ตอนที่ 453 ทะเลาะแบบนี้ไม่ใช่ทะเลาะแบบนั้น
อวี๋กานกานหน้าแดงด้วยความเขินอาย ไม่รู้ว่าจะตอบเจียงฉี่อย่างไรทั้งนั้น
เจียงฉี่เหมือนไม่เคยมีแฟน เธอถูกคนที่บ้านปกป้องอย่างดีมาโดยตลอด และรวมกับการแช่บ่อน้ำพุร้อนเมื่อวานถึงได้เข้าใจผิดไปว่าเกิดอาการแพ้ที่ลำคอของเธอเข้า
แม่จ๋า ครั้งนี้ไปกันใหญ่แล้ว
โทษฟังจือหันทั้งหมด
อวี๋กานกานถลึงตามองฟังจือหันซึ่งอยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง ผู้ชายคนนี้เหมือนกับคนไม่สนใจอะไรเลย เย็นชาเหมือนก้อนหิมะน้ำแข็งที่ไม่ขยับอยู่ด้านนอก
เขากลับใจเย็น ภูเขาไท่ซานพังลงตรงหน้าสีหน้าก็ไม่เปลี่ยน ฮึ!
ลู่เสวี่ยเฉินยิ้มอย่างมีเลศนัย ตอบไปอย่างมีความหมายลึกซึ้งแฝงอยู่ “น้องเสี่ยวฉี่ นี่ไม่ใช่การแพ้ นี่เป็นเพราะทะเลาะกับพี่ชายเธอ”
“ทะเลาะ?”
เจียงฉี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทะเลาะกับพี่? จะเป็นไปได้ยังไงที่พี่จะทะเลาะกับพี่สะใภ้น่ะ
เธอมีสีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ แววตาคลางแคลงใจจับไปที่ฟังจือหัน “พี่คะ พี่กับพี่อวี๋ทะเลาะกัน ทำไมพี่ถึงได้ตีกับผู้หญิงล่ะ”
สวรรค์ เป็นไปได้หรือไม่ว่าพี่ชายที่สมบูรณ์แบบของเธอที่จริงแล้วเป็นผู้ชายที่มีแนวโน้มชอบใช้ความรุนแรงคนหนึ่ง เป็นคนสารเลวที่ตีผู้หญิง?
ไม่ๆๆ!
นี่เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
ลู่เสวี่ยเฉินกลั้นยิ้ม แสร้งตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ทะเลาะแบบนี้ไม่ใช่ทะเลาะแบบนั้น…น้องเสี่ยวฉี่ รอให้เธอมีแฟนก็จะเข้าใจเอง”
เจียงฉี่ยิ่งมึนงงเข้าไปอีก “ทะเลาะกันแบบนี้ไม่ใช่ทะเลาะ งั้นหมายความว่าอะไร พี่กับพี่สะใภ้ลู่ก็ทะเลาะกันเหรอ”
หลินจยาอวี่สำลักอีกครั้งแล้ว
ลู่เสวี่ยเฉินยิ้มอย่างเบิกบานใจ ในใจสะกดความชั่วร้ายเอาไว้ ใบหน้าชั่วร้ายนั้นยิ้มอย่างไม่ติดขัด “กินช้าๆ หน่อย ไม่ต้องรีบ อย่าให้ลูกชายเราสำลัก”
หลินจยาอวี่มองเจียงฉี่พลางตอบ “เราไม่ได้ทะเลาะกัน”
“เราไม่ทะเลาะ งั้นลูกชายของเรามาจากไหนล่ะ” ลู่เสวี่ยเฉินทำมือจะบีบจมูก แต่ว่ามือของเขากลับไม่ได้แตะโดนหลินจยาอวี่ รู้จักกันมาระยะหนึ่ง ลู่เสวี่ยเฉินถือว่าค้นพบนิสัยของหลินจยาอวี่แล้ว ขอเพียงไม่ทำจริง ปกติเธอก็จะไม่สนใจ
“ไม่ได้ออกแรง แต่กลับเพิ่มลูกชายมาคนหนึ่ง น่าน้อยใจนายเสียจริงเลย” หลินจยาอวี่แหวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์
อวี๋กานกานเห็นว่าบทสนทนาของพวกเขาสองคนยิ่งลามกขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งไม่เหมาะกับเด็ก จึงมองไปที่เจียงฉี่อย่างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เธอไม่ต้องไปสนใจลู่เสวี่ยเฉิน”
เจียงฉี่ก็ไม่ได้โง่ เธอเพียงแค่ค่อนข้างใสซื่อ แต่ต่อให้ใสซื่อเท่าไหร่ก็เป็นเด็กมหาวิทยาลัยคนหนึ่งแล้ว อีกฝ่ายต่างใช้คำพูดขนาดนี้แล้ว เธอไหนเลยจะยังฟังไม่เข้าใจอีก
