เชียนเยี่ยเสวี่ยตระหนกจนทนแทบไม่ไหว เขาถลึงตาจนดวงตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า!
“แน่สิ! เรื่องแบบนี้ข้ายังต้องโกหกพวกเจ้าทำไมกัน!”
กล่าวจบอวี้เชียนเสวี่ยก็เริ่มคุยกับตนเอง
“อายุสิบห้าปี บรรลุนิติภาวะ! วันเกิดนี้จะต้องฉลองมากๆหน่อย!”
“แต่วันนี้นางเหนื่อยมากแล้ว ทำอะไรให้นางกินดีนะ บะหมี่อายุยืนต้องมีแน่ๆ! นางชอบกินเนื้อปลาที่สุด เนื้อแกะก็ขาดมิได้ เนื้อเป็ดไก่ เนื้อวัวก็ต้องมี ยังมีผักผลไม้ หลังจากนั้นก็…ของขวัญ!”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อวี้เชียนเสวี่ยก็เริ่มร้อนใจ
ของขวัญล่ะ
ของขวัญสำหรับการบรรลุนิติภาวะเขายังไม่ได้เตรียมเลยนี่นา!
เวลานี้แล้ว เขาจะไปหาของขวัญจากไหนกัน!
ของขวัญสำหรับเติบโตเป็นผู้ใหญ่ นี่เป็นของขวัญที่สำคัญมาก! เขากลับลืมเรื่องนี้เสียได้ ช่างเป็นลุงที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ!
เมื่อเห็นว่าอวี้เชียนเสวี่ยเริ่มร้อนอกร้อนใจ ซย่าโหวฉิงเทียนก็หยักมุมปากขึ้น
ข้าอวยพรวันเกิดแมวน้อยไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนของขวัญก็มอบให้นางแล้วด้วย ข้ารู้ดีกว่าลุงสามเป็นไหนๆ!
ถึงแม้จะดีใจ แต่ซย่าโหวฉิงเทียนก็เงี่ยหูคอยฟังและจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่อวี้เชียนเสวี่ยพูด
ที่แท้แมวน้อยชอบกินปลา สมแล้วที่เป็นแมวน้อย! ยังชอบกินเนื้อแกะอีกด้วย ต้องจดเอาไว้!
อวี้เชียนเสวี่ยพึมพำอะไรคนเดียวไปเรื่อยๆ ส่วนมู่เหนี่ยนซีกลับกระซิบกระซาบกับเชียนเยี่ยเสวี่ย
“ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ! วันนี้เป็นวันเกิดเสี่ยวอวี้ เจ้าจะต้องแสดงความสามารถ โบราณว่า จะกุมหัวใจหญิงสาวให้ได้ จะต้องกุมปากท้องของนางให้อยู่หมัด”
เชียนเยี่ยเสวี่ยฟังไปพลาง พยักหน้าไปพลาง ในตอนสุดท้ายก็รู้สึกว่าสถานการณ์ทะแม่งๆ
ท่านป้าสาม นี่ท่านกำลังจับคู่ข้ากับช่าช่างั้นหรือ!
ขอบคุณท่านป้ามากนะครับ!
ความเอื้ออาทรของท่านข้ารับไว้ไม่ไหว!
เชียนเยี่ยเสวี่ยไม่รู้หรอกว่า ก่อนหน้านี้ที่นางช่วยจับคู่ให้มู่เหนี่ยนซีสุดชีวิต คราวนี้มู่เหนี่ยนซีเริ่มส่งของกำนัลสร้างสัมพันธ์ฉันเพื่อนมาแล้ว หากว่ามู่เหนี่ยนซีรู้เข้าว่านางเป็นผู้หญิงละก็ จะต้องร้องไห้หนักหน่วงแน่นอน
หญิงกับหญิงต่อให้รักกันมากเพียงใด แต่ก็สืบตระกูลไม่ได้อยู่ดี!
