จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 82-1

ตอนที่ 82-1

จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 82-1 นี่คือจังหวะผลักให้ล้มลงหรือ
“ท่านวางใจเถอะ ในใจข้า ท่านคือหลินเจียงอ๋องตลอดไป”

ซย่าโหวฉิงเทียนสามารถสาบานเพื่ออวี้เฟยเยียนได้ เช่นนั้นเหลียนจิ่นก็ให้คำมั่นสัญญาได้เช่นกัน

ไม่ว่าก่อนหน้านี้ชายตรงหน้าเขาจะเป็นใครก็ตาม สำหรับเหลียนจิ่นแล้ว เขาก็คือซย่าโหวฉิงเทียน เหลียนจิ่นเชื่อแน่ว่าเขาจะคอยดูแลอวี้เฟยเยียนอย่างดี จวบจนกระทั่งถึง…วินาทีที่เขาตาย!

ได้แต่หวังว่าเวลาจะเดินช้าอีกหน่อย หวังว่านางจะเติบโตให้เร็วขึ้น หวังให้คนบางกลุ่มมาช้าอีกหน่อย หวังว่า…เจ้าหนุ่มตรงหน้านี้จะทนได้นานอีกสักหน่อย

แววตาเหลียนจิ่น ลึกลับยากจะคาดเดา

ร่องรอยบาดแผลที่บ่งบอกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเผชิญมามากมาย พาดผ่านแสงทอง ผ่านกาลเวลามาช้านาน เป็นร้อยเป็นพันปี ซึ่งซย่าโหวฉิงเทียนจ้องมองเหลียนจิ่นแล้วก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทั่วร่าง

เจ้าไม้เท้าเทพนี่ ยิ่งดูยิ่งเหมือนกับสัตว์ประหลาดเข้าไปทุกที!

แต่ห็นแก่เจตนาของเขาที่ไม่คิดจะมาแย่งแมวน้อยของเขา ซย่าโหวฉิงเทียนก็ใจกว้างพอที่จะยอมทนกับการดำรงอยู่ของเขา

อวี้เฟยเยียนไม่ล่วงรู้เลยว่าซย่าโหวฉิงเทียนและเหลียนจิ่นในตอนนี้มีความคิดที่เห็นพ้องต้องกันแล้ว เพราะในขณะนั้นนางกำลังเตรียมการเพื่อรักษาอวี้เชียนเสวี่ยอยู่

ตั้งแต่เหตุการณ์ที่มู่เหนี่ยนซีถูกลอบโจมตีในครั้งนั้น อวี้เชียนเสวี่ยก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

หากเขามิใช่คนพิการที่ไร้ซึ่งวรยุทธ์ละก็ มู่เหนี่ยนซีคงมิต้องพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนั้น

ดังนั้น หลังจากที่อวี้เฟยเยียนพักผ่อนจนหายดีแล้ว อวี้เชียนเสวี่ยมิรอให้อวี้เฟยเยียนพูด เขาเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอให้นางช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้กับตนเอง

ขณะเดียวกัน แขกเหรื่อที่มาร่วมงานประลองปรุงโอสถต่างก็ทยอยเดินทางออกจากหุบเขาลั่วสยาแล้ว

ส่วนหอราชาโอสถภายใต้การปกครองของเจ้าสำนักหลิน ก็ค่อยๆ กลับคืนสู่ดังเดิมอย่างที่ควรจะเป็น

ช่วงเวลาที่อวี้เฟยเยียนพำนักอยู่ที่นั่น หากมีเวลาเมื่อใดเจ้าสำนักหลินและเหล่าผู้เฒ่าก็จะพากันมาห้อมล้อมอวี้เฟยเยียนขอร้องให้นางช่วยสอนวิชาแพทย์ให้อยู่เนืองๆ

เพราะว่าวิชาฝังเข็มที่อวี้เฟยเยียนใช้รับมือกับพิษของสำนักหมื่นพิษ เป็นวิธีที่พวกเขามิเคยพบเห็นมาก่อน

ตอนนี้ได้ยินอีกว่าลมปราณอวี้เชียนเสวี่ยสูญสิ้นมาหลายปี อวี้เฟยเยียนจะทำการรักษาฟื้นคืนลมปราณที่สูญสิ้นไปหลายปีนั้นของเขาให้กลับคืนมา ทำให้เจ้าสำนักหลินและเหล่าผู้เฒ่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง

บนแผ่นดินนี้ขณะที่จอมยุทธ์ประลองฝีมือกันนั้น วิธีการที่จะลบหลู่ฝ่ายตรงข้ามมากที่สุดนั่นก็คือทำลายลมปราณของฝ่ายตรงข้ามให้สูญสิ้น

