ตอนที่ 315 ชอบ ก็ต้องพูดดังๆ
แม้ว่าจะจัดการเรื่องของซูจิ่วซานไปแล้ว ทว่าเยี่ยซียังคงรู้สึกละอายใจต่ออวี๋กานกาน
ทั้งๆ ที่อวี๋กานกานจำได้ว่าเยี่ยซีอยู่ข้างๆ ตลอด แต่พอหันกลับมากลับพบว่าชายหนุ่มหายไปแล้ว
เธอโทรหาเยี่ยซี แต่เขาไม่รับสาย เพียงแต่ส่งข้อความมาให้เธอ “ผมไปก่อนนะครับ ผมคงไม่มีหน้าไปพบพี่แล้ว”
อวี๋กานกาน “……”
เจ้าหมีน้อยตัวนี้ยังโทษตัวเองอยู่อีกงั้นเหรอ?
อวี๋กานกานอยากส่งข้อความไปปลอบใจเขา แต่คิดไปคิดมาก็ไม่ส่งดีกว่า ยิ่งเธอไปบอกว่าไม่เป็นอะไร เยี่ยซีคงยิ่งรู้สึกผิด รออีกสองสามวันค่อยโทรไปเรียกเขาออกมากินข้าวด้วยกัน แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แบบนั้นคงจะดีกว่า
ซ่งฉาไป๋มาถึงปักกิ่งแล้ว อวี๋กานกานเลยนัดเธอกินมื้อค่ำด้วยกัน
กินหม้อไฟก็ต้องหม้อไฟทองแดงสิถึงจะอร่อยที่สุด
หลังจากจิบน้ำซุปรสเผ็ดในหม้อทองแดง อาการเมื่อยล้าตลอดทางจากการนั่งรถหายไป ซ่งฉาไป๋ถึงได้ทอดถอนใจ “ในที่สุดฉันก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้งแล้ว”
อวี๋กานกานเอาเนื้อแกะและเนื้อวัวที่สุกแล้วไปวางลงในถ้วยของเธอ “กินเยอะๆ นะ”
ซ่งฉาไป๋รีบตักคำใหญ่ “แน่นอน ระหว่างทางที่มานี่ฉันคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องกินเนื้ออย่างน้อยห้าจาน นี่เพิ่งจานที่สองเอง ยังเคี้ยวไม่เต็มที่เลย”
“ไม่พอก็สั่งเพิ่มจนกว่าเธอจะอิ่มเลยก็ได้”
“มาๆๆ เธอก็กินด้วยสิ” ซ่งฉาไป๋คีบเนื้อแกะสองชิ้นให้อวี๋กานกาน
บรรยากาศข้างนอกมีฝนตกเย็นๆ ทั้งสองคนนั่งอยู่หน้าหม้อไฟ ระหว่างนั้นก็จิบซุปบ๊วยเปรี้ยวๆ ไปด้วย ช่างให้อารมณ์ที่แตกต่างจริงๆ
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน จู่ๆ ซ่งฉาไป๋ก็กระซิบถามอวี๋กานกาน “แล้วตอนนี้เธอกับฟางจือหันเป็นไงบ้างล่ะ”
อวี๋กานกานเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
จะว่าเป็นเพื่อนก็คลุมเครือ จะว่าเป็นคนแปลกหน้าก็ยิ่งไม่ใช่
จะว่าเป็นสามีภรรยาก็ไม่เหมือน จะเป็นคนรักกันก็ไม่เหมือนอีก
เธอกระแอมเบาๆ “ถ้าผู้ชายกับผู้หญิงจูบกันนี่ถือว่าเป็นแฟนกันหรือยัง”
ซ่งฉาไป๋แสยะยิ้มแซว “พวกเธอจูบกันตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน”
“ต่อให้ไม่เหมือนก็ใช่ว่าจะคิดว่าจูบเป็นความรักได้นะ ต้องสารภาพรักออกมาด้วย แต่พวกเธอก็แต่งงานกันแล้ว เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นความรักได้หรือเปล่า…”
ซ่งฉาไป๋พูดไปพูดมา แล้วจู่ๆ ก็หรี่ตาลง และยิ้มด้วยความแปลกใจ “เธอถามแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเธอชอบฟางจือหันเข้าแล้วน่ะ?”