มู่เหนี่ยนซีกำลังเริ่มถ่ายทอดประสบการณ์นาง ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยชาวาบไปทั้งร่าง
ซย่าโหวฉิงเทียนที่อยู่ข้างๆ กลับจำได้ขึ้นใจ
จะจับแมวให้อยู่หมัด ต้องกุมปากท้องนางให้ได้!
ความคิดดี!
ซย่าโหวฉิงเทียนตรงไปยังห้องครัวของหอราชาโอสถคนเดียวเงียบๆ ฮันจื่อมองไปที่ห้องของอวี้เฟยเยียนแล้วหันกลับมามองแผ่นหลังเจ้านายของตน ในที่สุดก็แน่ใจถึงความสำคัญของอวี้เฟยเยียนในหัวใจของซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว
ฐานะเจ้านายสูงส่ง ขนาดลงมือเข้าครัวด้วยตัวเองเพื่อแม่นางน้อยคนหนึ่ง ความรู้สึกที่ลึกซึ้งเช่นนี้ ถึงเรียกว่ารักจริง!
เจ้านาย สู้ๆ!
ข้ามาช่วยเจ้านายดูแลแม่นางน้อย!
เมื่อคิดเรียบร้อยแล้ว ฮันจื่อก็รีบนั่งสองขาที่หน้าห้องอวี้เฟยเยียนทันที
ข้าต้องกอดขาแม่นางน้อยและเจ้านายไว้ให้แน่น!
โดยเฉพาะแม่นางน้อย!
ติดตามแม่นางน้อยมีเนื้อกินตลอดชาติ นี่คือสัจธรรมที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เมื่อซย่าโหวฉิงเทียนไปที่ห้องครัว เขาหาจนทั่วก็ไม่พบปลา จนเขาเริ่มกลัดกลุ้ม
แมวน้อยชอบกินปลาที่สุด!
นี่หอราชาโอสถที่ยิ่งใหญ่แต่กลับไม่มีปลา! ไม่มีปลา!
ได้อย่างไรกัน!
ซย่าโหวฉิงเทียนเกือบจะระเบิดอารมณ์โกรธออกมา สุดท้ายก็คิดได้ว่าอวี้เฟยเยียนยังนอนหลับอยู่ จึงยังมีเวลา เขารีบกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า ทะยานไปข้างหน้าจุดหมายคือเมืองกุยอวี๋เพื่อหาซื้อปลา
ผู้คนรู้สึกและเห็นเพียงกระแสลมที่มีสีม่วงพัดผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เห็นแม้กระทั่งเงา ซึ่งไม่มีใครมองเห็นคนแม้แต่คนเดียว
หากทุกคนรู้ว่า คนที่ยิ่งใหญ่ระดับเทพเจ้า เพื่อที่จะทำน้ำแกงปลาให้กับคนรักแล้ว ถึงกับใช้วิชา ‘เทพเหินฟ้า’ จะต้องเป็นลมล้มพับไปกันหมดเป็นแน่
ความสามารถที่สั่งสมมา ถูกนำมาใช้เพื่อพิชิตใจสาวงาม นี่ต่างหากที่เขาเรียกว่าสิ่งของล้ำค่าแห่งแผ่นดิน!
แสดงแสงยานุภาพออกมาขนาดนี้ คิดจะมิให้ใครได้เกิดเลยใช่หรือไม่!
เมื่อซย่าโหวฉิงเทียนรีบร้อนไปถึงเมืองกุยอวี๋ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แผงในตลาดต่างก็เก็บแผงไปตั้งนานแล้ว ยังมีปลาที่ไหนกัน!
ขณะที่ซย่าโหวฉิงเทียนพุ่งทะยานขึ้นฟ้า เตรียมที่จะไปตามหาสถานที่เพื่อซื้อปลาทะเลที่ยังสดเป็นๆอยู่นั่นเอง
สายตาเขาก็เหลือบไปเห็น
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งให้อาหารปลาอยู่ที่ศาลาพักริมน้ำ
ที่รอบกายของนาง มีปลาตะพัดกำลังแหวกว่ายเวียนวนทั้งเป่าฟองอากาศเล่นอยู่มากมาย พวกมันกำลังกินเหยื่อปลาอย่างสบายอารมณ์
ตอนนั้นเอง ซย่าโหวฉิงเทียนก็คิดออกทันที
เขาไปนั่งลงข้างสระน้ำ ใช้นิ้วจิ้มลงไป ปลาตะพัดมากมายต่างลอยคอหงายท้องเรียงกันขึ้นมา
เมื่อนับดู ปลาสิบตัว เพียงพอแล้ว!
