จู่ๆ หูซาก็โผล่ออกมา เห็นได้ชัดเจนว่าเขายืนอยู่ด้านผู้เฒ่าใหญ่ ทำให้อวี้เฟยเยียนเข้าใจบางอย่างขึ้นมาในทันที ไม่ว่าอย่างไร เจ้าหมอนี่ก็มิคิดที่จะปล่อยนางไปอยู่แล้ว!
อีกทั้ง แม้แต่ข้ออ้างที่จะสังหารนางหูซาก็ยังคิดไว้เรียบร้อยเสร็จสรรพ!
ยอมเดิมพันรับความพ่ายแพ้ เข้าใจหาข้ออ้างที่สวยงามนักนะ!
เมื่อเห็นการมาหูซา เลี่ยเชวียก็ยิ้มกว้าง เผยให้เห็นฟันเหลืองซี่ใหญ่ภายในช่องปาก
“ฮ่าๆ!”
“สิ่งที่ข้าและผู้เฒ่าใหญ่กังวลนั้นเหมือนกัน! ได้ยินว่าอวี้หลัวช่าสำเร็จถึงขั้นราชันแล้ว! ข้ากังวลว่าหากนางพ่ายแพ้จะมิยอมปลิดชีพตนเองน่ะสิ”
“ตอนนี้ จอมเทวายอมออกหน้าเพื่อความเป็นธรรม ข้าก็คลายกังวลไปได้มาก! การประลองครั้งนี้ ข้าตอบรับ!”
ลำพังแต่ผู้เฒ่าใหญ่มิเพียงพอที่จะไขข้อข้องใจอวี้เฟยเยียนได้ แต่ครั้งนี้เลี่ยเชวียก็ออกหน้าเช่นกัน นั่นก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่า เลี่ยเชวียและหูซารู้จักคุ้นเคยกันดีอย่างแน่นอน
ทำให้อวี้เฟยเยียนคิดถึงเหตุการณ์หน้าประตูหอราชาโอสถขึ้นมาทันที มู่เหนี่ยนซีเคยหัวเราะเยาะหูซาเอาไว้
ตามหลักแล้ว มู่เหนี่ยนซีมาที่หุบเขาลั่วสยาในช่วงเวลาสั้นๆ มิอาจล่วงเกินใครได้
คนเดียวที่นางล่วงเกิน ก็มีเพียงหูซา
อีกทั้งหูซาคนนี้ก็มีความบาดหมางรุนแรงกับอวี้เฟยเยียนอีกด้วย
ตอนนี้หูซาและเลี่ยเชวียทักทายกันด้วยความสนิทสนมคุ้นเคย นั่นก็เป็นพิสูจน์คำพูดของเลี่ยเชวียก่อนหน้านี้ได้อย่างชัดเจน เขามอบผงหอมให้กับหูซา ดังนั้นคนที่บุกมารังแกมู่เหนี่ยนซีเมื่อคืนนี้ก็คือหูซา!
อวี้เฟยเยียนคิดได้ มู่เหนี่ยนซีมู่เหนี่ยนซีก็เดาได้เช่นเดียวกัน
ยิ่งมองรอยข่วนบนใบหน้าหูซา ซึ่งถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษามาอย่างดี ทำให้ร่องรอยบาดแผลบรรเทาลงเป็นอย่างมาก แต่ทว่ามู่เหนี่ยนซีก็ยังจำได้ มันนี่เองที่ทำเรื่องไม่ดีกับนาง!
ขณะที่มู่เหนี่ยนซีดิ้นรนต่อสู้นั้น นางเคยข่วนที่แก้มคนผู้นั้น
วันนี้ หลักฐานพร้อมมูล คนผู้นั้นก็คือหูซา!
“เป็นอะไรไป”
เห็นมู่เหนี่ยนซีกำมือแน่น โกรธแค้นจนทั่วร่างสั่นเทาไป อวี้เชียนเสวี่ยจึงรีบกุมมือนาง พบว่า มือทั้งสองข้างของมู่เหนี่ยนซีเย็นราวน้ำแข็ง
“เหนี่ยนซี…”
“เป็นมัน! ไอ้คนเมื่อคืนนี้คือมัน!”
เพียงไม่กี่คำที่มู่เหนี่ยนซีกล่าวลอดไรฟันออกมา
“เขา”
อวี้เชียนเสวี่ยมองไปที่หูซา
น่าขยะแขยงที่สุด เป็นถึงจอมเทวาจอมเทวา แต่กระทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ออกมาได้!
สีหน้าอวี้เชียนเสวี่ยดุดันขึ้นมา
“เหนี่ยนซี เจ้าไม่ต้องกลัว วันนี้มันหนีไปไม่รอดแน่!”
