ตอนที่ 94 ขอยืมมือเธอหน่อยได้ไหม
หลังจากที่ หลินฟ่าน ทําอาหาร เริ่มมีกลิ่นหอมและน่าอร่อยทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงที่ประหลาดใจออกมาหลังจากได้ชิมแล้ว
รสชาติของคําแรกทําให้พวกเขาหมดความอดทน จากนั้นทุกคน … เริ่มกิน!อย่างจริงจัง
หลังจากกินคําแรกผู้กํากับหลินฮง ก็ทําตาโต
เนื้อแกะย่างถูกกินอย่างรวดเร็ว
” มันวิเศษมาก! พูดได้เลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเคบับเนื้อแกะแสนอร่อย ทํายังไงถึงจะย่างเคบับเนื้อแกะได้อร่อยขนาดนี้?” หลินฮง หยิบเคบับเนื้อแกะขึ้นมาอีกหนึ่งไม้
คนอื่น ๆ ต่างก็ประหลาดใจราวกับว่าพวกเขาค้นพบโลกใหม่ของอารหาร
หลังจากทานบาร์บีคิวเสร็จก็รู้สึกว่านี่เป็นอาหารมื้อใหญ่ที่อร่อยมาก
” หมดเกลี้ยงแน่ ๆ เห็ดรสชาติดีมากยิ่งใส่พริกป็นอีกหน่อยไม่มีอะไรดีไปกว่าเห็ดของฉันอีกแล้ว”
” ดูไก่นี่สิ กินแล้วความรู้สึกมันแตกต่างจากที่เคยกินมามาก ฉันรู้สึกดีกว่ากินอาหารจากเชฟใหญ่ซะอีก ”
“หลินฟ่าน, ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่คุณเบิดอยู่ที่ไหน? ฉันต้องไปที่อาหารที่อร่อยเช่นนี้ให้ได้เลย
หลายคนกล่าวชื่นชมไม่ขาดปาก
เหมือนว่าพวกเขาจะถูก หลินฟ่าน ดึงดึงดูดด้วยอาหารมื้อนี้หมดแล้ว
มีเพียง ซ่หยาง, หลินจิงจิง, ซูเสี่ยวหยู และ เซี่ยหว่านชิว เท่านั้นที่ปรับตัวได้กับรสชาติอาหารแสนอร่อยที่คุ้นเคยแล้ว
พวกเขาทั้งสี่กําลังกินบาร์บีคิวกันอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าอาจจะกลัวอ้วน แต่พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะกินต่อ
หลังจากกินบาร์บีคิวแล้ว หลายคนมายืนอยู่ตรงหน้า และเพื่อจับมือกับ หลินฟ่าน
“หลินฟ่าน, ฉันก็เป็นนักแสดงเช่นกันถ้าครั้งต่อไปที่มีบท ต้องบอกฉันด้วยนะ ต้องการเล่นในบทที่คุณเขียนด้วย”
“สวัสดี หลินฟ่าน ฉันก็ชอบการแสดง ฉันได้ยินเกี่ยวกับบทที่คุณเขียนดีมาก และฉันได้ยินมาว่าคุณยังคงเป็นนักแสดงนําด้วย น่าตื่นเต้นจริงๆ”
“สวัสดี คุณหลินฟ่าน ฉันเป็นนักข่าวบันเทิงคุณสามารถให้สัมภาษณ์กับฉันสักครั้งได้ไหม ถ้าคุณว่าง แค่ครั้งเดียวก็ยังดี”
“สวัสดี หลินฟ่าน ฉันเป็นโปรดิวเซอร์ , หวังว่าจะมี โอกาสในการร่วมมือกันมากขึ้นในอนาคต
หลายคนล้อมรอบ หลินฟ่าน และพวกเขาทุกคนรู้ตําแหน่งของ หลินฟ่าน ใน เยิ่นหัว กรุ๊ป
หลินฟ่าน เป็นนักเขียนบทมือทองและรับหน้าที่โดยตรงในฐานะนักแสดงนําในละครเรื่อง ชิวหยู่เหนียน
อย่าบอกว่าละครเรื่องนี้จะได้รับความนิยมหรือไม่เพียงแค่ตัดสินจากระดับความสําคัญของ หลินฟ่าน ที่มีต่อ เยิ่นหัว ก็เพียงพอแล้วสําหรับดาราเหล่านี้ที่จะผูกมิตรกับ หลินฟ่าน
ในวงการบันเทิงการมีเพื่อนไม่จําเป็นต้องมีผลประโยชน์ แต่มันดีกว่าการมีศัตรู
หลินฟ่าน หล่อมากและคนหล่อโดยทั่วไปแล้วก็มักจะพัฒนาได้ดีในวงการบันเทิง
คนดังเหล่านี้ฉลาดมากและทําความรู้จักโดยตรงกับ หลินฟ่าน