ซย่าโหวฉิงเทียนใช้ประโยชน์จากพื้นที่ด้วยการดึงก้านหลิวที่อยู่ใกล้ๆ ออกมาแล้วร้อยปลาทั้งหมดเข้าไป
หลังจากนั้นซย่าโหวฉิงเทียนก็หยิบตั๋วเงินออกมาวางไว้ที่ริมน้ำ ใช้หินทับตั๋วเงินเอาไว้ ถือเป็นค่าชดเชยที่นำปลาไป
จู่ๆ ก็มีชายที่ไหนก็ไม่รู้โผล่มาทำให้หญิงสาวร้องตะโกนเสียงดัง จวบจนกระทั่งได้เห็นใบหน้ารูปงามของซย่าโหวฉิงเทียน หญิงผู้นั้นทั้งตกใจอึ้งระคนยินดี
ชายผู้นี้เป็นเทพเซียนหรืออย่างไรกัน
มนุษย์สามารถมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาปานนี้ได้ด้วยหรือ!
หัวใจหญิงสาวผู้นั้นสั่นระรัวอย่างบ้าคลั่ง แก้มทั้งสองข้างแดงก่ำเสียงร้องหญิงสาวนำพานายท่านของจวนมา…ใต้เท้าหลิวแห่งเมืองกุยอวี๋
“เม่ยเหนียง เป็นอะไรไป”
เม่ยเหนียงผู้นี้เป็นภรรยารองที่ผู้รักษาเมืองหลิวเพิ่งจะแต่งเข้ามา นางเป็นดอกไม้อันดับหนึ่งแห่งหอชิงโหล ผู้รักษาเมืองหลิวต้องลงเงินลงแรงไปไม่น้อยกว่าจะได้นางมาครอง
เมื่อได้ยินเสียงผู้รักษาเมืองหลิวแว่วเข้ามา เม่ยเหนียงก็ขมวดคิ้ว แล้วรีบกล่าวกับซย่าโหวฉิงเทียนว่า
“ท่านรีบหนีไปเถอะ หากนายท่านพบท่านเข้าละก็ จะต้องไม่ปล่อยท่านเอาไว้แน่!”
ไม่ว่าจะด้วยจิตใจแบบไหนก็ตาม เม่ยเหนียงก็มิอยากเห็นชายรูปงามขนาดนี้ต้องมาถูกผู้รักษาเมืองหลิวจับได้ นางรู้จักผู้รักษาเมืองหลิวดี เขาจะต้องฆ่าชายชุดม่วงผู้นี้เป็นแน่
แต่ทว่า เม่ยเหนียงกล่าวยังมิทันจบ ผู้รักษาเมืองหลิวก็พาคนรับใช้กลุ่มใหญ่มาถึงที่ริมน้ำ
เมื่อเขาเห็นซย่าโหวฉิงเทียนเข้า ปฏิกิริยาแรกของผู้รักษาเมืองหลิว นั่นก็คือเม่ยเหนียงคบชู้
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงได้มาอยู่ในบ้านของข้า”
“ขุนนาง”
เมื่อมองเห็นชุดขุนนางที่ยังมิทันถอดบนร่างของผู้รักษาเมืองหลิว ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ้มเยือกเย็นออกมา
เพียงแค่ขุนนางรักษาเมืองเล็กๆ ยังกล้ามาทำที่เอะอะะโวยวายต่อหน้าข้าหรือ
ซย่าโหวฉิงเทียนคร้านจะสนใจ เขาหมุนกายเตรียมเดินออกไป แต่ผู้รักษาเมืองหลิวกลับสั่งให้คนจับเขาเอาไว้
ซย่าโหวฉิงเทียนรีบร้อนที่จะนำปลาไปทำกับข้าว จึงผลักคนพวกนั้นให้พ้นทาง ใครจะรู้ผู้รักษาเมืองหลิวกลับเรียกขั้นราชันขั้นหลอมรวมสองคนมา แล้วสั่งให้เขาฆ่าซย่าโหวฉิงเทียนเสีย
“ใต้เท้า เขาเพียงแค่มาจับปลาเท่านั้น! เขายังทิ้งตั๋วเงินไว้ให้อีกด้วย!”
เม่ยเหนียงมิอาจทนเห็นซย่าโหวฉิงเทียนถูกฆ่าทั้งที่ไร้ความผิด จึงรีบขอร้องแทน
ใครจะรู้ การขอร้องแทนของเม่ยเหนียงทำให้ผู้รักษาเมืองหลิวคิดว่าระหว่างนางกับซย่าโหวฉิงเทียนมีสัมพันธ์ลับที่มิให้ใครล่วงรู้ได้ จึงตบหน้าเม่ยเหนียงฉาดใหญ่
“แพศยา ข้าจะฆ่ามันก่อน แล้วค่อยมาคิดบัญชีกับเจ้า!”
กล่าวจบผู้รักษาเมืองหลิวก็มองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียนด้วยสายตาแค้นเคือง
“กล้าเป็นชู้กับผู้หญิงของข้า ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้!”
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้รักษาเมืองหลิว ใช้ชีวิตอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน
หลังจากที่สหายคู่ใจของเขาจูเต๋อหมินถูกขั้นราชันสังหารจนตายคาโรงเตี๊ยมแล้ว จิตใจของผู้รักษาเมืองหลิวก็มิเคยสงบอีกเลย
หลายปีมานี้ เขาและจูเต๋อหมินร่วมกันทำเรื่องเลวร้ายมากมาย วันนั้นจูเต๋อหมินปะทะกับขั้นราชันเข้า ครอบครัวเขาทั้งสามชีวิตถูกสังหารตายทั้งหมด ทำให้ผู้รักษาเมืองหลิวหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
หวาดกลัวเรื่องเลวร้ายที่ตนเองเคยกระทำจะถูกแฉออกมา แล้วตนเองก็จะต้องตายโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ดังนั้นผู้รักษาเมืองหลิวจึงใช้เงินจำนวนมากว่าจ้างยอดฝีมือมาไว้ที่บ้าน
ตอนนี้มาพบซย่าโหวฉิงเทียนเข้า หนึ่งเขาอยากจะฆ่าเขาเสีย สองคืออยากที่จะทดสอบยอดฝีมือที่ตนเองว่าจ้างมาว่าฝีมือเป็นอย่างไร
ดังนั้นเพียงแค่เจ้าเมืองหลิวกวักมือเรียก นอกจากขั้นราชันสองคนเมื่อครู่แล้ว ยังมีขั้นราชันเพิ่มอีกสองคนกับขั้นวีรชนอีกคนออกมาด้วย นักรบทั้งห้าคนตรงเข้าล้อมซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้
ผู้รักษาเมืองหลิวไม่รู้เลยว่าตนเองอยู่ดีไม่ว่าดีก็หาเรื่องตาย จะเข่นฆ่าซย่าโหวฉิงเทียนให้ได้ ครานี้จึงล่วงเกินซย่าโหวฉิงเทียนเข้าเต็มๆ
ซย่าโหวฉิงเทียนเดิมทีตั้งใจเพียงว่าจะมาหาขอปลาไม่กี่ตัว ยังเหลือเหลือตั๋วเงินเอาไว้ให้ หารู้ไม่ว่าเจ้าขุนนางนั้นกลับมิยอมเลิกรา ทั้งยังพ่นวาจาไม่น่าฟังเอาเสียเลยออกมา
“รนหาที่ตาย!”