อากัปกิริยามู่เหนี่ยนซีบวกกับความมั่นใจของอวี้เฟยเยียน ยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่นางคาดเดาเป็นความจริง
หูซา
จะรังแกท่านป้าสามข้าอย่างนั้นหรือ
เกรงว่าครั้งนี้เจ้ามาได้แต่กลับไม่ได้!
หลัวช่า เราเจอกันอีกแล้ว!
หลัวช่าจ้องมองอวี้เฟยเยียน รอยบาดบนใบหน้าทำให้ดูน่ากลัวขึ้นไปอีก
“วาจาข้าเมื่อครู่ เจ้าคงมิมีอะไรขัดข้องใช่หรือไม่ ในเมื่อเจ้าเสนอการเดิมพันด้วยชีวิตขึ้นมา ก็ต้องเตรียมตัวในเรื่องนี้”
“เหอะๆ ข้าไม่มีปัญหา แต่เกรงว่าเจ้าจะแพ้ไม่เป็นน่ะสิ!”
อวี้เฟยเยียนยิ้มเยือกเย็นออกมา
หูซา สวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูกลับดึงดันจะมา!
วันนี้บัญชีเก่าบัญชีใหม่คิดรวมกันเลยเสียทีเดียว!
หากไม่กระชากหน้ากากสุนัขเจ้าออกมา ขอมิใช้ชื่ออวี้เฟยเยียน!
“อวี้หลัวช่า เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด! ข้าเพียงมาเป็นกรรมการที่เป็นธรรมเท่านั้น หากท่านชนะ ก็ย่อมฟังที่ท่านพูด! ข้ายืนอยู่ข้างความถูกต้อง จะมิช่วยคนกันเองอย่างแน่นอน!”
“ยืนอยู่ข้างความถูกต้อง จะมิช่วยคนกันเองอย่างแน่นอน! พูดได้ดี!”
เมื่อมองไปบนเวที ซย่าโหวฉิงเทียนก็ปรบมือขึ้น
“เรื่องสนุกๆ เช่นนี้ จะขาดข้าไปได้อย่างไรกัน!”
ซย่าโหวฉิงเทียนหยัดกายยืนขึ้น ชุดสีม่วงเขาโดดเด่นท่ามกลางผู้คน
ก่อนหน้านี้ทีความสนใจของทุกคนพุ่งตรงไปยังอวี้เฟยเยียน ซย่าโหวฉิงเทียนก็ถูกฮันจื่อยับยั้งเอาไว้
มาตอนนี้เขายืนขึ้น เมื่อมองดูชุดสีม่วงเข้มที่คุ้นเคยรับกับลวดลายดอกยวนเหว่ย[1]สีม่วงบนผ้าแล้ว บนเวทีก็เริ่มร้อนระอุขึ้นมา
“นั่นหลินเจียงอ๋อง!”
“สวรรค์! ดาวหายนะมาได้อย่างไรกัน”
“เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่มีข่าวคราวของเขาเลย”
“เขามาทำไมกัน”
การปรากฏกายของซย่าโหวฉิงเทียน อยู่นอกเหนือความคาดหมายทุกคน รวมทั้งผู้อาวุโสใหญ่คนของสำนักหมื่นพิษ และหูซาด้วย
“หลินเจียงอ๋อง นี่คืองานประลองปรุงโอสถ แล้วท่านก็ไม่ใช่นักปรุงยา เช่นนั้นเกี่ยวอันใดกับท่านด้วย!”
คนอื่นหวาดกลัวซย่าโหวฉิงเทียน แต่ข้าหูซาคือจอมเทวาจอมเทวา เขาจึงไม่กลัวเลยสักนิด
“เจ้าก็ไม่ใช่นักปรุงยา ยังมีหน้ามาชี้มือชี้ไม้สั่งการ แล้วเหตุใดข้าจะมาไม่ได้เล่า”
ซย่าโหวฉิงเทียนยิ้มราวมิรู้เรื่องรู้ราวใดๆ
จู่ๆ ก็มีหลินเจียงอ๋องโผล่ขึ้นมาอีก ทำให้ผู้เฒ่าใหญ่ปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก
ถึงแม้ว่าสำนักหมื่นพิษและซย่าโหวฉิงเทียนจะไม่รู้จักมักจี่อะไรกันเลย แต่เขาก็รู้ว่า ซย่าโหวฉิงเทียนคนนี้เป็นบุคคลที่ไม่ควรข้องแวะยุ่งเกี่ยวเป็นที่สุด จุดจบของอาณาจักรซีเย่ว์ พิสูจน์ให้เห็นถึงความเ**้ยมโหดของอ๋องผู้นี้ได้เป็นอย่างดี
บนแผ่นดินนี้มักจะมีคนบางกลุ่มที่เป็นดั่งพญาต่อที่บ้าคลั่งก็มิปาน มิอาจไปหาเรื่องได้ มิฉะนั้นจะนำมาซึ่งอันตรายถึงชีวิต
ซย่าโหวฉิงเทียนก็คือคนบ้าคลั่งในบ้าคลั่ง!