สําหรับกลุ่มนักข่าวอีกกลุ่มที่ต้องการเชิญ หลินฟ่าน มาทําการถ่ายทอดสดด้วยกัน หลินฟ่าน ได้แต่ส่ายหัว เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการถ่ายทอดสดเลย
แต่หากต้องการเปิดการถ่ายทอดสดจริงๆหลินฟ่าน ก็สามารถทําด้วยตัวเองและเงินที่ได้รับจากผู้ชมจะเข้าบัญชีของเขาเองด้วย
หลังอาหารค่ำ หลินฟ่าน และ เซียหว่านชิว เดินเล่นที่ชายหาด
ชายหาดยังคงมีชีวิตชีวาและมีผู้คนมากมายเดินเล่นเช่นกัน
แสงจันทร์เย็นสะท้อนบนทะเลและคลื่นซัด เซี่ยหว่านชิว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวเพราะแรงลม
“เวลาเธอออกข้างนอกต้องเตรียมเสื้อคลุมด้วยรู้ไหม” หลินฟ่าน ยิ้มเล็กน้อยแล้วถอดเสื้อโค้ทของเขาสวมไว้บนร่างกายของ เซี่ยหว่านชิว
เซี่ยหว่านชิว เงยหน้าขึ้นดวงตาที่สวยงามของเธอมองไปที่ หลินฟ่าน และพยักหน้าเบา ๆ “ฉันรู้ หลินฟ่าน ตอนนี้นายแตกต่างจากเมื่อก่อนมากตอนนี้นายดุขึ้นนะ”
“เธอเองต่างหากที่ดุร้าย เธอเคยกัดฉันนะ” หลินฟ่าน ยิ้ม
“ใช่! ฉันดุมาก” เซี่ยหว่านชิว ทําท่าทางดุร้าย
“วันนี้งานเพลงประกอบกับโปรดักชั่น เป็นไงบ้าง” เซี่ยหว่านชิว ถาม หลินฟ่าน เพราะส่วนใหญ่เขายุ่งอยู่กับงานละครในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา
“ก็ดี อีกหน่อยก็คงออกอากศได้แล้ว การตัดต่อและซาวด์แทร็กโดยรวมทําได้ดี ควบคู่ไปกับทักษะการแสดงของนักแสดงนําที่เก่งด้วย “ หลินฟ่าน ยิ้ม
เซี่ยหว่านชิว จ้องไปที่ หลินป่าน” ที่หลงตัวเอง แต่มันเป็นงานยากสําหรับนายเรื่องหลังการถ่ายทํามันซับซ้อนมากแล้วนายพักผ่อนบ้างรึเปล่า”
หลินฟ่าน ส่ายหัว” เปล่า แต่สิ่งที่สําคัญที่สุดคือการทําให้ทีวีซีรีส์เรื่องนี้ดีที่สุด เพราะเป็นทีวีซีรีส์เรื่องแรกที่เราสองคนเล่นด้วยกันและยังเป็นละครอารมณ์เรื่องแรกของเธออีกด้วย ไม่ว่าฉันจะมีชื่อเสียงหรือไม่ สิ่งสําคัญคือเธอจะมีการเติบโตครั้งใหญ่ในวงการ เพื่อที่จะไม่มีใครกล้ามารังแกเธออีกในอนาคต”
” อย่าให้ใครมาบีบบังคับเธอได้แบบครั้งนั้นอีก และถ้ามีใครกล้าอีกฉันก็จะไม่ปล่อยมันไป” หลินฟ่าน กล่าว
เขาน่าจะเป็นเทพบุตรสุดหล่ออย่างเงียบ ๆ เพียงแค่เก็บค่าเช่าก็อยู่ได้อย่างสุขสบายแล้ว แต่เพื่อประโยชน์ของ เซี่ยหว่านชิว เขาจึงริเริ่มที่จะก้าวเข้าสู่แวดวงบันเทิง
ตั้งแต่การเขียนบท การกํากับและการถ่ายทํา ตลอดจนการแสดง รวมถึงการผลิตขั้นตอนทั้งหมดหลังการถ่ายทําและการพากย์เสียง หลินฟ่าน มีหน้าที่รับผิดชอบอย่างจริงจังในซีรีส์ทีวีเรื่องนี้
เพียงเพราะเขาต้องการทําให้ซีรีส์ทีวีนี้เป็นที่นิยม เพื่อให้ความนิยมและกระแสที่ดีของ เซี่ยหว่านชิว ให้สูงขึ้น
ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เธอจะสามารถตั้งหลักได้อย่างมั่นคงในวงการบันเทิงและนักลงทุนเหล่านั้นก็ไม่กล้าปฏิบัติต่อเธอด้วยกฎเกณฑ์ที่เอาเปรียบนักแสดง
เซี่ยหว่านชิว มองไปที่ หลินฟ่าน ด้วยดวงตาที่สวยงาม ใบหน้าที่สวยงามของเธอแดงระเรื่อและพูดอย่างจริงจัง ” หลินฟ่าน ขอบคุณนะไม่มีใครในวงการบันเทิงที่จะรังแกฉันได้อีกในอนาคต”