ทำให้จอมยุทธ์ผู้ที่เคยอยู่จุดสูงสุด กลับกลายเป็นคนธรรมดาที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ห้ำหั่นใดๆ ได้อีกความกระทบกระเทือนจิตใจที่รุนแรงเช่นนี้ ทำให้มีผู้คนมากมายทนการลบหลู่ดูหมิ่นเช่นนี้ไม่ไหวแล้วปลิดชีพตนเองในที่สุด

อวี้เชียนเสวี่ยเองก่อนหน้านี้ก็เคยคิดที่ปลิดชีพตนเองให้จบๆ ไป

แต่อวี้จิงเหลยเคยกล่าวไว้ ตระกูลอวี้ไม่มีคนที่ไร้ค่าเช่นนั้น ลูกหลานตระกูลอวี้จะตายในสนามรบเท่านั้น

ทำให้อวี้เชียนเสวี่ยกัดฟันสู้มาจนถึงวันนี้

คิดไม่ถึงเลยว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ที่เขาต่อสู้มานั้นถูกต้อง

อวี้เฟยเยียนคือจักรพรรดิโอสถ มีวิชาแพทย์ที่สูงส่ง อวี้เชียนเสวี่ยเชื่อแน่ว่า ภายใต้การช่วยเหลือของนาง ตัวเขาจะต้องฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิมได้!

จอมยุทธ์หนุ่มหน้าหยกแห่งตระกูลอวี้ กลับคืนสู่ยุทธภพอีกครั้ง!

ไม่เพียงอวี้เชียนเสวี่ยดีใจ เจ้าสำนักหลิน หมอเทวดาฮั่วและบรรดาผู้เฒ่าหนวดเคราขาวทั้งหลายต่างก็ดีใจเป็นอย่างมากเช่นกัน

ในตำราแพทย์บนแผ่นดินหลัวอวี่แห่งนี้ มิเคยมีบันทึกว่ามีผู้ใดฟื้นฟูพลังลมปราณได้สำเร็จมาก่อน

อวี้เฟยเยียนจะรักษาให้กับอวี้เชียนเสวี่ยในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสในการเรียนรู้ที่หายากยิ่งนัก!

เพียงแต่ว่า เจ้าสำนักหลินและเหล่าผู้อาวุโสรู้ดีว่า วิชาแพทย์ ในยุคนี้จัดว่าเป็นความรู้ส่วนบุคคล

นอกจากหอราชาโอสถที่เปิดให้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนและถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้แล้ว วิชาแพทย์ของคนธรรมดาก็เป็นดั่งเช่นวิชาเฉพาะประจำตระกูลอย่างไรอย่างนั้น ห้ามแพร่งพราย

ยิ่งไปกว่านั้นวิชาแพทย์ของอวี้เฟยเยียนสูงส่ง ซึ่งถึงแม้ว่าสองสามวันมานี้นางจะอดทนเพียรพยายามแบ่งปันความรู้ทางวิชาการแพทย์ให้กับเหล่าผู้เฒ่า ทำให้ทุกคนได้รับความรู้ไปไม่น้อย แต่การรักษาลมปราณถือเป็นวิชาเฉพาะ เกรงว่านางจะมิยอมแพร่งพรายให้กับคนนอก

อย่างไรเสีย ศิษย์คนละสำนัก กฎย่อมแตกต่างกัน

ยิ่งเมื่อได้ฟังคำของอวี้เฟยเยียนว่า อาจารย์นางคือยอดฝีมือนอกวงการ และมีนางเป็นศิษย์ที่ถ่ายทอดวิชาให้เพียงคนเดียว

เกรงว่า ผู้ที่จะมาสืบทอดวิชาต่อจากอวี้เฟยเยียน มีเพียงศิษย์ของนางในภายภาคหน้าเท่านั้น

“ผู้เฒ่าใหญ่ท่านไปที! ท่านกับแม่นางน้อยอวี้รู้จักกันนานที่สุด ความสัมพันธ์ย่อมต้องแน่นแฟ้นที่สุด เรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ของท่านแล้ว!”