อวี๋กานกานหน้าร้อนขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกจับได้ ได้แต่ยิ้มและว่ากลับไป “ซ่งฉาไป๋ เธอน่ะเป็นหมู”
พรู๊ดด! ซ่งฉาไป๋เหลือบมองเธอ “จะเขินไปทำไม ชอบก็ชอบ ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรสักหน่อย ถ้าฉันชอบผู้ชายสักคน ฉันก็จะเป็นฝ่ายเข้าไปจีบของก่อน ให้เขาฟังคำพูดหวานๆ ของฉันจนโงหัวไม่ขึ้นเลย”
อวี๋กานกานถือตะเกียบจิ้มลงไปในถ้วยสองสามครั้ง “เขาไม่ได้บอกรักฉันนี่นา ไม่เคยถามว่าฉันชอบเขาบ้างหรือเปล่า ฉันไม่อยากจะแบบว่าอยู่ดีๆ ก็บอกชอบเขาขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำแบบนั้นก็ดูแปลกเกินไป”
ซ่งฉาไป๋พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “แม้ว่าฉันจะคิดว่าหากชอบใครสักคนจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็จริง แต่ว่าเรื่องสารภาพรักเนี่ยก็ยังรู้สึกว่าต้องเป็นฝ่ายชายพูดก่อนอยู่ดี ไม่อย่างนั้จะดูง่ายเกินไป อีกฝ่ายอาจไม่เห็นค่า”
ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองอวี๋กานกาน ดวงตาของเธอสว่างไสวราวกับดวงดาว “ฉันจะบอกวิธีให้เธอสมปรารถนาให้เอาไหม”
อวี๋กานกานมองเธอด้วยใจที่เต้นแรง แต่แล้วเธอก็รู้สึกว่าไม่น่าไว้ใจและส่ายศีรษะ “ไม่้ต้องหรอก”
ซ่งฉาไป๋ขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ “ฟังหน่อยน่า ไม่แน่ว่าปีหน้าเธออาจะได้เป็นแม่คนเลยนะ”
ตอนที่ 316 งานแต่งงาน รีบร้อนเกินไปไหม
คำแนะนำที่ได้จากซ่งฉาไป๋ก็คือให้ไปยั่วยวนฟางจือหัน อวี๋กานกานคีบเนื้อยัดเขาปากอีกฝ่ายทันที โชคดีที่ตอนแรกเธอปฏิเสธไป
คำแนะนำบ้าบออะไรกัน
คำแนะนำจากหญิงสาวที่หื่นกามที่สุดในประวัติศาสตร์จะน่าเชื่อถือได้อย่างไร
ทว่าพอตกดึก อวี๋กานกานก็ฝัน
ในความฝันเธอสวมชุดนอนเซ็กซี่คร่อมอยู่บนตัวของฟางจือหัน และพูดด้วยเสียงราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ “คุณชอบฉันไหมฟางจือหัน”
เขามองไปที่เธอด้วยดวงตาราวกับท้องทะเลลึก นิ้วเรียวยาวของเขาเชยคางของเธอขึ้น และโน้มตัวมาแตะจูบที่ริมฝีปากของเธอ
ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นเร่าร้อน และเต็มไปด้วยความรัก
วันต่อมาอวี๋กานกานก็ไม่กล้าสบสายตาฟางจือหัน ร้อนตัวสุดๆ
เธอไม่รู้หรอกว่าความรักของคนอื่นเป็นอย่างไร ทว่าเธอรู้ว่ามันเร็วเกินไปที่จะให้เธอไปยั่วยวนฟางจือหัน สู้ให้เธอฝังเข็มฟางจือหันสักสองสามเข็มจนร่างกายของเขาทนไม่ไหวแล้วกระโจนเข้าหาเธอเสียยังดีกว่า
อาจารย์อยู่ที่ไหนกันนะ?
