วาจาอวี้เฟยยียนทำให้ผู้เฒ่าใหญ่และเลี่ยเชวียชักสีหน้าพร้อมกัน
“แม่นางน้อยปากดีไม่น้อย ต้องการจะเอาชีวิตข้า เจ้ายังเด็กเกินไปหน่อยนะ!”
ว่าแล้วเลี่ยเชวียก็แค่นเสียง ‘เฮอะ’ ออกมา
“ไม่กล้าเล่น เช่นนั้นก็อย่ามาเล่นกับข้าสิ! ข้ารู้ดีว่าคนบางจำพวกรักตัวกลัวตายยิ่งนัก”
อวี้เฟยเยียน ‘เฮอะ’ คำหนึ่งหันไปทางผู้เฒ่าใหญ่
“ผู้เฒ่าใหญ่ คนของสำนักหมื่นพิษไม่มีความกล้าหาญและพละกำลัง แล้วท่านเล่ามีหรือไม่ หากข้าเข้าร่วมการประลองโอสถแล้ว หากท้ายที่สุดข้าเป็นผู้ชนะละก็…ผู้เฒ่าใหญ่ ท่านตัดหัวท่าน มาทำเป็นลูกยางให้ข้า ดีหรือไม่”
“ข้าว่าหัวท่านกลมเกลี้ยงดีนัก หากนำมาทำเป็นลูกยางละก็ คงจะกลิ้งได้ไกลทีเดียว!”
“เด็กเมื่อวานซืน เจ้าว่าอันใดนะ!”
ไม่รอให้ผู้เฒ่าใหญ่กล่าวอะไรต่อ ผู้เฒ่าหกที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ก้าวออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
“หอราชาโอสถของเราไม่ต้อนรับผู้ที่ไร้การอบรมเช่นเจ้า เจ้าออกไปเสีย!”
“ใช่ เจ้าออกไปเสีย!”
ผู้เฒ่าสี่และผู้เฒ่าห้าไม่พอใจอวี้เฟยเยียนเป็นอย่างมาก
ในสายตาพวกเขา ฝีปากที่สามหาวอวี้เฟยเยียน มิได้เจาะจงเฉพาะกับผู้เฒ่าใหญ่เท่านั้น แต่มันเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นเหยียดหยามไปถึงหอราชาโอสถ
ต่อให้นางเป็นจักรพรรดิโอสถ แล้วอย่างไรเล่า!
หอราชาโอสถจะมิยอมให้ใครมารังแกถึงที่เป็นแน่!
มองดูผู้เฒ่าทั้งสามที่ออกมาโต้แย้งการกระทำและคำพูดของตนเองแล้ว อวี้เฟยเยียนก็นึกถึงคำบอกเล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในหอราชาโอสถของผู้เฒ่าเจ็ดเมื่อเช้านี้
หอราชาโอสถ มีผู้เฒ่าทั้งหมดเจ็ดคน
ผู้เฒ่าสองและผู้เฒ่าสามมิรู้ว่าทำผิดเรื่องอะไร ในวันก่อนเริ่มงานชุมนุมประลองโอสถนี้ถึงได้ถูกผู้เฒ่าใหญ่จับขังเอาไว้
ดังนั้นผู้เฒ่าที่ออกมาตอบโต้นางนี้ก็คงจะเป็นผู้เฒ่าสี่ ผู้เฒ่าห้าและผู้เฒ่าหก
ในบรรดาผู้เฒ่าทั้งสาม ผู้เฒ่าหกซื่อตรงที่สุด ผู้เฒ่าห้าปลิ้นปล้อนที่สุด ส่วนผู้เฒ่าสี่มีความสามารถในการปรุงยามากที่สุด แต่เขาก็เป็นพวกหัวโบราณเป็นไม้แก่อยู่บ้าง
สำหรับเรื่องที่ว่าในบรรดาผู้เฒ่าทั้งหลาย มีใครเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับผู้เฒ่าใหญ่บ้างนั้น หรือ ผู้เฒ่าทั้งสามล้วนถูกปิดหูปิดตา จนมิรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของผู้เฒ่าใหญ่กันแน่
เรื่องนี้ผู้เฒ่าเจ็ดไม่รู้ อวี้เฟยเยียนจึงต้องแยกแยะด้วยตัวเอง
“ผู้เฒ่าใหญ่ยังมิพูดอะไรเลย! พวกท่านร้อนรนอะไรกันหรือ”
“อีกอย่าง ข้าเดิมพันกับท่านผู้เฒ่าใหญ่ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกท่านสักหน่อย พวกท่านวางใจได้เลย ต่อให้ข้าชนะหอราชาโอสถ ผู้ที่เดิมพันแล้วยอมรับความพ่ายแพ้นั่นก็คือผู้เฒ่าใหญ่ ข้าไม่ได้ฆ่าพวกท่านทั้งหมดเสียหน่อย!”
