึมลงเรื่อยๆ สาบแช่งด่าว่าเยียลี่ว์อาเป่าในใจไปไม่รู้กี่รอบ ในขณะเดียวกันก็เสียใจ ที่ตอนนั้นตัวเองไม่ควรตกลงกับท่านอ๋องฉี ว่าหลังจากสามปีค่อยแต่งงาน
เขาหดหู่ จึงหลบอยู่ในโรงเตี๊ยม ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ทั้งวันทั้งคืน ห้าวันผ่านไป ในที่สุดเขาก็คิดวิธีที่หน้าด้านออกมาได้หนึ่งวิธี
วันนี้ หลังจากทานอาหารเสร็จ ก็แต่งตัวอย่างพิถีพิถัน เดินมาถึงจวนอ๋องฉี โดยที่ไม่มีใครติดตามมาแม้แต่คนเดียว ขอพบท่านอ๋องฉีโดยตรง
ช่วงนี้ท่านอ๋องฉีอารมณ์ดีมาก เยียลี่ว์อาเป่ามีความสามารถในการเล่นหมากรุก จึงเล่นเป็นเพื่อนเขาทุกวัน
วันนี้หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็อยากจะสั่งให้คนไปเรียกเยียลี่ว์อาเป่ามาเล่นหมากรุกเหมือนอย่างเช่นเคย ได้ยินว่าท่าป๋าหั่นหลินมา ก็ขมวดคิ้วแล้วกล่าวถามว่า “เขามาทำไม”
“รายงานท่านอ๋องฉี เขาไม่ได้แจ้งขอรับ”
ครุ่นคิดไปสักพัก ก็ตรัสสั่งว่า “ไปเชิญเขาเข้ามา”
ท่าป๋าหั่นหลินมาถึงห้องโถงรับแขก ยังไม่ทันรอให้ท่านอ๋องฉีเอ่ย ก็ ตึกตัก คุกเข่าต่อหน้าเขาทันที
ท่านอ๋องฉีตกใจมาก เดินถอยหลังหนึ่งเก้าอย่างไม่รู้ตัว แล้วกล่าวถามด้วยความตกใจว่า “ท่าป๋า เจ้าคิดจะทำอะไร”
ท่าป๋าหั่นหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด มีพลัง ด้วยท่าทางที่ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายว่า ท่านอ๋องฉี “ท่าป๋าอยากจะแต่งงานกับเย่ว์เอ๋อร์เร็วๆ ขอรับ”
“ไม่ได้” ท่านอ๋องปฎิเสธอย่างรวดเร็ว “พวกเราตกลงกันแล้ว ว่าอีกสามปี”
“ท่าป๋าอายุสิบแปดปีแล้ว ยังไม่มีฮองเฮา แม้แต่นางสนมก็ไม่มี ผู้คนทั่วรัฐต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าร่างกายของข้ามีปัญหา หากต้องรออีกสามปี เกรงว่าประชาชนจะรู้สึกไม่มั่นคง ตำแหน่งฮ่องเต้ของข้าก็จะไม่มั่นคง”
ได้ยินว่าเขาไม่มีนางสนม ท่านอ๋องฉีกะพริบตาเล็กน้อย ไม่พูดจา
ท่าป๋าหั่นหลินสังเกตเขาอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าต้องเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนเพียงเล็กน้อยของเขา จึงกล่าวต่อว่า “ท่าป๋าอายุสิบแปดปีแล้ว ข้าก็เป็นผู้ชาย อายุอย่างข้าควรเป็นช่วงเวลาที่มีอารมณ์และรู้เรื่องแล้ว บางครั้งร่างกายของข้าก็ควบคุมไม่อยู่ หากวันใดทนไม่ไหว คัดเลือกนางสนมเข้ามาก่อน รักและเอาใจพวกนาง อีกสามปีก็ไม่รู้ว่ามีบุตรกี่คนแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ท่านอยากเห็นหรือขอรับ”
ท่านอ๋องฉียังคงไม่พูดจา แต่สีหน้ากลับเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย
ท่าป๋าหั่นหลินเห็นเข้า จึงดีใจเป็นอย่างมาก รีบกล่าวต่อว่า “ท่านอ๋องฉี ทั้งสองคนก็เป็นหลานสาว ท่านให้ท่านหญิงเมิ่งเอ๋อร์แต่งงานก่อน แต่ให้เย่ว์เอ๋อร์รออีกสามปี คนที่รู้ก็รู้ว่าท่านรักเย่ว์เอ๋อร์มาก แต่คนที่ไม่รู้ก็จะคิดว่าท่านลำเอียงได้นะขอรับ”