ในครู่เดียวก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย มองลู่เสวี่ยเฉินพลางกล่าวโทษ “พี่ลู่ พี่ทำไมถึง…ถึง…”
นึกคำคุณศัพท์ไม่ออกเลย เธอทำได้เพียงรอฟังจือหัน “พี่คะ หลังจากนี้พี่อย่าไปเที่ยวกับเขาอีกเลย เขาคนนี้มีมุมมองสามอย่างไม่ถูกต้อง”
ลู่เสวี่ยเฉินแบมืออย่างบริสุทธิ์ใจ “ฉันมุมมองสามอย่างไม่ถูกต้องตรงไหน น้องเสี่ยวฉี่ เมื่อครู่ฉันหวังดีอธิบายให้เธอฟังรอบหนึ่งเชียวนะ”
เจียงฉี่พ่นลมออกทางจมูกใส่เขา
สายตาของเธอเผลอมองเหอสือกุยที่อยู่ด้านข้าง ค่อนข้างนึกเสียใจที่เมื่อสักครู่ตัวเองโง่เง่า ถามว่าอวี๋กานกานเกิดอาการแพ้ใช่หรือไม่
หัวข้อนี้สำหรับทุกคนแล้วเป็นหัวข้อที่ชวนขำ สนุกและหยอกล้ออย่างหนึ่ง
แต่สำหรับเหอสือกุยกลับเป็นหัวข้อหนึ่งที่ทิ่มแทงใจจนเจ็บปวด เจียงฉี่สำนึกผิดในชั่วขณะ
เธอหาหัวข้ออื่น มองอวี๋กานกานแล้วเอ่ยถาม “พี่อวี๋คะ อาจารย์เหม่ยเหรินบอกว่าเขาเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน งั้นการแพทย์แผนจีนของพี่ใครสอนเหรอคะ”
อวี๋กานกานยิ้มพลางตอบกลับ “ปู่ฉันสอนน่ะ” พูดถึงคุณปู่ อวี๋กานกานก็มีสีหน้าภูมิใจและนับถือ “ปู่ของฉันเก่งมากเชียวล่ะ อะไรเขาก็รู้หมด”
“เธอก็เก่งมาก” หลินจยาอวี่ซึ่งอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมา
ตอนที่ 454 เหอโส่วอูกับโสมตังกุย
หลินจยาอวี่ซึ่งอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมา “เมื่อวานฉันถามอาจารย์เหม่ยเหริน เขาบอกว่ากานกานเจ็ดขวบก็ท่องจำเพลงกลอนแพทย์แผนจีน ตำราสมุนไพรจีน คัมภีร์หวงตี้เน่ย์จิง คัมภีร์ซางหานหลุ่นได้ ตอนเก้าขวบการแพทย์พวกนี้เธอก็สามารถท่องจำได้เหมือนกับน้ำไหลเลย”
ทั้งหมดนั่นเป็นภาษาจีนโบราณ เด็กขนาดนั้นก็สามารถท่องได้แล้วเหรอ
เจียงฉี่ตกตะลึง มองไปที่เหอสือกุย “จริงเหรอคะ”
เหอสือกุยพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม “จริง”
เจียงฉี่มองอวี๋กานกานด้วยสีหน้านับถือ “พี่อวี๋ พี่เก่งมากจริงๆ เลย”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส กู้ซูหลิงก็มา
พักอยู่ในลานเดียวกัน ตอนที่กินมื้อเช้าจึงเลี่ยงไม่ได้ที่เจอได้เจอกัน
เมื่อวานกู้ซูหลิงเอาแต่อยากหาโอกาสพบฟังจือหันอยู่ตลอด ช่วยไม่ได้ที่ชายหนุ่มไม่ปรากฏตัวอยู่แล้ว
ได้พบเจอกันในมื้อเช้าตอนนี้ สายตาของกู้ซูหลิงจึงเป็นประกาย มองทุกคนพลางเอ่ยทักทายยามเช้า ต่อมาก็ไม่สนใจว่าทุกคนเต็มใจหรือไม่ นั่งลงข้างเจียงฉี่ในทันทีเพื่อจะร่วมกินมื้อเช้ากับทุกคน
เจียงฉี่อยากจะย้ายไปที่นั่งด้านข้างโดยไม่รู้ตัว แต่ว่าเธอนึกถึงทุกคำพูดที่เหอสือกุยบอก เจอเธอเข้าอย่าร้อนตัว