คำพูดพิลึกพิลั่นของอวี้เฟยเยียน ทำเอาผู้เฒ่าสี่และผู้เฒ่าหกโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ผู้เฒ่าทั้งสองไปตรงหน้าผู้เฒ่าใหญ่เพื่อขอร้อง ให้ไล่อวี้เฟยเยียนไป อย่าให้นางเข้าร่วมการประลองปรุงโอสถได้
เดิมทีแล้วพวกเขาก็เป็นหนึ่งในกรรมการในการประลองครั้งนี้ การเสนอข้อเรียกร้องนี้ขึ้นมาก็มิถือว่าเกินไป
ทว่า ผู้เฒ่าใหญ่มิใช่ผู้เฒ่าใหญ่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งตอนนี้อวี้เฟยเยียนก็กำลังจะติดกับ แล้วเขาจะฟังในสิ่งที่ผู้เฒ่าสี่และผู้เฒ่าหกเรียกร้องมางั้นหรือ
ผู้เฒ่าใหญ่อยากจะเอาอวี้เฟยเยียนมาทำยาจนแทบจะรอไม่ไหวอยู่แล้ว!
เห็นผู้เฒ่าใหญ่ไม่ยินยอม ผู้เฒ่าหกก็โกรธจนทนไม่ไหว
“ได้! ในเมื่อผู้เฒ่าใหญ่ตัดสินใจที่จะให้อวี้หลัวช่าเข้าร่วมงานชุมนุมประลองปรุงโอสถ เช่นนั้นข้าก็ถอนตัว อย่างไรเสียมีนางไม่มีข้า มีข้าไม่มีนาง!”
“ผู้เฒ่าเจ็ดพูดถูกต้อง! หอราชาโอสถเราตกต่ำถึงขนาดให้เด็กเมื่อวานซืนมาชี้นิ้วสั่งได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! ในเมื่อนางจะเข้าร่วมงาน ข้าก็ไม่เป็นแล้วกรรมการ ข้าไม่เป็นแล้ว!”
ผู้เฒ่าทั้งสองกล่าวจบก็จะเดินออกไป ทำเอาผู้อาวุโสห้าที่อยู่ข้างๆ หัวเราะขึ้นมา
“ตาแก่สี่ ตาแก่หก อย่าเพิ่งวู่วาม อย่าเพิ่งวู่วาม!”
“ตาแก่ห้า ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นพวกหญ้าน้อยพลิ้วที่ไหวตามลม!”
ประโยคต่อมาผู้เฒ่าสี่กล่าวแทงใจดำผู้เฒ่าห้าอย่างจัง
“ความอัปยศนี้เจ้ากลืนมันลงไปได้ แต่ข้ากลืนไม่ลง เจ้าบอกมา ว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ทนถูกรังแกต่อไป หรือจะไปกับพวกเรา!”