“ฉันจะเรียนการแสดงเพิ่มและแสดงให้ดีขึ้นกว่านี้ให้ได้ “เซี่ยหว่านชิว ยิ้มอย่างอ่อนห วานและสายลมก็พัดผมยาวของเธออย่างน่าสัมผัส
” ขอบคุณเธอด้วย สําหรับทุกอย่างที่ฉันได้ทํา เราอยู่กันมาตั้งแต่มัธยมเธอก็คอยช่วยฉันมาตลอด” หลินฟ่าน กล่าวด้วยความคิดถึงในชีวิตที่ผ่านมาเล็กน้อย
ตอนนี้ถ้าเขาไม่ได้เข้ามาในแวดวงบันเทิงก็คงจะยากที่จะได้พบกับ เซี่ยหว่านชิว
แต่โชคดีที่ไม่มีใครสามารถกลั่นแกล้ง เซี่ยหว่านชิว กับเขาได้
เขาจะมีความสามารถมากขึ้นในวงการบันเทิงและปกป้อง หว่านชิว ของเขา
“หลินฟ่าน ฉันได้ยิน จิงจิง พูดว่าความสามารถทางดนตรีของนายดีมาก นายช่วยร้องเพลงให้ฉันฟังได้ไหม” เซี่ยหว่านชิว หันไปมอง หลินฟ่าน และถาม
“งั้นร้องเพลงที่ประกอบซีรี่ส์ของเราดีกว่านะ ” หลินฟ่าน กล่าว
หลินฟ่าน ก็เริ่มร้องเพลงด้วยเสียงร้องนั้นไพเราะและสง่างามเต็มไปด้วยอารมณ์ที่อบอุ่นและเสียงของเขานุ่มเหมือนเกล็ดหิมะในฤดูหนาว และกลมกล่อมจนทําให้ผู้ฟังรู้สึกสบายใจได้
หลินฟ่าน มีทักษะของเทพเจ้าแห่งบทเพลงและเพลงที่เขาร้องนั้นดีมาก เซี่ยหว่านชิว ฟังและยิ้มตามอย่างมีความสุข
เนื้อเพลงของบทเพลงนี้ยังมีศิลปะการใช้คําที่ดีมากและผู้คนที่ได้ฟังจะค่อยๆหลงไหลไปกับมัน เมื่อได้ฟังเนื้อเพลงนั้นมีใจความท่อนหนึ่งว่า
[เธอเคยได้ยินไหมว่า…หน้าผาของภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ]
[มันเคยทําให้ผู้คนไปรอบ ๆ เหลียวมอง]
[ดั่งมีสิ่งสวยงามที่ซ่อนอยู่บนนั้น]
[และหายไปอยู่ในเหวลึก]
หลังจากสิ้นสุด ของเพลง เซี่ยหว่านชิว ลืมตาขึ้นเสียงปรบมือ
ปรากฏว่า หลินฟ่าน ร้องเพลงได้ดีมาก …
หลินฟ่าน มองไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเขา เซี่ยหว่านชิว
หลายปีผ่านไปเธอก็ยังคงเป็นเหมือนตอนอยู่โรงเรียนมัธยมเมื่อเขาร้องเพลงเธอจะปรบมือให้แบบนี้
เป็นเวลาเจ็ดปีแล้วที่จบจากมัธยมปลาย แต่เธอก็ยังคงเป็นคนที่อยู่ข้างๆเธอ หลินฟ่าน เหมือนเดิม
เมื่อเห็น เซี่ยหว่านชิว อยู่เคียงข้างเธอ หลินฟ่าน ก็อดไม่ได้ที่จะมีความทรงจํามากมายที่หลั่งไหลเข้ามาในหัวใจของเธอ
เมื่อเขาเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ และไม่มีใครอุดหนุนเขาเลย แต่เธอก็มักจะมาที่ร้านอาหารเล็ก ๆ เพื่อให้กําลังใจเขาเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นคนยากจนหรือร่ำรวย เซี่ยหว่านชิว อยู่เคียงข้างเขามาตลอดและไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าจะต้องอยู่ร่วมทุกข์และสุขกับเขาในอนาคต
เธอจะถ่ายวิดีโอกับเขาทําตัวเหมือนเด็กต่อหน้าเขา แสดงต่อหน้าเขาและเคลื่อนไหวอย่างน่ารักต่อหน้าเขา
สําหรับเขาเธอไม่เคยถ่ายทําฉากจูบและเธอก็ไม่เต็มใจที่จะแสดงฉากอารมณ์ร่วมกับคนอื่น ๆ
เมื่อมีผู้หญิงที่ดีอยู่เคียงข้างแล้ว ในความคิดของ หลินฟ่าน คงปล่อยเธอไปไปได้แล้ว
ขณะลมหนาวพัดมา หลินฟ่าน หยุดและยื่นมือไปหา เซี่ยหว่านชิว
” หนาว~ฉันขอยืมมือเธอมาจับได้ไหม