เมื่อคืนวานกลับถึงห้องนอน เธอก็ส่งข้อความให้กับกู้ซูหลิงเรียบร้อย บอกเธอว่าตอนเองบอกทุกอย่างให้พี่ชายหมดแล้ว งั้นตอนนี้ก็ไม่อาจให้กู้ซูหลิงรู้สึกว่าตนเองกำลังพูดโกหกอยู่ไปโดยปริยาย
เจียงฉี่รีบนั่งให้นิ่ง ถึงขั้นยังส่งยิ้มให้กับกู้ซูหลิงด้วย
กู้ซูหลิง “…”
หรือที่บอกว่าเจียงฉี่บอกทุกอย่างกับฟังจือหันแล้ว เธอไม่เชื่อ ก็รู้ว่าเจียงฉี่นิสัยขี้ขลาดเหมือนหนูอีกทั้งกลัวฟังจือหันเป็นพิเศษ กลัวว่าฟังจือหันจะไม่ต้องการน้องสาวคนนี้อย่างเธอ เกี่ยวกับเรื่องกู้เหยียนอวี๋ จะเป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะกล้าบอกกับฟังจือหันตรงๆ
เธอก็จะลองดู
“พะ…” คำว่าพี่ยังไม่ทันพูดจบ ฟังจือหันพลันลุกขึ้นยืน
ฝ่ามือเขาลูบไปบนหัวของอวี๋กานกานครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยถาม “กินเสร็จรึยัง”
อวี๋กานกานเหลือบมองกู้ซูหลิงแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็พยักหน้า “กินเสร็จแล้ว”
ฟังจือหันเอ่ย “ไปเถอะ”
นี่คือให้เธอนั่งรถเขากลับเมือง อวี๋กานกานจึงมองไปที่เหอสือกุยโดยสัญชาตญาณ เธอมากับอาจารย์เหม่ยเหรินเชียวนะ และตอนนี้อาจารย์เหม่ยเหรินยังทดสอบไม่เสร็จเลย
เธอยังคงตรงไปตรงมา อย่าได้เหิมเกริมมากไปเถอะ
ตอนที่เธอกำลังจะพูดปฏิเสธ เจียงฉี่ก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม “พี่อวี๋ คนขับรถเป็นคนมาส่งฉัน เมื่อวานเขากลับไปแล้ว พี่นั่งรถของพี่ชาย ฉันนั่งรถของอาจารย์เหม่ยเหรินดีไหมคะ”
เธอมองไปที่เหอสือกุยอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวังชัดเจน “อาจารย์เหม่ยเหรินคะ ฉันมีเรื่องสำคัญมากอยากพูดกับคุณ”
แววตาของอวี๋กานกานฉายแววไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อย ถึงอย่างไรอาจารย์เหม่ยเหรินก็บอกแล้ว ตอนที่เขากำลังทดสอบอยู่ไม่อนุญาตให้ฟังจือหันรู้ว่าเขารู้เรื่องระหว่างเธอกับฟังจือหันแล้ว
แต่ว่าการมาเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนหนนี้ ฟังจือหันไม่ได้ประกาศสิทธิอย่างเอาแต่ใจเลยสักนิดเดียว
เหอสือกุยวางตะเกียบลงและค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าแล้วจึงส่งยิ้มจางๆ ให้กับเจียงฉี่ “งั้นเธอก็มานั่งรถฉันเถอะ”
อวี๋กานกานกับเจียงฉี่ยิ้มด้วยความดีใจ “ขอบคุณค่ะอาจารย์เหม่ยเหริน”
ทั้งคู่สบตากันและยิ้มออกมาอย่างมีความสุขยิ่งขึ้น
ตอนที่ออกไปข้างนอกด้วยกัน อวี๋กานกานถามเจียงฉี่ “ทำไมเธอก็เรียกตามฉันว่าอาจารย์เหม่ยเหรินล่ะ”
เจียงฉี่ตอบ “อาจารย์เหม่ยเหรินเพราะดี”
อวี๋กานกานยิ้มอย่างขี้เล่น พลางพูดหยอกล้อ “ชื่ออาจารย์ฉันเพราะว่าอีก ปู่ฉันเป็นคนตั้งให้ ความหมายลึกซึ้งมากเลย”
“อ๋อ ความหมายลึกซึ้งว่าอะไรคะ”
“เหอโส่วอูกับโสมตังกุยแต่งงานกันแล้ว เพราะอย่างนั้นพวกเขาถึงได้เกิดเหอสือกุยมา”
“ฮ่าๆๆ”
ตลอดทางที่พูดคุยกัน ทุกคนหัวเราะด้วยความสุข ไม่มีใครสนใจกู้ซูหลิงเลยสักคน