“ข้า ข้า…”
ผู้เฒ่าห้าสับสนลังเลอยู่นาน เหลือบมองไปที่ผู้เฒ่าใหญ่ที แล้วหันไปมองผู้เฒ่าสี่และผู้เฒ่าหกที สุดท้ายจึงมองมาที่อวี้เฟยเยียน
“ผู้เฒ่าห้า ท่านอยู่ให้กำลังใจผู้เฒ่าใหญ่เถอะ”
“เผื่อว่าผู้เฒ่าใหญ่ไม่มีผู้ช่วย ท่านก็จะได้เป็นตัวแทนดูแลจัดการหอราชาโอสถแทนอย่างไรเล่า! หนึ่งหัว ก็ลูกบอล สองหัว ก็ลูกบอลอยู่ดี ข้าไม่ถือว่าเยอะเกินไปหรอก”
อวี้เฟยเยียนกล่าวยิ้มๆ
ได้ฟังเช่นนั้น ผู้เฒ่าห้าก็รีบส่ายหัวทันที ข้ากลัวตายมากนะ!
“ผู้เฒ่าใหญ่ ข้าสละสิทธิ์! ข้าเอ่อท้องไม่ค่อยจะดี! ขอตัวก่อน…”
ว่าแล้วผู้เฒ่าห้าก็เผ่นออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับหมอกควันที่มลายหายไป รวดเร็วยิ่งกว่าหนูวิ่งเสียอีก
ส่วนที่ตามเขาออกไปนันก็คือผู้เฒ่าสี่และผู้เฒ่าหก
“ท่านสี่ ท่านห้า ท่านหก! พวกเจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”
ผู้เฒ่าใหญ่เห็นดังนั้นก็รีบวิ่งออกไปเพื่อห้ามปรามผู้เฒ่าทั้งสาม หารู้ไม่ว่าพวกเขาทั้งสามตัดสินใจแน่วแน่ อย่างไรเสียก็ไม่ยอมกลับมาเป็นกรรมการอีก
คราวนี้ หอราชาโอสถจึงเหลือเพียงผู้เฒ่าใหญ่เพียงคนเดียว ซึ่งนี่นับว่าเหนือความคาดหมายของผู้เฒ่าใหญ่จริงๆ
อวี้เฟยเยียนเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็แน่ใจทันทีว่า
ผู้เฒ่าสี่และผู้เฒ่าหกมิใช่ผู้ร่วมขบวนการกับผู้เฒ่าใหญ่อย่างแน่นอน ส่วนผู้เฒ่าห้านั้น ถึงแม้ว่าจะรักตัวกลัวตายไปสักหน่อย แต่ก็น่าจะไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับผู้เฒ่าใหญ่เช่นกัน
มิเสียแรงที่อวี้เฟยเยียนยอมลงทุนทำลายภาพลักษณ์ตนเองถึงเพียงนี้ ยอมกล่าววาจาโอหังเพื่อให้พวกเขาโกรธแล้วจากไป
ทำเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุดก็สามารถรักษาผู้อาวุโสที่มีอำนาจทั้งคำพูดยังมีน้ำหนักต่อหอราชาโอสถ เอาไว้ได้ หวังว่าผู้เฒ่าเจ็ดและหมอเทวดาฮั่วจะตามหาพวกเขาเจอ ผู้เฒ่าทั้งหลายร่วมมือกันรักษาหอราชาโอสถเอาไว้
แต่ทว่า การแสดงออกของผู้เฒ่าทั้งสาม เป็นสิ่งที่บอกได้ชัดเจนว่าผู้เฒ่าใหญ่ก็มีความสัมพันธ์กับพวกเขาไม่ดีเท่าไหร่นัก!