อาจารย์เป็นที่ปรึกษาชีวิตของเธอและถ้าอาจารย์อยู่ด้วย คงจะสอนเธออย่างแน่นอนว่าควรทำอย่างไร
–
หลังจากที่ลู่เสวี่ยเฉินและหลินจยาอวี่ตัดสินใจแต่งงานตามข้อตกลงกันแล้ว พวกเขาก็รีบไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานเขตอย่างรวดเร็วที่สุด
แม้ว่าจะต้องแสร้งทำเป็นคู่สามีภรรยากันต่อหน้าคนอื่น ทว่าทั้งคู่ยังคงต้องเตรียมงานแต่งงานให้ถูกต้องตามพิธีไม่ให้ตกหล่น
หลังจดทะเบียนสมรมแล้วก็ต้องมีรูปพรีเวดดิ้งและจัดงานแต่งงาน
หลินจยาอวี่โทรหาอวี๋กานกาน ขอให้เธอมาช่วยเลือกชุดแต่งงาน
อวี๋กานกานตกใจสุดขีด “งานแต่งจัดต้นเดือนหน้า แบบนี้มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ มีเวลาเหลือไม่ถึงครึ่งเดือนเองนะ การแต่งงานต้องเตรียมของเยอะมาก พวกเธอรีบร้อนเกินไปหรือเปล่า”
แววตาหลินจยาอวี่ปรากฏรอยยิ้มจางๆ “การแต่งงานของพวกเราเป็นแค่พิธีการเฉยๆ จะจัดงานเร็วหรือช้าก็ไม่ต่างกันหรอก มีมืออาชีพคอยจัดการให้ จะรีบหรือไม่รีบก็ไม่มีปัญหา”
อวี๋กานกานตกใจจนพูดไม่ออก
ง่ายๆ อะไรก็ได้ขนาดนี้ ไม่สนใจขนาดนี้ เหมือนไม่ได้กำลังจัดการเรื่องใหญ่ในชีวิตสักนิด
เหมือนเป็นแค่พิธีลงนาม
เพื่อเฉลิมฉลองการร่วมมือกันของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น
อวี๋กานกานไม่เข้าใจ เธอรู้สึกว่านี่มันตรงข้ามกับมุมมองเรื่องคุณค่าและชีวิตของตัวเธอเองอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าพวกเขาจะคิดว่าไม่เป็นอะไร รีบๆ จัดการให้เสร็จก็ดี แต่ในอีกเดือนสองเดือนหน้าท้องของหลินจยาอวี่ก็จะนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด
หลินจยาอวี่ชี้ไปที่ชุดแต่งงานราวหนึ่งแล้วถามว่า “กานกาน เธอว่าชุดไหนเหมาะกับฉัน”
อวี๋กานกานเลือกจนตาลาย รู้สึกเหมือนไม่ว่าชุดไหนก็สวยไปหมด แต่ละชุดก็มีความโดดเด่นในตัวมันเอง “งั้นก็ลองทุกชุดที่ชอบเลยสิ ชุดไหนสวยที่สุดก็เลือกชุดนั้นดีไหม?”
“ได้เลย ไม่มีปัญหา”
ผู้หญิงมักจะมีความหลงใหลแปลกๆ กับชุดแต่งงาน
แม้ว่าจะลองชุดจนเหนื่อยแค่ไหนก็ยังรู้สึกสนุกอยู่
เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่ฟางจือหันกับลู่เสวี่ยเฉินมาถึง สองสาวก็ยังคงวุ่นวายอยู่กับการเลือกชุด
สุดท้ายก็รู้สึกว่าเหมือนจะมีอีกชุดหนึ่งที่ดีกว่า และให้หลินจยาอวี่เข้าไปลองอีกครั้ง
ชุดแต่งงานชุดนี้แต่งชุดสไตล์หรูและมีดีไซน์ที่เรียบง่าย ทว่าในบรรดาชุดทั้งหมดที่หลินจยาอวี่ได้ลองใส่ ชุดนี้เป็นชุดที่ดูดีที่สุด เป็นชุดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรูปร่างและใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเธอ เมื่อสวมแล้วทำให้ดูหรูหราและสง่างาม งดงามราวกับภาพฝันที่ทำให้ผู้คนต่างต้องตกตะลึง
“ว้าว! สวยมากเลย!”
อวี๋กานกานหลุดอุทานออกมา ยามที่ก้าวเข้าไปหา “จยาอวี่ ชุดนี้แหละสวยที่สุดแล้ว เหมาะกับเธอมากๆ ”
เธอพูดพลางมองไปที่ฟางจือหันและลู่เสวี่ยเฉิน “พวกคุณคิดว่ายังไงคะ”