ทว่าตอนนี้เขาบีบบังคับกันเช่นนี้ ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ต้องยืนขึ้นมา
“จอมเทวาหูซาเป็นสหายของข้า ข้าเชิญเขามาเอง!”
“เช่นนั้นหรือ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนลูบคางตนเองไปพลางกล่าวว่า
“นั่นมันไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย!”
“แค่งานประลองปรุงโอสถเล็กๆ พวกเจ้าก็เชิญจอมเทวามา จะข่มใครกัน!”
“หากว่าอวี้หลัวช่าชนะ แล้วพวกเจ้ามิยอมรับจะว่าอย่างไร มิใช่ทุกคนที่จะหาญกล้ายอมรับว่าตนอ่อนแอ รับเดิมพันย่อมยอมรับความพ่ายแพ้หรอกนะ! นี่มันเห็นได้ชัดว่าต้องการรังแกสาวน้อยที่ไร้ซึ่งที่พึ่ง!”
เซี่ยโหวฉิงเทียนตอแยไม่เลิก ทำให้เลี่ยเชวียเริ่มโกรธจนทนไม่ไหว
“หลินเจียงอ๋อง ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน”
“ความหมายข้า เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ โง่เขลาเสียจริง!”
ซย่าโหวฉิงเทียน ‘เฮอะ’ ด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วกล่าวว่า
“ในเมื่อพวกเจ้าเชิญจอมเทวามาเพื่อให้เป็นที่พึ่ง เช่นนั้นข้าก็จะยอมฝืนใจ เป็นที่พึ่งให้กับแม่นางน้อยเช่นกัน! หากนางเกิดชนะขึ้นมา อาจจะถูกพวกหน้าไม่อายกลับผิดเป็นถูก ถูกรังแกเอาได้!”
ครานี้ ผู้อาวุโสใหญ่ เลี่ยเชวียและหูซาก็เข้าใจในทันที
ซย่าโหวฉิงเทียนมาทำให้เรื่องมันยุ่งวุ่นวายนี่เอง!
“เฮอะ! หลินเจียงอ๋อง ท่านคงจะลืมเรื่องราวเมื่อครั้งที่ท่านไปเป็นตัวประกันที่แคว้นฉินจื้อไปแล้วกระมัง!”
หูซาดูถูกซย่าโหวฉิงเทียนยิ่งนัก
อย่างไรเสีย เขาก็เคยเป็นตัวประกันมา ทั้งยังต้องอยู่ในฐานะตัวประกันที่ แคว้นฉินจื้อมานับสิบปี
หลังเหตุการณ์นั้นไม่ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะเก่งกาจ แข็งแกร่งขนาดไหนหรือโหดร้ายเพียงใดก็ตาม ก็ล้างความอัปยศที่ตนเองเคยเป็นตัวประกันไปไม่ได้
“ประสบการณ์ช่วงนั้น ข้าจะลืมได้อย่างไรกัน!”
“ดังนั้น ข้าถึงทนดูมิได้ที่ท่านทั้งสี่ ใช้ความเป็นจอมเทวารังแกผู้อื่น นี่ต่างหากที่เรียกว่าอยุติธรรม!”
“พูดให้ถูกต้องก็คือ ข้าเห็นเจ้าแล้วขัดตา จึงเจตนามาหาเรื่อง! เรื่องนี้ ข้าต้องยุ่ง เจ้าจะว่าอย่างไร!”
ซย่าโหวฉิงเทียนใช้สายตาเย็นยะเยือกจ้องมองไปที่หูซา จุดชาดตรงหว่างคิ้ว แดงราวโลหิตสด
ยอมเสียดีๆ!
เมื่อเห็นสิ่งที่ซย่าโหวฉิงเทียนปฏิบัติกับจอมเทวาหูซาบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างก็พากันหัวหดไปตามๆ กัน
อีกฝ่ายเป็นถึงจอมเทวาเชียวนะ!
เจียงหลินอ๋องผู้นี้กล้าหาญชาญชัยไม่น้อยเลย!
แต่ สิ่งที่เขาพูดก็ยอดไปเลย!
‘ข้าเห็นพวกเจ้าแล้วขัดตา จึงได้มาหาเรื่อง พวกเจ้ามีอะไรหรือไม่’
วาจาเผด็จการและทรงอำนาจเช่นนี้ ในใต้หล้า คงมีเพียงซย่าโหวฉิงเทียนเท่านั้นที่กล้าพูดออกมาได้!
——
[1] ดอกไอริส