หลายปีที่ผ่านมา ผู้เฒ่าหอราชาโอสถมิได้ถูกควบคุมเอาไว้ ทูตขวาสำนักหมื่นพิษก็มิได้เก่งกาจเท่าไหร่
สิ่งที่อวี้เฟยเยียนไม่รู้นั่นก็คือ ผู้เฒ่าหลายคนของหอราโอสถล้วนแล้วแต่ เป็นมนุษย์จำพวกบัณฑิตทั้งนั้น สิ่งชื่นชอบเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือการปรุงยา มิสนใจสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากนี้ หากคิดที่จะซื้อตัวพวกเขาละก็จึงยากเสียยิ่งกว่าไปสวรรค์
แต่ทว่า เขาซื้อตัวเหล่าผู้เฒ่าไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อตัวพวกเด็กปรุงยาและศิษย์คนอื่นมิได้
ถึงแม้ว่าผู้เฒ่าทั้งหลายมีจะศิษย์เป็นของตนเอง แต่ ศิษย์ที่ใช้การปรุงยาเป็นอาชีพจริงๆ มิได้ใช้สถานะนักปรุงยานี้เพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตนนั้นมีจำนวนน้อยนัก
มีคนมากมายที่ใช้วิชาแพทย์ที่ร่ำเรียนมาแสวงหาชื่อเสียงและเงินตราเข้าหาตน คนเหล่านี้กลับมีจำนวนมากมาย
และคนเช่นนี้ ก็จะถูกซื้อตัวได้ง่าย
ยิ่งกว่านั้นถึงแม้ว่าผู้เฒ่าใหญ่จะมิสามารถสั่งลงโทษผู้เฒ่าคนอื่นๆ โดยซึ่งหน้าได้ก็ตามที แต่ก็สามารถหาเหตุผลต่างๆ นานา มาจัดการพวกศิษย์ที่ไม่ยอมศิโรราบได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น ถึงแม้ว่านอกจากผู้เฒ่าใหญ่แล้วจะไม่มีมีผู้เฒ่าคนอื่นเข้าร่วมงานประลองโอสถในครั้งนี้ แต่ทว่านักปรุงยาและศิษย์ของหอราชาโอสถก็ยังมาเข้าร่วมงานกันมากมาย
“ผู้เฒ่าใหญ่ ข้อเสนอข้าเมื่อครู่ ท่านยอมรับหรือไม่”
อวี้เฟยเยียนลอยตัวลงมาที่ใจกลางสนาม
นางใช้ผ้าแพรผืนบางปกปิดใบหน้า สวมชุดกระโปรงสีอ่อนทั้งชุด ท่วงท่าขณะที่ร่างนางกำลังลงสู่พื้นนั้นช่างงดงามราวกับเทพเซียน แลคล้ายกับเทพธิดาลงมายังโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน ทำให้ผู้คนต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน
“เฮอะ! อวี้หลัวช่า ช่างปากกล้ายิ่งนัก”
ผู้เฒ่าใหญ่สีหน้าเย็นชากล่าวขึ้นว่า
“เจ้าพูดเพียงแต่ว่าหากเจ้าชนะแล้วจะเป็นอย่างไร แล้วหากเจ้าแพ้เล่า”
“เหอะๆ แพ้”
อวี้เฟยเยียน ‘เหอะ’ ขึ้นมาหนึ่งคำ
“ข้าจะแพ้ได้อย่างไรกัน แม้แต่หมอเทวดาฮั่วยังพ่ายแพ้ให้กับข้า ผู้เฒ่าใหญ่ ท่านเก่งกาจกว่าหมอเทวดาฮั่วอีกอย่างนั้นหรือ หรือว่า ลำดับขั้นท่านอยู่เหนือกว่าเจ้าจักรพรรดิโอสถหรือ”
คำพูดอวี้เฟยเยียนปิดปากผู้เฒ่าใหญ่ได้ชะงัดนัก
เขาพยายามแทบตาย จนในที่สุดก็เป็นเจ้าโอสถได้ แต่อวี้เฟยเยียนกลับเป็นถึงจักรพรรดิโอสถ เมื่อเทียบแล้วยังห่างไกลจากนางอีกหนึ่งขั้นเต็มๆ
เปรียบเทียบคนกับคน ช่างน่าโมโหยิ่งนัก!
“ผู้เฒ่าใหญ่วางใจได้เลย!”
ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ลอยเข้ามา หูซาแบกดาบพาดบ่าปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชม
ถ้าหากว่านางแพ้แล้วคิดจะหลบหลีก ต้องถามดาบข้าก่อนว่ายินยอมหรือไม่!