เจ้าสำนักหลินกระทุ้งพุงพุ้ยๆ ของผู้เฒ่าใหญ่

หลังจากที่ยืนยันข่าวการตายของผู้เฒ่าใหญ่แน่ชัดแล้ว เจ้าสำนักหลินและเหล่าผู้เฒ่าก็ปรึกษาหารือแล้วเห็นตรงกันว่าให้ยกหมอเทวดาฮั่วให้เป็นผู้เฒ่าใหญ่แทน

หมอเทวดาฮั่วเป็นผู้มีคุณธรรมเลื่องลือไร้ซึ่งข้อสงสัยสำหรับหอราชาโอสถแล้ว เทียบเท่ากับขุนนางที่มากด้วยความดีความชอบ ให้เขาเป็นผู้เฒ่าใหญ่เหมาะสมที่สุดแล้ว

เพื่อที่จะให้หมอเทวดาฮั่วยินยอมพร้อมใจที่จะขึ้นเป็นผู้เฒ่าใหญ่ เจ้าสำนักหลินยังตั้งใจจัดการเลือกตั้งขึ้นมา สุดท้ายหอราชาโอสถตั้งแต่เล็กจนใหญ่สุดมิมีใครคัดค้าน ทุกคนต่างเห็นด้วย

ดังนั้น หมอเทวดาฮั่วเฉกเช่นเป็ดที่ถูกไล่เข้าคอก กลายเป็นผู้เฒ่าใหญ่ของหอราชาโอสถไปโดยปริยาย

“พวกเจ้า พวกเจ้าประท้วงต่อต้านข้าหรือ!”

หมอเทวดาฮั่วตบพุงพุ้ยๆ ของเขา ‘เหอะ’ ออกมาคำหนึ่ง

ก่อนหน้านี้ถูกทูตซ้ายจับไปจองจำที่คุกวารีสวรรค์ถูกทรมานอยู่เสียตั้งหลายวัน หมอเทวดาฮั่วก็ผ่ายผอมลงไปไม่น้อย

ทว่าสองสามวันมานี้ เขาบำรุงร่างกายด้วยอาหารรสดีนานาชนิด ถึงได้ขุนน้ำหนักที่หายไปกลับมาโดยไม่ง่ายเลย นี่ก็อ้วนกลมขึ้นมาก ดูแล้วคล้ายคลึงฟักยักษ์ก็มิปาน

“ก็ข้าว่าเจ้าสำนักพูดถูก! ข้าเห็นด้วย!”

“ข้าก็เห็นด้วย!”

“ข้าไม่มีปัญหา!”

“ข้าสนับสนุนเจ้าสำนัก!”

ตั้งแต่ผู้เฒ่ารองยกมือ ทันใดนั้น ผู้เฒ่าคนอื่นๆ ก็เริ่มยกมือขึ้นตาม ผู้เฒ่าห้าจึงยกสองมือขึ้นไปเลย แสดงให้เห็นถึงว่าการตัดสินใจของเจ้าสำนักหลินนั้นผ่านฉลุย

มองดูเหล่าตาเฒ่าที่รวมตัวประท้วงตนเองด้วยความเอ็นดู ทำให้หมอเทวดาฮั่วถึงกับปวดสมองขึ้นมาทันใด

“แม่นางน้อยอวี้ เหตุใดเจ้าต้องสอนไอ้วิธีการเลือกตั้งประชาธิปไตยให้กับพวกเขาด้วยนะ”

นี่มันเรียกว่าเลือกตั้งที่ไหนกัน! นี่เขาเรียกว่ารวมหัวกลั่นแกล้งกันชัดๆ!

เป็นไปตามที่สาธารณชนคาดหวังเอาไว้ หมอเทวดาฮั่วหอบเอาร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลเพราะถูกโจมตีไปที่ห้องอวี้เฟยเยียน

เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็ทันได้เห็นอวี้เฟยเยียนทำการตรวจขั้นสุดท้ายให้กับอวี้เชียนเสวี่ยพอดี

“เด็กน้อยอวี้ กำลังยุ่งอยู่หรือ!”

จำนนรักชายาตัวร้าย

จำนนรักชายาตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะการทดลองถอดดวงจิตของดอกเตอร์คิว ทำให้วิญญาณ อวี้เฟยเยียน นักศึกษาอัจฉริยะมากพรสวรรค์ข้ามเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูโลลิต้า (?) แห่งจวนจงอี้โหว ซึ่งไม่เพียงร่างกายอ่อนแอจนฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ แม้แต่สติปัญญายังถูกคนวางยาพิษทำลายจนอาจจะตายได้ภายในสามเดือน นับเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แต่แล้วเมื่อเธอบังเอิญได้พบกับท่านอ๋องผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีใดอย่างซย่าโหวฉิงเทียน และช่วยชีวิตเขาไว้จากการลอบสังหาร ความเด็ดเดี่ยวของนางทำให้เขาสนใจอยากได้นางมาเป็น ‘สัตว์เลี้ยง’ ของตน! แต่แล้วเมื่อรู้ว่านางคือว่าที่พระชายาองค์ชายสี่ เท่ากับมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของตน เช่นนั้นแล้วเขาจะทำเช่นไรกับ ‘แมวป่าน้อย’ ที่เขาสู้อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตัวนี้ดีเล่า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท