“มั่ว…”
เหลียนจิ่นเอ่ยปาก มั่วซางก็รีบหยิบหน้ากากมนุษย์ออกมา แล้วแจกให้คนละอัน
“หน้ากากหนังมนุษย์! ประณีตงดงามยิ่งนัก!”
ผู้เฒ่าเจ็ดเป็นคนแรกที่หยิบมันขึ้นมา แล้วค่อยๆบรรจงแปะลงบนใบหน้า ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นอีกคนทันที
เมื่อเห็นดังนั้น ผู้เฒ่าคนอื่นๆ รวมทั้งเจ้าสำนักหลินและหมอเทวดาฮั่ว ต่างก็สวมหน้ากากหนังมนุษย์
ทุกคนเปลี่ยนใบหน้าเป็นคนละคน จนแทบจะจำไม่ได้
ดังนั้น กลุ่มผู้อาวุโสก็เดินเข้าไปร่วมงานอย่างผ่าเผยเพื่อเข้าไปชมเวทีประลอง
และในตอนนั้นเอง อวี้เฟยเยียนกำลังเริ่มลงมือรักษาเด็กทั้งห้าคน
เมื่อครู่ ครั้นเมื่อจอมยุทธ์ทั้งห้าวางมือ หยุดถ่ายทอดพลังเสวียนแล้ว ลมหายใจเด็กทั้งห้าก็อ่อนลงไปอีก เหลือเพียงลมหายใจออกอย่างแผ่วเบา แม้กระทั่งลมหายใจเข้าก็ไม่มี
อวี้เฟยเยียนไม่รีบร้อน นางขึ้นไปบนเวทีประลอง แล้วจัดแจงป้อนยาอายุวัฒนะให้กับเด็กแต่ละคน ใช้พลังเสวียนทำให้ยาเม็ดนั้นละลาย เพื่อรักษาลมหายใจเฮือกสุดท้ายของพวกเขาเอาไว้ชั่วคราว
ต่อจากนั้น ฉากมหัศจรรย์กำลังจะเริ่มปรากฏแก่สายตาของทุกคน
อวี้เฟยเยียนนั่งลงตรงกลาง นางกางนิ้วทั้งสิบให้แยกออก แล้วนิ้วแต่ละนิ้วปล่อยเส้นไหมเงินซึ่งแต่ละเส้นจะพันเข็มเงินเอาไว้อยู่
เด็กหนึ่งคนสำหรับเข็มสองเล่ม เข็มทั้งสิบเล่มราวกับมีตา มันพุ่งปักลงบนร่างของเด็กๆ อย่างรวดเร็ว
“โอ้ว! ใครบอกข้าได้บ้างว่านี่คืออะไรกัน?”
ผู้เฒ่ารองนอนคว่ำทั้งร่างพาดบนเวที จับตาดูวิธีการที่อวี้เฟยเยียนใช้อย่างใกล้ชิด ชื่นชมไม่หยุดปาก
“วิชาแพทย์สูงส่งเช่นนี้ ข้าก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนี่แหละ! ตาฮั่ว นี่มันคล้ายกับวิธีฝังเข็มของหมอสมัยโบราณที่หายสาบสูญไปนานแล้วนี่นา!”
ผู้เฒ่ารองกล่าวถามขึ้น เมื่อรู้ว่าหมอเทวดาฮั่วมีเวลาอยู่กับอวี้เฟยเยียนนานกว่าคนอื่น
“อะแฮ่ม!”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ตะลึงพรึงเพริดของคนอื่นๆ หมอเทวดาฮั่วก็เอ่ยด้วยท่าทีภูมิอกภูมิใจ
“ข้าเคยเห็นนางฝังเข็มอยู่บ้าง รวดเร็วกว่าวิธีการที่นางใช้อยู่นี้ ข้ากล้ารับประกัน แม่นางน้อยอวี้ต้องเป็นทายาทวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน! วิชาฝังเข็มนี้ จะต้องเป็นการฝังเข็มโบราณที่สาบสูญไปนานแสนนานอย่างแน่นอน!”
ได้ฟังคำพูดหมอเทวดาฮั่วแล้ว ผู้เฒ่าทั้งหลายก็ยิ่งให้ความสนใจมากขึ้น ด้วยเกรงว่าจะพลาดรายละเอียดที่สำคัญไป
ยิ่งดูพวกเขาก็ยิ่งนับถืออวี้เฟยเยียนมากเท่านั้น และยิ่งเชื่อในคำพูดของหมอเทวดาฮั่วมากขึ้นอีกด้วย
วิชาแพทย์สูงส่งเช่นนี้ มนุษย์และสวรรค์ต้องพิโรธ!
ผู้คนที่อยู่ในงานต่างก็กำลังจับตาดูอวี้เฟยเยียน พวกแขกที่ร่วมงานก็ยิ่งมิวางตา นี่ล้อเล่นใช่หรือไม่ จักรพรรดิโอสถลงมือเอง ร้อยปียากที่จะพบสักครั้ง เหตุการณ์เช่นนี้ หากมิจับตาดูโดยตลอดละก็จะไปคุยโม้กับผู้คนได้อย่างไร!
อวี้เฟยเยียนไม่รู้เลยว่า การฝังเข็มครั้งนี้ของนาง ได้พิชิตใจบรรดาผู้เฒ่าที่อายุมากกว่าคุณปู่ของเธออย่างราบคาบ ยิ่งไม่รู้อีกว่า ท่าทางนางในตอนนี้งดงามอย่างที่สุด ทำเอาคนรับชมแสบตาไปตามๆกัน
นางจิตใจจดจ่อกับการแย่งชิงชีวิตเด็กทั้งห้าจากเงื้อมมือพญายมราชกลับมาให้จงได้
เด็กห้าคน อวี้เฟยเยียนจะต้องแบ่งสมองเป็นห้าส่วน และต้องแบ่งพละกำลังเป็นส่วนๆเพื่อจัดการพิษแต่ละชนิดรวมทั้งกำหนดวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน
“ผู้เฒ่าใหญ่ คราวนี้พวกเราวางแผนผิดพลาด”
เลี่ยเชวียจ้องมองไปที่อวี้เฟยเยียน หน้าเคร่งขรึม
เขาสู้อุตส่าห์ครุ่นคิดวางแผนสลับซับซ้อน แต่ที่พลาดไปนั่นก็คือคิดไม่ถึงว่าวิชาแพทย์ของอวี้เฟยเยียนจะสูงส่งปานนี้!
นางใช้เข็มเงินปิดจุดชีพจรของเด็กๆไว้ แล้วบังคับให้พิษไหลไปที่แขนขาพวกเขา
วิธีการแก้พิษนี้ ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลยจริงๆ
เลี่ยเชวียรู้สึกโหวงเหวงในใจ ถ้าหากอวี้เฟยเยียนเกิดถอนพิษให้กับเด็กทั้งห้าได้ละก็ ถึงตอนนั้นจะทำอย่างไรดี?
ตามกติกา พวกเขาจะต้องจ่ายด้วยชีวิต
ถึงแม้ว่าอวี้เฟยเยียนอาจมิมีความสามารถขนาดนั้น แต่ครั้งนี้ต้องเสียหน้า กลับไปแล้ว รายงานประมุขอย่างไรกัน
เปรียบเทียบกันแล้ว อารมณ์ผู้เฒ่าใหญ่มิได้หมดหวังหรือแค้นเคืองเท่าเลี่ยเชวีย ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
เมื่อคิดถึงไปถึงยอดเขาเมืองเฟิงหมิง ใบหน้าที่งดงามเป็นหนึ่งของอวี้เฟยเยียนนั้น ร่างผู้เฒ่าใหญ่ก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมาในทันที
แม่นางที่งามขนาดนี้ วิชาแพทย์ก็สูงส่ง ยังเป็นถึงจอมเทวา…
เกิดมาเพื่อเป็นมนุษย์ยาโดยแท้จริง!
ผู้เฒ่าใหญ่วางแผนไว้ในใจ ก่อนที่จะนำอวี้เฟยเยียนไปทำยามนุษย์นั้น เขาจะต้องควบคุมสมองของนางเสียก่อน แล้วทำให้นางกลายเป็นเนื้อชั้นดีของเขาเพียงผู้เดียว แล้วเล่นสนุกกับนางให้สาแก่ใจ
ตุ๊กตาตัวหนึ่ง หุ่นเชิดตัวหนึ่ง ไม่มีความคิดความรู้สึก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำตามคำสั่งเจ้านายเท่านั้น
เอวเล็กๆ นั่นโอนอ่อน ท่าไหนก็น่าจะทำได้!
ยิ่งมองอวี้เฟยเยียน ผู้เฒ่าใหญ่ยิ่งพอใจ มือขวาเขาลูบคลำแหวนบนมือข้างซ้ายตลอดเวลา ในขณะที่ตาก็กวาดมองเรือนร่างอวี้เฟยเยียนไปด้วย
สัดส่วนเรือนร่างอวี้หลัวช่าดีจริงๆ สวมใส่ชุดอะไรก็งาม! เขาจะต้องซื้อชุดสวยๆ มากมาย เขาจะแต่งตัวให้นางสวยงาม! ยังมีอีก นางยังไม่เป็นสาวเต็มตัว นั่นก็ยิ่งน่าสนุกเข้าไปอีก…
เห็นผู้เฒ่าใหญ่ไม่พูดไม่จาท่าทางมัวเมาอยู่ในกามอารมณ์ เลี่ยเชวียก็สบถออกมา
‘เฮอะ’
นี่มันเวลาอะไรแล้ว สมองคนผู้นี้คิดเรื่องเหลวไหลอยู่ได้! เหตุใดประมุขถึงให้เขามาช่วยเหลือเจ้าโง่เง่านี่ด้วยนะ!
ถึงแม้ว่าในใจเลี่ยเชวียจะไม่พอใจผู้เฒ่าใหญ่อย่างยิ่ง แต่ชั่วดีอย่างไรคนทั้งสองก็เป็นทูตของสำนักหมื่นพิษ ดังนั้นเขาจึงมิได้แสดงออกต่อหน้าเขา
“ผู้เฒ่าใหญ่ หากนางชนะละก็ พวกเราจะทำอย่างไรกัน?”
ได้ยินคำที่เลี่ยเชวียกล่าว ผู้เฒ่าใหญ่ถึงได้ดึงสติกลับมาจากกามอารมณ์นั้น
เขาไอเบาๆ สองครั้ง ก่อนจัดเสื้อผ้าตนเองให้เข้าที่
“ครั้งนี้เจ้านำยอดฝีมือมากี่คน?”
“มีเพียงขั้นราชันเพียงคนเดียว”
เลี่ยเชวียคิดอยู่ครู่แล้วจึงเอ่ยตอบ
“นายท่านบอกว่ายอดฝีมือจัดให้ท่านไปแล้ว!”
ว่าแล้วผู้เฒ่าใหญ่ก็นับจำนวนยอดฝีมือในมือตนดู น่าจะเพียงพอที่จะรับมืออวี้เฟยเยียนและพวกของนางแล้ว พวกนางเขาเคยพบมาแล้ว ไม่น่าเกรงกลัว
“วางใจเถอะ! ข้าคิดแผนรับมือเอาไว้แล้ว! ตำรายาของหอราชาโอสถเราหายไป พบในห้องนาง วันนี้นางอาศัยวิชาแพทย์ของเรารักษาเด็กทั้งห้าคน หึหึ…”
ผู้เฒ่าใหญ่กล่าวขึ้น เลี่ยเชวียก็ยิ้มออกมา
“นั่นสินะ!”
อวี้เฟยเยียนแอบเรียนวิชาแพทย์ของหอราชาโอสถ ใช้วิชาแพทย์ของหอราชาโอสถรักษาเด็กทั้งห้าคน เช่นนั้นก็ไม่นับว่าเป็นความสามารถนางเสียหน่อย หากจะนับละก็ หอราชาโอสถต้องเป็นฝ่ายชนะ!
“ท่านนี่ชั่วร้ายจริงๆ!”
เลี่ยเชวียยกนิ้วผู้เฒ่าใหญ่
“มิน่านายท่านถึงได้ให้ความสำคัญกับท่านนัก!”
เลี่ยเชวียเอ่ยชมขนาดนี้ ผู้เฒ่าใหญ่ถึงได้ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
“สรุปก็คือ ครั้งนี้พวกเราทำลายหอราชาโอสถได้ กลับไปนายท่านจะต้องพอใจมากอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นนายท่านก็จะให้รางวัลเราอย่างงาม!”
ผู้เฒ่าใหญ่พูดถึงรางวัลที่จะได้รับ เลี่ยเชวียก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมา
ต้องรู้ว่า สำนักหมื่นพิษก้าวหน้ามาไม่ถึงสิบปี สามารถแข็งแกร่งได้ภายในระยะเวลาอันใกล้ จนกระทั่งมีชื่อเสียงทัดเทียมกับหอราชาโอสถได้ หนึ่งในส่วนที่เป็นเหตุผลสำคัญนั่นก็คือผู้ก่อตั้ง ประมุขของพวกเขานั่นเอง
ผู้ที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง!
คนของสำนักหมื่นพิษ ล้วนแต่เป็นคนที่ประมุขใช้ยาชั้นเลิศมากมายเสริมสร้างร่างกายของพวกเขาขึ้นมา
หากมิใช่ความเอื้ออาทรของประมุข ทูตซ้ายทูตขวาในตอนนี้คงเป็นเพียงแค่หมอยาธรรมดาๆที่รักษาคนไปวันๆ เท่านั้นเอง ไหนเลยจะมีชื่อเกียรติยศเช่นวันนี้กัน!
ต้องรู้ว่า ก่อนหน้านี้เลี่ยเชวียเป็นเพียงแค่หมอรักษาสัตว์ในหมู่บ้าน ส่วนผู้เฒ่าใหญ่ก่อนที่จะเข้ามาเป็นคนของสำนักหมื่นพิษก็เคยรักษาคนตาย ถูกประกาศจับ สุดท้ายท่านประมุขช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ พาพวกเขาไปสู่เส้นทางที่สวยงาม!
สรุปก็คือ ทำงานให้กับประมุข รางวัลที่ได้นั้นสูงค่ายิ่งนัก!
อีกด้าน เหงื่อค่อยๆ ซึมออกมาบนใบหน้าของอวี้เฟยเยียน
พิษทั้งห้าชนิดนี้ อวี้เฟยเยียนได้ทำความเข้าใจกับมันอย่างลึกซึ้งแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าบนแผ่นดินยังมียอดฝีมือที่สามารถปรุงยาพิษร้ายเช่นนี้ได้อีก ช่างน่าหวาดกลัวเสียจริงๆ
ยังดีที่ช่วงแรก จอมยุทธ์ทั้งห้าใช้พลังเสวียนช่วยต่อชีวิตของพวกเขา รักษาเส้นชีพจรพวกเขาเอาไว้ มิฉะนั้นอวี้เฟยเยียนก็คงลำบากเช่นกัน
เข็มเงินยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างของเด็กน้อย อวี้เฟยเยียนใช้พลังเสวียนบีบให้เข็มเงินไหลไปที่แขนและข้าทั้งสองข้าง ตอนนั้น เวลาได้ล่วงเลยไปถึงช่วงบ่าย
สีหน้าเด็กค่อยๆ ดีขึ้นเฉกเช่นดังเดิม รอยเลือดที่ซีดจางบริเวณริมฝีปากก็กลับมาเป็นสีแดงสด ตรงกันข้ามกันบริเวณมือและเท้าของเด็กๆ กลายเป็นสีดำเข้ม สีม่วง หรือไม่ก็เขียวดำ…ตอนนี้สิ่งที่อวี้เฟยเยียนต้องทำนั่นก็คือทำให้ธาตุพิษในร่างของเด็กๆ แข็งตัว
จึงจะเห็นว่า เข็มเงินในมือของนางเพิ่มเป็นยี่สิบเล่ม
บนร่างเด็กแต่ละคนจะมีเข็มสี่เล่มปักอยู่ แบ่งเป็นมือสองข้าง และเท้าสองข้าง
ในช่วงท้าย ความแปลกใจและประหลาดใจที่อวี้เฟยเยียนมอบให้ทุกคนยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
เหล่านักปรุงยาและศิษย์ทั้งหลายของหอราชาโอสถมองดูด้วยอาการตกตะลึง แววตาเคารพนับถืออย่างภักดีจ้องมองไปยังสาวน้อยบนเวทีนั่น
“นางอายุยังน้อย เหตุใดวิชาแพทย์ถึงได้สูงส่งเช่นนี้”
“ในใจทุกคนทั้งนับถือและอยากรู้จักเกี่ยวกับอวี้เฟยเยียนทั้งนั้น”
“สมแล้วที่เป็นจักรพรรดิโอสถ!”
ก่อนหน้านี้ยังมีคนบางกลุ่มยังรู้สึกสงสัยที่อวี้เฟยเยียนเป็นถึงจักรพรรดิโอสถทั้งที่อายุยังน้อย บวกกับการยุแหย่ของเลี่ยเชวีย ทำให้มีคนบางกลุ่มคิดว่าอวี้เฟยเยียนคงจะเอื้อประโยชน์ให้กับผู้เฒ่าเจ็ด จึงได้ตำแหน่งจักรพรรดิโอสถนี้มา
ครั้งนี้ความจริงประจักษ์อยู่ตรงหน้า ทำให้พวกเขาต้องยอมรับในที่สุด
“ใช่นะสิ! ข้ามิเคยเห็นวิธีการฝังเข็มที่มหัศจรรย์เช่นนี้มาก่อนเลย!”
“ใต้เท้าจักรพรรดิโอสถ ข้านับถือท่าน ใต้เท้าจักรพรรดิโอสถ ท่านจะต้องช่วยชีวิตเด็กให้ได้นะ!”
ศิษย์คนหนึ่งวู่วามร้องออกมา
เมื่อมีคนที่หนึ่ง ก็ย่อมมีคนที่สอง อวี้เฟยเยียนทำให้จิตวิญาณพวกเขาสั่นสะเทือน โดยมิรู้จะสรรหาคำใดๆ มาอธิบายได้
ทันใดนั้น เสียงอื้ออึงต่างๆดังขึ้น
“ใต้เท้าจักรพรรดิโอสถ สู้!”
“ใต้เท้าจักรพรรดิโอสถ! พวกเราสนับสนุนท่าน!”
“ใต้เท้าหลัวช่า ท่านคือแบบอย่างของเรา ข้าขอติดตามท่าน!”
เมื่อเห็นว่าอวี้เฟยเยียนมีแรงดึงดูดผู้คนถึงเพียงนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็รู้สึกอึดอัดจนต้องลูบหัวฮันจื่อเบาๆ
ทำอย่างไรดี?
จำนวนคนที่พบข้อดีอวี้เฟยเยียนกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ!
คนมากมายนับถือนาง ข้ารู้สึกว่ามีแรงกดดันมหาศาล!
ซย่าโหวฉิงเทียนลองนับดูเล่นๆ เมื่อกล่าวถึงเขาทุกคนดูราวกับหวาดกลัว ตื่นตระหนก คนที่นับถือเขามีไม่มาก ในทางกลับกันคนที่ต้องการเอาชีวิตเขากลับมีมากมายเหลือเกิน…
เขามองไปยังอวี้เฟยเยียนอีกครั้ง รู้สึกราวกับมองดูรูปสลักที่ทำให้ผู้ที่มองเกิดความรู้สึกมุมานะพยายาม อีกทั้งมีพรสวรรค์และพลังดึงดูดผู้คนสูงส่งยิ่งนัก
ในทุกครั้งที่แสดงความสามารถของตนเองออกมา ก็มักจะได้รับการสนับสนุนจากผู้คนมากมาย
ในฐานะท่านพี่ของนางอย่างซย่าโหวฮิงเทียน รับรู้ได้ถึงความอันตราย
สมบัติล้ำค่าของเขา ถูกผู้อื่นเชยชม ความรู้สึกนี้มันไม่ดีเอาเสียเลย ซย่าโหวฉิงเทียนอยากจะซ่อนอวี้เฟยเยียนเอาไว้ แล้วค่อยๆ ชื่นชม ค่อยๆ ลิ้มรส สรุปก็คือ ให้เขารู้เพียงคนเดียวว่านางดีก็พอแล้ว!
นายท่าน สายตาท่านช่างเฉียบคมจริงๆ!
สายตาแหลมคมดุจเปลวเทียน!
มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีเลยว่าแม่นางน้อยคนดีต่างจากคนอื่นๆ!
ฮันจื่อรู้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนกำลังอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นก็จะไม่ไปแตะจุดเดือดของนายท่านเด็ดขาด
มันยื่นอุ้งมืออวบแน่นออกมา แล้วพยายามทำท่ายกนิ้วหัวแม่โป้งให้
ข้านับถือนายท่านที่สุด!
“ฮ่าๆ!”
ท่าทางของฮันจื่องุ่มง่ามใสซื่อ แต่สีหน้าจริงจังดุดัน เรียกเสียงหัวเราะจากซย่าโหวฉิงเทียน เขาหยิกแก้มยุ้ยๆ ของฮันจื่อ มันเรียกพลังให้กับซย่าโหวฉิงเทียนได้เป็นอย่างดี
“เมื่อพบนางครั้งแรกก็รู้ได้เลยว่านางแตกต่างจากคนอื่น! นางเป็นของข้า ใครก็แย่งไปไม่ได้!”